สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าคิดแบบนี้ควรลาออกไปทำกิจการเอง ไม่ควรเป็นลูกจ้างใคร
แต่เหตุผลที่เจ้าของกิจการจะต้องรวยกว่าลูกจ้างเพราะ
เจ้าของเสี่ยงกว่าลูกจ้าง ตอนเริ่มต้องลงทุน ต้องกู้ ต้องสร้างกิจการ บริหารคน
ถ้าเจ๊งก็หมดตัว เป็นหนี้
ถึงกิจการอยู่ตัวแล้วถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ตัดสินใจผิดก็เจ๊ง เป็นหนี้
ส่วนลูกจ้างเก็บของกลับบ้านไม่มีหนี้ หางานใหม่
ถ้าคิดว่าง่ายๆก็เต็มที่ครับ ประเทศเราเปิดเสรีสำหรับตั้งกิจการเอง
แต่เหตุผลที่เจ้าของกิจการจะต้องรวยกว่าลูกจ้างเพราะ
เจ้าของเสี่ยงกว่าลูกจ้าง ตอนเริ่มต้องลงทุน ต้องกู้ ต้องสร้างกิจการ บริหารคน
ถ้าเจ๊งก็หมดตัว เป็นหนี้
ถึงกิจการอยู่ตัวแล้วถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ตัดสินใจผิดก็เจ๊ง เป็นหนี้
ส่วนลูกจ้างเก็บของกลับบ้านไม่มีหนี้ หางานใหม่
ถ้าคิดว่าง่ายๆก็เต็มที่ครับ ประเทศเราเปิดเสรีสำหรับตั้งกิจการเอง
ความคิดเห็นที่ 20
คนเล็กอยากใหญ่ต้องมี 5 ข้อนี้ก่อนจะคิดไปเปิดกิจการเองครับ
หนึ่ง ต้องมีทุน สำคัญที่สุดคือเงินทุนในการเปิดกิจการ อย่างน้อยๆก็เครื่องไม้เครื่องมือในการหากิน ค่าเช่าสถานที่ รวมถึงเงินที่ต้องวางล่วงหน้า และทุนในการดำเนินงาน อย่างน้อย 6 เดือน ที่การดำเนินธุรกิจในระยะแรกมักจะยังไม่มีรายได้เข้ามาต้องอาศัยเวลาในการสื่อสารการตลาดกับลูกค้า สัก 6 เดือนถึงจะเริ่มเป็นที่รู้จัก
สอง มีฝีมือ คุณต้องคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในวงการที่ตัวเองทำอยู่แล้ว หรือไม่ก็ฝีมือพอตัว อาจจะเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทเล็กๆกลางๆ แต่ถ้าเจ้านายขาดคุณ เค้าก็ระส่ำเหมือนกัน
สาม มีจิตใจที่มุ่งมั่น ทะเยอทะยาน บากบั่น ไม่ท้อแท้โดยง่ายกับอุปสรรคที่ขวางกั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นน้ำตาของคุณ นั่นคือจิตใจที่กล้าแข็ง ล้มได้เจ็บได้ แต่ไม่ล้มเลิก ถ้ามีในองค์ประกอบนี้ก็ถือว่า เป็นเจ้าของกิจการได้
สี่ มีวิญญาณของนักขาย ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นศิลปิน แต่คุณก็กล้าพอที่จะลุกหิ้วกระเป๋า ออกไปขายงานของคุณให้ลูกค้าได้เป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า เพราะหัวใจของนักขายคือ ลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะงี่เง่าเอาแต่ใจแค่ไหนคุณก็จะรับมันได้ สะกดอารมย์หงุดหงิดและยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ห้า นับเป็นหัวใจของผู้ประกอบการทุกคน มีคอนเน็คชั่น หรือภาษาชาวบ้านคือ มีลูกค้าประจำในมือ
แถมอีกข้อ ไม่ต้องมีตำราหรือไม่ต้องกางตำรา คือ ถ้าเราต้องการจะทำอะไรสักอย่างล้วนแล้วอาศัยประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเดินหน้าออกไป หรือลุยกับมันเลย ประสบการณ์จะสอนเราเอง ตำรานั้นให้ใช้สำหรับมือใหม่หรือนักศึกษา ไม่ได้หมายความว่าวิชาการไม่สำคัญ แต่ถ้าคุณยังต้องอาศัยตำราอยู่ ยังต้องกางตำรา หรือถามอากู๋ กูเกิ้ล ก็ยังไม่เหมาะที่จะออกมาทำธุรกิจเอง
หนึ่ง ต้องมีทุน สำคัญที่สุดคือเงินทุนในการเปิดกิจการ อย่างน้อยๆก็เครื่องไม้เครื่องมือในการหากิน ค่าเช่าสถานที่ รวมถึงเงินที่ต้องวางล่วงหน้า และทุนในการดำเนินงาน อย่างน้อย 6 เดือน ที่การดำเนินธุรกิจในระยะแรกมักจะยังไม่มีรายได้เข้ามาต้องอาศัยเวลาในการสื่อสารการตลาดกับลูกค้า สัก 6 เดือนถึงจะเริ่มเป็นที่รู้จัก
สอง มีฝีมือ คุณต้องคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในวงการที่ตัวเองทำอยู่แล้ว หรือไม่ก็ฝีมือพอตัว อาจจะเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทเล็กๆกลางๆ แต่ถ้าเจ้านายขาดคุณ เค้าก็ระส่ำเหมือนกัน
สาม มีจิตใจที่มุ่งมั่น ทะเยอทะยาน บากบั่น ไม่ท้อแท้โดยง่ายกับอุปสรรคที่ขวางกั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นน้ำตาของคุณ นั่นคือจิตใจที่กล้าแข็ง ล้มได้เจ็บได้ แต่ไม่ล้มเลิก ถ้ามีในองค์ประกอบนี้ก็ถือว่า เป็นเจ้าของกิจการได้
สี่ มีวิญญาณของนักขาย ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นศิลปิน แต่คุณก็กล้าพอที่จะลุกหิ้วกระเป๋า ออกไปขายงานของคุณให้ลูกค้าได้เป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า เพราะหัวใจของนักขายคือ ลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะงี่เง่าเอาแต่ใจแค่ไหนคุณก็จะรับมันได้ สะกดอารมย์หงุดหงิดและยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ห้า นับเป็นหัวใจของผู้ประกอบการทุกคน มีคอนเน็คชั่น หรือภาษาชาวบ้านคือ มีลูกค้าประจำในมือ
แถมอีกข้อ ไม่ต้องมีตำราหรือไม่ต้องกางตำรา คือ ถ้าเราต้องการจะทำอะไรสักอย่างล้วนแล้วอาศัยประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเดินหน้าออกไป หรือลุยกับมันเลย ประสบการณ์จะสอนเราเอง ตำรานั้นให้ใช้สำหรับมือใหม่หรือนักศึกษา ไม่ได้หมายความว่าวิชาการไม่สำคัญ แต่ถ้าคุณยังต้องอาศัยตำราอยู่ ยังต้องกางตำรา หรือถามอากู๋ กูเกิ้ล ก็ยังไม่เหมาะที่จะออกมาทำธุรกิจเอง
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเราต้องเอาเวลา เอาความเก่งของเรา ไปทำให้คนอื่นรวย เพื่อแลกกับเศษเงิน ที่เค้าแบ่งปันให้เรา แค่หยิบมือด้วย
ทั้งๆที่ความสามารถเรา
สามารถเป็นนายจ้างได้
ตอบ......