ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งอะไรมากมายนะครับ แค่อยากนำเสนอความคิดของโค้ชคีย์บอร์ดตัวน้อยๆ คนนึง
ก่อนอื่นวิเคราะห์ทีมญี่ปุ่นก่อน ซักหน่อยก็ยังดี
http://www.eurosport.com/football/world-cup-qualification-afc/2018/live-thailand-japan_mtc770894/live.shtml
แผนการเล่นของทั้ง 2 ทีม ตามลิงค์ (จะไม่วิเคราะห์แผน 433 ของไทยนะครับเพราะเคยวิเคราะห์ไปแล้วในกระทู้ก่อน)
ญี่ปุ่นนัดโน้น ต้องการแต้มจากไทยเป็นอย่างมาก ยุทธศาสตร์จึงเป็นเชิงรุกอย่างเต็มตัว กลยุทธคืออย่าให้ทีมไทยทำอะไรได้แม้แต่จะหายใจ คือบีบทุกจังหวะ เพรสซิ่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า โดยจะสังเกตุได้ว่าทีมไทยอยากจะออกบอลก็ทำได้ยากมากตั้งแต่กองหลัง แล้วก็จะออกบอลพลาดบ่อยๆ ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงใช้จุดอ่อนตรงนี้ในการกดดันทีมไทย โดยเน้นให้ทีมตัวเองมีโอกาสให้มากที่สุดเพราะรู้ตัวเองดีว่าการจบสกอร์ของกองหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้นะครับ ว่าด้วยศาสตร์การเพรสซิ่ง
การเพรสซิ่งของเกมฟุตบอลนั้นเป็นอีกกลยุทธนึงในการบดขยี้เกมของคู่ต่อสู้ให้ย่อยยับลงได้ แต่มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย การเพรสซิ่งนั้นเป็นการใช้พลังงานที่เยอะมากแม้จะมีไลน์การวิ่งที่ถูกต้องและจังหวะการอ่านเกมที่ตรงเป๊ะก็ตาม รวมถึงการใช้ผู้เล่นในการวิ่งไลน์ในจำนวนที่มากกว่าคู่แข่ง คือ ถ้าในการเคลื่อนเกมคู่แข่งมีการเคลื่อนที่ 3 คน ญี่ปุ่นจะต้องมี 4 คน ถ้าคู่แข่งเคลื่อนที่ 4 คน ญี่ปุ่นจะเคลื่อนที่ 5 คน เพื่อสิ่งสำคัญในการเพรส 2 สิ่ง คือ กดดันให้ออกบอลเร็ว และดักทางส่งบอล
การกดดันให้ออกบอลเร็ว ญี่ปุ่นจะใช้ 2 คนขึ้นไปในการกดดัน เพราะการกดดันคนเดียวถือได้ว่าเป็นการเสียแรงเปล่า ทั้งช้ากว่าและมีมุมให้คู่แข่งออกบอลได้เยอะกว่า ถ้ากดดัน 2 คนขึ้นไป คู่แข่งมีรนราน ออกบอลเสียทั้งทิศทางและน้ำหนัก จึงทำให้ผู้เล่นที่มีหน้าที่ดักทางบอลสามารถแย่งเอาบอลมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะเห็นได้บ่อยมากในนัดที่เจอกับไทยในครั้งโน้นนนน
นี่ยังไม่เอ่ยถึงกลยุทธไม่ปล่อยให้ไทยหายใจด้วยสูตร 235 และสูตร 253 อีกนะครับ หรือแปลงมาจาก 451 เดิมนั่นเอง
จุดอ่อนของการเพรสซิ่งคืออะไร แก้เพรสซิ่งยังไง
ถ้าทีมใดโดนแก้เพรสซิ่งได้ ขอบอกได้คำเดียวว่าเละแน่ครับ ส่วนจะเละมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการแก้เกมของโค้ช
ทำไมถึงบอกว่าเละ ก็อย่างที่บอกครับ ข้อเสียของเกมเพรสซิ่งคือใช้พลังงานเยอะมาก ถ้าทีมไหนสามารถหลอกให้คู่ต่อสู้ซึ่งเล่นเกมเพรสซิ่งหนักๆ ใช้พลังงานออกมาเยอะๆ ได้ ช่วงหลังที่ทีมนั้นแรงหมด ช่วงนั้นแหล่ะครับ บรึ๋ย!! ยังไม่รวมถึงการสูญเสียความมั่นใจ การเสียรูปขบวน การพะวงเกมรับ ฯลฯ
