วันนี้ผมพึ่งรู้ว่าการซื้อ LTF ไม่ใช่แค่การลงทุน
แต่วันนี้ LTF ได้หัวใจผมไปด้วย ปกติซื้อผ่านบัญชีออนไลน์
ปีนี้ลองเปลี่ยนกอง เลยได้มีโอกาสไปเป็นผู้เริ่มต้นใหม่สำหรับการลงทุนอีกครั้ง
เริ่มต้นจากเดินเข้าไปสาขาก่อน วันนี้กว่าจะเสร็จธุระก็เวลาล่วงเลยไป 4 โมงเย็นแล้ว
สาขาทั่วไปปิดกันหมด ผมเลยเลือกสาขาในห้างแถวบ้าน เข้าไปจุดกดบัตรคิวแล้วก็แจ้งน้องพนักงานว่าผมมาซื้อ LTF
น้องพนักงานบอกผมว่าพี่ต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของแบงค์ก่อนจึงจะซื้อได้
แต่เอะ... ทำไมผมคุ้นๆว่าแบงค์ก่อนหน้านี้เขาบอกว่ามีบัญชีออมทรัพย์ของแบงค์ไหนก็ได้ อันนี้ผมยังสงสัยวอนผู้รู้ช่วยคอนเฟิร์มผมหน่อยละกัน
หลังจากกดบัตรคิว น้องพนักงานก็เอาใบสมัครสำหรับซื้อ LTF มาให้กรอก อยากบอกว่ามันหนามาก ผมต้องกรอกหมดนี้เลยเหรอ...โอ้ววแม่เจ้า
แต่เนื่องจากคนเยอะมาก คิวที่กดไว้คงต้องรออีกนาน ก็ค่อยๆกรอกเอกสารกันไป
เอกสารที่ต้องกรอกจำได้คร่าวๆ
1. เอกสารการสมัครเปิดบัญชีกองทุน
2. เอกสารเกี่ยวกับที่มาของรายได้อะไรประมาณนี้
3. เอกสารการพำนักในต่างประเทศ(คนที่เกิดในไทย จะให้กรอกไปทำไมกันนะ)
4. เอกสารเกี่ยวกับคนอเมริกา (เอ่อ...สงสัยทำไมต้องอเมริกา)
5. ประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง กรอกสูงๆไปเลย เพื่อให้ซื้อกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงๆได้เลยโดยไม่ต้องเซ็นยินยอมอีก
ุ6. ....และอื่นๆ จำไม่ได้
กรอกเอกสารเสร็จก็ไปนั่งรอเรียกคิว ผมกรอกเอกสารก็หลายนาที แต่ละอันรายละเอียดก็ย๊าวยาว นึกว่าตัวเองทำข้อสอบ Final
พอนั่งรอได้แป๊บเดียวก็ถึงคิวพอดี เราใช้เวลาในการทำข้อสอบดีมาก...
