อดีตผู้บริหาร IFEC โต้ปมขัดแย้ง ต้นเหตุเบี้ยวหนี้ตั๋วบีอี ย้ำก่อนลาออกเสนอแผนชำระหนี้และได้รับอนุมัติจากบอร์ดเรียบร้อยแล้ว ชี้รอประชุมผู้ถือหุ้นก่อนตัดสินใจขายหรือซื้อ IFEC ต่อ ฟากพนักงานกว่า 20 รายงง โดน IFEC เลิกจ้าง เพราะหาข้อมูลความผิด “สิทธิชัย” ส่งให้ผู้บริหารไม่ได้
นายสิทธิชัย ผู้ถือหุ้นใหญ่ และอดีตผู้บริหาร บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) กล่าวแถลงข่าวต่อกรณีปมปัญหาต่างๆ หลังจากที่ตนได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ IFEC ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2559 ว่า ในส่วนของข้อกล่าวหาของ นายวิชัย ถาวรวัฒนายงค์ ประธานกรรมการ IFEC ที่ให้ข่าวว่า การผิดนัดชำระคืนหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มูลค่า 100 ล้านบาทที่เกิดขึ้นช่วงเดือน ธ.ค.2559 นั้น เป็นผลจากกรรมการผู้มีอำนาจในการเซ็นเอกสารอนุมัติไม่ครบ เนื่องจากขาดการอนุมัติของตน ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนได้ส่งมอบแผนงานการจัดการให้กับคณะกรรมการ IFEC และได้รับอนุมัติจากบอร์ดแล้ว
โดยรายละเอียดของแผนงานดังกล่าว ได้เสนอ 3 แนวทางที่สามารถเลือกใช้เพื่อจัดการชำระตั๋วบีอี ได้แก่ 1.การขายทรัพย์สินโรงแรมดาราเทวี ซึ่งน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาท 2.การขายโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งมีผู้ยินดีซื้อทันที 5-10 เมกกะวัตต์ (หากขาย 4 เมกกะวัตต์ จะได้เงินประมาณ 440 ล้านบาท) 3.เงินลงทุนในโครงการต่างๆ
"ผมได้ส่งมอบงานมากกว่า 2 เดือนแล้ว และได้รับอนุมัติจากบอร์ดแล้ว แต่ทางบริษัทก็ไม่ได้เร่งดำเนินการ อีกทั้งยังมีการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) และพนักงานด้านการเงินออกตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.ด้วย" นายสิทธิชัยกล่าว
สำหรับหลังจากนี้ตนจะดำเนินคดีต่อในชั้นศาล ทั้งทางแพ่งและอาญา ต่อผู้ที่กล่าวหาและมีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน
ส่วนในเรื่องหุ้นที่ตนถืออยู่ 72 ล้านหุ้น (อันดับ 2 ของ IFEC) ยังไม่มีแผนจะขาย เพราะต้องการฟังความคืบหน้าจากการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 30 วัน นับจากที่ IFEC มีกรรมการต่ำกว่า 4 คน ซึ่งถือเป็นข้อบังคับตามที่กฎหมายกำหนด โดยหากบริษัทมีความชัดเจนด้านการแต่งตั้งคณะกรรมการ รวมถึงแผนในอนาคต ก็อาจจะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ในกรณีที่บริษัทไม่มีแผนการณ์เช่นในปัจจุบัน ก็อาจพิจารณาขายหุ้น
"ถ้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นชัดเจนก็อาจจะซื้อเพิ่ม แต่หากยังเป็นแบบนี้ก็อยากขาย" นายสิทธิชัยกล่าว
สำหรับหลังจากนี้ IFEC ยังมีตั๋วบีอีที่จะครบกำหนดอีก 200 ล้านบาทในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.ปี 2560 ซึ่งต้องรอว่า IFEC จะบริหารจัดการอย่างไร
ทั้งนี้งานแถลงข่าวดังกล่าว ผู้สื่อข่าวพบว่ามีพนักงานกว่า 20 คน ที่ระบุว่าถูก “นายวิชัย” บอกเลิกสัญญาจ้างเข้าร่วมฟังด้วย ซึ่งมีทั้งพนักงานขับรถ แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ โดยจากการสัมภาษณ์ หลายคนต่างให้ข้อมูลว่า “นายวิชัย” ได้พยายามสอบถามถึงข้อมูล และขอหลักฐานที่จะบ่งชี้ถึงความผิดของ “นายสิทธิชัย” แต่เมื่อพวกตนแจ้งว่าไม่ทราบ และไม่มีข้อมูล ก็ถูกสั่งให้พักงาน และบางรายถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง โดยไม่มีการแจ้งถึงค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กลุ่มพนักงานดังกล่าวยังระบุว่า “นายวิชัย” ได้ให้กลุ่มชายชุดดำราว 4-5 คน เฝ้าทางเข้าบริษัท ไม่ยอมให้พวกตนไปเก็บของออกมา และได้ยึดป้ายพนักงาน รวมถึงลบข้อมูลลายนิ้วมือไม่ให้เข้าออกบริษัทได้
"เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาคุณวิชัยไม่ใช่คนแบบนี้ เขาถามเราเหมือนอยากให้เราให้ข้อมูลว่า คุณสิทธิชัยทำความผิดอะไรบ้าง และขอหลักฐานด้วย พอไม่มีให้ ก็โดนทำแบบนี้ ทั้งที่เราก็ทำงานกับเขามานานมาก" พนักงานรายหนึ่งกล่าว
