รังเกียจการกระทำของแม่และน้องตัวเองมาก เราตัดขาดครอบครัว เราผิดมั้ย

..........................

ถอด log in มานะคะ เป็นเรื่องอัดอั้นตันใจมาเกือบเดือนแล้ว อยากหาที่ระบาย

ถ้าใครอ่านแล้วเรื่องคล้ายคลึงกับเพื่อนหรือคนรู้จัก หลังไมค์มาหาเราได้
เราอยากรู้เหมือนกัน ว่าเค้าเอาเราไปพูดลับหลังกันว่ายังไงบ้าง

เรื่องมันมีที่มาที่ไปและความหลังเยอะมาก เราไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดี
เพราะอดีตมันซับซ้อน และจริงๆเราไม่ค่อยอยากรื้อฟิ้น ไม่อยากไปพาดพิงขุดถึงเรื่องเก่า
อะไรที่มันเก่าไป เราไม่เล่าถึงละกัน เพราะมันจะยิ่งทำให้แม่กับครอบครัวเราดูแย่ไปอีก
เราจะเล่าถึงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ที่เป็นประเด็นละกัน

เอาแบบง่ายๆคือเราเดินออกมาจากครอบครัวเกือบสิบปีแล้ว มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
เพราะถ้าไม่ออกมา เราไม่มีวันมีชีวิตเป็นของตัวเอง และจะไม่มีเราอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ตอนนี้เรามีสามี คบกันมา 3 ปีแล้ว ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับที่บ้านอีกเลยตั้งแต่ออกมา ไม่อยากกลับไป ไม่อยากพูดถึง
สามีเราก็ถามว่าทำไมไม่ติดต่อกับที่บ้าน เราก็บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร เค้าไม่เชื่อเรา
จนเกิดเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ขึ้น เค้าถึงรู้ว่าที่เราบอกเป็นเรื่องจริง

ปัญหาล่าสุดมันเริ่มมาจาก เมื่อเดือนที่แล้วเราโทรไปหาพ่อกับแม่ หลังจากที่ไม่ได้คุยกันเลยอยู่หลายปี
(ครั้งล่าสุดที่เรากลับไปคือหลังปีใหม่ 2012 ไปนอนแค่คืนเดียว ไปทำบัตรประชาชน แต่แค่ 1คืนก็มากเกินจะทนแล้ว)
ก่อนหน้า 2012 คือกลับล่าสุดปี 2009 และก็เป็นตอนปี 2009 นั่นแหละ ที่เราตัดสินใจเดินออกมา

คือ .. เมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้วน้องชายเราเข้ามหาลัย มาเรียนที่หอการค้า เราเริ่มส่องดู fb เค้ามาตั้งแต่นั้น
แต่ไม่ค่อยคุยอะไรกับเค้า เพราะไม่ชอบวิธีการใช้ชีวิตของเค้า เพราะดูการใช้ชีวิตเค้าคือ
เป็นเด็กวัยรุ่นที่ใฝ่ไปในทางไม่ดี หลงมัวเมา เงิน ทอง ของนอกกาย อบายมุข
โพสท์อวดร่ำอวดรวย โพสท์มโนถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง อ้างว่าพ่อแม่มีนั่นมีนี่ คือในความเป็นจริงไม่มี แต่ไม่เจียม
แล้วก็ฟุ่มเฟือยไปเรื่อย เพราะแม่ตามใจซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยให้ตามประสาพ่อแม่รังแกฉันนั่นแหละ วัตถุนิยม โพส์ว่าใช้เงินเยอะ
แม่โอนให้ครั้งละหลายหมื่น เคยโพสท์ว่าใช้เงินสัปดาห์ละ 60,000 โดนแม่บ่นแต่ก็ยิ้มร่าใช้ชีวิตแบบนั้นต่อ
(แม่ก็สนับสนุนเห็นดีเห็นงาม) หลังๆเริ่มโพสท์โม้ว่าทำธุรกิจ มีเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ อะไรประมาณนี้
แต่พอนึกออกมั้ย ว่าความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น เราดูอยู่ห่างๆ ก็บอกตัวเองว่าเราออกจากบ้านมานานแล้ว
สิ่งที่เค้าทำเค้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบเอง เค้าเองก็โตแล้ว พ่อกับแม่เราก็โตแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรบอก ควรเตือน ควรสอนลูก
แต่ในเมื่อเค้าสนับสนุนเห็นดีเห็นงามกัน เราก็ไม่อยากยุ่ง