แต่ๆๆ...พอผมเดินไปที่เคาน์เตอร์พนักงานยกมือไหว้ ผมเงยหน้ามอง มือไม้ผมอ่อนไปหมด หัวใจเต้นผิดจังหวะ เธอช่างนักรักเหลือเกิน
เธอไม่ได้จัดว่าเป็นคนสวยมากมาย แต่รอยยิ้มเธอช่างทำให้ใจผมเต้นรัวๆ เป็นจังหวะ 3 ช่า
แล้วเธอก็ถามผมว่ามีเอาบัญชีออมทรัพย์มาไหมค่ะ ผมตอบเธอด้วยน้ำเสียงแบบหล่อๆ ผมไม่มีครับ
ผมมีแค่บัตรประชาชนใบเดียวติดตัวมาผมสมัครได้ไหม? เธอตอบว่าได้ค่ะ ขอบัตรประชาชนเพื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์ก่อนนะคะ
ครับ....ผมมีเงินติดตัว 500 เปิดได้ใช่ไหม ได้ค่ะ... (เกือบไปแล้ว กดตังค์มาจนเกลี้ยงทุกบัตรกะจะมาเข้า LTF ตังติดตัวไม่เหลือแล้ว)
เธอก็เอาเอกสารการเปิดบัญชีมาให้กรอกอีก ห๊ะ....ผมต้องกรอกอีกแล้วเหรอ ผมเซ็นชื่อจนมือหงิกไปแล้วเนี่ย หลังๆลายเซ็นยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ
ไม่เป็นไรรอยยิ้มเธอน่ารัก ผมกรอกทั้งวันก็ยังได้ ผมใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้นนานมากเซ็นโน่นนี่นั่น(ใช้คำว่า ใช้ชีวิตกันเลย มันเป็นช่วงเวลาที่หัวใจผมเริ่มทำงานหลังจากไม่ทำงานมาก) คุณครับผมไม่เอา ATM นะครับ สมัคร i-banking ได้ใช่ไหม ใช่ค่ะ...เธอตอบพร้อมรอยยิ้มอีกตามเคย(เปิดบัญชีแบบไม่ต้องเอา ATM ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ATM มีเกือบจะครบทุกแบงค์แล้ว บัญชีสำหรับการลงทุนไม่จำเป็นต้องเอาเงินออกบ่อยๆก็ได้)
หลังจากเปิดบัญชีออมทรัพย์เสร็จก็ต้องกรอกใบสั่งตัดบัญชีล่วงหน้า เพราะวันนี้ผมมาหลังเวลาปิดรอบวันของกองทุนแล้ว ซื้อวันนี้แต่จะได้ราคาของพรุ่งนี้ สาธุขอให้พรุ่งนี้เซตลงต่ำๆ ผมจะได้ NAV ถูกลง วันนี้ไม่นึกว่าฝรั่งจะมาลากเซตไปไกลเลย ตั้งใจแกล้งคนซื้อ LTF ใช่ไหม
จากนั้นเธอก็ให้ผมกรอกรหัสสำหรับเข้าใช้ i-banking เพื่อเข้าใช้ครั้งแรกและไปทำการเปลี่ยนรหัสผ่านตอนหลัง และจะได้ SMS แจ้ง User-ID มา โดยที่เราสามารถไป Login ได้เองผ่านเว็บหรือ Mobile
เป็นอันจบภาระกิจการซื้อ LTF ในวันนี้ เธอยื่นสมุดบัญชีออมทรัพย์ให้ผมพร้อมกับเอกสารข้อมูลกองทุนที่ผมซื้อและที่ลืมไม่ได้คือรอยยิ้มที่เธอให้ผมมาด้วย ผมได้ทุกอย่างครบ แต่ผมยังไม่อยากออกจากสาขาไปเลย หัวใจผมยังอยู่ตรงนี้.... ไม่เป็นไรวันหลังผมจะมาเอาสมุดกองทุนใหม่หวังว่าผมจะได้คิวเคาร์เตอร์เธออีกครั้ง
เห็นไหมว่าการซื้อ LTF ไม่ใช่แค่การลงทุน.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้น้ำเน่าไปซะเยอะ อิอิ...
มาถึงสาระกันบ้าง
แล้วกองทุน LTF แบบปันผลกับไม่ปันผล แบบไหนให้ผลตอบแทนดีกว่า เรามาดูกัน
ผมจะยกตัวอย่าง มาหนึ่งกอง และอธิบายแบบง่ายๆ.....หรือป่าว?
