ในขณะที่เขียนเรื่องราวตอนสุดท้ายอยู่นี้ เราก็เกิดความรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหล เพราะอะไรน่ะหรือ?
เราคิดถึงความยากลำบากในสมัยนั้น กำลังใจที่ได้รับ ความเชื่อและความหวังในชีวิตที่นำพาให้ชีวิตก้าวต่อไป
และดีใจที่เพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวของเราค่ะ
เรารู้ว่า ความยากลำบากนี้เราเลือกที่จะวางแผนให้ชีวิตได้รับความท้าทายเช่นนี้เอง แต่ทุกคนก็ต้องตัดสินใจในบางเรื่องของชีวิตเช่นกัน
ดังนั้น สิ่งที่เราอยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ฟังจึงเป็นในมุมมองแง่บวกและอยากให้เพื่อนๆ ได้รับกำลังใจจากเรื่องราวของเราดีๆ ของเรา
เช่นกัน ว่า "คุณก็ทำได้" ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เพียงแค่ Keep doing ด้วยใจมุ่งมั่นสักวัน วันแห่งความสำเร็จจะเป็นของคุณค่ะ
อยากบอกว่าดีใจและขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจที่ได้ทักทายกันค่ะ เพื่อนๆ มีน้ำใจมาก ขอให้มีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้
--- ยังมีเรื่องราวมากมายที่ มนุษย์แม่ ดร. ลูกสาม คนนี้อยากเล่า แล้วจะเข้ามาเขียนให้อ่านเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ
---------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวได้ที่
(เราได้ปรับปรุงย่อหน้าใหม่ รวมถึงเพิ่มรูปภาพตามคำแนะนำของเพื่อนๆ เพื่อการอ่านที่ง่ายขึ้นแล้วนะคะ คิดว่าน่าจะดีขึ้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเพื่อนๆ นักอ่านนะคะ)
ตอนที่1
https://pantip.com/topic/35963032/comment28
ตอนที่2
https://pantip.com/topic/35969609/comment4
https://pantip.com/topic/35965042/comment16
https://pantip.com/topic/35971108/comment1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/aDiaryofaMomofThreeGirls/
--------------------------------------------------------------------------------------------
1. จาก จขกท.
จำได้ว่าในเวลาที่เราลุกขึ้นจากความมืดมัวและความท้อถอยใจนั้น เป็นช่วงเวลาประมาณปลายปี 2013 ซึ่งเรากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สามพอดี
โดยอันนาอายุได้ประมาณ3ขวบกว่าๆ และเลาร่าอายุได้ประมาณ 1ขวบกว่าๆ เท่านั้น โดยเป้าหมายแรกของเราในเวลานั้นคือ การที่เราต้องเขียนร่างวิทยานิพนธ์ให้เสร็จภายใน 6 เดือน นั่นหมายความว่า ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน ปี 2014 เราจะต้องส่งดร๊าฟแรกให้กับศาสตราจารย์ที่ปรึกษาของเราเพื่อพิจารณาและตรวจแก้ไขแล้ว

ดังนั้น ตารางเวลาประจำวันในแต่ละวันของเราก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่เราต้องตื่นนอนในเวลาหกโมงเช้าของทุกวันและจัดแจงล้างหน้า แปรงฟัน
และแต่งตัวเราให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้น ประมาณเวลาหกโมงครึ่ง เราก็จัดเตรียมเสื้อผ้า อาหารเช้าให้กับสามีและลูกๆ อีกสองคน
ที่ในเวลานั้น เราส่งให้ไปโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ใกล้บ้านแบบสามนาทีเดินเท้าถึงเลยแล้ว หลังจากนั้นก็เตรียมกล่องขนมปังสำหรับทานในเวลาพักเบรคให้กับทั้งสามีและลูกๆ พออำลาสามีเสร็จในเวลาประมาณเกือบเจ็ดโมงเช้า เราก็จัดแจงล้างหน้า แปรงฟันให้กับลูกๆ และจัดการเตรียมแจ๊คเก็ต หมวก ถุงมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการต่อสู้ความหนาวให้กับเด็กๆ และตัวเอง
พอถึงประมาณเวลาเกือบเจ็ดโมงครึ่ง เรากับลูกๆ อันนา
และเลาร่าก็พากันเดินไปโรงเรียนอนุบาลด้วยกัน เราก็พาร่างอันอุ้ยอ้ายด้วยลูกน้อยโซเฟียยังอยู่ในท้องในเวลานั้นเดินไปอย่างช้าๆ กับอันนาและเลาร่าโดยที่บางครั้งหากอันนาหรือเลาร่างอแงขึ้นมาก็ได้เพิ่มความตึงเครียดขึ้นไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