อดีตผู้บริหาร IFEC โต้ปมเบี้ยวหนี้ตั๋วบีอี สุดอึ้ง พนักงานกว่า 20 รายโดนหางเลข บอกเลิกสัญญาจ้างแบบ งงๆ
นายสิทธิชัย ผู้ถือหุ้นใหญ่ และอดีตผู้บริหาร บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) กล่าวแถลงข่าวต่อกรณีปมปัญหาต่างๆ หลังจากที่ตนได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ IFEC ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2559 ว่า ในส่วนของข้อกล่าวหาของ นายวิชัย ถาวรวัฒนายงค์ ประธานกรรมการ IFEC ที่ให้ข่าวว่า การผิดนัดชำระคืนหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มูลค่า 100 ล้านบาทที่เกิดขึ้นช่วงเดือน ธ.ค.2559 นั้น เป็นผลจากกรรมการผู้มีอำนาจในการเซ็นเอกสารอนุมัติไม่ครบ เนื่องจากขาดการอนุมัติของตน ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนได้ส่งมอบแผนงานการจัดการให้กับคณะกรรมการ IFEC และได้รับอนุมัติจากบอร์ดแล้ว
โดยรายละเอียดของแผนงานดังกล่าว ได้เสนอ 3 แนวทางที่สามารถเลือกใช้เพื่อจัดการชำระตั๋วบีอี ได้แก่ 1.การขายทรัพย์สินโรงแรมดาราเทวี ซึ่งน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาท 2.การขายโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งมีผู้ยินดีซื้อทันที 5-10 เมกกะวัตต์ (หากขาย 4 เมกกะวัตต์ จะได้เงินประมาณ 440 ล้านบาท) 3.เงินลงทุนในโครงการต่างๆ
"ผมได้ส่งมอบงานมากกว่า 2 เดือนแล้ว และได้รับอนุมัติจากบอร์ดแล้ว แต่ทางบริษัทก็ไม่ได้เร่งดำเนินการ อีกทั้งยังมีการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) และพนักงานด้านการเงินออกตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.ด้วย" นายสิทธิชัยกล่าว
สำหรับหลังจากนี้ตนจะดำเนินคดีต่อในชั้นศาล ทั้งทางแพ่งและอาญา ต่อผู้ที่กล่าวหาและมีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน
ส่วนในเรื่องหุ้นที่ตนถืออยู่ 72 ล้านหุ้น (อันดับ 2 ของ IFEC) ยังไม่มีแผนจะขาย เพราะต้องการฟังความคืบหน้าจากการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 30 วัน นับจากที่ IFEC มีกรรมการต่ำกว่า 4 คน ซึ่งถือเป็นข้อบังคับตามที่กฎหมายกำหนด โดยหากบริษัทมีความชัดเจนด้านการแต่งตั้งคณะกรรมการ รวมถึงแผนในอนาคต ก็อาจจะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ในกรณีที่บริษัทไม่มีแผนการณ์เช่นในปัจจุบัน ก็อาจพิจารณาขายหุ้น
"ถ้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นชัดเจนก็อาจจะซื้อเพิ่ม แต่หากยังเป็นแบบนี้ก็อยากขาย" นายสิทธิชัยกล่าว
สำหรับหลังจากนี้ IFEC ยังมีตั๋วบีอีที่จะครบกำหนดอีก 200 ล้านบาทในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.ปี 2560 ซึ่งต้องรอว่า IFEC จะบริหารจัดการอย่างไร
ทั้งนี้งานแถลงข่าวดังกล่าว ผู้สื่อข่าวพบว่ามีพนักงานกว่า 20 คน ที่ระบุว่าถูก “นายวิชัย” บอกเลิกสัญญาจ้างเข้าร่วมฟังด้วย ซึ่งมีทั้งพนักงานขับรถ แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ โดยจากการสัมภาษณ์ หลายคนต่างให้ข้อมูลว่า “นายวิชัย” ได้พยายามสอบถามถึงข้อมูล และขอหลักฐานที่จะบ่งชี้ถึงความผิดของ “นายสิทธิชัย” แต่เมื่อพวกตนแจ้งว่าไม่ทราบ และไม่มีข้อมูล ก็ถูกสั่งให้พักงาน และบางรายถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง โดยไม่มีการแจ้งถึงค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กลุ่มพนักงานดังกล่าวยังระบุว่า “นายวิชัย” ได้ให้กลุ่มชายชุดดำราว 4-5 คน เฝ้าทางเข้าบริษัท ไม่ยอมให้พวกตนไปเก็บของออกมา และได้ยึดป้ายพนักงาน รวมถึงลบข้อมูลลายนิ้วมือไม่ให้เข้าออกบริษัทได้
"เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาคุณวิชัยไม่ใช่คนแบบนี้ เขาถามเราเหมือนอยากให้เราให้ข้อมูลว่า คุณสิทธิชัยทำความผิดอะไรบ้าง และขอหลักฐานด้วย พอไม่มีให้ ก็โดนทำแบบนี้ ทั้งที่เราก็ทำงานกับเขามานานมาก" พนักงานรายหนึ่งกล่าว