ยกตัวอย่าง Timeline ของเก่าคือ 5 ปีปฏิทิน
สมมุติว่า กองทุนชื่อ XXLTF เป็นกองทุน LTF แบบปันผลปีละ 1 ครั้ง
เงินลงทุน 100,000 บาท สมมุตินะครับตัวเลขกลมๆ
กองทุน LTF แบบปันผล
- ธันวาคม 2556 NAV = 23.2998 ผมจะได้จำนวนหน่วยเท่ากับ 4,291.8823 หน่วย
- ปันผล 2557 0.75/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4,291.8823 x 0.75(และหักภาษี 10%) = 2,897.0206 บาท
- ธันวาคม 2557 NAV = 26.3574 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (2,897.0206/26.3574 = 109.9130)+ 4,291.8823 = 4,401.7953 หน่วย
- ปันผล 2558 0.60/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4401.7953 x 0.60(และหักภาษี 10%) = 2,376.9694 บาท
- ธันวาคม 2558 NAV = 21.9802 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (2,376.9694/21.9802 = 108.1414)+ 4,401.7953 = 4,509.9367 หน่วย
- ปันผล 2559 0.85/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4,509.9367 x 0.85(และหักภาษี 10%) = 3,450.1016 บาท
- ธันวาคม 2559 NAV = 24.0897 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (3,450.1016/24.0897 = 143.2190)+ 4,509.9367 = 4,653.1557 หน่วย
- มกราคม 2560 ครบ 5 ปีปฏิทินพอดี สมมุติว่า NAV ณ ตอนนี้อยู่ประมาณนี้คือ 24.0897 เราจะคำนวนมูลค่าได้เป็น 4,653.1557 x 24.0897 = 112,093.1249
* ในการนำเงินปันผลกลับมาซื้อต่อ เราก็จะได้ส่วนที่นำไปลดภาษีได้อีก ผมคำนวนคร่าวๆฐานภาษี 10% ได้ดังนี้ (289.7021+237.6969+345.0102)=872.4092 บาท
จะได้ผลตอบแทนรวม 112,093.1249+872.4092 = 112,965.5341
คิดเป็น (112,965.5341-100,000)/100,000 = 12.9655341 %
กองทุน LTF แบบไม่ปันผล
เพื่อให้ไม่มีความต่างด้านการบริหารของแต่ละกองมาเกี่ยวข้อง ผมจึงใช้กองทุนเดิมนี่แหละ แต่ทุกครั้งที่ปันผล ผมจะเอาเงินปันผลมาบวกเป็น NAV สะสมต่อไป โดยมีวิธีทำดังนี้
- ธันวาคม 2556 NAV = 23.2998 ผมจะได้จำนวนหน่วยเท่ากับ 4,291.8823 หน่วย
- ปันผล 2557 0.75/หน่วย
- ปันผล 2558 0.60/หน่วย
- ปันผล 2559 0.85/หน่วย
- ธันวาคม 2559 NAV = 24.0897
- มกราคม 2560 ครบ 5 ปีปฏิทินพอดี สมมุติว่า NAV ณ ตอนนี้อยู่ประมาณนี้คือ 24.0897
ถ้าผมนำเงินปันผลทั้ง 3 ครั้งมาบวกเข้ากับ NAV ผมจะ NAV คิดแบบกองไม่ปันผลคือ 24.0897+0.75+0.60+0.85=26.2897 บาท
เราจะคำนวนมูลค่าได้เป็น จำนวนหน่วยเท่าเดิมตั้งแต่ซื้อคือ 4,291.8823 x 26.2897 = 112,832.2981
คิดเป็น (112,832.2981-100,000)/100,000 = 12.8322981%
จากผลตอบแทนที่คำนวณนี้พบว่า แบบปันผลได้ผลตอบแทนที่มากกว่านิดหน่อย แต่มีวิธีคิดและกระบวนการถือค่อยข้างยุ่งยากเพราะต้องนำเงินปันผลมาซื้อใหม่ทุกครั้ง และสิ่งที่คิดออกมาได้ยังไม่สิ้นสุดซะทีเดียว แต่เป็นแค่มูลค่า ณ ขณะนั้น เพราะเงินที่ซื้อ LTF ในปีต่อๆมาจะมาขายในปี 2560 เลยไม่ได้ ต้องเป็นไปตามกำหนดช่วงระยะเวลาของมัน ส่วนแบบไม่ปันผลซื้อครั้งเดียวแล้วลืมมันไปได้เลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถึงเวลาก็ค่อยมาขาย
