สิ่งที่อยากจะย้ำ ก่อนจะผ่านช่วงต้นปี

สิงที่อยากจะบอกก่อน ผ่านช่วงต้นปี

0.มนุษย์เงินเดือน (เอกชน) ควรจะเตรียมใจไว้บ้าง เพราะหลังจากนี้ คนจะเริ่มตกงานกันมากขึ้น ขอให้หมั่นศึกษาหาความรู้ไว้บ้าง เพื่อจะได้พอมองเห็น หรือ หาทางออกให้กับชีวิต อย่าเอาชีวิตไปพึ่งกับองค์กรมากไป แล้วก็อย่าไปท้อแท้ ทำไมไม่ได้เกิดมารวย เหมือนคุณชายคุณหนู เพราะมันไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำร้าย ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ ไม่มีกำลังใจชีวิต แล้วก็ด้วยเหตุนี้ จังไม่แปลกหรอก ที่คนจะแต่งงานน้อยลง หรือ แต่งแต่ไม่มีลูก เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากๆ แล้วหลายครอบครัว ก็ไม่ได้มีความสุข อย่างที่เขาเสกสรรปั้นแต่ง ลงโซเซียลหรอก ลองดูดีๆ

1.ใครก็ตามที่ร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว หรือ มีบางส่วนของร่างกายบาดเจ็บ ก็ขอให้พยายามรักษาตัวเองให้หาย แต่ถ้าหากไม่ค่อยมีเงินรักษา ก็ขอให้พยายามประคับประคองอาการตัวเองให้ได้มากที่สุด ก็เข้าใจแระว่า ค่ารักษาเดี๋ยวนี้แพงมาก แล้วก็คงจะเบือ่ที่จะต้องไปนั่งรอ รพ เป็นชมๆ ไม่สิ เป็นวันเลย แถมตังค์ก็เสีย และพยายามทำใจยอมรับให้ได้ว่า การเจ็บป่วย เป็นสิ่งที่ทุกชีวิต ทุกคนจะต้องเจอ ไม่ใช่มีแต่เราที่เจอ

2.ใครก็ตามที่เกิดมา ไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น วันๆคนในบ้านเอาแต่ทะเลาะกัน เวลาจะนอนก็นอนไม่สบาย เพราะมักจะมีเสียงโห่ร้อง เปิดเพลงดังๆ จนทำให้นอนไม่หลับ ก็ขอให้อดทนไว้ อย่าคาดหวังกับใคร พยายามรักตัวเองให้มากๆ ถึงสิ่งที่เจออยู่อาจจะทำให้รุ้สึกแย่ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านี้ กำลังสอนให้เรามองเห็นความจริง และ อยู่กับสภาพแย่ๆ ได้อย่างมีสติ ยังไงพยายามระวังความคิด ความรู้สึกของตัวเองไว้ให้มากๆ อย่าไปทุกข์กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าไม่ไหวก็หลบไปสักพัก

3.ใครก็ตามที่รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ค่อยมีเพื่อ่น ไปไหนด้วย ก็อย่าเสียใจไป เพราะในความจริงแล้วนั้น เราควรจะดูเพื่อนที่จริงใจต่อกันมากกว่า ไม่ใช่เพื่อนที่ไปกินไปเที่ยว เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราตกอับ ไมมีเงินจะไปกินไปเที่ยว เพื่อนพวกนั้นก็จะค่อยๆหายไปจากชีวิตทันที ยังไงหากใครเจอคนทีรับฟัง พูดคุย โดยไม่สนใจว่าเราจะรวย จน หรือ มีปัญหาชีวิตมากมายแค่ไหน พร้อมที่จะพูดคุยรับฟัง ดีใจเสมอที่ได้คุย ก็ขอให้รักษาน้ำใจเอาไว้ให้มากๆ เพราะว่า เพื่อนแบบนี้ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆ สักเกตดูสิว่า ทำไมพอไม่ได้เรียนด้วยกันแล้ว ทำไมเพื่อนที่เหมือนจะสนิท กลับหายไปหมด