เมื่อต้นปี (มีนา 2016) เราได้ข่าวน้าผญ ที่อยู่ ตปท เสียขีวิต แล้วแม่เราก็ไปฟ้องเอาที่ดินและคอนโดของเค้าทั้งตจว.และกรุงเทพ
ที่ควรจะตกเป็นของสามีและลูกเค้ามาเป็นของตัวเอง แล้วเริ่มทยอยขาย เอาเงินมาใช้กันในครอบครัว
พ่อ แม่ คุณยาย(แม่ของแม่+น้าคนที่ตาย) และน้องเรา พอมีเงิน บางคนธาตุแท้มันจะออก
และเงินที่ได้มาแบบผิดๆนี้ยิ่งส่งเสริมให้น้องชายเราเป็นคนขี้โม้โอ้อวดมากไปอีก
เรียนที่ไหนก็ไม่จบ เรียนหอหารค้า 1 ปี ไม่จบ ออก เสียเงินฟรี
(ไม่ใช่เงินเรา เราไม่เดือดร้อน แต่แค่คิดว่าทำไมพ่อแม่เราส่งเสริมเค้าไปในทางที่ผิด)
ช่วงนั้นเริ่มมีแฟน โพสท์เรื่องไปนอนกับผช อะไรประมาณนั้น (ลืมบอก น้องเราเป็นเกย์)
แต่เท่าที่ฟังจากพี่สาว+พ่อเราเล่า แฟนเค้าเป็นคนดี
ที่ไม่ดีก็คือแม่กับน้องเรานี่แหละ

พอไม่จบไม่มีที่เรียนละ ปีที่แล้วเลยออกไปเรียนเอกชนที่โคราช เท่าที่รู้คือก็ไม่ค่อยได้ไปเรียน
ดูแล้วเหมือนกับลงเรียนไปงั้นเอง  แต่ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนให้จบ สุดท้ายอ้างว่ามหาลัยยุบคอร์ส
ใครเรียน ม. เอกชน ว. ที่โคราชช่วยบอกหน่อย บริหารธุรกิจอินเตอร์ ปีนี้เค้ายุบคอร์สเหรอ

แล้วก็เริ่มโพสท์เงินอวดเป็นฟ่อน โพสท์โพทนาความรวยของตัวเอง
โม้ว่าแม่ได้ที่ดินมาจากการตายของน้าหลายสิบแปลง ทยอยขายได้เงินมาเอาเงินไปใช้เล่นกัน
ที่บ้านเราได้เงินมาก็เอาไปดาวน์รถใหม่ ซื้อทองหลายสิบบาทใส่อวดคนอื่น เข้าทำนองสิบล้อถูกหวยนั่นแหละ
ส่วนน้องเราก็หลอกขอเงินไปใช้ แล้วก็ไปเที่ยว ไปนอนกับผช บ้างอะไรบ้าง จริงๆเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ ตั้งแต่เข้ามหาลัย
แต่ที่น้องเราโพสท์คือแบบ พยายามทำให้คนอื่นเข้าใจว่า เป็นเงินตัวเอง พอมีคนเริ่มเข้ามาทักท้วง น้องเราก็ไปหาว่าเค้าอิจฉา
แต่ในใจเรามองแบบผู้ใหญ่คือ เค้ารู้เช่นเห็นชาติเธอ เค้าเตือนเค้าทักท้วง เพราะเห็นว่าใช้ชีวิตไปในทางไม่ดี แต่เธอไม่ฟังใคร

จากที่เห็นการโพสท์ของมัน เราเริ่มสงสัยแล้วว่า ที่บ้านใช้ชีวิตกันแบบไหนยังไงเนี่ย เริ่มกังวล
ทำไมถึงปล่อยให้เหลวแหลกได้ถึงขนาดนี้ เราเลยโทรไปหาพี่สาว ถามความเป็นมา
ถามว่ารู้มั้ยว่าน้องเราใช้เงินเยอะมากมายขนาดนั้น กินเหล้า สูบบุหรี่คบเพื่อนแบบ ทำงานอย่างว่า
(ไม่ได้บอกว่าคนทำงานพวกนี้เป็นคนไม่ดีนะ เค้ามีความจะเป็นของเค้า แต่สำหรับน้องเรานี่คือไม่ใช่
มีโอกาสในชีวิตหลายอย่างแต่ไม่ทำ ทิ้งไปง่ายๆ วันๆหาที่กินเหล้า ไปหาผช แล้วก็โพสท์อวดรวยแบบกลวงๆ)
พี่เราเลยเล่าให้ฟังว่า ใครว่าไม่ได้แล้ว ใหญ่คับบ้าน เคยกินเหล้าเมาแล้วกลับมาอาละวาดที่บ้านทุบข้าวของ
เคยเอาไม้กอล์ฟทุบพังประตูบ้าน แม่ก็เฉย แล้วที่เราเสียใจคือ พูดกับหลานเรา(ลูกพี่สาว) ว่า
"จะพูดอะไรระวังหน่อย ชีวิตของหลานเราจะเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับปากพี่ (น้องเรา)"
พี่เราเคยแคปหน้าจอสิ่งที่น้องชายเราโพสท์ ก็เรื่องไม่ดีๆแหละ ส่งไปให้พ่อดู
พ่อก็ไปถามมัน มันก็ไลน์ไปด่าพี่ว่าไปเจือกเรื่องของมัน แล้วก็บลอกพี่เราไป

คือเราติดใจคำพูดที่น้องเราพูดกับหลาน มันหมายความว่ายังไง
คือคิดว่า ตัวเองมีความดีงามอะไที่จะพูดเพื่อเสกสรรค์ปั้นแต่งชีวิตคนได้เหรอ
ชีวิตหลานจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับความประจบสอพลอของมันเหรอ

พี่เรากับสามี+ลูกเค้า ไม่ได้รวย บางครั้งบางคราวต้องพึ่งพาแม่เราอยู่
น้องเราคิดว่าแม่จะให้เงินพี่เราหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปากมัน แบบนั้นใช่มั้ย
คือมันคิดแบบนี้ใช่มั้ย เอาความคิดต่ำตมเลวทรามแบบนี้มาจากไหน นั่นพี่ตัวเองนะ นั่นหลานนะ

สามีพี่เราเป็นคนดีแค่ไม่รวย  แต่เค้าขยันทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวและรักพี่เรา แค่นี้มันน่าจะพอแล้ว
แต่แม่เราก็ไปรังเกียจที่เค้าจน น้องเราก็ซึมซับความรู้สึกนั้นมา พูดจาไม่ดีดูถูกถากถางพี่เขย/พี่สาวเป็นประจำ  
เราก็อยากแนะนำพี่สาวเราว่า ไม่ต้องไปขอเงินแม่แล้วนะ พยายามตั้งตัวให้ได้ ไปรบกวนเค้าเค้าก็คอยดูถูกพี่เราตลอด

เข้าเรื่อง
เมื่อต้นเดือนเราโทรไปที่บ้าน (พ่อ+แม่) เพราะพี่เราบอกว่า
น้องเราหลอกเอา ipad แตก มาขายให้ 1500 (ทะเลาะกับกับแฟนแล้วทุบแตก)
พี่เราเอาไปซ่อมหน้าจอเองอีก 1,700 แต่พอเปิดเครื่องมันติด icloud id ของแฟนเก่าน้องเรา
ที่ร้านอาจคิดว่าพี่เราขโมยมา พี่เราก็บอกว่าไม่ใช่ .. พี่เราโทรไปถามน้องเรื่อง icloud มันบอกว่าไม่รู้ แล้วก็ทำรำคาญไม่อยากคุย
พี่เราก็โทรหาแม่ ว่าน้องเอามาขายให้ แม่เราก็เฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้อีกคน
ตอนแรกเราคิดว่า น้องเรามันไปขโมยของแฟนเก่ามันมา แต่สุดท้ายพี่เรายอมบอก ว่า จริงๆแล้ว ipad เป็นของพ่อ
ครูที่โรงเรียนให้เป็นของขวัญตอนเกษียณ แต่น้องเราเอาไปใช้ แล้วเอาไปทุบแตก + เอามาหลอกขายพี่เรานั่นแหละ
เราก็เฮ้ย ของพ่อ แต่มันเอามาหลอกขายพี่ตัวเอง แถมติด icloud อีก

สุดท้ายเราเลยโทรไปถามพ่อ ก็คุยกันหลายเรื่อง เราถามว่ารู้กันมั้ย ว่าทุกวันนี้น้องเรามันหลอกเอาเงินไปเที่ยว
เอาไปฟุ้งเฟ้อ ไปหาเพื่อนไปเที่ยว full moon ที่ภูเก็ตแต่หลอกที่บ้านว่าจะไปหางานทำ จะหาเงินส่งงวดรถเอง
(รถใหม่ที่แม่เราพึ่งไปดาวน์มา) น้องเรามัน tor lae เก่งไง ขออนุญาตพิมพ์ตรงๆ แต่ที่ไหนได้มันหลอกเอาเงินไปเที่ยว
พอมันไปภูเก็ต แม่ก็โอนเงินตามไปให้มันอีก 28,000 เราก็ถามแม่ว่าโอนไปค่าอะไร
แม่บอกว่า มันเอาทองไปจำนำ เลยโอนเงินให้ไปไถ่ แล้วพอมันเที่ยวหนำใจเงินหมดก็กลับบ้าน
วันนั้นเราคุยกับพ่อ+แม่อยู่นานนะ ถามเรื่องพวกนี้ ว่ารู้มั้ยว่าโดนมันหลอกอยู่
ทำไมถึงเลี้ยงให้มันกลายเป็นคนแบบนี้ มันไปพูดจาไม่ดีกับหลานใช่มั้ย  มันกินเหล้าเมาแล้วอาละวาดพังข้าวของในบ้านใช่มั้ย
มันไม่เรียนหนังสือใช่มั้ย มันหลอกเอาของไปขายพี่ใช่มั้ย เราก็ถามหารหัส icloud ถ้าไม่มีรหัสก็เอาเครื่องคืนไป
แล้วก็โอนเงินคืนพี่เราด้วย 1500  มันจะเที่ยวไปหลอกใครต่อใครแบบนี้ไม่ได้
เราก็บอกพ่อ+แม่ว่า เรารู้ว่าเราไม่ได้มีส่วนร่วมกับที่บ้านนานมากแล้ว แต่ที่โทรมาเพราะเป็นห่วง
ก็ถามเค้าว่าเค้ารู้มั้ย ว่าใช้ชีวิตกันในทางที่ผิด แค่ที่เค้าไปฟ้องเอาของคนอื่น ที่ดิน บ้าน คอนโดยึดมาเป็นของตัวก็แย่มากพอแล้ว