สรุปว่าทั้งแบบปันผลและไม่ปันผล มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยกว่ากันได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างทางคือช่วงเวลาที่กองทุนแบบปันผล นำเงินปันผลมาซื้อนั้น ราคา NAV ณ ขณะนั้นถูกหรือแพง ถ้ายิ่งถูกก็จะยิ่งได้หน่วยที่เพิ่มขึ้นมาก หรือถ้ายิ่งแพงก็จะยิ่งได้หน่วยที่เพิ่มขึ้นน้อยด้วยเช่นกันซึ่งอาจจะคำนวณรวมทุกอย่างแล้วแพ้กองแบบไม่ปันผลก็เป็นไปได้เช่นกัน
ดังนั้นใครจะฟันธงว่าแบบไม่ปันผลสิ ได้ผลตอบแทนดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียภาษีจากเงินปันผล ผมว่าไม่ใช่ซะทีเดียว การลงทุนมีความเสี่ยงจะเลือกแบบไหนก็เสี่ยงทั้งนั้น โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดี
ปล.
สำหรับผม กำไรของ LTF ปีนี้คือผมได้คนพบหัวใจอีกครึ่งดวงแล้ว...ฝันกันต่อไป
ท่านใดเห็นต่างหรือมีข้อแนะนำ หากผมคำนวณผิดตรงส่วนไหน ผมยินดีรับฟังและแก้ไข
แวะทักทายผมได้ที่เพท
https://www.facebook.com/WeIInvestor/ ทำด้วยใจไม่มีโฆษณาคั่น
พึ่งรู้ว่า LTF ให้อะไรมากกว่าการลงทุน(ดีต่อใจ) แบบฉบับผู้เริ่มต้น
แต่วันนี้ LTF ได้หัวใจผมไปด้วย ปกติซื้อผ่านบัญชีออนไลน์
ปีนี้ลองเปลี่ยนกอง เลยได้มีโอกาสไปเป็นผู้เริ่มต้นใหม่สำหรับการลงทุนอีกครั้ง
เริ่มต้นจากเดินเข้าไปสาขาก่อน วันนี้กว่าจะเสร็จธุระก็เวลาล่วงเลยไป 4 โมงเย็นแล้ว
สาขาทั่วไปปิดกันหมด ผมเลยเลือกสาขาในห้างแถวบ้าน เข้าไปจุดกดบัตรคิวแล้วก็แจ้งน้องพนักงานว่าผมมาซื้อ LTF
น้องพนักงานบอกผมว่าพี่ต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของแบงค์ก่อนจึงจะซื้อได้
แต่เอะ... ทำไมผมคุ้นๆว่าแบงค์ก่อนหน้านี้เขาบอกว่ามีบัญชีออมทรัพย์ของแบงค์ไหนก็ได้ อันนี้ผมยังสงสัยวอนผู้รู้ช่วยคอนเฟิร์มผมหน่อยละกัน
หลังจากกดบัตรคิว น้องพนักงานก็เอาใบสมัครสำหรับซื้อ LTF มาให้กรอก อยากบอกว่ามันหนามาก ผมต้องกรอกหมดนี้เลยเหรอ...โอ้ววแม่เจ้า
แต่เนื่องจากคนเยอะมาก คิวที่กดไว้คงต้องรออีกนาน ก็ค่อยๆกรอกเอกสารกันไป
เอกสารที่ต้องกรอกจำได้คร่าวๆ
1. เอกสารการสมัครเปิดบัญชีกองทุน
2. เอกสารเกี่ยวกับที่มาของรายได้อะไรประมาณนี้
3. เอกสารการพำนักในต่างประเทศ(คนที่เกิดในไทย จะให้กรอกไปทำไมกันนะ)
4. เอกสารเกี่ยวกับคนอเมริกา (เอ่อ...สงสัยทำไมต้องอเมริกา)
5. ประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง กรอกสูงๆไปเลย เพื่อให้ซื้อกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงๆได้เลยโดยไม่ต้องเซ็นยินยอมอีก
ุ6. ....และอื่นๆ จำไม่ได้
กรอกเอกสารเสร็จก็ไปนั่งรอเรียกคิว ผมกรอกเอกสารก็หลายนาที แต่ละอันรายละเอียดก็ย๊าวยาว นึกว่าตัวเองทำข้อสอบ Final
พอนั่งรอได้แป๊บเดียวก็ถึงคิวพอดี เราใช้เวลาในการทำข้อสอบดีมาก...