4.ใครก็ตามที่ยังไม่มีคนรัก เป็นโสด หรือ ยังไม่ได้แต่งงาน ก็อย่าพึ่งไปเสียใจ ที่เวลาเห็นคนอัพรุปภาพ ลงบนโซเซียล เเสดงความรักอันหอมหวาน เพื่อให้คนมากดไลค์ หรือ แสดงความเห็นเช่น อยากมีบ้างอ่ะ , อิจฉาจัง เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว คนที่รักเข้าใจกัน ร่วมทุกข์สุข ไม่ได้มองภายนอก ก็ไม่ได้พบเจอง่ายๆ ส่วนมากที่เห็นคบหา คุยกัน ก็มักจะมองจากเปลือกภายนอกก่อน พยายามเอาอกเอาใจอีกฝ่าย เพื่อจะได้ครอบครองเขา ไม่ว่าจะกินข้าวภัตตาคารหรู ท่องเที่ยวทริปแพงๆ ดูหนังที่นั่ง vip แต่พออีกฝ่าย ไม่มี หรือ ไม่สามารถทำให้ได้แบบนี้แล้ว กลับมาตีจากไปอย่างไม่ใยดี แต่ก็มีส่วนน้อย ที่เวลาตกอับ ไม่ตีจากไปไหน แต่ยุคนี้ มันคงจะไม่มีคนแบบทีว่าแล้วหล่ะ

แล้วชีวิตหลังแต่งงานก็อีก ไม่ได้จะเหมือนแบบตอนจบในละครนะ เรื่องนี้เคยย้ำหลายที เวลาใครป้อยอก็ควรจะมีสติ ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะนะ ดูอย่างชาคริต กับ วุ้นเส้นสิ สุดท้ายเป็นยังไง ถึงปากจะบอกไม่มีเวลา เลิกกันยังเป็นเพื่อนงี้หรอ ก็เขาดาราไง ต้องรักษาภาพ แล้ว คนเรากว่าจะรุ้ว่าใครดีจริงก็ใช้เวลาทั้งชีวิตนะ แล้วชีวิตหลังแต่ง มันก็ต้องเจอปัญหามากขึ้นไหนจะทะเลาะกันเอง และ คนรอบๆตัวอีก

5.พยายามอย่าไปแคร์ คำพูด การกระทำของคนอื่นมาก โดยเฉพาะหากสิ่งเหล่านั้นมาจากคนในครอบครัว เช่น พวกญาติผู้ใหญ่ ที่มักจะพูดเสียดสี ทิ่มแทงจิตใจ ให้รุ้สึกแย่ ขาดกำลังใจในการดำเนินชีวิต พยายามอย่าไปใส่ใจ ปล่อยวาง กลับมารักตัวเอง ทำอะไรให้ตัวเอง แม้เล็กๆน้อยๆบ้างก็ยังดี เพราะชีวิตคนเรามันสั้นมาก ถึงแม้คนอื่นจะมองว่าไร้สาระ นั่นก็แค่คำพูดความคิดเขา เพราะความจริงคนเรามันชอบไม่เหมือนกัน ลองถ้าเขาโดนว่าสิ่งที่ชอบบ้าง ก็รุ้สึกแย่เช่นกัน

6.อย่ามัวแต่เอาเงินฝากแต่ในธนาคาร ควรหาช่องทาง ลงทุนอย่างอื่นด้วย หรือ ไม่ก็ต้องพยายามหาอาชีพ ที่ตัวเองพอจะทำได้ ไว้หลายๆอย่าง ถ้าให้ดี มีคนแนะนำจะยิ่งดี แต่ก็อย่าคาดหวังมาก เพราะคนที่ว่าไม่ได้เจอง่ายๆ เราต้องพึ่งตัวเองก่อนเสมอ แล้ว่การลงทุนหลายๆอย่างก็เสี่ยงมาก สังเกตไหม ทำไมหลายคน ขนาดลงทุนเยอะแยะ ถึงไม่รวยสักที ก็เพราะมันไม่ง่ายไง ปัจจัยต่างๆกระทบเยอะมากๆ ยิ่งถ้าลงเยอะบริหารพอร์ตไม่ดี เงินก็หายเยอะเช่นกัน

7.เป็นธรรมดา ที่ชีวิต จะต้องพบเจอกับความทุกข์ แม้จะยากต่อการทำใจ แต่เราก็ต้องทำใจให้ได้ มนุษย์ทุกชนชั้น ก็เลี่ยงไม่ได้หรอก ที่จะไม่เจ็บป่วย หรือ พบเจอกับความผิดหวัง พลัดพราก เราต้องหาหลักให้กับใจ นั่นก็คือ การมีสติอยู่กับตัวเอง ฟังดูอาจจะเข้าใจยาก แต่ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ เวลาอะไรเข้ามากระทบ หรือ ไม่เป็นอย่างใจคิด ก็ขอให้ระลึ กรู้ไว้ อย่าให้ใจไหลไปตามเหตุการณ์ คือ ไม่ไปยินดี ยินร้ายกับมัน พอเจอบ่อยๆเข้า ใจเราจะนิ่งสงบได้เอง แล้วเรื่องพวกนี้ต้องฝึกหัดทำนะ เพราะ ชีวิตบนโลก เต็มไปด้วยเรื่องกระทบและทุกข์มากมาย