ข้อสังเกตอีกอย่างของทีมที่เล่นเกมเพรสคือจะใช้กำแพง 5 คน ในการคุมโซนเพรส เช่น 235 คือเพรสหนักตั้งแต่กองหลังของคู่ต่อสู้ หรือไม่ให้คู่ต่อสู้หายใจหายคอได้ ใช้สำหรับเล่นกับทีมที่อ่อนกว่ามากๆ คงไม่ต้องบอกว่าเกมไหนนะ ส253 สำหรับเพรสแดนกลางแล้วสวนกลับเร็วตอนตัดบอลได้ อันนี้ก็สำหรับเล่นกับทีมที่อ่อนกว่าหน่อย หรือทีมระดับเดียวกันแต่ต้องการเล่นเพื่อเสี่ยงดวงเอาชัยประมาณนั้น แต่กระนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นเกมรับได้โดยถอยปีก 2 คนมาเป็นวิงแบ็ค 433 (คุ้นๆ แฮะ) ดังนั้นการจะเล่นเกมเพรสได้นักเตะต้องฟิตมากถึงมากที่สุดนั่นเอง
ทีนี้มาถึงวิธีการแก้เพรสซิ่ง (ขอย้ำว่าเป็นข้อเสนอแนะเฉยๆ นะครับ)
ยุทธศาสตร์คือ ขู่ให้เกรง ล่อให้วิ่ง หลอกให้งง แล้วค่อยปิดเกม คือใช้กลยุทธ์ 4 แบบตามลำดับนั่นเอง
ขู่ให้เกรง คือ ยังไงก็ได้ให้จบด้วยการยิง ซัก 3-4 ครั้งช่วงต้นเกม แต่ละครั้งให้มีลุ้น คือตรงประตูให้โกล์ปัดออก หรือไม่ตรงแต่น้ำหนักแรงมากไว้ก่อน ประมาณนี้ แล้วคู่ต่อสู้จะเกรงๆ ไม่กล้าเพรสเต็มที่ เพราะถ้าเพรสเพลินมีสิทธ์โดนซะเอง และการออกบอลจนถึงกองหน้าจนจบด้วยการยิงได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ทีมเล่นเกมเพรสซิ่งกลัวที่สุด แบบว่าฉันเพรสขนาดขนาดนี้แล้วยังหลุดไปได้ ประมาณนี้ แต่การที่ทีมเราเอาแต่ส่งคืนหลัง นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่ทีมเพรสชอบ เพราะยิ่งเพรสยิ่งสนุก ยิ่งเพรสยิ่งเข้าใกล้ประตู ดังนั้น ทีมเราต้องหาช่องส่งขึ้นไปยังกองหน้าให้ได้และจบด้วยการยิง หากฟลุ๊คประตูก็ถือว่าเป็นกำไร ถ้าไม่ได้ประตูก็ถือว่าขู่ และเป็นสิ่งที่บอกว่าเกมเพรสของคุณใช้กับเราไม่ได้แล้วนะ 55 พอคู่ต่อสู้เริ่มเกรงกับเกมสวนของเราแล้วเราก็จะเล่นบอลง่ายขึ้น และจะนำไปสู่กลยุทธ์ต่อไปของเราก็คือ การล่อให้วิ่ง
การล่อวิ่ง คือ การหลอกล่อให้คู่ต่อสู้วิ่งเพรสจนเหนื่อยไปเองโดยเราไม่เสียบอล เป็นการเน้นการออกบอลให้มากที่สุดโดยที่ผู้เล่นเราเคลื่อนที่น้อยที่สุด ระยะห่างของผู้เล่นเราแต่ละคนมีมากขึ้น จะทำให้คู่ต่อสู้วิ่งเยอะขึ้นเหนื่อยเร็วขึ้น ในขณะที่เราใช้พลังงานเพิ่มแค่เตะแรงขึ้นหน่อยเพื่อให้บอลไปถึงเพื่อนอย่างปลอดภัยและออกบอลบ่อยครั้งขึ้น แต่จะประหยัดพลังงานในเรื่องการไม่ครองบอลนานและไม่เคลื่อนที่ไปกับบอลเอง เพราะเป็นสิ่งที่ใช้พลังงานค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง อีกทั้งต้องฝึกการอ่านเกมให้มากขึ้นด้วย เพราะว่าเกมเพรสของญี่ปุ่นนั้น ผู้เล่นญี่ปุ่นเก่งในการอ่านเกมมาก ถ้าเราอ่านเกมเพรสญี่ปุ่นไม่ทันก็จะโดนดักทางได้ง่าย แต่ถ้าเราอ่านเกมเพรสของญี่ปุ่นออก เราก็จะเสียบอลยากขึ้นนั่นเอง
หลอกให้งง คือ การเหวี่ยงซ้ายทีขวาที ขึ้นบอลกาบซ้ายบ้าง ถ้าตันก็เปลี่ยนทางบอลมาทางกาบขวา ถ้าตันอีกก็เปลี่ยนมาฝั่งซ้าย (การเปลี่ยนบอลจากซ้ายไปขวาและจากขวาไปซ้ายบ่อยๆ จะทำให้เกมรับคู่ต่อสู้เสียรูปขบวน) เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนกว่าจะมีช่องให้เข้าทำประตู คือดูเหมือนจะผ่อนเกมแต่ถ้ามีช่องก็สามารถคิลเลอร์พาสได้ตลอดเวลานั่นเอง (กลยุทธ์จันทร์ครึ่งเสี้ยวที่อธิบายไว้ในกระทู้ก่อนหน้า) แต่หากยังไม่มีช่องเราก็ทำการเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนคู่ต่อสู้งง การสลับหน้าคู่จากซ้ายมาเล่นขวา จากขวาย้ายมาซ้าย ซักพักย้ายกลับมาที่เดิม การออกบอลที่ไม่ซ้ำไปซ้ำมาจนคู่ต่อสู้จับทางได้ ฯลฯ
