สวัสดีครับ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา นักเรียนหลายคนก็คงได้ดูคะแนนแกทแพทไปแล้ว มีทั้งอารมณ์ดีใจ และอารมณ์ฮึดสู้ ในการสอบรายการต่อไปนั่นก็คือ 9 วิชาสามัญ ที่เพิ่งจะผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ และวันนี้เนื่องจากผมสอบ 9 วิชาสามัญเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลางภาคก็เสร็จแล้ว จึงอยากจะตั้งกระทู้ถามพี่ๆเพื่อนๆกันครับ ว่า ทำไมคณะ อักษรศาตร์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงให้นักเรียนที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อ ยื่น Pat7(ภาษา)รวมกันครับ?
ส่วนตัว ผมรู้สึกมันไม่แฟร์นิดๆ ผทเรียนภาษาเยอรมันมาและสอบแพท7.2 ภาษาเยอรมัน เพื่อยื่นเข้ารอบรับตรงคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อตอนที่ผมดูคะแนน ผมดีใจครับ เพราะคะแนนไม่น่าเกลียดอะไร น่าจะพอยื่นได้ ถ้าฟิต 9 วิชาอีกหน่อยก็ถึงฝันแล้ว แต่พอมาดูคะแนนที่เป็นตาราง สรุป แรงค์คะแนนของภาษาอื่นๆด้วย ทำให้ผมท้อเลยครับ หลายคนบอกผมว่า ภาษาที่ตัวเองสอบนั้น ง่ายขึ้นนิดหน่อย บางคนบอกยากขึ้น ส่วนตัวผมนั้น ผมสอบเยอรมัน ผมว่ามันยากขึ้นนิดนึง ถ้าเทียบกับข้อสสอบเก่าๆที่ผมทำมา เรื่องข้อสอบยากไม่ยากยังไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า
ภาษาแต่ละภาษา มีความยาก-ง่าย ไม่เท่ากัน มีหลักไวยากรณ์ รากภาษาที่แตกต่างกันไป ระยะเวลาเรียนของแต่ละภาษาก็อาจจะไม่เท่ากันด้วย แต่ทำไมคณะอักษรศาตร์ จุฬาฯถึงได้ตัดสินรวมกัน ทำไมไม่แยกแพทภาษาในรอบรับตรงเหมือนคณะอื่นๆครับ?
จากที่ฟัง เพื่อนผมเรียนบาลี สอบแพทบาลี สอบได้คะแนน 250+ เค้าใช้เวลาภายในไม่กี่เดือน ผมแอบตัดพ้อในใจครับ ผมเรียนเยอรมันมามากกว่า 3 ปี แถมยังไปแลกเปลี่ยนด้วย ยังได้คะแนนไม่เท่าเค้าเลย รู้งี้ผมไปเรียนแพทบาลีดีกว่ามั้ย ยอมขัดใจตัวเองที่รักภาษาเยอรมัน แต่ไปเรียนภาษาที่มีโอกาสทำคะแนนได้มากกว่าจะดีไหม?? (ผมไม่ได้จะพาดพึงผู้ที่สอบบาลีนะครับ ผมยกตัวอย่างจากประสบการณ์เพื่อนของผมให้)
จากแต่ก่อน คะแนน 180 กว่าๆ ถ้าพยายาม 9 วิชา อีกนิดก็สามารถเข้าคณะอักษรฯ จุฬาฯได้แล้ว แต่ปีนี้ผมคิดว่า คะแนนมันสูงมาก บางทีคะแนนระดับที่ผมคิดว่าไม่ขี้เหร่อาจจะยื่นแล้วหลุดก็ได้... ลึกๆ ผมอยากให้คณะนี้คัดเลือกแบบแยกแพทภาษายื่น เพื่อความเท่าเทียมกัน เพราะยังมีคนที่คะแนนไม่ขี้เหร่มากแบบผม ไม่อยากฝันสลาย
และสุดท้ายนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆทุกๆคนที่ได้คะแนนตามใจหวังนะครับ ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็อย่ายอมแพ้นะครับ ผมเอาใจช่วย เราจะสู้ไปด้วยกัน
ผมสงสัยครับ ว่าทำไมคณะ อักษรฯ จุฬาฯ รอบรับตรง ถึงยื่นคะแนน PAT7 รวม???
ส่วนตัว ผมรู้สึกมันไม่แฟร์นิดๆ ผทเรียนภาษาเยอรมันมาและสอบแพท7.2 ภาษาเยอรมัน เพื่อยื่นเข้ารอบรับตรงคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อตอนที่ผมดูคะแนน ผมดีใจครับ เพราะคะแนนไม่น่าเกลียดอะไร น่าจะพอยื่นได้ ถ้าฟิต 9 วิชาอีกหน่อยก็ถึงฝันแล้ว แต่พอมาดูคะแนนที่เป็นตาราง สรุป แรงค์คะแนนของภาษาอื่นๆด้วย ทำให้ผมท้อเลยครับ หลายคนบอกผมว่า ภาษาที่ตัวเองสอบนั้น ง่ายขึ้นนิดหน่อย บางคนบอกยากขึ้น ส่วนตัวผมนั้น ผมสอบเยอรมัน ผมว่ามันยากขึ้นนิดนึง ถ้าเทียบกับข้อสสอบเก่าๆที่ผมทำมา เรื่องข้อสอบยากไม่ยากยังไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า
ภาษาแต่ละภาษา มีความยาก-ง่าย ไม่เท่ากัน มีหลักไวยากรณ์ รากภาษาที่แตกต่างกันไป ระยะเวลาเรียนของแต่ละภาษาก็อาจจะไม่เท่ากันด้วย แต่ทำไมคณะอักษรศาตร์ จุฬาฯถึงได้ตัดสินรวมกัน ทำไมไม่แยกแพทภาษาในรอบรับตรงเหมือนคณะอื่นๆครับ?
จากที่ฟัง เพื่อนผมเรียนบาลี สอบแพทบาลี สอบได้คะแนน 250+ เค้าใช้เวลาภายในไม่กี่เดือน ผมแอบตัดพ้อในใจครับ ผมเรียนเยอรมันมามากกว่า 3 ปี แถมยังไปแลกเปลี่ยนด้วย ยังได้คะแนนไม่เท่าเค้าเลย รู้งี้ผมไปเรียนแพทบาลีดีกว่ามั้ย ยอมขัดใจตัวเองที่รักภาษาเยอรมัน แต่ไปเรียนภาษาที่มีโอกาสทำคะแนนได้มากกว่าจะดีไหม?? (ผมไม่ได้จะพาดพึงผู้ที่สอบบาลีนะครับ ผมยกตัวอย่างจากประสบการณ์เพื่อนของผมให้)
จากแต่ก่อน คะแนน 180 กว่าๆ ถ้าพยายาม 9 วิชา อีกนิดก็สามารถเข้าคณะอักษรฯ จุฬาฯได้แล้ว แต่ปีนี้ผมคิดว่า คะแนนมันสูงมาก บางทีคะแนนระดับที่ผมคิดว่าไม่ขี้เหร่อาจจะยื่นแล้วหลุดก็ได้... ลึกๆ ผมอยากให้คณะนี้คัดเลือกแบบแยกแพทภาษายื่น เพื่อความเท่าเทียมกัน เพราะยังมีคนที่คะแนนไม่ขี้เหร่มากแบบผม ไม่อยากฝันสลาย
และสุดท้ายนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆทุกๆคนที่ได้คะแนนตามใจหวังนะครับ ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็อย่ายอมแพ้นะครับ ผมเอาใจช่วย เราจะสู้ไปด้วยกัน