สวั้สดีปีใหม่ 2560 ขอบคุณสำหรับไมตรี และ สิ่งดีๆที่มีให้เสมอมา หากเผลอทำไรให้ขุ่นเคืองใจก็ต้องขออภัยด้วย

30-12-59

ถ้าคิดว่ากระทู้นี้มีสาระ ดีต่อใจ ก็ช่วยกันปักหมุด !

ใครสนใจคุยชีวิต ตามจริงก็เข้ามา

 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ขออนุญาติเขียนกระทู้ในวัยเลขสามกลางๆ
วัยที่หลายๆคนมั่นคงกันหมดเเล้ว เเต่เรากลับคิดว่าเราไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่า เพื่อนรุ่นๆก็เป็นฝั่งเป็นฝากันไปหมดเเล้ว ขนาดนั้นเขาก็มีความสุขในเเบบของเขา บางคนโชคดีมีชีวิตคู่ที่ขยันช่วยกันทำมาหากิน เเถมมีตัวเล็กไว้เป็นเป้าหมายชีวิตครอบครัว วันหยุดได้ไปเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ตกเย็นมาก็ทานข้าวด้วยกัน พ่อป้อนเเม่ป้อน ดูเเล้วมีความสุขเเละอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มตาม .....พอหันหลังกลับมามองตัวเอง ที่ภาระก็ไม่ได้มากมายอย่างเขา หนี้สินส่วนใหญ่ก็จากที่ตัวเองสร้างไว้เท่านั้น หนำซ้ำเป็นหนี้สินฟุ่มเฟือย จ่ายง่าย จ่ายคล่อง ตามประสาคนโสด เเต่มองหาแก่นสารในชีวิตตัวเองไม่มีเลย เราทำงานประจำมาเกือบสิบปี ดิ้นรนจากพนักงานธรรมดาจนมีตำเเหน่งระดับหนึ่ง เเต่ความสุขกับตำเเหน่งมันดันวิ่งสวนทางกัน กลับบ้านช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ทำให้เราเริ่มคิดว่า ที่ที่เหมาะกับเราที่สุดน่าจะเป็นที่ที่เราจากมันมาตั้งนาน...บ้าน...มันมีความรู้สึกว่าอบอุ่นเเละมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะเราไม่ค่อยได้กลับในช่วงเทศกาลสักเท่าไหร่ เพราะความรับผิดชอบของคำว่าหัวหน้างาน มันบังคับให้เราพลาดบรรยากาศเเบบนี้ไปหลายปี รอยยิ้มของพ่อเเม่มันมีความหมายขึ้นมาทันที ทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจ เเละแอบน้ำตาไหลเล็กน้อยเมื่อเห็นพ่อเเม่มีความสุขตอนลูกกลับมา พอเเพคกระเป๋าเดินทางกลับในใจมันหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเเล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นเราก็จะเป็นเเบบนี้อยู่ต่อไป เผลออีกทีอาจจะโดนเขี่ยจากบริษัทที่เราคิดว่ามั่นคงที่สุดก็เป็นได้ เรากลับมาคราวนี้ไม่เหมือนที่ผ่านๆมา ไม่ได้กลับมาทำงานในเเบบที่เคยทำ เเต่เรากลับมาส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อไปมาทำเเทน เราตั้งใจเเล้วว่า (เราจะกลับบ้าน) ค้าขายเล็กๆน้อยๆ ทำเท่าที่เราทำได้ เหลือก็แบ่งปัน วางแผนล่วงหน้าสักหกเดือน  ว่าต่อจากนี้เราจะไปทำอะไร เเต่เราเชื่อเหลือเกินว่า "เวลาของเราที่บ้านนอก มันน่าจะเดินช้ากว่าเวลาคนเมือง ที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้" บอกตัวเองว่า ตั๋วรถไฟใบนี้มีเพียงใบเดียว ไม่มีตั๋วกลับ เเล้วพบกันที่ปลายทาง" ค ว า ม สุ ข + ความสำเร็จ สวัสดีปีใหม่...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่