พอช่วงท้ายเกมหรือช่วงที่คู่ต่อสู้หมดแรง ส่วนทางเรายังพอมีแรงเหลือบ้างก็ใช้ช่วงฮึดช่วงนี้ปิดเกมคู่ต่อสู้ให้ได้ ก็จะเป็นกลยุทธ์สุดท้ายในการปิดเกมนั่นเอง
ทีนี้การจัดตัวผู้เล่นของทีมไทย
352 ง่ายๆ ก็คือจัดตามที่ลงกับอินโดนัดล่าสุด ประตูกวิน หลังกลางธนบูรณ์ หลังซ้ายอดิศร หลังขวาปทุม กลางรับซ้ายปกเกล้า (สำรองปุย) กลางรับขวาสารัช(อยากได้ตัวสำรองตำแหน่งนี้อีกคนนึง) กลางรุกชนาทิป ปีกซ้ายธีราธร ปีกขวาโด หน้าซ้ายธีรศิลป์ หน้าขวาสิโรจน์ (สำรองศราวุฒิ;เปลี่ยนได้ทั้งพี่มุ้ยและปีโป้)
ในช่วงต้นเกม ในช่วงแรกพยายามต่อบอลให้จังหวะน้อยที่สุดจากกองหลังจนถึงกองหน้าจนจบด้วยการยิง แรกๆ เน้นยิงแรงๆ หลุดกรอบบ้างไม่เป็นไรแต่ขอให้เกมหยุด และค่อยๆ ใกล้กรอบประตูเข้าเรื่อยๆ ในจังหวะต่อๆ มา ช่วงต้นเกมควรจบด้วยการยิงให้ได้3-4 จังหวะ ถ้าได้ประตูถือว่าโชคดีถ้าไม่ได้ประตูถือว่าขู่ให้ญี่ปุ่นเกรงเราบ้าง จะได้ไม่กล้าเพรสสูง ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญมาก เป็นช่วงชี้ขาดเลยก็ว่าได้ ถ้าไทยออกบอลจนจบด้วยการยิงไม่ได้ในช่วงต้นเกม ในช่วงท้ายเกมไทยจะลำบากมากๆ แต่ถ้าไทยมีจบด้วยการยิงซัก 3-4 ครั้งในช่วงต้นเกม ไทยจะเล่นง่ายขึ้นในช่วงท้ายเกม
ช่วงกลางๆ ครึ่งแรก กองหลัง 3 คนที่ระยะห่างกันมากขึ้นจะใช้สำหรับต่อบอลปั้นเกมโดยมีกลางรับ 2 คนเป็นตัวเชื่อมเกม บอลขึ้นกาบซ้ายบ้างขวาบ้าง พอขึ้นไปแล้วตันต้องเปลี่ยนข้างให้เนียนที่สุด คือทั้งความเร็วและความแม่นยำ ผู้เล่นที่ได้บอลให้เคลื่อนที่ไปกับบอลน้อยที่สุด ดึงจังหวะให้คู่ต่อสู้เคลื่อนที่ให้มากที่สุดแต่จะต้องออกบอลให้ทัน ผู้เล่นที่ไม่มีบอลต้องเคลื่อนที่หาที่ว่างให้มากที่สุด หากขึ้นบอลให้กองหน้าได้ให้ขึ้นทันทีและกองหน้าหาจังหวะจบด้วยการยิงให้ได้
ช่วงท้ายครึ่งแรกถ้าไทยคุมเกมได้ตามแผนญี่ปุ่นจะไม่กล้าเพรสสูง ให้ใช้กลยุทธ์ล่อให้วิ่ง กลยุทธนี้มี 3 กองหลังและ 2 กลางรับเป็นตัวหลัก ต้องต่อบอลกันให้เนียน ยืนให้ห่างกัน คนที่มีบอลต้องดึงจังหวะเพื่อให้ผู้เล่นญี่ปุ่นวิ่งเข้าหาตัว ส่วนผู้เล่นที่ไม่มีบอลต้องวิ่งหาที่ว่างโดยไม่ต้องถึงกับสปีด แต่กดดันให้ญี่ปุ่นสปีดมากๆ ก็คือหลอกให้คู่ต่อสู้ใช้พลังงานมากๆ โดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงสำคัญเหมือนกัน ถ้าญี่ปุ่นเพรสจนตัดบอลได้ก็อาจจะเสียประตูได้ ดังนั้นกลยุทธ์นี้ก็ต้องมีการฝึกอย่างเข้มข้นเหมือนกัน โดยจะมีข้อแนะนำวิธีการฝึกกลยุทธ์นี้ในช่วงท้ายนะครับ และก็ประคองสกอร์นี้ไว้จนจบครึ่งแรก แต่ถ้ามีโอกาสคิลเลอร์พาสก็จัดได้ตลอดเวลานะครับ แต่ต้องจบด้วยการยิง โดยยิงแล้วเกมต้องหยุด คือลูกออกหลังโดยออกเองหรือปัดออกหรือที่เราต้องการคือ เข้ากรอบเป็นประตูก็ได้นะ อิอิ แต่เกมต้องหยุด ไม่งั้นโดนสวนกลับ แต่ถ้าช่วงแรกเราแทบจะไม่ได้จบด้วยการยิงเลยก็จะต้องหาวิธีจบด้วยการยิงให้ได้อาจโยนยาวให้ปีโป้พักบอลแล้วปีโป้ยิงไกลเลยก็ได้ขอให้ได้จบด้วยการยิง และพยายามไม่ให้เสียประตูจนจบครึ่งแรก
