ขอ How to เตรียมตัวสอบให้ได้ ielts 7+ ใน 1ปี โดยพฐ.ไม่ดี ไม่ได้อยูตปท. ไม่ได้เรียน english program หน่อยค่ะ

สวัสดีคะ คือหนูอยากไปเรียนป.ตรีที่ตปท.(อยากไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ) แต่ที่บ้านหนูก็มึเงินไม่มาก เลยอยากลองหาทุน
พอศึกษาข้อมูลดู เค้ากำหนดว่าต้องได้ ielts ขั้นต่ำ 7 ค่ะ( และศึกษาดูแล้วถ้าอยากเรียนต่อที่อังกฤษโดยใช้วุฒิ ม.6 ของไทยไปสมัคร จะต้องไปเรียน International foundation  ก่อน 1 ปี หรือเรียน A-Level 2 ปี) แต่ตอนนี้พฐ.ของหนูไม่ดีเลย (สอบ gat eng ได้ 70 กว่าๆ IELTS ยังไม่เคยสอบค่ะ พฐ.หนูตอนนี้ฟังพอได้แต่ส่วนใหญ่ฟังไม่ค่อยทัน พูดพอได้แต่ต้องให้เวลานึกค่ะ อ่านพวกข่าวภาษาอังกฤษก็อ่านรู้เรื่องค่ะในข่าวทั่วๆไป ส่วนเขียนจะเขียนได้ในปย.ง่ายๆค่ะ) และหนูไม่เคยไปแลกเรียน ไม่ได้เรียน english program
คำถามคือ
1.หนูจะสามารถพัฒนาให้ได้ ielts 7+ ภายใน 1 ปีได้ไหมคะ ถ้าได้ควรเริ่มจากตรงไหนคะและมีวิธีเตรียมตัวยังไงคะ
ถ้าไม่ได้จะใช้เวลาเป็นปีครึ่งหรือ 2 ปี จะเป็ยไปได้ไหมคะ
2.คนที่ได้ทุนกันส่วนใหญ่เค้าได้ ielts เท่าไหร่คะ
3.ตอนเรียน International foundation  ก่อน 1 ปี หรือเรียน A-Level 2 ปี มีที่ไหนมีทุนให้ไหมคะ
(หนูลองหาแล้วแต่ไม่เจอเลยคะ)

ขอบคุณมากๆค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดีค่ะ เราอยู่ม.6 เหมือนกันและได้ IELTS 7 แล้ว (ส่วนGATอังกฤษเราได้133นะ) เราไม่ได้เรียนEnglish program เรียนแบบไทยมาตั้งแต่เกิด เคยไปเรียนซัมเมอร์ต่างประเทศแค่1เดือน และพ่อกับแม่เราฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง(เกี่ยวมั้ย5555)

ต้องบอกจขกท.ก่อนว่า IELTS กับ GAT มันต่างกันมาก GAtความยากเทียบIELTSไม่ติดเลย และIELTSจะวัดทักษะด้านต่างๆ ของภาษา ในข้อสอบจะมี4พาร์ท ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน ทุกพาร์ทจะมีคะแนนแยกกันแล้วนำมาคิดรวม นั่นแปลว่าถ้าจขกท.ไม่ถนัดทักษะอย่างใดอย่างหนึ่ง คะแนนก็จะถูกฉุดลง  เราอยากเข้ามหาลัยอินเตอร์ซึ่งใช้ IELTS 6 เราจึงต้องสอบ เราสอบตอนม.5 ได้คะแนน6 แต่เราก็อยากได้มากกว่านั้น เลยใช้เวลา1ปีในการฝึก แล้วกลับไปสอบใหม่ตอนม.6ซึ่งได้7 ก็จะบอกจขกท.ว่าเราทำอะไรบ้างเผื่อจขกท.จะสามารถนำไปใช้ได้

