อ่านย้อนหลัง :
EP 01 : ROAD TRIP 2,000 KM. IN 6 DAYS ขับกระบะตะลุยล้านนา...ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่...ทริปแรกของหลานสาว 2 ขวบ เซลฟี่ติดแม่
http://pantip.com/topic/35949840
เกือบบ่ายโมงตรงแล้ว แพลนทุกอย่างโดนเลื่อนจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างต้อง Go On ผมขับผ่าน “กาดวโรรส” พอดี น้องเอ็มเลยขออาสาลงไปดูว่ามีของสดอะไรบ้าง? เพราะมื้อเย็นพวกเราจะ Camping ทำอาหารเย็นกินกัน โดยมีน้องเอ็มเป็นเชฟใหญ่ แต่สำรวจไม่ถึง 10 นาทีก็กลับที่รถแบบมือเปล่า และบอกว่า “...เขาให้ไปซื้อของสดที่ตลาดใหม่ อยู่สุดถนนเส้นนี้นะ” ตามนั้นครับ ผมขับมุ่งหน้าไปทันที แต่ต้องเบรคเอี๊ยดทันทีเมื่อน้องเอ็มบอกว่า “พี่หนุ่ม! ซื้อของใน Lotus Express ก็ได้ ที่อยู่ปั๊ม Esso เนี่ย...จะได้รีบซื้อ รีบไปเที่ยว เซลฟี่ทำหน้าเซ็งแล้ว” หันไปมองหน้าหลานสาว นางยิ้มแล้วพูดว่า “...ยีราฟ...แพนด้า...” นี่แหละเป้าหมายของเธออันดับแรก...สวนสัตว์เชียงใหม่ครับ
Lotus Express อาจไม่ Local มาก แต่ช่วยให้เราประหยัดเวลาไปเยอะครับ เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้แต่มีของครบพอควร ราคาหลายๆ อย่างก็ไม่แพง จุดนี้ไม่ไกลจาก “ประตูท่าแพ” ผมเลยต้องพาสมาชิกมาถ่ายรูปเช็คอินสักหน่อย ถือว่ามาถึงเชียงใหม่จริงๆ ซะที จุดนี้ถือเป็นประตูเมืองชั้นในนะครับ มีทั้งหมด 5 ประตูคือ ช้างเผือก เชียงใหม่ สวนดอก สวนปรุง และท่าแพที่คนนิยมมาถ่ายรูป (ถ้าเรียกให้ถูกต้องพูดว่า - ประตูท่าแพชั้นใน) เหตุผลอาจเป็นเพราะว่าเป็นประตูเดียวที่มีการสร้างบานประตูใหม่ขึ้นมา รวมถึงยังมีพื้นที่ลานกว้างที่สุดในบรรดา 4 ประตูที่เหลือ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก ผู้คนและนักท่องเที่ยวก็มานั่งชิลล์และพักผ่อนได้อย่างสบายๆ นานวันเข้าประตูท่าแพนี้จึงเป็นที่นิยมโดยปริยาย งั้นขอต่ออีกนิดแล้วกัน...ประตูเมืองชั้นนอกก็มีอยู่ 5 ประตูเช่นกันครับ ได้แก่ ช้างม่อย หล่ายแคง ขัวก่อม หายยา และท่าแพ (ชั้นนอก)
ปัญหาอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวประตูท่าแพคือการหาที่จอดรถ ครั้งนี้เลยมีทริคแบบสนับสนุนรายได้ท้องถิ่นมาแนะนำ นั่นคือ “จอดหน้าร้านขายยาและซื้อยาในร้าน” แถวนี้จะมีร้านยาพอสมควร หากขาดเหลือจอดแวะได้ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า “ไม่ควรเกิน 15 นาที และเปิดไฟกระพริบไว้ด้วย” แบบนี้ร้านยาแถวท่าแพยินดีต้อนรับเสมอ
วนรอบคูเมืองไม่ถึง 3 กม. ผมจอดแวะ “วัดราชมณเฑียร” ส่วนตัวถือเป็นวัดประจำครับ 555 เพราะหลายปีก่อนขับรถมาเชียงใหม่ แต่ละวัดดูคนเยอะไปหมด สังเกตไปเห็นวัดเล็กๆ นี้ดูโล่งๆ มีที่จอดรถ จึงเลี้ยวเข้าไป ก็เห็นหลวงพ่อทันใจที่ตั้งสวยงามอยู่กลางแจ้ง เคียงคู่กับโบสถ์สีเลือดหมูที่มีลวดลายสวยงามแบบล้านนา ประทับใจตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เอาเป็นว่ามาเชียงใหม่สำหรับผม พลาดอะไรก็ได้ ยกเว้นที่นี่...วัดราชมณเฑียร
