ชวนมารีวิวอนิเม Fall 2016 ซีซั่นสุดท้ายของปีกันครับ

ใกล้จบกันหมดแล้วกับซีซั่นสุดท้ายของปี เลยอยากชวนมารีวิวกันครับ
ใครขี้เกียจก็ให้แต่คะแนนก็ได้ครับ

ของผมตามนี้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ยังดูไม่จบ
Fune wo Amu ดูไปแค่ตอนแรกอยู่ แต่เดี๋ยวดูจบแน่ๆ
Ajin 2 ยังดูไม่จบ แต่ความสนุกเท่าๆ กับซีซั่นแรก คะแนนที่ให้ตอนนี้ก็ 8.5/10



Shoushin Shoumei Matoi (7.5/10)


เมะออริจินัลของทาง White Fox เป็นแนวสาวน้อยปราบมาร (สนวม นั่นแหละ) ในรูปแบบเบสิกมากๆ คือบังเอิญได้รับพลัง แล้วก็มีอันต้องไปปราบมาร เป็นยังงี้ไปจนจบเรื่อง

จุดหนึ่งที่อาจจะทำให้คนดูเบือนหน้าหนี คือความสัมพันธ์พ่อลูก ที่ดูเผินๆ เหมือนจะมีอะไรเกินเลย แต่ที่จริงแล้วไม่ได้มีอะไรในกอไผ่เลยครับ เป็นพ่อลูกกันจริงๆ

ส่วนตัวก็ดูได้เพลินๆ สนุกดี ซีนที่ชอบที่สุดคือตอน 11 ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชินโกร้องไห้ตอนมาโตยตัดสินใจสู้ศึกสุดท้าย ยิ่งเอาเพลง ED มาเปิดคลอไปด้วย ยิ่งได้อารมณ์สุดๆ



Keijo!!!!!!!! (7.5/10)


แนวกีฬา(หรือศิลปะการต่อสู้?) ที่แข่งกันโดยให้ใช้แค่ตูดกับนมดัน?(อัด)คู่แข่งให้ตกน้ำ

WTF ให้กับทุกๆ อย่างในการแข่งขัน ถึงแม้จะมีชุดว่ายน้ำให้เห็นตลอดเรื่อง แต่ไม่รู้สึกถึงความดึงดูดอะไรเลย เพราะความ WTF จนฮาเนี่ยแหละ
ถ้าใครไม่ติดว่าในเรื่องมันมีแต่สาวๆ แล้วอยากหาอะไรบ้าบอดูคลายเครียดก็แนะนำเลยครับ



Gi(a)rlish Number (8/10)


เกี่ยวกับชีวิตการเป็นนักพากย์(+วงการนักพากย์และอนิเมในปัจจุบันนิดหน่อย)ของคาราสึมะ จิโตเสะ นักพากย์หน้าใหม่ ที่มีทัศนคติอวดดีสุดๆ

โดยในช่วงแรกก็จะมีทั้งเกี่ยวกับวงการนักพากย์ อย่างการคัดเลือกเด็กใหม่เข้ามารับบท รวมไปถึงการจิกกัดวงการอนิเมและ LN เล็กๆ น้อยๆ ให้แสบๆ คันๆ กันพอประมาณด้วย พอเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง จะลงไปที่เนื้อเรื่องของแต่ละตัวละคร ว่ามีความคิดต่องานพากย์ของตัวเองอย่างไรกันบ้าง ก่อนจะไปจบที่ตัวจิโตเสะเอง ที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์มีเด็กใหม่ไฟแรงกว่าเข้ามา ทำให้ต้องสำนึกตัวได้ถึงความห่วยแตก อวดดี ขี้โม้ของตัวเอง จนได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ(เล็กน้อย) เพื่อให้อยู่รอดต่อไปในวงการ

ส่วนที่ชอบที่สุดของเรื่องคือสีหน้าของจิโตเสะ ที่แต่ละแบบนี้ดูยียวนชวนถีบมาก อีกอย่างก็คือคำพูดติดปากประจำเรื่องของเหล่าตัวละครเฮงซวยในเรื่อง ว่า Kattana Gahaha ! ที่ตอนแรกก็ไม่อะไร แต่พอได้ยินบ่อยๆ แล้วมันฮาดีพิลึก