1. เราลงเรียนพิเศษติวIELTSโดยเฉพาะที่สถาบันแห่งหนึ่ง ที่นี่ใช้หนังสือCambridgeสอน ซึ่งเราว่าก็ใช้ได้อยู่ หากจขกท.สนใจถามมาได้ เราลงเรียนเพียงไม่กี่คอร์สเพราะเราพอจะรู้แนวข้อสอบแล้ว และรู้ว่าแต่ละพาร์ทมีพาร์ทย่อยคืออะไร ให้เวลาเท่าไหร่ เขียนอะไรได้เขียนอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่เราว่าสำคัญกว่านั่นก็คือ การฝึกฝนเอง เราจึงเลิกเรียน

2. เราไปซื้อหนังสือที่Kinokuniya บางเล่มซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬา ของสำนักพิมพ์CambridgeกับBarron's มีรายชื่อหนังสือดังนี้
  ของสำนักพิมพ์ Barron's
     1. IELTS international English language testing system เล่มนี้เป็นหนังสือหลักในการเตรียมตัวสอบ มีข้อมูลของข้อสอบอย่างละเอียดและมีแบบฝึกหัดให้ฝึกทำฝึกฟังในskillsต่างๆ ที่เราควรมีติดตัวไปสอบ มีการเตรียมตัววันสอบด้วยแน่ะ อ้อ ระวังนะคะในเล่มนี้มีเนื้อหาIELTSทั้งแบบAcademicและGeneral training(หนึ่งในทักษะทั้ง4) จขกท.ไม่ต้องไปอ่านส่วนของGeneral trainingนะ5555 (การสอบIELTSมี2ประเภทค่ะ สำหรับไปเรียนต่อกับไปทำงาน 2ประเภทนี้จะต่างกันในบางพาร์ท) หนังสือเล่มนี้ดีค่ะ แนะนำ
     2. Essentail words for the IELTS เล่มนี้ซื้อมาเพราะตอนม.5ที่เราไปสอบครั้งแรกเรารู้สึกว่ามีศัพท์ที่ไม่รู้อยู่พอสมควรจึงอยากได้หนังสือที่มีศัพท์ของIELTS เล่มนี้จะรวมศัพท์ที่พบบ่อยๆ ในการสอบ สำหรับเราเราไม่ได้ท่องแบบจริงจังสุดๆ เพราะเราไปเน้นที่ทักษะอื่นด้วย แต่ก็ท่องพวกศัพท์ที่น่าจะรู้แต่เราไม่รู้ไว้ เจอศัพท์ในเล่มนี้หลายคำในข้อสอบเหมือนกันนะคะ
   ของสำนักพิมพ์ Cambridge
     1. IELTS trainer เล่มนี้ดีมากๆ แนวเดียวกับBarron'sเล่มแรก มีแบบฝึกหัดให้ฝึกskillsต่างๆมากมาย มีแผ่นซีดีให้ฟังเช่นกัน ในเล่มนี้จะมีตัวอย่างข้อสอบให้6ชุด(แน่นอนว่าในแต่ละชุดก็มี4พาร์ท ฟังพูดอ่านเขียน) พอเราอ่านทุกสิ่งอย่างจบแล้ว เราก็เริ่มฝึกทำแบบทดสอบแบบจับเวลา ตรงนี้สำคัญมากนะคะ คนเราจะพัฒนาได้ต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองก่อน จขกท.จะได้รู้ว่าควรปรับปรุงอะไร อะไรที่ทำไม่ได้เลย อะไรที่โอเคแล้ว
     2. Pratice test for IELTS หากไปร้านขายหนังสือแนวนี้ จขกท.จะเจอหนังสือในชุดนี้ของCambridgeเยอะมากๆ เพราะมันมีหลายเล่ม แนะนำว่าให้ซื้อเล่มหลังๆ-เล่มล่าสุดเพราะมันอัพเดทใหม่ พวกเล่มแรกๆ มันอยู่ในยุคที่IELTSยังไม่ยากขนาดนี้ค่ะ5555 พวกพาร์ทการฟังก็เปิดเว็บของเค้าแล้วเลือกฟังพร้อมทำไปค่ะ หนังสือพวกนี้จะเป็นรวมข้อสอบโดยเฉพาะ เอาไว้ฝึกทำ เราก็ทำหมดเล่ม พวกข้อสอบต่างๆ เราแนะนำของCambridgeนะคะเพราะของCambridgeจะเป็นของอังกฤษ ส่วนBarronsจะเป็นของอเมริกา ส่วนการสอบจริงๆ จะเป็นของอังกฤษ เราก็เลยรู้สึกว่าของCambridgeมันจะ... ตรงกว่านิดนึง?55555 (แต่ในการสอบฟัง คนพูดจะมีทั้งสำเนียงอังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลียน้า)
เราใช้แค่นี้แหละค่ะ