เวลาก็เดินเร็วยังกับติดจรวด ปาเข้าไปบ่าย 2 ครึ่งแล้ว ถึงเวลากินข้าวของหลานสาวอีกครั้ง ผมปักหมุดมื้อนี้ที่แถวๆ “กาดหลังมอ (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)” จอดรถริมถนนและเดินดูร้านไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ปิด 555 เพราะแถวนี้เที่ยงๆ ก็ขายหมดแล้ว อย่างเช่นร้านดังโจ๊กต้นพยอม มองไปเห็นร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมัม (Mom’s Spicy Noodle)” จริงๆ ร้านนี้เล็งมาหลายทีแล้วตินมาเชียงใหม่ครั้งก่อน คราวนี้ถือโอกาสลองชิมซะเลย ผมสั่งบะหมี่แห้ง (เมนูประจำ) น้องเอ็มและสมาชิกก็สั่งกันเต็มที่ (สงสัยว่าหิวมาก) ส่วนหลานเซลฟี่ก็กินบะหมี่กับแม่แอน กินเยอะเหมือนเดิม ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็อิ่มหมีพีมัน แถมยังสั่งไก่ทอดร้านข้างๆ มาอีก แต่รอนานพอสมควรกว่าจะได้มา (เวลารีบ...อะไรๆ ก็ดูช้าครับ) เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่รถ เจอของฝากจากตำรวจครับ “ใบสั่ง” เอ??? ก่อนจอดผมก็สำรวจแล้วว่า...ไม่มีเส้นขาวแดง ขาวเหลือง จอดชิดซ้ายปกติ...ผิดตรงไหนหว่า? สุดท้ายมองไปเห็นป้ายที่เพิ่งเอามาตั้งครับ เขียนว่า “ห้ามจอดตั้งแต่ 15.00 – 18.00 น.” เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง...เวลาบอกว่า 15.45 น. ถือว่าคราวนี้มาถึงเชียงใหม่จริงๆ 555 ไม่รอช้า! รีบบึ่งไป สน. รีบจ่ายค่าปรับ และรีบพาหลานสาวไปสวนสัตว์เชียงใหม่ดีกว่า
กว่าจะฝ่าการจราจรและแยกไฟแดงที่ติดนานไม่แพ้กรุงเทพ ทำให้เรามาถึงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ก็เกือบ 5 โมงแล้ว น้องเอ็มจึงเสนอว่า “...ให้เซลฟี่มาเที่ยวพรุ่งนี้ดีกว่า จะได้อยู่หลายชั่วโมงหน่อยนะพี่หนุ่ม” ตัวผมพยักหน้า แต่หันไปมองหน้าเซลฟี่แล้วนางดูเศร้าๆ เลยอุ้มไปแชะรูปหน้าสวนสัตว์กับรูปปั้นเป็นออเดิร์ฟซะหน่อย นางพอยิ้มออกและบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาเที่ยวอีกทีนะครับ
จากจุดนี้เราจะมุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพอีกราว 10 กม. ขับไปไม่ถึงครึ่งทางก็แวะจอดที่ “จุดชมวิว” ผมเองก็ขึ้นดอยสุเทพหลายครั้งและไม่เคยแวะที่นี่เลย แต่คราวนี้อยากให้น้องเซลฟี่ได้ชมวิวมุมสูงๆ เห็นตัวเมืองเชียงใหม่สวยๆ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่า “รายละเอียดระหว่างทาง ไม่แพ้ความสวยที่อยู่ปลายทาง” ที่สำคัญเรายังได้เจอกับ “นักวาดรูปเหมือนชื่อ - ดวงจันทร์ ไชยมงคล” เขาวาดเป็นประจำอยู่จุดนี้ครับ ด้วยเทคนิคชาร์โคล (คล้ายๆ ถ่านสีดำ) ใครอยากได้รูปตัวเอง เขาจัดให้ได้ไม่เกิน 5 นาที และยังวาดรูปในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ฟรีอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีให้แก่คนไทยมาตลอดการครองราชย์...ติดตามผลงานของพี่ดวงจันทร์ได้ที่ Youtube เสิร์ชชื่อขึ้นเลยครับ