ต้นครึ่งหลังก็เหมือนครึ่งแรกครับ จบด้วยการยิงซัก 2-3 ครั้ง แล้วค่อยล่อให้เหนื่อย วัดพลังกันซักตั้ง พอเห็นอาการแล้วก็หลอกให้งงโดยให้พี่มุ้ยกับปี้โป้สลับตำแหน่งกัน โดยให้สัญญาณกันเล็กน้อย พยักหน้าหรืออะไรก็ว่าไป จะทำให้กองหลังญี่ปุ่นงงๆ พอจะมีเวลาให้กองหน้าเราทำอะไรได้บ้าง ส่วนเจก็ต้องงดการครองบอลนานซักแมท ควรออกบอลเร็ว หรือดึงจังหวะเดียวเพี่อเปลี่ยนจังหวะบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แล้วรีบออกบอล เพราะการเข้าบอลของญี่ปุ่นจะเป็นระบบมาก ถ้าคิดช้าหรือครองบอลนานเกินไปจะต้องเสียบอลให้ญี่ปุ่นแน่นอน
ช่วงท้ายเกมในครึ่งหลัง คาดว่าญี่ปุ่นแรงคงไม่หมดแต่จะต้องมีออกอาการแน่นอน ถ้าเห็นญี่ปุ่นออกอาการเมื่อไหร่ ต้องรีบมีคิลเลอร์พาสให้เร็วที่สุด เพราะช่วงนี้แหล่ะที่เราจะขอแบ่งแต้มจากญี่ปุ่นได้ หากเราไม่หมดแรงซะก่อนนะ 55
ข้อสำคัญ กองหลังต้องห้อยไว้ 3 ตลอดเวลา ตอนโดนสวนกลับจะได้ไม่หนักมาก และกองหน้าต้องห้อยไว้ 2 ตลอดเวลา เพื่อเกมสวนกลับเร็วของเรา กลางเราจะสามารถโยนยาวได้ทั้งซ้ายขวา ปีโป้ก็ต้องใช้ประโยชน์จากร่างกายให้มากที่สุด รวมถึงเทคนิคการเรียกฟาว (แต่ขอให้เนียนๆ หน่อยเดี๋ยวกรรมการจับได้ให้ใบเหลือง นี่เตือนแล้วนะ) ส่วนพี่มุ้ยโอกาสสำคัญๆ ควรจบด้วยการยิงแบบให้เกมหยุดไว้ก่อน คือออกหลังไว้ก่อนป้องกันการสวนกลับ ถ้าเข้าก็ถือว่าเป็นโชค+ฝีมือ ไม่เข้าก็ไม่เป็นไรถือว่าขู่ให้เกรงกันมั่ง กองกลาง 5 คน ควรเล่นเกมให้หลากหลายมากที่สุด เมื่อเชื่อมกับกองหลังก็ให้เป็นกลยุทธล่อให้เหนื่อย หลอกให้งงอะไรก็ว่าไป ถ้าเชื่อมกับกองหน้าก็ขอให้ใช้โอกาสให้คุ้มที่สุด แมทนี้งานหนักที่สุดผมให้เป็นกลางตัวรับ 2 คน เป็นอีกสาเหตุนึงที่ให้ปุยสำรองปก(ควรจะเป็นช่วงต้นครึ่งหลัง) และผมต้องการตัวสำรองที่จะลงแทนสารัชอีก 1 คน ส่วนตัวสำรองคนที่ 3 ถ้าไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บก็ส่งศราวุฒิลงเสริมหน้าแทนพี่มุ้ยก็ได้หรือแทนปีโป้ก็ได้แล้วแต่ว่าใครยังมีแรงเหลือน้อยกว่า
สุดท้ายนี้ขอให้โชคเข้าข้างทีมชาติไทยบ้างแบบว่าเยอะๆ หน่อยนะครับ อิอิ
เกือบลืม เทคนิคการซ้อมวิธีแก้เพรสซิ่งกลยุทธล่อให้เหนื่อย ปกติทีมชาติชอบเล่นลิงชิงบอลอยู่แล้วนะครับ แต่เป็นลิงชิงบอลที่ใช้พื้นที่น้อย คือผู้เล่นรอบนอกจะถูกห้ามไม่ให้ขยายวง กลัวลิงเหนื่อย+เพื่อฝึกการออกบอลเร็วในที่แคบ แต่ขอเปลี่ยนนิดหน่อย จากห้ามขยายวงให้ขยายวงได้ในพื้นที่ใหญ่ขึ้นเพื่อฝึกการหาพื้นที่และอาจเพิ่มลิงจาก2 คนเป็น 3 คน ลดผู้เล่นรอบนอกจาก 7 เป็น 6 คน บอลจังหวะเดียวเป็นไม่เกิน 2 จังหวะ ประมาณนี้ เพื่อฝึกให้นักเตะมีสัญชาติญาณในการหาพื้นที่ว่างให้มากขึ้น(มีผลอย่างมากขอบอก) และมีระยะห่างในการยืนมีมากขึ้น เหลือเวลาฝึกอีกสองสามเดือน น่าจะพอในการให้ร่างกายจดจำวิธีการวิ่งหาพื้นที่ วิธีการส่งบอล รวมถึงวิธีการวิ่งดักทางของลิงด้วยนะครับ
ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าไม่ได้อวดรู้อะไร แต่ขอแค่เป็นการนำเสนอแนวคิดจากโค้ชคีย์บอร์ดตัวน้อยๆ ในซอกหลืบเล็กๆ ของบอร์ดพันธ์ทิพย์แห่งนี้ เท่านั้นเองนะครับ อิอิ
และขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ
ลองจัดทัพสู้กับญี่ปุ่นกัน by โค้ชคีย์บอร์ดตัวน้อยๆ คนนึง
ก่อนอื่นวิเคราะห์ทีมญี่ปุ่นก่อน ซักหน่อยก็ยังดี
http://www.eurosport.com/football/world-cup-qualification-afc/2018/live-thailand-japan_mtc770894/live.shtml
แผนการเล่นของทั้ง 2 ทีม ตามลิงค์ (จะไม่วิเคราะห์แผน 433 ของไทยนะครับเพราะเคยวิเคราะห์ไปแล้วในกระทู้ก่อน)
ญี่ปุ่นนัดโน้น ต้องการแต้มจากไทยเป็นอย่างมาก ยุทธศาสตร์จึงเป็นเชิงรุกอย่างเต็มตัว กลยุทธคืออย่าให้ทีมไทยทำอะไรได้แม้แต่จะหายใจ คือบีบทุกจังหวะ เพรสซิ่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า โดยจะสังเกตุได้ว่าทีมไทยอยากจะออกบอลก็ทำได้ยากมากตั้งแต่กองหลัง แล้วก็จะออกบอลพลาดบ่อยๆ ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงใช้จุดอ่อนตรงนี้ในการกดดันทีมไทย โดยเน้นให้ทีมตัวเองมีโอกาสให้มากที่สุดเพราะรู้ตัวเองดีว่าการจบสกอร์ของกองหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จึงเป็นที่มาของกระทู้นี้นะครับ ว่าด้วยศาสตร์การเพรสซิ่ง
การเพรสซิ่งของเกมฟุตบอลนั้นเป็นอีกกลยุทธนึงในการบดขยี้เกมของคู่ต่อสู้ให้ย่อยยับลงได้ แต่มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย การเพรสซิ่งนั้นเป็นการใช้พลังงานที่เยอะมากแม้จะมีไลน์การวิ่งที่ถูกต้องและจังหวะการอ่านเกมที่ตรงเป๊ะก็ตาม รวมถึงการใช้ผู้เล่นในการวิ่งไลน์ในจำนวนที่มากกว่าคู่แข่ง คือ ถ้าในการเคลื่อนเกมคู่แข่งมีการเคลื่อนที่ 3 คน ญี่ปุ่นจะต้องมี 4 คน ถ้าคู่แข่งเคลื่อนที่ 4 คน ญี่ปุ่นจะเคลื่อนที่ 5 คน เพื่อสิ่งสำคัญในการเพรส 2 สิ่ง คือ กดดันให้ออกบอลเร็ว และดักทางส่งบอล
การกดดันให้ออกบอลเร็ว ญี่ปุ่นจะใช้ 2 คนขึ้นไปในการกดดัน เพราะการกดดันคนเดียวถือได้ว่าเป็นการเสียแรงเปล่า ทั้งช้ากว่าและมีมุมให้คู่แข่งออกบอลได้เยอะกว่า ถ้ากดดัน 2 คนขึ้นไป คู่แข่งมีรนราน ออกบอลเสียทั้งทิศทางและน้ำหนัก จึงทำให้ผู้เล่นที่มีหน้าที่ดักทางบอลสามารถแย่งเอาบอลมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะเห็นได้บ่อยมากในนัดที่เจอกับไทยในครั้งโน้นนนน
นี่ยังไม่เอ่ยถึงกลยุทธไม่ปล่อยให้ไทยหายใจด้วยสูตร 235 และสูตร 253 อีกนะครับ หรือแปลงมาจาก 451 เดิมนั่นเอง
จุดอ่อนของการเพรสซิ่งคืออะไร แก้เพรสซิ่งยังไง
ถ้าทีมใดโดนแก้เพรสซิ่งได้ ขอบอกได้คำเดียวว่าเละแน่ครับ ส่วนจะเละมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการแก้เกมของโค้ช
ทำไมถึงบอกว่าเละ ก็อย่างที่บอกครับ ข้อเสียของเกมเพรสซิ่งคือใช้พลังงานเยอะมาก ถ้าทีมไหนสามารถหลอกให้คู่ต่อสู้ซึ่งเล่นเกมเพรสซิ่งหนักๆ ใช้พลังงานออกมาเยอะๆ ได้ ช่วงหลังที่ทีมนั้นแรงหมด ช่วงนั้นแหล่ะครับ บรึ๋ย!! ยังไม่รวมถึงการสูญเสียความมั่นใจ การเสียรูปขบวน การพะวงเกมรับ ฯลฯ