การอ่านของเรา-แบบละเอียดเลยนะ-เราเริ่มศึกษาลักษณะข้อสอบ พาร์ทอะไรมีกี่ข้อ ใช้เวลาเท่าไหร่ คิดว่าตรงไหนน่าจะทำไม่ทัน หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกskillsต่างๆ ในแบบฝึกหัดของหนังสือ สำหรับเราเราไม่วางแผนนะวันไหนจะฝึกอะไร เพราะชอบเปิดไปเปิดมา อยากทำอันไหนก็ทำ แต่กำหนดไว้ว่า โอเคถ้าจะทำตรงนี้ ก็ทำถึงหน้านี้แล้วกัน พอฝึกหมดแล้ว ก็ถึงเวลาทำข้อสอบจริง *ข้อสอบมีค่านะคะ อย่าทำแล้วนั่งกินขนม ลุกไปอาบน้ำ อ่านแชท เล่นเฟส คุณซื้อมันมาเพื่อมาฝึก มันจะมีประโยชน์ที่สุดเมื่อคุณนั่งเงียบๆ จำลองการสอบ และจับเวลาค่ะ อย่าทำข้อสอบทิ้งๆ ขว้างๆ (หนังสือมันแพงนะ55555) *

3. หากจขกท.ตั้งใจจริงๆ ควรไปเรียนwritingสำหรับIELTSโดยเฉพาะเพิ่ม เพราะสำหรับเราและคนส่วนใหญ่ พาร์ทที่ยากที่สุดคือwritingนี่แหละ เพราะเราจะฝึกเอง ก็ไม่รู้ว่าเขียนถูกเขียนผิดอะไร แถมยังต้องเขียนให้กระชับในเวลาจำกัด มีศัพท์ที่ควรใช้ด้วย ดังนั้นหากจขกท.มุ่งมั่นจริงๆ ควรเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ มันใช้เวลา เราก็เรียนwritingแยกเหมือนกัน อยากแนะนำที่เรียนให้จขกท.นะคะแต่ครูที่สอนเราเค้าไม่รับสอนแล้วอ่า อีกอย่างคือถ้าจขกท.พูดงึกๆงักๆละก็ ไปเรียนSpeakingเพิ่มด้วยเถอะค่ะ พาร์ทนั้นก็ยากเหมือนกัน มีการพูดแบบจับเวลาด้วยแน่ะ สำหรับการพูด สำเนียงไม่สำคัญเท่าการพูดให้รู้เรื่องค่ะ และถ้าคนสอบถามมาแล้วเราไม่รู้เรื่อง อย่าตอบอะไรไปส่งๆ นะคะ ขอให้เขาทวนคำถามให้ใหม่ค่ะ เราจะได้ไม่เสียคะแนน หรือถ้าถามอะไรไม่ชัดเจนแล้วเราสงสัยก็ถามได้ค่ะว่า คุณหมายถึงแบบนี้ๆใช่ไหม

4. หาเวลาท่องศัพท์ ศัพท์ในIELTSมักจะมีที่สำคัญๆ และเจอบ่อยๆ นั่นล่ะค่ะ คำไหนที่ยังไม่รู้ก็ท่องไป เราอ่านจากหนังสือ Essential Words นั่นแหละค่ะ