เป็น 1 ใน 2 เรื่องที่ได้ดูจนจบซีซั่นนี้ ที่พอจบตอนแรกก็มั่นใจกว่า 99% เลยว่า แผ่นขายไม่ออกแน่นอน เพราะโผล่มาตอนแรกก็ตบหน้าวงการอนิเม+LN แบบเต็มไม้เต็มมือแล้ว แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ



Bungou Stray Dogs 2 (8.5/10)


ภาคต่อ โดยเข้าสู่เนื้อเรื่องจริงจังกว่าภาคแรกที่เน้นไปทางแนะนำตัวละครซะมากกว่า ก็เลยทำให้รู้สึกชอบภาคนี้มากกว่าด้วย

ฉากที่ชอบที่สุดคือ ฉากดวลปืนระยะเผาขนในตอน 4 ที่มันส์มากๆ แต่เอาจริงๆ ฉากบู๊ภาคนี้สนุกๆ เกือบทุกอันเลย จะมีก็แต่ช่วงท้ายทีมันดูซูเปอร์ไซย่าไปหน่อยจนรู้สึกแหม่งๆ



Drifters (8.5/10)


แอ็คชั่นเลือดสาดกระจาย จากมังงะของผู้สร้าง Hellsing เป็นแนวต่างโลกยำใหญ่บุคคลในประวัติศาสตร์ทั่วโลก จากต่างยุคต่างสมัย มาแบ่งฝ่ายห้ำหั่นกันในโลกแฟนตาซี ที่มีทั้งเอลฟ์ มังกร เวทมนตร์ ฯลฯ โดยมีแทรกมุกตลกมาเป็นระยะๆ พอเป็นกระสัย

จุดที่ชอบที่สุดของเรื่องนี้คือความดิบของเรื่อง และการใช้มุมกล้อง วิธีนำเสนอฉากแอ็คชั่น ที่อาจไม่ได้ดูหวือหวามากมายอะไร แต่ดูดุดันได้ใจสุดๆ
อีกจุดที่ชอบก็คือการได้เห็นอาการของพวกตัวละครในยุคเก่ากว่า โดยเฉพาะโนบุนางะ เวลาได้เห็นวิชาหรือเทคโนโลยีที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วคิดที่จะเอามาใช้ในสงครามในวิธีการที่คนในยุคใหม่กว่าอาจจะคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ รวมไปถึงอาการของพวกยุคใหม่กว่า เวลาได้เห็นวิธีการและแนวคิดในการสงครามของพวกในยุคเก่ากว่าด้วย

ผมไม่ได้ตามมังงะ แต่เห็นว่ายังไม่จบ และเนื้อหาที่เหลือมีไม่พอทำอนิเมแล้ว แม้ว่าอนิเมจะทำเป็นประกาศว่ามีภาคต่อ ที่มาในปี 20xx ก็เถอะ แต่ถ้ามีต่อก็ดูอีกแน่นอน



Hibike Euphonium 2 (8.5/10 - ยังเหลืออีกตอน แต่คิดว่าคงไม่รู้สึกต่างไปจากนี้ละ)


ภาคต่ออีกเรื่อง มาภาคนี้ลดฉากชวนจิ้นยูริลงมา(ในความรู้สึกผนะ หรือจริงๆ มันพอๆ กัน?) แล้วไปเน้นดราม่าหนักหน่อย รวมถึงการพัฒนาด้านตัวละครที่เห็นได้ค่อนข้างชัดของตัวนำอย่างคุมิโกะด้วย

เทียบกับภาคแรกแล้วมีจุดให้ประทับใจมากกว่า อย่างเช่นตอน 5 ที่ทำซีนการแสดงออกมาได้แบบอลังมาก (กดย้อนดูไม่รู้ตั้งกี่ที) รวมถึงตอนที่พี่น้องทะเลาะกัน ไล่ไปถึงช่วงเรื่องของอาสึกะที่ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะตอนที่ 10 ที่ผมชอบมากที่สุดของภาคนี้ด้วย

จุดนึงที่รู้สึกแปร่งๆ ไปหน่อยคือเสียงพากย์ของคุมิโกะในอารมณ์รุนแรงอย่างเวลาทะเลาะ ต่อว่า พูดความในใจออกมานี่แหละ ที่บางครั้งทำให้ไม่ค่อยอินเท่าไร แต่ก็ดูมีสเน่ห์แปลกๆ ไปอีกแบบเหมือนกัน

อีกอย่างที่ชอบมากของภาคนี้ คือ ชูอิจิ บทน้อย แต่หล่อมากกกกกก!!