ข้อสังเกตอีกอย่างของทีมที่เล่นเกมเพรสคือจะใช้กำแพง 5 คน ในการคุมโซนเพรส เช่น 235 คือเพรสหนักตั้งแต่กองหลังของคู่ต่อสู้ หรือไม่ให้คู่ต่อสู้หายใจหายคอได้ ใช้สำหรับเล่นกับทีมที่อ่อนกว่ามากๆ คงไม่ต้องบอกว่าเกมไหนนะ ส253 สำหรับเพรสแดนกลางแล้วสวนกลับเร็วตอนตัดบอลได้ อันนี้ก็สำหรับเล่นกับทีมที่อ่อนกว่าหน่อย หรือทีมระดับเดียวกันแต่ต้องการเล่นเพื่อเสี่ยงดวงเอาชัยประมาณนั้น แต่กระนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นเกมรับได้โดยถอยปีก 2 คนมาเป็นวิงแบ็ค 433 (คุ้นๆ แฮะ) ดังนั้นการจะเล่นเกมเพรสได้นักเตะต้องฟิตมากถึงมากที่สุดนั่นเอง
ทีนี้มาถึงวิธีการแก้เพรสซิ่ง (ขอย้ำว่าเป็นข้อเสนอแนะเฉยๆ นะครับ)
ยุทธศาสตร์คือ ขู่ให้เกรง ล่อให้วิ่ง หลอกให้งง แล้วค่อยปิดเกม คือใช้กลยุทธ์ 4 แบบตามลำดับนั่นเอง
ขู่ให้เกรง คือ ยังไงก็ได้ให้จบด้วยการยิง ซัก 3-4 ครั้งช่วงต้นเกม แต่ละครั้งให้มีลุ้น คือตรงประตูให้โกล์ปัดออก หรือไม่ตรงแต่น้ำหนักแรงมากไว้ก่อน ประมาณนี้ แล้วคู่ต่อสู้จะเกรงๆ ไม่กล้าเพรสเต็มที่ เพราะถ้าเพรสเพลินมีสิทธ์โดนซะเอง และการออกบอลจนถึงกองหน้าจนจบด้วยการยิงได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ทีมเล่นเกมเพรสซิ่งกลัวที่สุด แบบว่าฉันเพรสขนาดขนาดนี้แล้วยังหลุดไปได้ ประมาณนี้ แต่การที่ทีมเราเอาแต่ส่งคืนหลัง นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่ทีมเพรสชอบ เพราะยิ่งเพรสยิ่งสนุก ยิ่งเพรสยิ่งเข้าใกล้ประตู ดังนั้น ทีมเราต้องหาช่องส่งขึ้นไปยังกองหน้าให้ได้และจบด้วยการยิง หากฟลุ๊คประตูก็ถือว่าเป็นกำไร ถ้าไม่ได้ประตูก็ถือว่าขู่ และเป็นสิ่งที่บอกว่าเกมเพรสของคุณใช้กับเราไม่ได้แล้วนะ 55 พอคู่ต่อสู้เริ่มเกรงกับเกมสวนของเราแล้วเราก็จะเล่นบอลง่ายขึ้น และจะนำไปสู่กลยุทธ์ต่อไปของเราก็คือ การล่อให้วิ่ง
การล่อวิ่ง คือ การหลอกล่อให้คู่ต่อสู้วิ่งเพรสจนเหนื่อยไปเองโดยเราไม่เสียบอล เป็นการเน้นการออกบอลให้มากที่สุดโดยที่ผู้เล่นเราเคลื่อนที่น้อยที่สุด ระยะห่างของผู้เล่นเราแต่ละคนมีมากขึ้น จะทำให้คู่ต่อสู้วิ่งเยอะขึ้นเหนื่อยเร็วขึ้น ในขณะที่เราใช้พลังงานเพิ่มแค่เตะแรงขึ้นหน่อยเพื่อให้บอลไปถึงเพื่อนอย่างปลอดภัยและออกบอลบ่อยครั้งขึ้น แต่จะประหยัดพลังงานในเรื่องการไม่ครองบอลนานและไม่เคลื่อนที่ไปกับบอลเอง เพราะเป็นสิ่งที่ใช้พลังงานค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง อีกทั้งต้องฝึกการอ่านเกมให้มากขึ้นด้วย เพราะว่าเกมเพรสของญี่ปุ่นนั้น ผู้เล่นญี่ปุ่นเก่งในการอ่านเกมมาก ถ้าเราอ่านเกมเพรสญี่ปุ่นไม่ทันก็จะโดนดักทางได้ง่าย แต่ถ้าเราอ่านเกมเพรสของญี่ปุ่นออก เราก็จะเสียบอลยากขึ้นนั่นเอง
หลอกให้งง คือ การเหวี่ยงซ้ายทีขวาที ขึ้นบอลกาบซ้ายบ้าง ถ้าตันก็เปลี่ยนทางบอลมาทางกาบขวา ถ้าตันอีกก็เปลี่ยนมาฝั่งซ้าย (การเปลี่ยนบอลจากซ้ายไปขวาและจากขวาไปซ้ายบ่อยๆ จะทำให้เกมรับคู่ต่อสู้เสียรูปขบวน) เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนกว่าจะมีช่องให้เข้าทำประตู คือดูเหมือนจะผ่อนเกมแต่ถ้ามีช่องก็สามารถคิลเลอร์พาสได้ตลอดเวลานั่นเอง (กลยุทธ์จันทร์ครึ่งเสี้ยวที่อธิบายไว้ในกระทู้ก่อนหน้า) แต่หากยังไม่มีช่องเราก็ทำการเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนคู่ต่อสู้งง การสลับหน้าคู่จากซ้ายมาเล่นขวา จากขวาย้ายมาซ้าย ซักพักย้ายกลับมาที่เดิม การออกบอลที่ไม่ซ้ำไปซ้ำมาจนคู่ต่อสู้จับทางได้ ฯลฯ