สุดท้ายเราก็มาถึงที่พักคืนแรกจนได้ “บ้านพักอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย” ถือเป็นอุทยานแห่งชาติไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง อากาศตอนนั้นที่ไปถึงเวลาเกือบ 6 โมงเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ผมจอดรถเสร็จเรียบร้อยและรีบยกของเข้าบ้านพัก เพราะก่อนทำอาหารเย็นกินกัน เราจะ “เดินไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ” ที่อยู่ห่างออกไปแค่ 200 เมตร โดยเดินตัดทางด้านหลังออกไป ตามทางดินธรรมชาติที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ เดินไม่ยากครับ รองเท้าแตะเดินได้สบาย มาโผล่อีกทีก็ตรงขึ้นบันไดนาคเลย แต่ผมเลือกที่จะพาสมาชิกขึ้นรถราง และขากลับค่อยเดินลงบันไดกัน
การมาไหว้พระธาตุดอยสุเทพยามหัวค่ำแบบนี้ ช่างแตกต่างกับตอนกลางวันมากเลยนะครับ หนึ่งคือไม่ร้อน สองคือคนไม่เยอะ นั่งชื่นชมความงามของพระธาตุที่ต้องแสงไฟสีเหลืองได้อย่างเพลินๆ ซึ่งพอดีกับเวลาทำวัตรเย็นของพระ จึงมีเสียงสวดมนต์เบาๆ ให้ฟังกัน...ทุกสิ่งดูเหมือนธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
อย่างที่รู้กันว่าพระธาตุดอยสุเทพเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของมะแม นั่นก็คือผมและพ่อยี่นั่นเอง มาทุกครั้งผมก็มาที่นี่ตลอดก่อนเดินทางไปที่อื่น แต่ครั้งนี้ที่พักอยู่ใกล้ๆ จึงเออระเหยลอยชายอยู่นานกว่าจะเดินลงบันไดนาคกลับไปที่พัก นิดนึงครับ...ถ้าเดินไปกลับที่นี่ อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วย เพราะตลอดทางเดินไม่มีไฟเลย
พอมาถึง “บ้านพักสุเทพ 102/2” ที่สมาชิกโรดทริปเราพักกัน น้องเอ็มก็แปลงร่างเป็นเชฟใหญ่ “ลงมือทำกับข้าวมื้อเย็น” อุปกรณ์ทำครัวต่างๆ รวมถึงเตาแก็สแบบพกพา ทีมเราขนกันมาอย่างเต็มอัตรา เรียกว่าเรื่องกินไม่มีขาดเลย 555 ระหว่างที่เป็นผู้ช่วยน้องเอ็ม คอยหยิบโน่นหยิบนี่ให้ ผมก็แอบสัปหงกไปหลายรอบ (ก็ขับรถมาทั้งคืนทั้งวัน) จนน้องเอ็มต้องบอกว่า “...ไปนอนพักก่อนก็ได้ อาหารเสร็จแล้วเดี๋ยวไปปลุกนะ” ไม่รอช้าครับ ผมรีบไปหาที่นอนนุ่มๆ ทันที บ้านพักหลังนี้มี 2 ห้องนอนใหญ่ 1 ห้องน้ำพร้อมน้ำอุ่น จริงๆ แล้วพักได้มากถึง 8 คน ตกคืนละ 1,500 บาท ผมจอง Online ผ่านเว็บกรมอุทยานฯ ล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน จึงได้ที่พักนี้มาแบบไม่ยากเย็น
หลับไปตอนไหนไม่รู้ ดูนาฬิกาอีกทีก็สองทุ่มครึ่งแล้ว จึงเดินออกไปที่ระเบียง กับข้าวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพอดี (เหมือนรู้เลย) น่ากินมากๆ มีทั้งต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียว ลาบหมู มื้อนี้ฟาดกันเรียบครับ แม้แต่น้องเซลฟี่เอง พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนครับ ผมเลยให้สมาชิกอาบน้ำกันให้หมดก่อน ขออาบเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน (แอบงีบอีกรอบ) เบ็ดเสร็จแล้วคืนแรกนี้ได้นอนประมาณ 4 ทุ่ม ท่ามกลางอุณหภูมิเย็นๆ 15 องศาเซลเซียส...หลานสาว 2 ขวบนี่ชอบสุดๆ
สรุป Road Trip วันที่ 1 และวันที่ 2 :
• ขับรถทั้งหมด 823 กม. รวม 20 ชม. (ตั้งแต่ 22.00 – 18.00 น. ของอีกวัน)
• เติมน้ำมันเต็มถังที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 1,600 บาท
• แวะเที่ยวทั้งหมด 5 แห่ง คือ 1) พระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน 2) ประตูท่าแพ 3) วัดราชมณเฑียร 4) จุดชมวิวดอยสุเทพ 5) พระธาตุดอยสุเทพ (หมายเหตุ : พลาดที่เที่ยวไป 3 แห่งจากแผนเดิม คือ 1) วัดศรีสุพรรณ 2) สวนสัตว์เชียงใหม่ 3) หมู่บ้านม้งดอยปุย)
• ทานอาหาร 2 ร้านคือ 1) มื้อเช้า - ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย (เวียงยอง) จ.ลำพูน 2) มื้อกลางวัน - ก๋วยเตี๋ยวมัม (Mom’s Spicy Noodle) แถวกาดหลังมอ
• Camping ทำอาหารทานเองมื้อเย็น แวะซื้อของสดที่ Lotus Express ในปั๊ม Esso กลางเมืองเชียงใหม่
• คืนที่ 1 พักบ้านพักสุเทพ 102/2 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (1,500 บาท / คืน)
............................................................................................
ติตตาม EP 03 ได้เร็วๆ นี้ / ปล. ไว้รู้ว่ากี่ EP จบนะ 555

............................................................................................
Contact หนุ่ม - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
FB : Nuim Chalermchai
Page : สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
Page : แฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
IG : Nuim_Navigator
Twitter : Nuim_Navigator
Pinterest : Nuim Chalermchai Tunsingha
[CR] ROAD TRIP 2,000 KM. IN 6 DAYS ขับกระบะตะลุยล้านนา...ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่...ทริปแรกของหลานสาว 2 ขวบ เซลฟี่ติดแม่ (EP 02)
อ่านย้อนหลัง :
EP 01 : ROAD TRIP 2,000 KM. IN 6 DAYS ขับกระบะตะลุยล้านนา...ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่...ทริปแรกของหลานสาว 2 ขวบ เซลฟี่ติดแม่ http://pantip.com/topic/35949840
เกือบบ่ายโมงตรงแล้ว แพลนทุกอย่างโดนเลื่อนจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างต้อง Go On ผมขับผ่าน “กาดวโรรส” พอดี น้องเอ็มเลยขออาสาลงไปดูว่ามีของสดอะไรบ้าง? เพราะมื้อเย็นพวกเราจะ Camping ทำอาหารเย็นกินกัน โดยมีน้องเอ็มเป็นเชฟใหญ่ แต่สำรวจไม่ถึง 10 นาทีก็กลับที่รถแบบมือเปล่า และบอกว่า “...เขาให้ไปซื้อของสดที่ตลาดใหม่ อยู่สุดถนนเส้นนี้นะ” ตามนั้นครับ ผมขับมุ่งหน้าไปทันที แต่ต้องเบรคเอี๊ยดทันทีเมื่อน้องเอ็มบอกว่า “พี่หนุ่ม! ซื้อของใน Lotus Express ก็ได้ ที่อยู่ปั๊ม Esso เนี่ย...จะได้รีบซื้อ รีบไปเที่ยว เซลฟี่ทำหน้าเซ็งแล้ว” หันไปมองหน้าหลานสาว นางยิ้มแล้วพูดว่า “...ยีราฟ...แพนด้า...” นี่แหละเป้าหมายของเธออันดับแรก...สวนสัตว์เชียงใหม่ครับ
Lotus Express อาจไม่ Local มาก แต่ช่วยให้เราประหยัดเวลาไปเยอะครับ เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้แต่มีของครบพอควร ราคาหลายๆ อย่างก็ไม่แพง จุดนี้ไม่ไกลจาก “ประตูท่าแพ” ผมเลยต้องพาสมาชิกมาถ่ายรูปเช็คอินสักหน่อย ถือว่ามาถึงเชียงใหม่จริงๆ ซะที จุดนี้ถือเป็นประตูเมืองชั้นในนะครับ มีทั้งหมด 5 ประตูคือ ช้างเผือก เชียงใหม่ สวนดอก สวนปรุง และท่าแพที่คนนิยมมาถ่ายรูป (ถ้าเรียกให้ถูกต้องพูดว่า - ประตูท่าแพชั้นใน) เหตุผลอาจเป็นเพราะว่าเป็นประตูเดียวที่มีการสร้างบานประตูใหม่ขึ้นมา รวมถึงยังมีพื้นที่ลานกว้างที่สุดในบรรดา 4 ประตูที่เหลือ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก ผู้คนและนักท่องเที่ยวก็มานั่งชิลล์และพักผ่อนได้อย่างสบายๆ นานวันเข้าประตูท่าแพนี้จึงเป็นที่นิยมโดยปริยาย งั้นขอต่ออีกนิดแล้วกัน...ประตูเมืองชั้นนอกก็มีอยู่ 5 ประตูเช่นกันครับ ได้แก่ ช้างม่อย หล่ายแคง ขัวก่อม หายยา และท่าแพ (ชั้นนอก)
ปัญหาอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวประตูท่าแพคือการหาที่จอดรถ ครั้งนี้เลยมีทริคแบบสนับสนุนรายได้ท้องถิ่นมาแนะนำ นั่นคือ “จอดหน้าร้านขายยาและซื้อยาในร้าน” แถวนี้จะมีร้านยาพอสมควร หากขาดเหลือจอดแวะได้ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า “ไม่ควรเกิน 15 นาที และเปิดไฟกระพริบไว้ด้วย” แบบนี้ร้านยาแถวท่าแพยินดีต้อนรับเสมอ
วนรอบคูเมืองไม่ถึง 3 กม. ผมจอดแวะ “วัดราชมณเฑียร” ส่วนตัวถือเป็นวัดประจำครับ 555 เพราะหลายปีก่อนขับรถมาเชียงใหม่ แต่ละวัดดูคนเยอะไปหมด สังเกตไปเห็นวัดเล็กๆ นี้ดูโล่งๆ มีที่จอดรถ จึงเลี้ยวเข้าไป ก็เห็นหลวงพ่อทันใจที่ตั้งสวยงามอยู่กลางแจ้ง เคียงคู่กับโบสถ์สีเลือดหมูที่มีลวดลายสวยงามแบบล้านนา ประทับใจตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เอาเป็นว่ามาเชียงใหม่สำหรับผม พลาดอะไรก็ได้ ยกเว้นที่นี่...วัดราชมณเฑียร
เวลาก็เดินเร็วยังกับติดจรวด ปาเข้าไปบ่าย 2 ครึ่งแล้ว ถึงเวลากินข้าวของหลานสาวอีกครั้ง ผมปักหมุดมื้อนี้ที่แถวๆ “กาดหลังมอ (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)” จอดรถริมถนนและเดินดูร้านไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ปิด 555 เพราะแถวนี้เที่ยงๆ ก็ขายหมดแล้ว อย่างเช่นร้านดังโจ๊กต้นพยอม มองไปเห็นร้าน “ก๋วยเตี๋ยวมัม (Mom’s Spicy Noodle)” จริงๆ ร้านนี้เล็งมาหลายทีแล้วตินมาเชียงใหม่ครั้งก่อน คราวนี้ถือโอกาสลองชิมซะเลย ผมสั่งบะหมี่แห้ง (เมนูประจำ) น้องเอ็มและสมาชิกก็สั่งกันเต็มที่ (สงสัยว่าหิวมาก) ส่วนหลานเซลฟี่ก็กินบะหมี่กับแม่แอน กินเยอะเหมือนเดิม ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็อิ่มหมีพีมัน แถมยังสั่งไก่ทอดร้านข้างๆ มาอีก แต่รอนานพอสมควรกว่าจะได้มา (เวลารีบ...อะไรๆ ก็ดูช้าครับ) เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่รถ เจอของฝากจากตำรวจครับ “ใบสั่ง” เอ??? ก่อนจอดผมก็สำรวจแล้วว่า...ไม่มีเส้นขาวแดง ขาวเหลือง จอดชิดซ้ายปกติ...ผิดตรงไหนหว่า? สุดท้ายมองไปเห็นป้ายที่เพิ่งเอามาตั้งครับ เขียนว่า “ห้ามจอดตั้งแต่ 15.00 – 18.00 น.” เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง...เวลาบอกว่า 15.45 น. ถือว่าคราวนี้มาถึงเชียงใหม่จริงๆ 555 ไม่รอช้า! รีบบึ่งไป สน. รีบจ่ายค่าปรับ และรีบพาหลานสาวไปสวนสัตว์เชียงใหม่ดีกว่า
กว่าจะฝ่าการจราจรและแยกไฟแดงที่ติดนานไม่แพ้กรุงเทพ ทำให้เรามาถึงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ก็เกือบ 5 โมงแล้ว น้องเอ็มจึงเสนอว่า “...ให้เซลฟี่มาเที่ยวพรุ่งนี้ดีกว่า จะได้อยู่หลายชั่วโมงหน่อยนะพี่หนุ่ม” ตัวผมพยักหน้า แต่หันไปมองหน้าเซลฟี่แล้วนางดูเศร้าๆ เลยอุ้มไปแชะรูปหน้าสวนสัตว์กับรูปปั้นเป็นออเดิร์ฟซะหน่อย นางพอยิ้มออกและบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาเที่ยวอีกทีนะครับ
จากจุดนี้เราจะมุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพอีกราว 10 กม. ขับไปไม่ถึงครึ่งทางก็แวะจอดที่ “จุดชมวิว” ผมเองก็ขึ้นดอยสุเทพหลายครั้งและไม่เคยแวะที่นี่เลย แต่คราวนี้อยากให้น้องเซลฟี่ได้ชมวิวมุมสูงๆ เห็นตัวเมืองเชียงใหม่สวยๆ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่า “รายละเอียดระหว่างทาง ไม่แพ้ความสวยที่อยู่ปลายทาง” ที่สำคัญเรายังได้เจอกับ “นักวาดรูปเหมือนชื่อ - ดวงจันทร์ ไชยมงคล” เขาวาดเป็นประจำอยู่จุดนี้ครับ ด้วยเทคนิคชาร์โคล (คล้ายๆ ถ่านสีดำ) ใครอยากได้รูปตัวเอง เขาจัดให้ได้ไม่เกิน 5 นาที และยังวาดรูปในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ฟรีอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีให้แก่คนไทยมาตลอดการครองราชย์...ติดตามผลงานของพี่ดวงจันทร์ได้ที่ Youtube เสิร์ชชื่อขึ้นเลยครับ
สุดท้ายเราก็มาถึงที่พักคืนแรกจนได้ “บ้านพักอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย” ถือเป็นอุทยานแห่งชาติไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง อากาศตอนนั้นที่ไปถึงเวลาเกือบ 6 โมงเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ผมจอดรถเสร็จเรียบร้อยและรีบยกของเข้าบ้านพัก เพราะก่อนทำอาหารเย็นกินกัน เราจะ “เดินไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ” ที่อยู่ห่างออกไปแค่ 200 เมตร โดยเดินตัดทางด้านหลังออกไป ตามทางดินธรรมชาติที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ เดินไม่ยากครับ รองเท้าแตะเดินได้สบาย มาโผล่อีกทีก็ตรงขึ้นบันไดนาคเลย แต่ผมเลือกที่จะพาสมาชิกขึ้นรถราง และขากลับค่อยเดินลงบันไดกัน
การมาไหว้พระธาตุดอยสุเทพยามหัวค่ำแบบนี้ ช่างแตกต่างกับตอนกลางวันมากเลยนะครับ หนึ่งคือไม่ร้อน สองคือคนไม่เยอะ นั่งชื่นชมความงามของพระธาตุที่ต้องแสงไฟสีเหลืองได้อย่างเพลินๆ ซึ่งพอดีกับเวลาทำวัตรเย็นของพระ จึงมีเสียงสวดมนต์เบาๆ ให้ฟังกัน...ทุกสิ่งดูเหมือนธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