แต่ๆๆ...พอผมเดินไปที่เคาน์เตอร์พนักงานยกมือไหว้ ผมเงยหน้ามอง มือไม้ผมอ่อนไปหมด หัวใจเต้นผิดจังหวะ เธอช่างนักรักเหลือเกิน
เธอไม่ได้จัดว่าเป็นคนสวยมากมาย แต่รอยยิ้มเธอช่างทำให้ใจผมเต้นรัวๆ เป็นจังหวะ 3 ช่า
แล้วเธอก็ถามผมว่ามีเอาบัญชีออมทรัพย์มาไหมค่ะ ผมตอบเธอด้วยน้ำเสียงแบบหล่อๆ ผมไม่มีครับ
ผมมีแค่บัตรประชาชนใบเดียวติดตัวมาผมสมัครได้ไหม? เธอตอบว่าได้ค่ะ ขอบัตรประชาชนเพื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์ก่อนนะคะ
ครับ....ผมมีเงินติดตัว 500 เปิดได้ใช่ไหม ได้ค่ะ... (เกือบไปแล้ว กดตังค์มาจนเกลี้ยงทุกบัตรกะจะมาเข้า LTF ตังติดตัวไม่เหลือแล้ว)
เธอก็เอาเอกสารการเปิดบัญชีมาให้กรอกอีก ห๊ะ....ผมต้องกรอกอีกแล้วเหรอ ผมเซ็นชื่อจนมือหงิกไปแล้วเนี่ย หลังๆลายเซ็นยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ
ไม่เป็นไรรอยยิ้มเธอน่ารัก ผมกรอกทั้งวันก็ยังได้ ผมใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้นนานมากเซ็นโน่นนี่นั่น(ใช้คำว่า ใช้ชีวิตกันเลย มันเป็นช่วงเวลาที่หัวใจผมเริ่มทำงานหลังจากไม่ทำงานมาก) คุณครับผมไม่เอา ATM นะครับ สมัคร i-banking ได้ใช่ไหม ใช่ค่ะ...เธอตอบพร้อมรอยยิ้มอีกตามเคย(เปิดบัญชีแบบไม่ต้องเอา ATM ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ATM มีเกือบจะครบทุกแบงค์แล้ว บัญชีสำหรับการลงทุนไม่จำเป็นต้องเอาเงินออกบ่อยๆก็ได้)
หลังจากเปิดบัญชีออมทรัพย์เสร็จก็ต้องกรอกใบสั่งตัดบัญชีล่วงหน้า เพราะวันนี้ผมมาหลังเวลาปิดรอบวันของกองทุนแล้ว ซื้อวันนี้แต่จะได้ราคาของพรุ่งนี้ สาธุขอให้พรุ่งนี้เซตลงต่ำๆ ผมจะได้ NAV ถูกลง วันนี้ไม่นึกว่าฝรั่งจะมาลากเซตไปไกลเลย ตั้งใจแกล้งคนซื้อ LTF ใช่ไหม
จากนั้นเธอก็ให้ผมกรอกรหัสสำหรับเข้าใช้ i-banking เพื่อเข้าใช้ครั้งแรกและไปทำการเปลี่ยนรหัสผ่านตอนหลัง และจะได้ SMS แจ้ง User-ID มา โดยที่เราสามารถไป Login ได้เองผ่านเว็บหรือ Mobile
เป็นอันจบภาระกิจการซื้อ LTF ในวันนี้ เธอยื่นสมุดบัญชีออมทรัพย์ให้ผมพร้อมกับเอกสารข้อมูลกองทุนที่ผมซื้อและที่ลืมไม่ได้คือรอยยิ้มที่เธอให้ผมมาด้วย ผมได้ทุกอย่างครบ แต่ผมยังไม่อยากออกจากสาขาไปเลย หัวใจผมยังอยู่ตรงนี้.... ไม่เป็นไรวันหลังผมจะมาเอาสมุดกองทุนใหม่หวังว่าผมจะได้คิวเคาร์เตอร์เธออีกครั้ง