พอช่วงท้ายเกมหรือช่วงที่คู่ต่อสู้หมดแรง ส่วนทางเรายังพอมีแรงเหลือบ้างก็ใช้ช่วงฮึดช่วงนี้ปิดเกมคู่ต่อสู้ให้ได้ ก็จะเป็นกลยุทธ์สุดท้ายในการปิดเกมนั่นเอง
ทีนี้การจัดตัวผู้เล่นของทีมไทย
352 ง่ายๆ ก็คือจัดตามที่ลงกับอินโดนัดล่าสุด ประตูกวิน หลังกลางธนบูรณ์ หลังซ้ายอดิศร หลังขวาปทุม กลางรับซ้ายปกเกล้า (สำรองปุย) กลางรับขวาสารัช(อยากได้ตัวสำรองตำแหน่งนี้อีกคนนึง) กลางรุกชนาทิป ปีกซ้ายธีราธร ปีกขวาโด หน้าซ้ายธีรศิลป์ หน้าขวาสิโรจน์ (สำรองศราวุฒิ;เปลี่ยนได้ทั้งพี่มุ้ยและปีโป้)
ในช่วงต้นเกม ในช่วงแรกพยายามต่อบอลให้จังหวะน้อยที่สุดจากกองหลังจนถึงกองหน้าจนจบด้วยการยิง แรกๆ เน้นยิงแรงๆ หลุดกรอบบ้างไม่เป็นไรแต่ขอให้เกมหยุด และค่อยๆ ใกล้กรอบประตูเข้าเรื่อยๆ ในจังหวะต่อๆ มา ช่วงต้นเกมควรจบด้วยการยิงให้ได้3-4 จังหวะ ถ้าได้ประตูถือว่าโชคดีถ้าไม่ได้ประตูถือว่าขู่ให้ญี่ปุ่นเกรงเราบ้าง จะได้ไม่กล้าเพรสสูง ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญมาก เป็นช่วงชี้ขาดเลยก็ว่าได้ ถ้าไทยออกบอลจนจบด้วยการยิงไม่ได้ในช่วงต้นเกม ในช่วงท้ายเกมไทยจะลำบากมากๆ แต่ถ้าไทยมีจบด้วยการยิงซัก 3-4 ครั้งในช่วงต้นเกม ไทยจะเล่นง่ายขึ้นในช่วงท้ายเกม
ช่วงกลางๆ ครึ่งแรก กองหลัง 3 คนที่ระยะห่างกันมากขึ้นจะใช้สำหรับต่อบอลปั้นเกมโดยมีกลางรับ 2 คนเป็นตัวเชื่อมเกม บอลขึ้นกาบซ้ายบ้างขวาบ้าง พอขึ้นไปแล้วตันต้องเปลี่ยนข้างให้เนียนที่สุด คือทั้งความเร็วและความแม่นยำ ผู้เล่นที่ได้บอลให้เคลื่อนที่ไปกับบอลน้อยที่สุด ดึงจังหวะให้คู่ต่อสู้เคลื่อนที่ให้มากที่สุดแต่จะต้องออกบอลให้ทัน ผู้เล่นที่ไม่มีบอลต้องเคลื่อนที่หาที่ว่างให้มากที่สุด หากขึ้นบอลให้กองหน้าได้ให้ขึ้นทันทีและกองหน้าหาจังหวะจบด้วยการยิงให้ได้
ช่วงท้ายครึ่งแรกถ้าไทยคุมเกมได้ตามแผนญี่ปุ่นจะไม่กล้าเพรสสูง ให้ใช้กลยุทธ์ล่อให้วิ่ง กลยุทธนี้มี 3 กองหลังและ 2 กลางรับเป็นตัวหลัก ต้องต่อบอลกันให้เนียน ยืนให้ห่างกัน คนที่มีบอลต้องดึงจังหวะเพื่อให้ผู้เล่นญี่ปุ่นวิ่งเข้าหาตัว ส่วนผู้เล่นที่ไม่มีบอลต้องวิ่งหาที่ว่างโดยไม่ต้องถึงกับสปีด แต่กดดันให้ญี่ปุ่นสปีดมากๆ ก็คือหลอกให้คู่ต่อสู้ใช้พลังงานมากๆ โดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงสำคัญเหมือนกัน ถ้าญี่ปุ่นเพรสจนตัดบอลได้ก็อาจจะเสียประตูได้ ดังนั้นกลยุทธ์นี้ก็ต้องมีการฝึกอย่างเข้มข้นเหมือนกัน โดยจะมีข้อแนะนำวิธีการฝึกกลยุทธ์นี้ในช่วงท้ายนะครับ และก็ประคองสกอร์นี้ไว้จนจบครึ่งแรก แต่ถ้ามีโอกาสคิลเลอร์พาสก็จัดได้ตลอดเวลานะครับ แต่ต้องจบด้วยการยิง โดยยิงแล้วเกมต้องหยุด คือลูกออกหลังโดยออกเองหรือปัดออกหรือที่เราต้องการคือ เข้ากรอบเป็นประตูก็ได้นะ อิอิ แต่เกมต้องหยุด ไม่งั้นโดนสวนกลับ แต่ถ้าช่วงแรกเราแทบจะไม่ได้จบด้วยการยิงเลยก็จะต้องหาวิธีจบด้วยการยิงให้ได้อาจโยนยาวให้ปีโป้พักบอลแล้วปีโป้ยิงไกลเลยก็ได้ขอให้ได้จบด้วยการยิง และพยายามไม่ให้เสียประตูจนจบครึ่งแรก