และสิ่งที่แม่ที่ดีควรทำคือ ตำหนิที่น้องเราทำแบบนี้ เอา ipad ของพ่อไปหลอกขายพี่ทำไม
ถ้าจะเอาไปขายให้เค้าก็เอารหัสปลด icloud ให้เค้าด้วย แล้วทำไมใช้ชีวิตแบบนี้ อะไรก็ว่าไป
แต่สิ่งที่แม่เราทำวันนั้นคือ ด่าว่าพี่เรามีปัญหากับ ipad เครื่องเดียว โทรมาด่าน้องทำไม
บอกให้พี่เราเอา ipad ไปโยนทิ้ง ไม่ต้องใช้แล้วถ้ามันจะทำให้ทะเลาะกัน

ตอนที่เราโทรคุยกับแม่อยู่น้องเรานั่งฟังอยู่ด้วย แย่งเอาโทรศัพท์ไปคุยแล้วเริ่มพูดจาหยาบคายกับเรา
บอกว่ากุไม่นับว่ามึjเป็นพี่ ชีวิตกุไม่ต้องมายุ่ง เราก็ย้ำไปว่า อย่ามาพูดจาหยาบคายกับชั้นนะ พูดอะไรระวังหน่อย
มันบอกว่าทำไม กุไม่กลัว ถ้ามึjมากุจะหยาบกับมึjมากกว่านี้อีก แล้วมันก็ตัดสายไป 2- 3 ครั้ง
เราก็พยายามอดทนโทรไปคุยกับแม่อีก 2-3 ครั้ง เค้าไม่อยากคุยหรอก เค้าโกรธที่เราไปด่าลุกเค้า
เราก็ถามว่าสอนมันยังไง เลี้ยงมันยังไงให้กลายเป็นคนแบบนี้ แม่เราก็เริ่มนั่งร้องไห้ (เราได้ยินเสียงจากในโทรศัพท์)
แม่เริ่มโวยวายอ้างไปถึงเรื่องอดีต สิ่งที่แม่เคยพูดกับเรา (แต่เค้าเฉไฉว่าในอดีตนั้นเค้าไม่ได้พูด)
เค้าหาว่าเราใส่ร้ายเค้า แต่คำพูดที่เค้าพูดในอดีตกับเรานะ เราบอกไว้ตรงนี้เลยว่า
ต่อให้เราตายไปอีกกี่ชาติ เราก็จะไม่มีวันลืม หลายๆอย่างที่เค้าพูดและทำในอดีตนั่นแหละที่ทำให้เราเดินออกมาจากบ้าน

น้องเราเริ่มพล่ามไปถึงสิ่งที่เค้าไม่รู้ แต่คิดว่ารู้ดี ...... บอกว่าเราทำหนี้ให้ที่บ้านเป็นแสนแล้วเราก็ทิ้งไป
เราก็บอกมันไปว่า อย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ เราเลยถามแม่ว่าน้องเราพูดถึงหนี้ here อะไรไม่ทราบ
แม่เราก็เฉไฉ อ้ำๆอึ้งๆ บอกว่าหนี้ใช้หมดแล้วลูก นั่นนี่นู่น เราก็ถามย้ำ มันพูดถึงหนี้อะไร เอาเราไปพูดไม่ดีอะไร
แม่เราข้าม ลามไปเรื่องอื่น แม่เรารู้อยู่แก่ใจนะ เรื่องในอดีตที่มันหลอกหลอนเรามาเป็นสิบปีนี้
เราไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่เราจะเลวถึงขนาดมาใส่ร้ายเราเสียๆหายๆแบบนี้
แล้วยังเลวมากพอที่จะไปฟ้องเอาทรัพย์สมบัติของคนอื่นมาเป็นของตัวเองอีก
แล้วตอนนี้พอมีเงินแล้ว กลายเป็นอีกคนที่เราไม่คิดเลยว่าแม่กับน้องเราจะเป็นได้

เราพูดว่า เราไม่เคยคิดโทรมาขอเงิน ตอนนี้เรามีความสุขกับชีวิตดี เรามีคู่ชีวิตที่ดี มีการศึกษาที่ดี
และทุกอย่างที่เราทีที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ เราสร้างมันมาด้วย 2 แขน 2 ขาของเราเอง
เค้าก็บอกว่าเราเนรคุณ เห็นผัวดีกว่าพ่อแม่

แล้วเค้าก็เริ่มด่าเราว่าโทรไปด่าน้อง โวยวายฟูมฟาย แล้วแม่เราก็พูดคำสุดท้ายว่า
ต่อไปนี้ไม่ต้องโทรมาแล้ว มีอะไรก็โทรไปคุยกับพ่อนู่น


------------------------------------ ยังไม่จบค่ะ มีต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คุณไม่ได้เนรคุณ แต่เราก็ไม่ชอบความคิดคุณเท่าไหร่ ตรงที่คุณใช้คำว่า"เลว" กับแม่ของคุณ   แม่คุณทำไม่ถูก เรื่องเลี้ยงลูก   อาจจะตามใจลูกชายคนเล็กจนเสียนิสัย   มันคือการรักลูกแบบผิดๆ ก็แค่นั้น ซึ่งผลของมันก็เป็นอย่างที่คุณเล่า ว่าน้องคุณมีพฤติกรรมแบบไหน    ส่วนเรื่องฟ้องเอาสมบัติน้าคุณมา   ตรงนี้เราไม่เข้าใจเรื่องกฏหมาย    ว่าทำไมแม่คุณถึงฟ้องเอามาได้   รวมถึงคุณก็ไม่มีรายละเอียดส่วนนี้   ว่าแม่คุณทำยังไง โกงเค้าจริงหรือเปล่า   

สำหรับตัวคุณ เมื่อตัดสินใจออกมาแล้ว คุณก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเค้าอีก   ถ้าคิดจะตัดขาดกันจริงๆนะ    ไม่ต้องไปส่องไปรับรู้อะไรที่เกี่ยวกับแม่และน้องคุณแล้ว   คุณเองก็จะได้ไม่ต้องเครียดหรือคิดมากอีก    นี่ตอบจากที่คุณเล่านะ   แล้วขอเถอะค่ะ ตัดคำว่าแม่เลวออกไปเถอะ   แม่คุณผิดจริงแต่ไม่สมควรกับคำนี้ค่ะ อย่างน้อยคุณยังมีชีวิตรอดจนโตมาได้   คนที่ยิ่งกว่าแม่คุณยังมีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 28
อาจจะเป็นเพราะครอบครัวเราให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมาก เราเลยไม่ค่อยเข้าใจคุณเท่าไหร่ อ่านที่พิมพ์แล้วก็คิ้วขมวด ทั้งหมดที่คุณเขียนมีแต่เรื่องแย่ๆของครอบครัว แต่ก็เป็นเพียงด้านเดียวของเรื่องทั้งหมด ลึกตื้นยังไงเราก็ไม่รู้

ตั้งแต่เริ่มคุณเขียนเหมือนที่บ้านคุณแย่เลวสุดๆ ทั้งที่เป็นเรื่องของความอวดร่ำอวดรวย ไลฟ์สไตล์แบบผิดๆที่หาได้ง่ายมากสมัยนี้ ถ้าคุณไม่ชอบทำไมไม่แก้ไข ทำไมถึงเอาแต่ดูแล้วก็บ่น แบบนี้จะมีอะไรดีขึ้นหรอ.. แล้วพอคุณรู้สึกว่ามันเกินไปจริงๆ คุณค่อยไปคุยทีหลังตอนมันเรื่องใหญ่ขึ้นมาก แล้วพอที่บ้านไม่ฟัง น้องทำนิสัยแย่ คุณก็ไม่พอใจใหญ่โต ตัดขาดให้หมด จากที่เราอ่านคุณบอกว่า คุณไม่ค่อยได้ยุ่งกับที่บ้านตั้งนานแล้ว ในมุมของน้องและคนที่บ้านคุณ อยู่ดีๆคุณก็กลับมา แถมยังมาว่าเค้าเสียๆหาย ไหนจะบวกกับเรื่องที่เค้าเข้าใจผิด ที่คุณบอกว่าแม่ใส่ร้ายคุณ ก็ไม่แปลกถ้าน้องคุณจะมีพฤติกรรมแบบนั้น น้องคุณอาจจะไม่ใช่คนดี แต่เราว่าการกระทำของเค้าก็มีที่มาที่ไป ไหนจะที่คุณบอกว่าน้องคุณโดนลวนลาม คุณบอกว่าเพราะเห็นเป็นน้องคุณเลยทำเป็นไม่รู้.. คือนี่คือทางออกที่ดีสำหรับเวลาน้องโดนลวนลามหรอ?? แกล้งทำเป็นไม่รู้?? ไม่รุ้สิสำหรับเรานั่นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเลย แถมคุณดูอคติกับทางบ้านคุณไปแล้ว ภาษาที่คุณใช้เวลาคุยกับทางบ้าน ก็ไม่สุภาพ ดูดูถูก ถ้าคุณปฏิบัติกับเขาอย่างงั้น คุณจะหวังให้เขาปฏิบัติกับคุณดีๆได้ยังไง

ที่พูดมาไม่ได้จะบอกว่าคุณเป็นฝ่ายผิดนะ แค่จะบอกว่ามันก็ไม่ใช่ ที่บ้านรังแกฉัน เหมือนกัน บ้านคุณมีปัญหาเยอะ แต่จากที่อ่านเราว่าหลายๆบ้านก็มีปัญหาเยอะแบบนี้ แต่เค้ารับมือไม่เหมือนคุณเท่านั้นเอง
ความคิดเห็นที่ 23
ถ้าบอก ผิด จะทำยังไง?
ถ้าบอกว่า ไม่ผิด จะทำยังไง?

อ่านจากที่ จขกท ว่าน้อง ก็แรงพอตัวเหมือนกัน แถมลงท้ายด้วยการสาปแช่งครอบครัว ก็ไม่ใช่เรื่องดี หรือพึงกระทำ ถึงเค้าจะสมควรได้รับผลกรรมใดๆ ก็ไม่น่ามาจากปากของ จขกท เอง

อ่านดู จขกท มีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มากพอดูกับการเป็นลูกชัง การไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เลยดูเหมือนใส่อารมณ์ในใจไปกับเนื้อหากระทู้ด้วย

ที่เล่ามาว่า อยากรู้ว่าพ่อแม่รู้มั้ยว่าลูกตัวเองเป็นแบบนั้น เมื่อโทรไปถามและรู้แล้วว่าพ่อแม่รู้และยังรักลูกเค้าอยู่ จขกท ก็ควรถอยค่ะ อย่าไปรับรู้ให้ปวดใจอีก ไม่ต้องพยายามกลับไปสั่งสอน หรือจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอะไรเค้า

อย่าลืมว่าคุณตัดขาดเค้าไปก่อนแล้ว ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอะไร ไม่รู้ว่า จขกท ส่งเสียเงินให้ที่บ้านด้วยมั้ย เค้าจะมองว่าคุณเข้ามายุ่งก็ไม่แปลกค่ะ อีกอย่างที่พ่อถามแบบนั้นก็ไม่แปลก ในเมื่อไม่ได้หาเลี้ยงครอบครัว เฟดตัวออกไป พ่อคงคิดว่ามีเงินมีรถมีบ้านสุขสบายน่าดู แล้วเรื่องน้องชายอีก คุณรู้ว่าน้องโดนอะไรมา แต่คุณไม่แม้แต่จะปกป้องหรือให้คำปลอบโยนใดๆ แถมยังขุดเรื่องนี้เอามาพูดอีก เพราะฉะนั้นอย่าพยายามกลับไปย้ำว่าลูกที่เค้ารักนักหนาน่ะไม่ดี มันเหมือนปลอบใจปมตัวเองว่าลูกที่ไม่ถูกรักคนนี้ยังดีอยู่นะ เข้าใจใช่มั้ยคะ

ปล่อยให้เค้าจัดการชีวิตกันเองค่ะ กู่ไม่กลับแล้ว เปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วย และครอบครัวเค้าก็ชินกับการที่ไม่มีคุณเป็นส่วนร่วมแล้ว อย่าไปยุ่งวุ่นวายเลยค่ะ และในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรก็ไม่จำเป็นต้องขอให้เค้าได้รับผลนั่นนี่ เดี๋ยวกรรมก็ตามทันจากการกระทำเองแหละค่ะ ไม่ต้องแช่งให้เสียเวลา ทำใจให้สบาย ดูแลตัวเองและครอบครัวก็พอค่ะ

ปล.สมบัติทุกอย่างที่มี รีบยกให้เป็นชื่อสามีหรือบุตรด่วนๆด้วยค่ะ เดี๋ยวครอบครัวคุณมายกเค้าอีก แย่เลย ส่วนจะเลี้ยงดูพ่อแม่หรือไม่ ตามแต่ศรัทธาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
----------------------
จริงๆวันนั้นลามปามกันไปถึงเรื่องอื่นอีกเยอะ และเรื่องอื่นที่คุยกันแรงกว่านี้
และใช่ เราด่าน้องจริง เพราะเฝ้าดูชีวิตมันมานานแล้วเหมือนกัน
วันนั้นที่โทรไป เราบอกว่า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เที่ยวตะลอนๆ หลอกเอาเงินพ่อแม่ไปเที่ยว ไปตามเอาผู้ชายถึงประจวบ ถึงภูเก็ต
แต่ต่อหน้าพ่อแม่มาทำอินโนเซ้นต์เป็นคนดี สัส

วันนั้นน้องเราถามว่า รังเกียจที่มันเป็นแบบนี้ใช่มั้ย (มันไม่ได้ถามดีๆแบบนี้หรอก)
เราก็ถามมันว่าเคยได้ยินจากปากเราเหรอ มันก็เฉไฉไปว่าคนนั้นบอกคนนี้บอก พี่เราเป็นคนบอก
ถ้ามันหรือเพื่อนมัน อ่านมาเจอตรงนี้นะ นี่คือสิ่งที่ชั้นพูด ไม่ใช่เค้าเล่าว่า

ชั้นไม่เคยรังเกียจเพศที่ 3 ชั้นรังเกียจคนไม่ทำมาหากิน คนไม่มีความรับผิดชอบ
คนที่เสวยสุขอยู่บนความตายและน้ำตาของคนอื่น สร้างภาพว่าดี อวดว่าร่ำรวย แต่สำหรับชั้นเธอเป็นแค่หมาขี้เรื้อนตัวนึง
ทำไมชั้นต้องมารังเกียจคนอย่างเธอเอาป่านนี้ ในเมื่อชั้นรู้มานานแล้วว่าเธอเป็น ตอนเด็กๆเธอชอบแอบไปกันคิ้ว
ตุ้งติ้งมาตลอด ชั้นรู้ด้วยซ้ำว่าเธอโดนรุ่นพี่ที่ ร.ร.ประจำตอนม.ต้นลวนลามไปอมนกเขาให้เธอตอนกลางคืน
แต่ชั้นไม่เคยพูดว่าชั้นรู้ เพราะตอนนั้นชั้นยังนับว่าเธอเป็นน้อง และชั้นกลัวเธออายและยังเป็นห่วงพยายามดึงให้เธอเจอสิ่งที่ดี
แต่ตอนนี้เธอไม่อายแล้วมั้ง เพราะเห็นโพสท์อวดว่าโดนรุ่นพี่กินไอติมตอนเด็กๆ ประกาศใน fb แบบภาคภูมิใจ
ต้องโตมาแบบไหน ถึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีงามมากพอจะเอามาป่าวประกาศให้คนอื่นรู้

