สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มันเป็นนิสัย ชอบอะไรง่ายๆของคนไทย มากกว่า
อย่าอ้างว่า คนไทยเครียด หรือต้องทำมากิน เลยชอบดูอะไรเบาสมองเลย
คนชาติอื่นๆ เค้าก็เครียด เค้าก็ต้องทำมาหากินเหมือนกันทั้งนั้น
ดูง่ายๆอย่างเกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่นสิ
คนเค้าเครียดและทำงานกันจนพัฒนาประเทศไปไกล
ก็ไม่เห็นว่าเค้าจะดูแต่สื่อเบาสมองอย่างเดียวเลย
สื่อละครสร้างสรรค์ หรือละครที่ดูแล้วชวนใช้สมองคิดตามมีตั้งเยอะแยะ แถมส่งออกได้อีกมากมาย
ยอมรับเถอะ ว่ามันเป็นนิสัยเฉพาะของคนไทย
ที่ชอบดูอะไรง่ายๆ เดิมๆ ไม่ต้องคิดตามาก
สร้างละครแบบสุกเอาเผากิน ก็ยังฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง
อะไรนิดอะไรหน่อย ก็ปล่อยผ่านได้หมด
สื่อละครไทย เลยยังไม่ค่อยพัฒนาไปไหน
การถ่ายทำยังไม่ปราณีต ซีจีก็เอาแค่ดูรู้พอ ว่าตัวอะไรเป็นตัวอะไร
ไม่ต้องเปลืองแรง เปลืองเวลา เปลืองงบ ทำงานออกมาให้ดีที่สุดก็ได้
แค่ทำออกมาพอดูได้ คนไทยก็ดูกันแล้ว
แต่ก็เริ่มมีคนไทยรุ่นใหม่ๆนี่แหละ ที่เสพงานต่างชาติแล้วเห็นมาตรฐานของเค้า
จนไม่ค่อยดูละครไทยสักเท่าไหร่แล้ว
จนเริ่มมีคนทำละคร ทำซีรี่ส์รุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มพัฒนางานให้เทียบเท่างานต่างชาติกันบ้างแล้ว
อย่าอ้างว่า คนไทยเครียด หรือต้องทำมากิน เลยชอบดูอะไรเบาสมองเลย
คนชาติอื่นๆ เค้าก็เครียด เค้าก็ต้องทำมาหากินเหมือนกันทั้งนั้น
ดูง่ายๆอย่างเกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่นสิ
คนเค้าเครียดและทำงานกันจนพัฒนาประเทศไปไกล
ก็ไม่เห็นว่าเค้าจะดูแต่สื่อเบาสมองอย่างเดียวเลย
สื่อละครสร้างสรรค์ หรือละครที่ดูแล้วชวนใช้สมองคิดตามมีตั้งเยอะแยะ แถมส่งออกได้อีกมากมาย
ยอมรับเถอะ ว่ามันเป็นนิสัยเฉพาะของคนไทย
ที่ชอบดูอะไรง่ายๆ เดิมๆ ไม่ต้องคิดตามาก
สร้างละครแบบสุกเอาเผากิน ก็ยังฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง
อะไรนิดอะไรหน่อย ก็ปล่อยผ่านได้หมด
สื่อละครไทย เลยยังไม่ค่อยพัฒนาไปไหน
การถ่ายทำยังไม่ปราณีต ซีจีก็เอาแค่ดูรู้พอ ว่าตัวอะไรเป็นตัวอะไร
ไม่ต้องเปลืองแรง เปลืองเวลา เปลืองงบ ทำงานออกมาให้ดีที่สุดก็ได้
แค่ทำออกมาพอดูได้ คนไทยก็ดูกันแล้ว
แต่ก็เริ่มมีคนไทยรุ่นใหม่ๆนี่แหละ ที่เสพงานต่างชาติแล้วเห็นมาตรฐานของเค้า
จนไม่ค่อยดูละครไทยสักเท่าไหร่แล้ว
จนเริ่มมีคนทำละคร ทำซีรี่ส์รุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มพัฒนางานให้เทียบเท่างานต่างชาติกันบ้างแล้ว
แสดงความคิดเห็น
สาเหตุปัญหาความไม่หลากหลายของสื่อบันเทิงในไทย อาจมีรากลึกกว่าที่เราคิด
เคยลองนั่งนึกถึงปัญหาว่า มันเป็นปัญหาจริงๆไหม และสาเหตุมันมาจากอะไรได้บ้าง
เมื่อลองคิดทบทวนดู ก็พบว่า จริงๆแล้ว รากของปัญหามันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เคยคิด
ปัญหาของสื่อบันเทิงไทยเรา เรามักบอกว่า มันมีแต่เรื่องน้ำเน่า วนเวียนมีแต่ละครชิงรักหักสวาท ขาดสื่อสร้างสรร
จขกท มองดูแล้ว อันที่จริงการมีละครน้ำเน่า หรือมีแต่เพลงรัก หนังรัก หนังทำตามกระแส ไม่ได้เป็นปัญหาเลย
ไม่ว่าประเทศไหนชาติไหนก็มีหนังละคร เพลงน้ำเน่าทั้งนั้น
เพียงแต่มันเป็นหนึ่งในประเภทบันเทิง และ มันมีสื่ออีกหลากหลายประเภทให้เลือก