ต้นครึ่งหลังก็เหมือนครึ่งแรกครับ จบด้วยการยิงซัก 2-3 ครั้ง แล้วค่อยล่อให้เหนื่อย วัดพลังกันซักตั้ง พอเห็นอาการแล้วก็หลอกให้งงโดยให้พี่มุ้ยกับปี้โป้สลับตำแหน่งกัน โดยให้สัญญาณกันเล็กน้อย พยักหน้าหรืออะไรก็ว่าไป จะทำให้กองหลังญี่ปุ่นงงๆ พอจะมีเวลาให้กองหน้าเราทำอะไรได้บ้าง ส่วนเจก็ต้องงดการครองบอลนานซักแมท ควรออกบอลเร็ว หรือดึงจังหวะเดียวเพี่อเปลี่ยนจังหวะบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แล้วรีบออกบอล เพราะการเข้าบอลของญี่ปุ่นจะเป็นระบบมาก ถ้าคิดช้าหรือครองบอลนานเกินไปจะต้องเสียบอลให้ญี่ปุ่นแน่นอน
ช่วงท้ายเกมในครึ่งหลัง คาดว่าญี่ปุ่นแรงคงไม่หมดแต่จะต้องมีออกอาการแน่นอน ถ้าเห็นญี่ปุ่นออกอาการเมื่อไหร่ ต้องรีบมีคิลเลอร์พาสให้เร็วที่สุด เพราะช่วงนี้แหล่ะที่เราจะขอแบ่งแต้มจากญี่ปุ่นได้ หากเราไม่หมดแรงซะก่อนนะ 55
ข้อสำคัญ กองหลังต้องห้อยไว้ 3 ตลอดเวลา ตอนโดนสวนกลับจะได้ไม่หนักมาก และกองหน้าต้องห้อยไว้ 2 ตลอดเวลา เพื่อเกมสวนกลับเร็วของเรา กลางเราจะสามารถโยนยาวได้ทั้งซ้ายขวา ปีโป้ก็ต้องใช้ประโยชน์จากร่างกายให้มากที่สุด รวมถึงเทคนิคการเรียกฟาว (แต่ขอให้เนียนๆ หน่อยเดี๋ยวกรรมการจับได้ให้ใบเหลือง นี่เตือนแล้วนะ) ส่วนพี่มุ้ยโอกาสสำคัญๆ ควรจบด้วยการยิงแบบให้เกมหยุดไว้ก่อน คือออกหลังไว้ก่อนป้องกันการสวนกลับ ถ้าเข้าก็ถือว่าเป็นโชค+ฝีมือ ไม่เข้าก็ไม่เป็นไรถือว่าขู่ให้เกรงกันมั่ง กองกลาง 5 คน ควรเล่นเกมให้หลากหลายมากที่สุด เมื่อเชื่อมกับกองหลังก็ให้เป็นกลยุทธล่อให้เหนื่อย หลอกให้งงอะไรก็ว่าไป ถ้าเชื่อมกับกองหน้าก็ขอให้ใช้โอกาสให้คุ้มที่สุด แมทนี้งานหนักที่สุดผมให้เป็นกลางตัวรับ 2 คน เป็นอีกสาเหตุนึงที่ให้ปุยสำรองปก(ควรจะเป็นช่วงต้นครึ่งหลัง) และผมต้องการตัวสำรองที่จะลงแทนสารัชอีก 1 คน ส่วนตัวสำรองคนที่ 3 ถ้าไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บก็ส่งศราวุฒิลงเสริมหน้าแทนพี่มุ้ยก็ได้หรือแทนปีโป้ก็ได้แล้วแต่ว่าใครยังมีแรงเหลือน้อยกว่า
สุดท้ายนี้ขอให้โชคเข้าข้างทีมชาติไทยบ้างแบบว่าเยอะๆ หน่อยนะครับ อิอิ
เกือบลืม เทคนิคการซ้อมวิธีแก้เพรสซิ่งกลยุทธล่อให้เหนื่อย ปกติทีมชาติชอบเล่นลิงชิงบอลอยู่แล้วนะครับ แต่เป็นลิงชิงบอลที่ใช้พื้นที่น้อย คือผู้เล่นรอบนอกจะถูกห้ามไม่ให้ขยายวง กลัวลิงเหนื่อย+เพื่อฝึกการออกบอลเร็วในที่แคบ แต่ขอเปลี่ยนนิดหน่อย จากห้ามขยายวงให้ขยายวงได้ในพื้นที่ใหญ่ขึ้นเพื่อฝึกการหาพื้นที่และอาจเพิ่มลิงจาก2 คนเป็น 3 คน ลดผู้เล่นรอบนอกจาก 7 เป็น 6 คน บอลจังหวะเดียวเป็นไม่เกิน 2 จังหวะ ประมาณนี้ เพื่อฝึกให้นักเตะมีสัญชาติญาณในการหาพื้นที่ว่างให้มากขึ้น(มีผลอย่างมากขอบอก) และมีระยะห่างในการยืนมีมากขึ้น เหลือเวลาฝึกอีกสองสามเดือน น่าจะพอในการให้ร่างกายจดจำวิธีการวิ่งหาพื้นที่ วิธีการส่งบอล รวมถึงวิธีการวิ่งดักทางของลิงด้วยนะครับ
ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าไม่ได้อวดรู้อะไร แต่ขอแค่เป็นการนำเสนอแนวคิดจากโค้ชคีย์บอร์ดตัวน้อยๆ ในซอกหลืบเล็กๆ ของบอร์ดพันธ์ทิพย์แห่งนี้ เท่านั้นเองนะครับ อิอิ
และขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