เห็นไหมว่าการซื้อ LTF ไม่ใช่แค่การลงทุน.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงสาระกันบ้าง
แล้วกองทุน LTF แบบปันผลกับไม่ปันผล แบบไหนให้ผลตอบแทนดีกว่า เรามาดูกัน
ผมจะยกตัวอย่าง มาหนึ่งกอง และอธิบายแบบง่ายๆ.....หรือป่าว?
ยกตัวอย่าง Timeline ของเก่าคือ 5 ปีปฏิทิน
สมมุติว่า กองทุนชื่อ XXLTF เป็นกองทุน LTF แบบปันผลปีละ 1 ครั้ง
เงินลงทุน 100,000 บาท สมมุตินะครับตัวเลขกลมๆ
กองทุน LTF แบบปันผล
- ธันวาคม 2556 NAV = 23.2998 ผมจะได้จำนวนหน่วยเท่ากับ 4,291.8823 หน่วย
- ปันผล 2557 0.75/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4,291.8823 x 0.75(และหักภาษี 10%) = 2,897.0206 บาท
- ธันวาคม 2557 NAV = 26.3574 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (2,897.0206/26.3574 = 109.9130)+ 4,291.8823 = 4,401.7953 หน่วย
- ปันผล 2558 0.60/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4401.7953 x 0.60(และหักภาษี 10%) = 2,376.9694 บาท
- ธันวาคม 2558 NAV = 21.9802 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (2,376.9694/21.9802 = 108.1414)+ 4,401.7953 = 4,509.9367 หน่วย
- ปันผล 2559 0.85/หน่วย เท่ากับผมได้ปันผล 4,509.9367 x 0.85(และหักภาษี 10%) = 3,450.1016 บาท
- ธันวาคม 2559 NAV = 24.0897 ถ้าผมนำเงินปันผลมาซื้อ ผมจะได้จำนวนหน่วยรวมเท่ากับ (3,450.1016/24.0897 = 143.2190)+ 4,509.9367 = 4,653.1557 หน่วย
- มกราคม 2560 ครบ 5 ปีปฏิทินพอดี สมมุติว่า NAV ณ ตอนนี้อยู่ประมาณนี้คือ 24.0897 เราจะคำนวนมูลค่าได้เป็น 4,653.1557 x 24.0897 = 112,093.1249
* ในการนำเงินปันผลกลับมาซื้อต่อ เราก็จะได้ส่วนที่นำไปลดภาษีได้อีก ผมคำนวนคร่าวๆฐานภาษี 10% ได้ดังนี้ (289.7021+237.6969+345.0102)=872.4092 บาท
จะได้ผลตอบแทนรวม 112,093.1249+872.4092 = 112,965.5341
คิดเป็น (112,965.5341-100,000)/100,000 = 12.9655341 %
กองทุน LTF แบบไม่ปันผล
เพื่อให้ไม่มีความต่างด้านการบริหารของแต่ละกองมาเกี่ยวข้อง ผมจึงใช้กองทุนเดิมนี่แหละ แต่ทุกครั้งที่ปันผล ผมจะเอาเงินปันผลมาบวกเป็น NAV สะสมต่อไป โดยมีวิธีทำดังนี้