สาเหตุของปัญหาพวกนี้ อาจจะมีที่มาจากหลายอย่าง
- วัฒนธรรมลิเก หมอลำ คนดูไทย เคยชินกับฐานวัฒนธรรมแบบนี้ คือการ escape
สื่อบันเทิงทำหน้าที่นันทนาการเป็นหลัก แพทเทิร์นขาวดำและความจัดจ้าน เพื่อเรียกคนดูให้อยู่หน้าโรงนานที่สุด
ตัวโกงจึงเลวสุดขีด ตัวดีพระเอกนางเอกเป็นเหมือนแม่พระพ่อพระ ความรู้สึกร่วมต่อพระนางจะทำให้คนดูผูกติดกับเรื่อง
การเลือกข้างเอาใจช่วยพระนาง ทำให้คุณความดีของพระนางต้องแข็งแกร่งมั่นคง
ร้อยเนื้อทำนองเดียว เป็นสิ่งที่คนไทยรับได้ การเปลี่ยนเนื้อหาแต่โครงเดิม อาทิพล็อตสลับลูก ไม่เป็นปัญหาของคนดู
- ลัทธิเอาอย่างของคนไทย กับการขาดความรู้ในการตลาด ถ้าในตอนไหนสื่อแบบใดทำเงินสักพักจะเกิดสื่อแบบนั้นจนเฟ้อ
สิ่งนี้เกิดในทุกวงการ เช่น ร้านกาแฟ ร้านนม เสื้อผ้าแฟชั่น ร้านสะดวกซื้อ
จนถึง รายการประกวดร้องเพลงร่วมร้อยรายการในแทบทุกช่องทีวี
หนังผีตามแม่นากตามพี่มาก หนังวัยรุ่นเป็นพักๆ ละครวายเป็นช่วงๆ
ตรงนี้ผนวกเข้ากับ การขาดทุนสนับสนุนและกำหนดทิศทางจากหน่วยงานของรัฐ ทำให้กำไรเท่านั้นเป็นที่ตั้งของผู้ผลิต
- วัฒนธรรมลิเก ยังทำให้สื่อบันเทิง เป็นเหมือนการเล่นที่ไม่ต้องเอาจริงเอาจัง
ทำให้ความสมจริงของสื่อไม่ต้องสมบูรณ์ละทิ้งได้ ตราบใดที่เรื่อง บท และการแสดงยังทำให้คนดูสนใจ
นางเอกลิเกปลอมตัวยังสวมมงกุฎ ไม่ต่างกับนางเอกไทยแต่งหน้านอนเพื่อให้ดูสวยเสมอ
ตรงนี้ยังมีบางอย่างเหมือนกับข้อถัดไป คือ ความเป็นวิทยาศาสตร์ในระบบการศึกษา
- Content ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ความอ่อนด้อยในภาพรวมของการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ชัดเจน
จขกท มองว่านี่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญอีกอย่าง
ซึ่งแยกกันไปได้สองส่วน ส่วนแรกคือ ขาดแคลนเนื้อหาแบบวิทยาศาสตร์ ส่วนหลังคือขาดแคลนลอจิค
แหล่งผลิตของบทส่วนใหญ่มาจากบทประพันธ์ ซึ่งในระบบการศึกษาของไทย งานเขียนจัดเป็นงานศิลป์
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว งานเขียนเป็นพื้นฐานในการนำเสนอความรู้ในแขนง ทั้งวิทยและศิลป์
นิยายเชิงวิทยาศาสตร์ในหลายๆด้านแทบไม่ปรากฎ เพราะไม่มีคนมีความรู้ด้านนี้มาเขียน
ละครไทยไม่ต้องพูดว่าจะมีละครหมอ ในเมื่อทุกวันนี้แค่หมอในละครยังแสดงกันผิดๆ
คนไทยขาดการเรียนรู้เชิง Logic เราไม่ได้เรียนรู้การตั้ง argument เพื่อทดสอบ
กว่าจะรู้ก็โน่นเรียนปริญญาเอก ซึ่งใช่ว่าสถาบันจะสอนทุกสถาบัน
ละครหนังพากันไปซื้อหนังสือไลท์โนเวลราคาถูกมาสร้าง ซึ่งเขียนกันโดยไร้ความสมจริง
ละครว่าด้วยความเป็นจีน ในเรื่องเดียวยังใช้ชื่อปะปนกันไปหมดทั้งจีนแต้จิ๋ว จีนกลาง จีนฮ่องกง
ไม่ใช่ว่า สื่อบันเทิงในไทยเลวร้ายเหลือจะรับ มันยังมีสื่อสาระดีๆอยู่มาก ในหลายช่องใหม่ๆ
แต่การจะปฏิวัติสื่อตรงนี้ให้เอกชนทำฝ่ายเดียวคงไม่ไหว
การสนับสนุนและกำหนดทิศทางของรัฐน่าจะเข้ามามีส่วนเพิ่มอีก ให้มีสาระมีบรรทัดฐานที่สูงขึ้นอีก
โอกาศในการหลอมรวมสื่อบันเทิงเอเชียกำลังเดินหน้าแข็งแกร่ง รัฐเองก็ส่งเสริม creative economy
ความเข้มแข็งของวงการไทยในเอกลักษณ์บุคคลเรื่องความสามารถ ไม่ได้น้อยหน้าใคร
ถ้าเรามีกรอบการพัฒนามีการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ โอกาสแข่งขันของเอกชนในเวทีเอเชียคงสูงขึ้น