ระหว่างถนนโล่งกับรถติด แบบไหนเกิดอุบัติเหตุง่ายกว่ากันครับ

เราเชื่อว่ารถติดเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตึอย่างมาก เพราะ.....

รถติดไม่ได้ติดตลอดทาง ก็จะมีคน 2 ประเภทที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่คนไทย(เกือบทั้งหมด) ขาดความเข้าใจหรือขาดความสนใจที่จะมองให้ลึกถึงต้นเหตุที่แท้จริง มักจะอนุมาณหรือสรุปเอาเหตุการณ์ใกล้ ๆ มาเป็นที่สุดเสมอ อย่างกรณีรถตู้เมื่อวานนี้ อย่าให้มีกรณีอื่นมาพลิกกลับข้อสรุปที่ว่าไปก็แล้วกัน คนตายมันเสียหายไปแล้ว ครอบครัวเขาจะเสียใจซ้ำสองอย่างไรบ้าง

1. พวกที่คาดว่าไงก็จะเจอรถติด ต้องรีบทำเวลา"หนีผ่านจุดที่จะติดให้ได้ก่อน" ก็ทำไงล่ะ เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางแต่หัวมืด ไม่นอนหรือนอนไม่พอ ทั้งที่ก่อนหน้าต้องเตรียมตัวเตรียมสัมภาระ นี่คือพวกแรก
2. พวกติดแบบไม่มีทางเลือกไปแล้ว แต่เนื่องจากรถไม่ได้ติดตลอดเส้นทาง 100% พวกนี้พิอหลุดจุดรถติดได้ก็จะเหยียบไม่คิดชีวิต ลืมไปว่าก่อนหน้านี้ติดรถล้ามาแล้วกี่ ชม. พอรถโล่ง ๆ ขับได้สักครึ่งค่อนชั่วโมงก็โงก เพราะคืนก่อนนอนดึก เก็บของเตรียมนี่โน่นนั่น แวะรับมครต่อใครหรือรอใครต่อใครมาให้พร้อมหน้า มีสักกี่คันที่ได้ออกรถตามเวลา

แต่โดยปกติ เราว่าพวกขับรถเร็ว 110-120-130 นี่ถ้าฝีอมืถึง ๆ พวกนี้จะตื่นตัวกว่าพวกวิ่ง 70-80-90&100 พวกนี้เท่าที่สังเกตเห็นจะเป็นพวก "ขับสบาย ๆ" แม้กระทั่งขับทิ้งห่างแช่เลนขวา พวกนี้เวลาเกิดอะไรขึ้นความตื่นตัวจะต่ำและแก้ไขอะไรไม่ทันหรือแก้ผิดทาง พวกขับเร็ว (ที่ไม่ได้เพราะความคะนอง) เขาจะตื่นตัว มองและคาดการณ์เหตุการณ์รอบตัวตลอดเวลา หลาย ๆ ทีถึงกับอ่านพฤติกรรมรถคันที่อยู่ข้างหน้าด้วยซ้ำไป

สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มากคือ GPS (ดี ๆ) จะช่วยเราได้มากโดยเฉพาะในทางที่คดเคี้ยวเป็นเขา มีหลืบมุมเยอะ เพราะมันจะแสดงสภาพเส้นทางข้างหน้าให้เรารู้ล่วงหน้าเลยว่าโค้งข้างหน้านี้รัศมีแคบ/กว้างแค่ไหน ถัดจากโค้งนี้ไปเป็นทางตรงหรือเป็นโค้งซ้านหรือขวาทำให้เราวางตำแหน่งรถได้ดีกว่าและยังเผื่อจดหลบหลีกได้กรณีรถที่สวนเข้าโค้งมาจะเหวี่ยงหลุดโค้งมาทางเราหรือไม่ (นั่นคือในเวลากลางวัน) เราเองจึงนิยมขับรถผ่านเขาในเวลากลางคืนมากกว่า (ถ้าเลือกหรือวางแผนได้) เพราะแสงไฟรถมราสวนมาบอกเราได้ดีว่ามีรถสวนมาไหม เราจะวางตำแหน่งรถเราได้ดีมาก และทำความเร็วได้ดีด้วย แถมบางเส้นทางไม่มีรถชาวบ้านคนท้องถิ่นออกมาเพ่นพ่านช้า ๆ ให้ต้องหบลพลีกเพิ่มด้วย