Hyper Loop รถไฟความเร็วสูง สำหรับประเทศไทย 4.0 [#2]

สวัสดีปีใหม่ครับ          พลุโอ่ง
เพื่อนๆ คงเที่ยวกันสนุกสนาน   
ปีใหม่นี้ ก็ขอให้เริ่มต้นปีด้วยความสุข   และ ประสบความสำเร็จในการงานทุกท่านนะครับ    อมยิ้ม01

ผมคงจะเพิ่มกระทู้ รถไฟฟ้า Hyper Loop  อีกสักสองสามกระทู้
จากเริ่มแรกที่คิดว่า จะเสนอแนะ ลุงตู่ ให้นำไปเป็นโครงการในรัฐบาลของท่านเลยเมื่อ 29 ธค

แต่เนื่องจากกระทู้แรก    https://pantip.com/topic/35956968
ได้ความกรุณาเม้น มาจาก  เจ๊แตงกวา  อย่างอบอุ่น
ก็เลยคิดว่า...แม้แต่เจ๊แตงกวาที่อยู่คู่กับหว้ากอมานาน  ยังเม้นแบบอบอุ่นขนาดนี้
คงต้องมีรายละเอียดเพิ่ม  เพื่อความเข้าใจตรงกัน(นะ)  เสียก่อน
แล้วค่อยเสนอแนะตอนท้าย

เริ่มจาก ...ข้อข้องใจหลักๆเลย  คือ
การลงทุน ระบบ HyperLoop จะถูกกว่า รถไฟความเร็วสูงอื่น อย่างไร
(ขอ tag "รัฐบาล"ด้วย เพื่อให้เห็นในห้องราชดำเนินด้วย เพื่อความต่อเนื่อง
  แม้จะเป็นเรื่องทางเทคนิคล้วนๆ นะครับ)

ขออ้างอิงจากคลิปนี้         Hyper Loop  Levitation

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ในคลิป  เขาเน้นเปรียบเทียบ  รถไฟ Maglev  กับ  Hyper Loop
เหตผล คงเป็นเพราะว่า  Maglev  เป็นรถไฟที่เทคโนโลยี่สูงสุดในปัจจุบัน
ทำความเร็วได้สูงที่สุด ในปัจจุบัน  ที่ประมาณ 600  กม/ชม
พอจะเปรียบกันได้กับ Hyper Loop  ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1000 กม/ชม

และ เปรียบเทียบกับ  เครื่องบิน  ที่เร็วพอๆกัน
และเป็นที่นิยมใช้อยู่ในอเมริกา ที่มี ขนาดประเทศกว้างใหญ่
----------------------------------------------
เริ่มที่ Maglev  เป็นรถไฟที่ใช้ไฟฟ้าเพื่อสร้างการยกลำตัวรถไฟ ให้ลอยจากราง
(มี 2 ระบบ   รถ Maglev ในจีน ซึ่งเป็นแบบของเยอร์มัน  จะยกสูงจากรางประมาณ 1 ซม
ส่วนของญี่ปุ่น  จะยกสูงถึงเกือบ 10 ซม โดยใช้วัสดุ superconductor )

รางของ Maglev  ต้องสร้างด้วย ขดลวดไฟฟ้า พันรอบแกนเหล็ก ยาวไปตลอดเส้นทาง
ทำให้ ต้นทุนในการสร้างรางสูงมาก
ยิ่งระบบของญี่ปุ่น ที่ใช้ superconฯ  ก็ยิ่งแพงมากขึ้นอีกเยอะ
แต่ของจีน  ที่ยกรถขึ้นแค่ 1 ซม  ก็ทำให้การสร้างรางต้องแม่นยำ เที่ยงตรงมาก
ฐานและเสาต้องมีการสร้างอย่างดี ป้องกันการยุบตัวของดินที่มีผลต่อ ระดับรางให้น้อยที่สุด

มาดูระบบของ Hyper Loop
ขดลวดแม่เหล็กที่ใช้ขับเคลื่อน จะอยู่ที่ตัวรถ (ที่เรียกว่า Pod )
โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในตัวรถเอง
ที่ทำเช่นนี้ได้  เพราะ ตัวรถไม่ต้องใช้แรงขับมากเหมือนรถไฟอื่น ที่ต้องวิ่งแหวกอากาศ
ตัว Pod  จะวิ่งในท่อที่เกือบเป็นสูญญากาศ  จึงเกือบไร้แรงต้าน
แรงต้านที่มีเล็กน้อย  ก็ถูกชดเชยด้วยแรงดูดอากาศของ คอมเพรสเซอร์หน้ารถ
(รูปร่าง คล้ายเครื่องยนต์ของเครื่องบินJet  แต่ไม่มีการสันดาปเพิ่มพลัง  ใช้ขับด้วยไฟฟ้าเท่านั้น)
ตัวราง  จะเป็นเพียงแท่งอลูมิเนียม  จึงมีราคาถูก(มาก)
ตัวท่อ ที่เพิ่มขึ้นมา  ก็ไม่ซับซ้อนอะไร  (น่าจะไม่แพง)

เมื่อไม่มีแรงต้าน  จึงใช้แรงขับเพื่อเพิ่มความเร็วเท่านั้น
มันจึงเพิ่มความเร็วขึ้นได้จนสูงมาก ( ถึงระดับเกือบ 300 ม/วินาที)
ที่ความเร็วสูง  อากาศบางๆในท่อ สามารถทำหน้าที่เป็นแบริ่ง ป้องกันตัวรถสัมผัสกับผิวท่อด้านในได้
จึงไม่ต้องใช้ แม่เหล็กไฟฟ้าช่วยในการทรงตัวของตัวรถเหมือน Maglev

และเมื่อรถวิ่งอยู่ ที่ความเร็วเกิน 20 ไมล์/ชม(ประมาณ 32 กม/ชม)
ตัวรถจะยกลอยขึ้นด้วยแรงยกของการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากแม่เหล็กถาวร ใต้ตัวรถ Pod
(ส่วนนี้ น่าจะใช้พลังงานในตอนเริ่มวิ่งเพิ่มขึ้น  เขาไม่ได้บอกไว้)

เมื่อใกล้ถึงปลายทาง  ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า จะเหนี่ยวนำไฟฟ้าส่งกลับคืนไปชาร์จแบตเตอรี่
เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้เดินรถในรอบต่อไป ได้ส่วนหนึ่ง
(ดูตอนท้ายๆคลิป)
ซึ่งจะได้พลังงานกลับคืน  จากการลดความเร็วรถ  และการลดระดับตัว Pod ลง

พลังงานที่ใช้ไปจึงไม่มาก  เมื่อเทียบกับเครื่องบินที่มีความเร็วในการเดินทางใกล้เคียงกัน
จึงประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนพลังงานลงไปมาก

โดยสรุป  ระบบ Hyper Loop  ลงทุนสร้างน้อยกว่า Maglev   แต่มีความเร็วสูงกว่า
แต่ถ้าหากเทียบกับรถไฟ ความเร็วสูง (160 กม/ชม) ในโครงการ 3.3 ล้านๆ
อาจจะลงทุนใกล้เคียงกัน   ได้ส่วนต่างพอๆกันก็ได้

ได้ค่าโดยสารที่ถูกกว่าเครื่องบิน  ในความเร็วสำหรับเดินทางดีกว่า
เพราะไม่ต้องมีการเตรียมการ ที่สนามบินเป็นเวลานาน

กระทู้ถัดไป  จะมาดูเรื่องระบบสูญญากาศครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่