5. ในเวลาว่าง แน่นอนล่ะค่ะว่าเราคงไม่ได้อ่านและทำแบบฝึกหัดตลอดเวลา แต่ในเวลาพัก เรามีกิจกรรมที่ทำเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษไปได้ด้วย ถึงใครที่จะไม่ได้สอบIELTSแต่ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษได้เช่นกัน
-ฟังเพลงภาษาอังกฤษ หากจขกท.ชอบหนุ่มหล่อๆ555555 แนะนำ One direction, The vamps, 5 Seconds of summer, Shawn Mendes
คนสวยๆเพลงแซ่บๆ เช่น Taylor Swift, Ariana Grande, Selena Gomez, Little Mix, Fifth Harmony
เพลงที่ฟังง่ายๆ ต้องเป็นเพลงเก่าๆ ค่ะ เช่นเพลงของ The Carpenters, The Beetles
-ช่วงนั่งรถไปโรงเรียน เราจะฟังวิทยุในแอพของBBC(หาไม่เจอถามได้ค่ะ) สำเนียงของช่องนี้จะดีมาก เป็นแบบBritish และทำให้ได้รู้ศัพท์หลายคำ พร้อมทั้งรู้เหตุการณ์ปัจจุบันด้วย แรกๆ จขกท.น่าจะยังฟังไม่รู้เรื่องเพราะมันเร็วอยู่5555 แต่เราถือว่าเราได้ฟังเค้าพูดกันเป็นภาษาอังกฤษ มันคงจะซึมๆ ลงไปบ้าง5555
-ถ้าจขกท.ดูการ์ตูนละก็ ดูซับอังกฤษค่ะ เราดูการ์ตูนทั้งซีซั่นที่เป็นพากย์ญี่ปุ่น แบบมีซับอังกฤษ ในการ์ตูนหรือหนัง ซีรีย์ เค้าจะแสดงท่าทาง อารมณ์ออกมาเยอะ ทำให้พอจะรู้ได้ว่ากำลังพูดอะไร
-เล่นเกมภาษาอังกฤษ เปลี่ยนโหมดโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ เป็นไปได้ก็พูดภาษาอังกฤษ ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เป็นภาษาอังกฤษ

เท่านี้แหละค่ะที่เราทำ สำหรับเรา เราว่าพาร์ทlisteningเป็นพาร์ทที่boostคะแนนได้ง่ายที่สุด ตอนสอบครั้งแรกเราได้6.5 ส่วนครั้งที่สอง(หลังฝึก)ได้8แน่ะค่ะ อ้อ อีกอย่าง จขกท.ควรลงสอบจริงดูซักครั้งนะคะ มันแพงก็จริงแต่ว่าคุ้มอยู่ค่ะ ควรลงช่วงหลังจากที่ฝึกไปแล้วแรกๆ เพื่อให้รู้ว่าการสอบจริงมันเป็นยังไง ต้องเตรียมอะไร บรรยากาศเป็นยังไง แอร์หนาวไหม ฝรั่งที่สอบพูดด้วยใจดีแค่ไหน ฮ่าๆๆ ถึงเราจะนั่งจำลองการสอบอยู่ที่บ้านยังไงก็ไม่เหมือนสอบจริงเป๊ะๆ หรอกค่ะ และที่สำคัญคือเราจะได้รู้ว่า คะแนนเราพาร์ทไหนได้เท่าไหร่ เช่นถ้าจขกท.ได้4-5 ก็คงต้องลองคิดดูค่ะว่าจะถึง7ไหวไหม และเราจะได้รู้ตัวว่า เฮ้ย ฉันรู้สึกว่าทำอันนี้ได้นี่นา แต่ทำไมได้คะแนนน้อย หรือ พาร์ทนี้โอเคแล้วล่ะ ทวนหน่อยๆ ก็พอ เป็นต้น

เอาล่ะ เราก็บอกหมดแล้วแหละ การได้7มันยากนะคะ เราโชคดีที่มีพื้นฐานดี แต่สิ่งที่ทำให้เราทำได้ คือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จขกท.ก็ลองดูซักตั้งก็ได้ค่ะ IELTSเนี่ยถ้าสอบผ่านแล้วยื่นได้หลายอย่างเลยนะคะ ทั้งในและต่างประเทศ เราขอเอาใจช่วยนะคะ มีอะไรอยากถามก็ถามได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่