3-gatsu no Lion (8.5/10)


ต้นฉบับเป็นมังงะ ทำโดย Shaft เป็นแนว Drama, Slice of Life ของนักเล่นหมากรุกญี่ปุ่นเด็กม.ปลาย

ส่วนตัวชอบบรรยากาศของเรื่องนี้มาก แม้จะดูเอื่อยๆ ไปหน่อย มุกตลกแต่ละอย่างก็ชวนขำดี โดยเฉพาะเวลามีตัวอักษรเอฟเฟคท์ขึ้นมาแล้วมีเสียงพากย์เอฟเฟคท์ด้วย มันทำให้ขำดีแปลกๆ สมกับที่เป็น Shaft ตัวละครแทบทุกตัวไม่ว่าชายหรือหญิงก็ดูมีเสน่ห์ของตัวเองดี การปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็ดูน่ารักดีด้วย

สารภาพตรงๆ ว่าตอนดูแรกๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่ามันพยายามจะสื่ออะไร แต่ก็คล้อยตามดูมาได้เรื่อยๆ เพราะชอบบรรยากาศของเรื่องนี่แหละ
เรื่องพึ่งผ่านไปได้ครึ่งทาง ยังไงก็ตามจบแน่นอน



Occultic;Nine (8.5/10 แต่ความชอบ 10/10)


เยอะหน่อยนะครับ อาจจะอวยไปนิด ต้องขอโทษล่วงหน้า

เป็นซีรีส์ ; ล่าสุด ที่ได้ทำเป็นอนิเม แต่ไม่ได้อยู่ในจักรวาลเดียวกับ 3 เรื่องก่อนอย่าง C;H , S;G และ R;N โดยเป็นแนว Mystery, Sci-fi ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เรื่องเล่า ความเชื่อหลายๆ อย่าง (Occult) แต่ก็ยังมีการโยงเอาเรื่องทางวิทยาศาสตร์มาปรุงแต่งเข้ามา ตั้งเป็นทฤษฎีทั้งหลายแหล่ในเรื่องแบบเดียวกับเรื่องอื่นในซีรีส์ ; แถมยังมีการเอาเรื่องเล่าจากใน 2ch มาผสมปนเข้าไปด้วย

โดยการเดินเรื่องนั้นจะเร็วมาก ในระดับประมาณ x2 ของเรื่องทั่วๆ ไปแถมในช่วงแรกๆ จะเป็นแบบโยนอะไรมาให้เราก็ไม่รู้เต็มไปหมด รวมถึงจุดใบ้เล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลายแหล่ ที่เราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันเป็นคำใบ้ที่ทิ้งเอาไว้ให้แล้ว จนกว่าคุณจะดูไปจนถึงประมาณครึ่งเรื่องขึ้นไปแล้วถึงจะเริ่มปะติดปะต่อได้ แถมด้วยคำถามที่จะผุดขึ้นมามากมาย แล้วพอได้คำตอบซักอย่าง 2 อย่าง คุณก็จะได้คำถามเพิ่มกลับมา 3-4 อย่างเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยจนจบ พร้อมกับสิ่งที่ยังคงเป็นคำถามปริศนาอีกมากมาย

ด้านงานภาพ ถ้าไม่นับเรื่องดีไซน์ ถือว่างานดีพอสมควร การอนิเมชั่นก็ค่อนข้างไหลลื่น คุณภาพค่อนข้างสูงเลยเหมือนกัน แต่ข้อดีพวกนี้จะไปโดนกลบด้วย วิธีการนำเสนอภาพ ที่ช่างอินดี้สุดๆ อย่างกับ Shaft มาเอง คือแค่เรื่องมันไปเร็วข้อมูลเยอะสมองมันก็ล้าแล้ว นี่เล่นส่งพวกการนำเสนอภาพพิลึกๆ มาคอมโบด้วย เต็มที่กันเลยสุดๆ ราวกับว่าทีมงานพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้คนดูเกลียดเรื่องนี้ยังไงยังงั้น (ผมมีสบถ แมง เติมไม้เอก ออกมาหลายครั้งอยู่ แต่ในแบบอารมณ์ขันนะ)

โดยซีนที่ผมชอบที่สุดคือ มุมมองแบบเกม FPS ในตอนที่ 9 ที่ใช้ CG ทำ + ซาวน์เสียงออกมาได้เจ๋งสุดๆ