บันทึกของมนุษย์แม่ - ดร. ลูกสาม // ตอน3 (จบ) ในที่สุด มนุษย์แม่ลูกสามคนนี้ มีดีกรี "ด๊อกเตอร์" จากประเทศเยอรมนี
เราคิดถึงความยากลำบากในสมัยนั้น กำลังใจที่ได้รับ ความเชื่อและความหวังในชีวิตที่นำพาให้ชีวิตก้าวต่อไป
และดีใจที่เพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวของเราค่ะ
เรารู้ว่า ความยากลำบากนี้เราเลือกที่จะวางแผนให้ชีวิตได้รับความท้าทายเช่นนี้เอง แต่ทุกคนก็ต้องตัดสินใจในบางเรื่องของชีวิตเช่นกัน
ดังนั้น สิ่งที่เราอยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ฟังจึงเป็นในมุมมองแง่บวกและอยากให้เพื่อนๆ ได้รับกำลังใจจากเรื่องราวของเราดีๆ ของเรา
เช่นกัน ว่า "คุณก็ทำได้" ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ เพียงแค่ Keep doing ด้วยใจมุ่งมั่นสักวัน วันแห่งความสำเร็จจะเป็นของคุณค่ะ
อยากบอกว่าดีใจและขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ดีใจที่ได้ทักทายกันค่ะ เพื่อนๆ มีน้ำใจมาก ขอให้มีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้
--- ยังมีเรื่องราวมากมายที่ มนุษย์แม่ ดร. ลูกสาม คนนี้อยากเล่า แล้วจะเข้ามาเขียนให้อ่านเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ
---------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวได้ที่
(เราได้ปรับปรุงย่อหน้าใหม่ รวมถึงเพิ่มรูปภาพตามคำแนะนำของเพื่อนๆ เพื่อการอ่านที่ง่ายขึ้นแล้วนะคะ คิดว่าน่าจะดีขึ้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเพื่อนๆ นักอ่านนะคะ)
ตอนที่1 https://pantip.com/topic/35963032/comment28
ตอนที่2 https://pantip.com/topic/35969609/comment4
https://pantip.com/topic/35965042/comment16
https://pantip.com/topic/35971108/comment1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
--------------------------------------------------------------------------------------------
1. จาก จขกท.
จำได้ว่าในเวลาที่เราลุกขึ้นจากความมืดมัวและความท้อถอยใจนั้น เป็นช่วงเวลาประมาณปลายปี 2013 ซึ่งเรากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สามพอดี
โดยอันนาอายุได้ประมาณ3ขวบกว่าๆ และเลาร่าอายุได้ประมาณ 1ขวบกว่าๆ เท่านั้น โดยเป้าหมายแรกของเราในเวลานั้นคือ การที่เราต้องเขียนร่างวิทยานิพนธ์ให้เสร็จภายใน 6 เดือน นั่นหมายความว่า ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน ปี 2014 เราจะต้องส่งดร๊าฟแรกให้กับศาสตราจารย์ที่ปรึกษาของเราเพื่อพิจารณาและตรวจแก้ไขแล้ว
ดังนั้น ตารางเวลาประจำวันในแต่ละวันของเราก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่เราต้องตื่นนอนในเวลาหกโมงเช้าของทุกวันและจัดแจงล้างหน้า แปรงฟัน
และแต่งตัวเราให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้น ประมาณเวลาหกโมงครึ่ง เราก็จัดเตรียมเสื้อผ้า อาหารเช้าให้กับสามีและลูกๆ อีกสองคน
ที่ในเวลานั้น เราส่งให้ไปโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ใกล้บ้านแบบสามนาทีเดินเท้าถึงเลยแล้ว หลังจากนั้นก็เตรียมกล่องขนมปังสำหรับทานในเวลาพักเบรคให้กับทั้งสามีและลูกๆ พออำลาสามีเสร็จในเวลาประมาณเกือบเจ็ดโมงเช้า เราก็จัดแจงล้างหน้า แปรงฟันให้กับลูกๆ และจัดการเตรียมแจ๊คเก็ต หมวก ถุงมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการต่อสู้ความหนาวให้กับเด็กๆ และตัวเอง
พอถึงประมาณเวลาเกือบเจ็ดโมงครึ่ง เรากับลูกๆ อันนา
และเลาร่าก็พากันเดินไปโรงเรียนอนุบาลด้วยกัน เราก็พาร่างอันอุ้ยอ้ายด้วยลูกน้อยโซเฟียยังอยู่ในท้องในเวลานั้นเดินไปอย่างช้าๆ กับอันนาและเลาร่าโดยที่บางครั้งหากอันนาหรือเลาร่างอแงขึ้นมาก็ได้เพิ่มความตึงเครียดขึ้นไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว