แชร์แนวทางการวิเคราะห์ Solar Farm

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ วันนี้อยากจะมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นที่ลงทุนใน Solar Farm เผื่อจะเป็นแนวทางในการวิเคราะห์เพื่อหาหุ้นในการลงทุนต่อไปครับ

เริ่มต้นเรามารู้จักความเป็นมาของ Solar farm ในประเทศไทยโดยผมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง หลักๆ คือ
1. Adder เป็นยุคเริ่มต้นของ solar ในยุคแรกมูลค่าลงทุนต่อเมกะวัตต์ยังสูงอยู่ ประมาณ 130-150 ล้านต่อ MW ดังนั้นทางภาครัฐเลยให้ adder ในราคาที่สูง(ราคาขายไฟอยู่ที่ 10-12 บาทต่อหน่วยไฟในช่วงแรก 7-10ปี และประมาณ 4 บาทหลังจากหมด adder) เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน แต่ในช่วงปี2014 ราคาของแผงโซล่าลดลงอย่างมาก ทำให้ลค่าลงทุนต่อเมกะวัตต์ลงมาอยุ่ที่ 70-90 ล้านต่อ MW ทำให้บริษัทที่ลงทุนในช่วงดังกล่าวกำไรเพิ่มอย่างมากเพราะราคาขายยังได้สูงอยู่แต่เงินลงทุนลดลง ตัวอย่างของหุ้นที่ได้ประโยชน์เต็มๆก็คือ EA,SPCG เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของ solar เลยก็ว่าได้ ส่วนอีกรายที่ได้จำนวน MW ในรูปแบบ adder เยอะก็คือ BCPG แต่ว่ามูลค่าเงินลงทุนต่อ MW จะสูงกว่า 2เจ้าแรก แต่ก็ยังถือว่ากำไรดีค่อนข้างดีอยู่ดีครับ
2. FIT ที่ใช้กันอยุ่ปัจจุบัน ก็พัฒนามาจาก adder โดยเปลี่ยนจากให้ราคาค่าไฟที่สูงในช่วงแรกเปลี่ยนมาเป็น ให้ราคาที่เหมาะสมกับมูลค่ากับเงินลงทุนและให้ราคาเดียวยิงยาว 25 ปี ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย ซึ่งราคานี้จะเห็นว่าราคาลดลงจาก adder เกือบเท่าตัว ก็เพราะลค่าลงทุนต่อเมกะวัตต์ลดลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 60 ล้านต่อ MW ครับ

ทีนี้เราก็มาดูว่าทำไมบริษัทในตลาดถึงชอบมาลงทุนใน Solar Farm
1. ธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง เนื่องจากเป็นลักษณะธุรกิจสัมปทาน ซึ่งมีผู้ซื้อเป็นการไฟฟ้าที่มีความมั่นคงสูง
2. ธุรกิจไม่ซับซ้อน ลงทุนจ้างผู้รับเหมาและผู้ดำเนินโครงการก็สามารถ ดำเนินงานได้สบายๆ แดดซึ่งเป็นปัจจัยในการผลิตก็ไม่ค่อยน่าห่วงเพราะบ้านเราแดดดีเหลือเกิน
3. ธุรกิจที่มีกำไรสม่ำเสมอ ทำให้ไม่ใช่แค่บริษัททั่วไปที่อยากได้มาครอบครอง บริษัทที่อยากจะสร้าง story ปั่นหุ้นก็ยิ่งชอบมากๆเพราะจะเอามาอ้างได้ว่าบริษัทมีกำไรจริงๆ จะเห็นว่าช่วง 2ปีที่ผ่านมาแค่มีข่าวว่าจะลงทุนราคาหุ้นก็ปรับสูงขึ้นตาม

จากข้อดีที่กล่าวข้างต้นทำให้บริษัทแย่งกันอยากได้ solar farm มาครอบครองกันอย่างมากทั้ง แบบ adder หรือ fit จนทำให้ตลาด solar farm เรียกได้ว่าดุเดือดมากเลยทีเดียวครับ ทีนี้เราจะมีแนวทางวิเคราะห์หุ้นที่จะเข้าไปลงทุนใน solar farm อย่างไรดี
1. มี PPA จริงรึป่าว เราจะเห็นแต่ละบริษัทอ้างว่ากำลังจะมีโครงการ กี่MWก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายก็มีบ้างไม่มีบ้าง อันนี้ก็ลองเช็คจาก ERC หรือข้อมูลบริษัทที่แจ้ง กลต. ก็ได้ครับ
2. โครงการ Solar farm ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ มูลค่าเงินลงทุนครับ ถ้าอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 60 ล้านต่อ MW ของ FIT และ 100 ล้าน ต่อ MW ถ้าเกินจากนี้ถือว่าโครงการที่ได้มาเริ่มแพงครับ เพราะหลายบริษัทมีแนวโน้มจ่ายแพงเพื่อให้ได้ PPA ทั้งนี้กรณี adder จะต้องพิจารณาปีที่ adder เหลือด้วย
3. สามารถหาเงินกู้จากธนาคารได้หรือไม่ ตรงนี้เหมือนให้ bank มาช่วยดูเรื่อง feasibility อีกทีถ้า bank ปล่อยก็ถือว่าผ่านการ screen แต่ถ้าออก B/E มาก็เริ่มต้องพิจารณาถึงแผนการหาเงินของบริษัทดีๆครับ เพราะ Solar farm ควรจะมีเงินกู้ที่เป็นเงินกู้ระยะยาวมาสนับสนุนเพราะ match กับกระแสเงินสดมากกว่า หลายๆโครงการล้มเพราะไม่ได้เงินกู้ก็มีครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็ก
4. อีกประเด็นที่น่าสนใจในการวิเคราะห์คือกำไรของบริษัทครับ ทั้ง adder และ FIT จะโชว์กำไรสุทธิพอสมควร แต่เรามักจะเห็นความแตกต่างในการจ่ายปันผลครับ เพราะ adder จะมีกระแสเงินสดส่วนเกินหลังจ่ายหนี้ค่อนข้างเยอะทำให้สามารถปันผลออกมาได้เยอะเช่นกัน แต่ FIT แม้ว่ามีกำไรแต่กระแสเงินสดส่วนเกินหลังจ่ายหนี้จะเหลือน้อยทำให่ปันผลออกมาได้น้อย ดังนั้นเราถ้าเป็นบริษัทที่มี Solar farm แบบ FIT เยอะจะเห็นว่าการจ่ายปันผลต่ำเนื่องจากเงินที่ทำมาหาได้ต้องไปจ่ายหนี้เหลือส่วนเกินออกมาค่อนข้างน้อย ซึ่งตรงนี้น่าสนใจนะครับเพราะอาจจะเห็นข่าวว่าหุ้น xxx จะโชว์กำไรเท่านั้นเท่านี้ แต่สุดท้ายจริงๆแล้วกำไรทำมาหาได้คืนหนี้แบงค์หมด อันนี้ก็ต้องระวัง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรกลับไปวิเคราะห์ข้อ2-3 ดีๆถ้าบริษัทพัฒนาโครงการโดยมีการลงทุนที่สมเหตุสมผล ผมว่าประเด็นนี้ก็น่าห่วงน้อยลงครับ
5. สำหรับโครงการแบบ adder หลายคนอาจจะมีคำถามว่า adder หมดทำยังไงกระทบเยอะไหม คำตอบแรกคือ ค่อนข้างกระทบแน่นอนครับเพราะรายได้จะหายไปค่อนข้างเยอะ (เกินครึ่ง) อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่บริษัทก็จะมีการเตรียมความพร้อมในการลงทุนเพื่อชดเชยส่วนที่จะหายไปครับ อันนี้เราก็กลับมาสูตรเดิมว่าโครงการที่บริษัทจะไปลงทุนเพิ่มเติมมันสมเหตุสมผลรึป่าว แต่ผมมองว่าบริษัทน่าจะหาการลงทุนที่ดีแบบ adder ได้ลำบากครับ เพราะด้วยการแข่งขันในปัจจุบันที่สูงมากและแนวโน้มที่รัฐจะลดราคาที่สนับสนุนลง (ล่าสุด FIT อาจจะลดลงเหลือ 4 บาทต้นๆ) โครงการใหม่ๆคงยากขึ้นครับ

สรุป
1. โดยพื้นฐานของธุรกิจผมเชื่อว่า solar farm เป็นธุรกิจที่ดีและมั่นคงครับ และอัตราผลตอบแทนของโครงการก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล และไม่น่าจะมีลักษณะมูลค่าเงินลงทุนต่อเมกะวัตต์ต่ำและราคาขายไฟสูงอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกคนในตลาดเริ่มรู้และสนใจลงทุนมากขึ้น
2. ผมมองว่าบริษัทในตลาดหลายบริษัท ลงทุนกับ solar farm แบบ aggressive เกินไปทำให้โอกาสที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลแบบในข้อแรกลดน้อยลงไป จะเห็นว่าบริษัทเล็กๆพยายามจะซื้อ solar farm ในราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจะต้องวิเคราะห์ มูลค่าลงทุนเพื่อประเมินความคุ้มค่าและแยกแยะบริษัทที่ลงทุนจริงหรือแค่นำไปสร้าง story
3. การแข่งขันให้ได้มาซึ่ง PPA สูงมากดังนั้นโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดของผู้เล่นแต่ละรายถือว่าไม่ง่ายครับ

อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ ก็เอามาแชร์กัน ไว้ว่างๆอาจจะมาแชร์เพิ่มเติม เกี่ยวกับ solar ในต่างปะรเทศและ renewable energy ประเภทอื่น หากมีใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็ยินดีแลกเปลี่ยนกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่