เมื่อวานผมไปเจรจากับแบงค์หนึ่งมาเรื่อง สินเชื่อบัตรเครดิต เรื่องมันยาวผมขอสรุปสั้นๆ ตามข้อสงสัยที่เจ้าหน้าที่แจ้งผมมาแล้วกันนะครับ
ขอความรู้ ความเห็น ของผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสงการณ์ด้วยนะครับ
แบ็คกราวน์คือ ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบ้านของธนาคารแห่งนี้ สินเชื่อบ้านผมชำระตลอดไม่เคยค้างงวด และเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่องรายจ่าย จึงตัดสินใจงดชำระบัตรเครดิต (งดใช้บัตรไปเลย) เพื่อบริหารให้มีเงินจ่ายสินเชื่อบ้านได้
- หลังจากการพูดคุย จนท แจ้งผมว่าเนื่องจากผมขาดส่งบัตรเครดิตนานและกำลังจะถูกปรับเป็น NPL เพื่อดำเนินการฟ้อง จนท แนะนำให้ผมชำระเงินจำนวนหนึ่งก่อนภายในสิ้นเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อไม่ให้เป็น NPL แล้วค่อยมาดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้
- ผมก็เลยยื่นข้อเสนอว่าถ้าผมชำระตามจำนวนที่ จนท แจ้งไม่ได้ หรือไม่ได้ชำระ จะเกิดอะไรขึ้น จนท บอกว่าเขาก็จะดำเนินการฟ้องและสุดท้ายก็จะบังคับให้ผมขายบ้านเพื่อจ่ายหนี้บัตรเครดิต
ส่วนตัวผมเข้าใจว่านั่นคือกระบวนการสุดท้ายถ้าเกิดในกรณีที่เราขึ้นสู่ศาล และไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ตามคำสั่งศาล เขาก็กะดูว่าเรามีอะไรที่พอจะเป็นทรัพย์สินแล้วเอาไปขายมาใช้หนี้ให้เขาได้บ้าง
ขอคำแนะนำได้ไหมครับ ว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง เพราะ จนท แจ้งผมได้แต่เพียงว่าตอนนี้ต้องทำแบบนี้ และก็บอกแค่ว่าถ้าไม่ทำอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่รู้...สถานะของผมตอนนี้คือ จ่ายหนี้ไม่ได้แค่ตามยอดที่ จนท แจ้งมา นั่นคืออีกไม่นานเขาก็จะส่งฟ้องใช่ไหมครับ
- เวลาฟ้องจะฟ้องเฉพาะหนี้บัตรเครดิตใช่ไหมครับ ไม่เกี่ยวกับหนี้บ้าน
- ถ้าเรื่องถึงศาล ถ้าไกล่เกลี่ยได้ ก็ทำเรื่องยอมชำระตามที่ทำสัญญายอมใช่ไหมครับ
- ถ้ายอมความไม่ได้ (หมายถึง ผมไม่สามารถชำระได้ตามยอดที่กำหนด) เขาจะทำยังไงต่อครับ บังคับคดี บังคับขายบ้าน ใช่ไหมครับ (จนท ใช้คำว่ายึดบ้าน)
มีอีกเรื่องที่ผมคุยกับ จนท เนื่องจากมีอยู่เดือนหนึ่ง ผมเอาเงินเข้า บช ออมทรัพย์ เพื่อให้แบงค์ตัดชำระค่าบ้าน แต่อยู่ดีๆ แบงค์ก็หักเงินจำนวนหนึ่งไปเป็นค่าบัตรเครดิต โดยที่ผมไม่เคยทำเรื่องหัก บช ชำระค่าบัตรไว้..ทำให้ในระบบของแบงค์ขึ้นว่า ผมชำระลินเชื่อบ้านไม่ครบ... กรณีนี้ผมถาม จนท ไป เขาตอบว่าถ้าอยากรู้ว่ายอดที่หัก บช ออมทรัพย์ไปนั้นเป็นอะไรต้องไปเช็คที่สาขาที่เราเปิด บช ไว้จะได้คำตอบ แต่ จนท เขาตอบในภาพรวมได้ว่าแบงค์สามารถทำได้ มีกฎหมายระบุไว้ เปรียบเหมือน เราเป็นหนี้เพื่อน แต่ไม่ยอมจ่ายหนี้เพื่อน แล้ววันหนึ่งเอาเงินไปฝากเพื่อนไว้ เพื่อก็มีสิทธิ์ยืดเงินที่เราฝากไว้ได้ เรื่องนี้ จริงเท็จ แค่ไหนครับ (ในแง่กฎหมายนะครับ ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขายกเป็นตัวอย่าง)
ผมเข้าใจว่ากรณีของผม เป็นเรื่องการค้างชำระหนี้บัตรเครดิต และขออย่าถามเลยนะครับว่ามีที่มาที่ไปอย่างไง เพราะถ้าผมเลือกได้ ทำได้ ผมก็คงไม่อยากค้าง...ตอนนี้ต้องการคำแนะนำ คำปรึกษา เพื่อแก้ปัญหาจะสถานการณ์ปัจจุบันจริงครับ ขอบคุณครับ
หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้บ้าน เรื่องเดียวกัน?
ขอความรู้ ความเห็น ของผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสงการณ์ด้วยนะครับ
แบ็คกราวน์คือ ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบ้านของธนาคารแห่งนี้ สินเชื่อบ้านผมชำระตลอดไม่เคยค้างงวด และเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่องรายจ่าย จึงตัดสินใจงดชำระบัตรเครดิต (งดใช้บัตรไปเลย) เพื่อบริหารให้มีเงินจ่ายสินเชื่อบ้านได้
- หลังจากการพูดคุย จนท แจ้งผมว่าเนื่องจากผมขาดส่งบัตรเครดิตนานและกำลังจะถูกปรับเป็น NPL เพื่อดำเนินการฟ้อง จนท แนะนำให้ผมชำระเงินจำนวนหนึ่งก่อนภายในสิ้นเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อไม่ให้เป็น NPL แล้วค่อยมาดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้
- ผมก็เลยยื่นข้อเสนอว่าถ้าผมชำระตามจำนวนที่ จนท แจ้งไม่ได้ หรือไม่ได้ชำระ จะเกิดอะไรขึ้น จนท บอกว่าเขาก็จะดำเนินการฟ้องและสุดท้ายก็จะบังคับให้ผมขายบ้านเพื่อจ่ายหนี้บัตรเครดิต
ส่วนตัวผมเข้าใจว่านั่นคือกระบวนการสุดท้ายถ้าเกิดในกรณีที่เราขึ้นสู่ศาล และไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ตามคำสั่งศาล เขาก็กะดูว่าเรามีอะไรที่พอจะเป็นทรัพย์สินแล้วเอาไปขายมาใช้หนี้ให้เขาได้บ้าง
ขอคำแนะนำได้ไหมครับ ว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง เพราะ จนท แจ้งผมได้แต่เพียงว่าตอนนี้ต้องทำแบบนี้ และก็บอกแค่ว่าถ้าไม่ทำอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่รู้...สถานะของผมตอนนี้คือ จ่ายหนี้ไม่ได้แค่ตามยอดที่ จนท แจ้งมา นั่นคืออีกไม่นานเขาก็จะส่งฟ้องใช่ไหมครับ
- เวลาฟ้องจะฟ้องเฉพาะหนี้บัตรเครดิตใช่ไหมครับ ไม่เกี่ยวกับหนี้บ้าน
- ถ้าเรื่องถึงศาล ถ้าไกล่เกลี่ยได้ ก็ทำเรื่องยอมชำระตามที่ทำสัญญายอมใช่ไหมครับ
- ถ้ายอมความไม่ได้ (หมายถึง ผมไม่สามารถชำระได้ตามยอดที่กำหนด) เขาจะทำยังไงต่อครับ บังคับคดี บังคับขายบ้าน ใช่ไหมครับ (จนท ใช้คำว่ายึดบ้าน)
มีอีกเรื่องที่ผมคุยกับ จนท เนื่องจากมีอยู่เดือนหนึ่ง ผมเอาเงินเข้า บช ออมทรัพย์ เพื่อให้แบงค์ตัดชำระค่าบ้าน แต่อยู่ดีๆ แบงค์ก็หักเงินจำนวนหนึ่งไปเป็นค่าบัตรเครดิต โดยที่ผมไม่เคยทำเรื่องหัก บช ชำระค่าบัตรไว้..ทำให้ในระบบของแบงค์ขึ้นว่า ผมชำระลินเชื่อบ้านไม่ครบ... กรณีนี้ผมถาม จนท ไป เขาตอบว่าถ้าอยากรู้ว่ายอดที่หัก บช ออมทรัพย์ไปนั้นเป็นอะไรต้องไปเช็คที่สาขาที่เราเปิด บช ไว้จะได้คำตอบ แต่ จนท เขาตอบในภาพรวมได้ว่าแบงค์สามารถทำได้ มีกฎหมายระบุไว้ เปรียบเหมือน เราเป็นหนี้เพื่อน แต่ไม่ยอมจ่ายหนี้เพื่อน แล้ววันหนึ่งเอาเงินไปฝากเพื่อนไว้ เพื่อก็มีสิทธิ์ยืดเงินที่เราฝากไว้ได้ เรื่องนี้ จริงเท็จ แค่ไหนครับ (ในแง่กฎหมายนะครับ ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขายกเป็นตัวอย่าง)
ผมเข้าใจว่ากรณีของผม เป็นเรื่องการค้างชำระหนี้บัตรเครดิต และขออย่าถามเลยนะครับว่ามีที่มาที่ไปอย่างไง เพราะถ้าผมเลือกได้ ทำได้ ผมก็คงไม่อยากค้าง...ตอนนี้ต้องการคำแนะนำ คำปรึกษา เพื่อแก้ปัญหาจะสถานการณ์ปัจจุบันจริงครับ ขอบคุณครับ