- ธันวาคม 2556 NAV = 23.2998 ผมจะได้จำนวนหน่วยเท่ากับ 4,291.8823 หน่วย
- ปันผล 2557 0.75/หน่วย
- ปันผล 2558 0.60/หน่วย
- ปันผล 2559 0.85/หน่วย
- ธันวาคม 2559 NAV = 24.0897
- มกราคม 2560 ครบ 5 ปีปฏิทินพอดี สมมุติว่า NAV ณ ตอนนี้อยู่ประมาณนี้คือ 24.0897
ถ้าผมนำเงินปันผลทั้ง 3 ครั้งมาบวกเข้ากับ NAV ผมจะ NAV คิดแบบกองไม่ปันผลคือ 24.0897+0.75+0.60+0.85=26.2897 บาท
เราจะคำนวนมูลค่าได้เป็น จำนวนหน่วยเท่าเดิมตั้งแต่ซื้อคือ 4,291.8823 x 26.2897 = 112,832.2981
คิดเป็น (112,832.2981-100,000)/100,000 = 12.8322981%
จากผลตอบแทนที่คำนวณนี้พบว่า แบบปันผลได้ผลตอบแทนที่มากกว่านิดหน่อย แต่มีวิธีคิดและกระบวนการถือค่อยข้างยุ่งยากเพราะต้องนำเงินปันผลมาซื้อใหม่ทุกครั้ง และสิ่งที่คิดออกมาได้ยังไม่สิ้นสุดซะทีเดียว แต่เป็นแค่มูลค่า ณ ขณะนั้น เพราะเงินที่ซื้อ LTF ในปีต่อๆมาจะมาขายในปี 2560 เลยไม่ได้ ต้องเป็นไปตามกำหนดช่วงระยะเวลาของมัน ส่วนแบบไม่ปันผลซื้อครั้งเดียวแล้วลืมมันไปได้เลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถึงเวลาก็ค่อยมาขาย
สรุปว่าทั้งแบบปันผลและไม่ปันผล มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยกว่ากันได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างทางคือช่วงเวลาที่กองทุนแบบปันผล นำเงินปันผลมาซื้อนั้น ราคา NAV ณ ขณะนั้นถูกหรือแพง ถ้ายิ่งถูกก็จะยิ่งได้หน่วยที่เพิ่มขึ้นมาก หรือถ้ายิ่งแพงก็จะยิ่งได้หน่วยที่เพิ่มขึ้นน้อยด้วยเช่นกันซึ่งอาจจะคำนวณรวมทุกอย่างแล้วแพ้กองแบบไม่ปันผลก็เป็นไปได้เช่นกัน
ดังนั้นใครจะฟันธงว่าแบบไม่ปันผลสิ ได้ผลตอบแทนดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียภาษีจากเงินปันผล ผมว่าไม่ใช่ซะทีเดียว การลงทุนมีความเสี่ยงจะเลือกแบบไหนก็เสี่ยงทั้งนั้น โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดี
ปล. สำหรับผม กำไรของ LTF ปีนี้คือผมได้คนพบหัวใจอีกครึ่งดวงแล้ว...ฝันกันต่อไป
ท่านใดเห็นต่างหรือมีข้อแนะนำ หากผมคำนวณผิดตรงส่วนไหน ผมยินดีรับฟังและแก้ไข
แวะทักทายผมได้ที่เพท https://www.facebook.com/WeIInvestor/ ทำด้วยใจไม่มีโฆษณาคั่น