ตอนที่ชั้นกลับมาจากเมืองนอก ชั้นพาเธอไปช้อปปิ้ง อยากให้เธอได้ใช้ของดีๆบ้าง
เพราะชั้นคิดย้อนไปถึงตัวเองในช่วงวัยรุ่น แม่ไม่เคยซื้อเสื้อให้ใส่แม้ซักตัว
แต่ไม่คิดว่า วันนึง เธอจะเลวถึงขนาดไปใส่ร้าย พูดให้ร้ายพี่ตัวเอง ทั้งพี่คนโตและชั้นด้วย
เอาไปพูดกันหลังจากที่ชั้นโทรไปวันนั้น ว่าร้อยวันพันปีไม่เห็นโทรมา พอแม่มีเงินแล้วโทรมาหา
คือจะบอกว่าชั้นอยากได้เงินเหรอ วันนั้นชั้นพูดชัดเจนนะ ทั้งกับพ่อและกับแม่ว่า ชั้นไม่ได้ต้องการเงินใคร
ตอนนี้ชั้นมีความสุขดีตามอัตภาพและความสามารถของตัวเอง
และในเมื่อวันนั้น เธอพูดชัดเจนว่า ไม่นับว่าชั้นเป็นพี่ ก็ขอให้จบกันเท่านี้
จากนี้ไป ชั้นก็จะถือว่า ชั้นไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีน้องเลวๆแบบเธอ
ซักวันนึงสิ่งที่เธอทำ มันจะย้อนกลับไปหาเธอเอง ไม่ทางใดก็ทางนึง
เพราะฉะนั้น ที่ไปโพสท์ใน fb อ้างว่าพี่รังเกียจที่หนูเป็นตุ๊ด มึjก็ควรละอายแก่ใจหน่อยนะ
หยุดสร้างภาพ เพาะทุกคนใน fb ทั้งเพื่อนในชีวิตจริงและที่เคยเป็น เค้ารู้เช่นเห็นชาติเธอทั้งนั้น
ถึงมีคนเตือนเธอไง สิ่งที่มีควรเตือนคนติให้เธอทบทวน ให้เธอคิด ให้ใช้ชีวิตไปหนทางที่ดี
คนเหล่านั้นนั่นคือกัลยาณมิตร นั่นคือเพื่อนที่ควรคบ  ไม่ใช่ไปคบแต่คนที่คอยฉุดไปเที่ยว ไปหาผช


น้องเราอ้างไปถึงสามีเรา ไปโพสท์ในเฟส ว่าเราหลงผัวจนลืมพ่อแม่ คือมันตลกว่ะ
ตอนเราออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว ต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิต อดมื้อกินมื้อ ลำบากที่สุดในชีวิต
ตอนเราไม่มีใคร เราก็ไม่เคยคิดจะกลับบ้านนะ ที่นั่นไม่มีความรัก ไม่มีความอบอุ่นให้ ไม่มีที่ให้เรายืนเมื่อเราล้ม
มีแต่คำพูดเยอะเย้ยถากถางเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่าเค้าหลอกเอาเงินผช มาสร้างบ้านให้พ่อแม่
ความด่างพร้อยในชีวิตส่วนหนึ่งมาจากน้าที่ตายไปและแม่ของเราเอง

เรื่องที่คุยกันวันนั้นที่จริงมีเยอะกว่านี้ แต่แม่เรามัวแต่บีบน้ำตามาฟูมฟายใส่
เราเลวมั้ง เราไม่รู้สึกสงสารเค้าเลย เรารังเกียจสิ่งที่เค้าทำ เราถามหาความจริง เค้าก็เฉไฉไม่ยอมรับ
แล้วพาลไปเรื่องอื่น อะไรจริงก็ยอมรับมาว่าจริง อะไรไม่จริงก็ชี้แจงมาว่าเรื่องจริงเป็นแบบไหน ยังไง
ไม่ใช่ดื้อดึงบีบน้ำตาดราม่าใส่ แต่พอลับหลังเราก็เอาเราไปพูดไม่ดี เราเกลียดคนแบบนี้

จุดเริ่มต้นที่เราโทรไปหาเค้ามาจาก ความกังวลและเป็นห่วง
ว่าน้องเรามันจะหลอกผลาญสิ่งที่เค้ามีตอนนี้จนหมด (ซึ่งเอาจริงๆมันไม่ใช่ของเค้าด้วยซ้ำ)
เราโทรไปเตือน โทรไปเพื่อจะถาม ว่าเค้ารู้เห็นเป็นใจให้มันใช้ชีวิตแบบนี้ใช่มั้ย วันนี้ได้รู้แล้วว่าแม่เรารับรู้ทุกอย่าง
แต่ไม่เคยคิดดี ไม่เคยสอนใครให้ทำดี มีแต่สอนให้หาผัวรวยๆ หลอกเงินคนอื่นมาเยอะๆ
เอาเงินมาให้เค้าเยอะๆ เมื่อเราให้ไม่ได้ เราก็เป็นแค่หมาตัวนึงสำหรับเค้า
เรียกร้องหาความกตัญญู แต่เลี้ยงเราให้โตมาอย่างอึดอัดและยากลำบากทั้งกายใจ

แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เรากับแม่+น้องก็ขาดกัน พ่อเราก็เงียบหายไปด้วย ก็คงไม่พอใจมั้งที่เราไปด่าลูกเค้า
วันนั้นก่อนจะลาจากกัน พ่อเราถามว่า ทำงานอะไร ได้เงินเท่าไหร่ พอเราบอกไปก็ติ
ว่างานไม่เป็นหลักเป็นแหล่งก็แบบนี้แหละ ไม่ไปก็ไม่ได้เงินใช่มั้ย
พูดเปรียบเทียบกับตัวเองว่ากินเงินบำนาญ ตอนนี้ถึงไม่ได้ทำก็ไม่อดตาย
อ้างเปรียบเทียบไปถึงลูกของญาติไปอยู่เมืองนอก หาคนไปทำงาน คิดค่าหัวคิวเค้าได้เงินเยอะ
ถามว่าทำไมเราไม่ไปหากินอยู่เมืองนอก มีบ้านกี่หลังแล้ว มีรถกี่คัน ประชดประชันเราตลอด
คุยกับที่บ้านทีไร จะมีแต่ความรู้สึกทุกข์ใจและบั่นทอนกำลังใจในการใช้ชีวิตมาก

จนวันนี้ เรานั่งมองหน้าสามี คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลาแค่ 3 ปี แต่รู้สึกขอบคุณที่เค้าเข้ามาในชีวิตเรา
เค้าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงอย่างเดียวในชีวิตตอนนี้ ที่ฉุดเราไว้ไม่ให้เราเป็นบ้าไปซะก่อน

ทุกๆปีก่อนหน้านี้ เราจะไปไหว้พระขอพรให้ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องเรามีความสุข
ขอให้เค้าพ้นจากความทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะเรารู้ว่าเราดูแลเค้าไม่ได้
และเราจากเค้ามานานและไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว ถึงแม้ครั้งนึงเราเคยพยายามเพื่อเค้า
แต่สิ่งที่เราทำมันทำลายและสร้างความทุกข์และรอยด่างในชีวิตเรามาจนถึงทุกวันนี้
เราเดินออกมา ต่างคนต่างอยู่ แต่ในใจระลึกถึงเสมอ เคยคิดว่าซักวันนึงเมื่อทำใจได้ อาจจะกลับไป

แต่นับจากนี้ ไม่มีความคิดนั้นหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ตายก็ไม่ต้องเผาผีกัน

ปีนี้สิ่งที่เราขอคือ ขอให้สิ่งที่เค้าทำ กรรมเลวที่เค้าก่อ ย้อนกลับไปหาตัวเค้า ไม่ทางใดก็ทางนึง
สิ่งใดที่ไม่ใช่ของเรา ไปยึด ไปแย่งชิงเค้ามา มันก็จะจาก จะหลุดลอยปลิดปลิวหายไป ได้มายังไงก็เสียไปแบบนั้น
กิเลศและความโลภมันจะทำลายชีวิตของคุณเอง

ถามว่า ...... ที่เราคิดแบบนี้ รู้สึกแบบนี้ เราเนรคุณมากไปมั้ย


---------------------------------------------------------------แก้สะกดคำผิดค่ะ

edited: 1/5/2017 3:15am

เรามาตอบเพิ่มรายละเอียดใน reply ที่คห. 28 กับ 76 นะคะ
ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับการตายของน้าเรา และเพราะอะไรเราถึงจากบ้านมา
มันค่อนข้างยาวนะ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่เราจะพยายามเล่าให้ฟังละกันนะคะ เอาไว้อ่านเล่นๆ
ถือเป็นการแชร์มุมๆหนึ่งของครอบครัวหนึ่งที่แตกยับไม่มีชิ้นดีละกัน

กับครอบครัวเรา เราไม่ได้คุยกันอีกตั้งแต่วันที่เราโทรไปหาเค้า 13 ธ.ค.
เค้าก็ไม่ได้โทรมาค่ะ ปกติเค้าก็ไม่โทรหาเราอยู่แล้ว สามีจากที่ชอบพูดว่าให้เรากลับบ้าน
ให้เราโทรหาที่บ้าน เราเคยบอกเค้าว่า ถ้าเรากลับบ้านเราต้องมีเงิน เธอไม่รู้จักครอบครัวชั้น เธอไม่เข้าใจหรอก
ก่อนนี้เค้าไม่เชื่อเรา เค้ามักจะบอกเราว่า ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูก
วันที่ 13 ธ.ค. เราพิสูจน์ให้เค้าเห็นแล้วว่า ก็มีพ่อแม่เรานี่ล่ะค่ะ

-- edited เพิ่มล่าสุดเรื่องน้า เราเล่าจบแล้วที่คห. 98 + 99 นะคะ ขอโทษที่ช้าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าคุณก้าวเท้า ออกมาจากปัญหาที่เจอก็ไม่ควรกลับไปสู้ปัญหาเดิมๆ รังแต่จะทำให้ไม่สบายใจ แต่คอยดูอยู่ห่างๆยามที่เขาล้มลง และช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่