เป็นอีกเรื่องที่หลังฉายตอนแรกเสร็จ ก็ค่อนข้างมั่นใจเหมือนกันว่าแผ่นขายไม่ได้แน่ๆ เพราะมีคนดรอปกันกระจายตั้งแต่ตอนแรก ด้วย 2 เหตุผลหลักๆ คือ ความเร็วในการเดินเรื่อง และขนาดหน้าอกของตัวละครแบบโคตรผิดธรรมชาติ ที่ผมอยากจะบอกสำหรับคนที่คิดสนใจดูแต่ดรอปไปเพราะเรื่องหน้าอกแล้ว ว่ามันไม่ได้มีมากมายอะไรเลย ทำมาเพื่อเป็นมุก เป็น comic relief ครับ เพราะด้วยความเร็วและจำนวนข้อมูลชวนสมองระเบิด ผมว่าเป็นจุดที่ใช้พักเบรกได้ดีเลยนะ (แม้จะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ) แถมเพราะสปีดเรื่องคุณจะแทบไม่มีเวลาไปสนใจตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ

เพราะงั้นสำหรับใครที่จะดูหรือลองดู ถ้าดูไปได้ 3 ตอนแล้วรู้สึกว่าไม่ไหว ไม่ใช่จริงๆ แนะนำให้หยุดดูไปเลยดีกว่าครับ ก่อนเส้นเลือดในสมองจะแตกไปซะก่อน

โดยรวมแล้ว ผมสนุกกับเรื่องนี้มาก และเป็นเรื่องเดียวในปีนี้ที่รู้สึกลงแดงอยากดูต่อแบบทนรอแทบไม่ไหวจริงจังมาก (ในส่วนของครึ่งหลัง) และถึงแม้ว่าจะมีจุดให้ติเยอะ จุดที่ไม่เฉลยอีกเพียบ แต่ในฐานะอนิเมที่ทำออกมาโปรโมทเกมที่จะออกปีหน้าแล้ว + จำนวนตอนที่ 12 ตอนแล้ว ก็ทำให้พอรับกับการจบเรื่องแบบทิ้งปมไว้เยอะแยะได้ และเพราะจบไปแบบนั้น มันเลยให้ความรู้สึกตรงกับ Theme เรื่องดีไปอีกแบบ ว่ามันช่าง Occult ซะจริงๆ




Off-Season

Shirobako (10/10)


พึ่งได้ดู หลังจากดองมาเป็นปี ได้โอกาสดูเพราะเห็นว่าถ้าดูเรื่องนี้ควบกับ Gi(a)rlish Number ไปด้วย จะทำให้สนุกขึ้นเยอะ (แต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองเดียวกับในเรื่อง Occultic;Nine อีก ได้ 2 เด้งเลย)

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำอนิเม ให้เห็นว่าการทำอนิเมมีขั้นตอนอะไรแบบไหนบ้าง มีทีมงานส่วนไหนบ้าง แต่เรื่องจะไม่ได้ไปลงหนักทางด้านนั้น แต่จะเป็นชีวิตการทำงาน กับปัญหาที่ต้องพบเจอในการทำงานอนิเมชั่นซะมากกว่า โดยแต่ละปัญหาก็จะถูกแก้จบลงไปได้ด้วยดี (ต่างกับ Gi(a)rlish Number ที่ปล่อยให้มันคาราคาซังอยู่งั้นแหละ)

จะมีจุดที่รู้สึกเสียดายก็คือ ตัวละครหลัก 5 คนนั้น มีบทแบบจริงจังแค่ 2 คน อีกคนมาเริ่มบทมากกลางๆ เรื่อง ส่วนอีก 2 คนบทน้อยมากเมื่อเทียบกับ 3 คนที่เหลือ แต่ถึงอย่างนั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในตอนท้ายๆ ที่ทุกคนได้มามีส่วนร่วมในงานอนิเมเดียวกันตามที่วาดฝันกันไว้ ก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจได้มากพอดู

งานภาพไม่ต้องพูดถึง ระดับ P.A. สวยเนียนกริบ เป็นอีกเรื่องที่ส่วนตัวว่าทำออกมาได้สมบูรณ์แบบมากเลยเรื่องนึง


ของผมก็เท่านี้ครับ ของคนอื่นๆ เป็นไงกันบ้าง? เอาแค่คะแนนก็ได้นะ