อย่างที่รู้กันว่าพระธาตุดอยสุเทพเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของมะแม นั่นก็คือผมและพ่อยี่นั่นเอง มาทุกครั้งผมก็มาที่นี่ตลอดก่อนเดินทางไปที่อื่น แต่ครั้งนี้ที่พักอยู่ใกล้ๆ จึงเออระเหยลอยชายอยู่นานกว่าจะเดินลงบันไดนาคกลับไปที่พัก นิดนึงครับ...ถ้าเดินไปกลับที่นี่ อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วย เพราะตลอดทางเดินไม่มีไฟเลย
พอมาถึง “บ้านพักสุเทพ 102/2” ที่สมาชิกโรดทริปเราพักกัน น้องเอ็มก็แปลงร่างเป็นเชฟใหญ่ “ลงมือทำกับข้าวมื้อเย็น” อุปกรณ์ทำครัวต่างๆ รวมถึงเตาแก็สแบบพกพา ทีมเราขนกันมาอย่างเต็มอัตรา เรียกว่าเรื่องกินไม่มีขาดเลย 555 ระหว่างที่เป็นผู้ช่วยน้องเอ็ม คอยหยิบโน่นหยิบนี่ให้ ผมก็แอบสัปหงกไปหลายรอบ (ก็ขับรถมาทั้งคืนทั้งวัน) จนน้องเอ็มต้องบอกว่า “...ไปนอนพักก่อนก็ได้ อาหารเสร็จแล้วเดี๋ยวไปปลุกนะ” ไม่รอช้าครับ ผมรีบไปหาที่นอนนุ่มๆ ทันที บ้านพักหลังนี้มี 2 ห้องนอนใหญ่ 1 ห้องน้ำพร้อมน้ำอุ่น จริงๆ แล้วพักได้มากถึง 8 คน ตกคืนละ 1,500 บาท ผมจอง Online ผ่านเว็บกรมอุทยานฯ ล่วงหน้าเกือบ 2 เดือน จึงได้ที่พักนี้มาแบบไม่ยากเย็น
หลับไปตอนไหนไม่รู้ ดูนาฬิกาอีกทีก็สองทุ่มครึ่งแล้ว จึงเดินออกไปที่ระเบียง กับข้าวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพอดี (เหมือนรู้เลย) น่ากินมากๆ มีทั้งต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียว ลาบหมู มื้อนี้ฟาดกันเรียบครับ แม้แต่น้องเซลฟี่เอง พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนครับ ผมเลยให้สมาชิกอาบน้ำกันให้หมดก่อน ขออาบเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน (แอบงีบอีกรอบ) เบ็ดเสร็จแล้วคืนแรกนี้ได้นอนประมาณ 4 ทุ่ม ท่ามกลางอุณหภูมิเย็นๆ 15 องศาเซลเซียส...หลานสาว 2 ขวบนี่ชอบสุดๆ
• ขับรถทั้งหมด 823 กม. รวม 20 ชม. (ตั้งแต่ 22.00 – 18.00 น. ของอีกวัน)
• เติมน้ำมันเต็มถังที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 1,600 บาท
• แวะเที่ยวทั้งหมด 5 แห่ง คือ 1) พระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน 2) ประตูท่าแพ 3) วัดราชมณเฑียร 4) จุดชมวิวดอยสุเทพ 5) พระธาตุดอยสุเทพ (หมายเหตุ : พลาดที่เที่ยวไป 3 แห่งจากแผนเดิม คือ 1) วัดศรีสุพรรณ 2) สวนสัตว์เชียงใหม่ 3) หมู่บ้านม้งดอยปุย)
• ทานอาหาร 2 ร้านคือ 1) มื้อเช้า - ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย (เวียงยอง) จ.ลำพูน 2) มื้อกลางวัน - ก๋วยเตี๋ยวมัม (Mom’s Spicy Noodle) แถวกาดหลังมอ
• Camping ทำอาหารทานเองมื้อเย็น แวะซื้อของสดที่ Lotus Express ในปั๊ม Esso กลางเมืองเชียงใหม่
• คืนที่ 1 พักบ้านพักสุเทพ 102/2 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (1,500 บาท / คืน)
............................................................................................
ติตตาม EP 03 ได้เร็วๆ นี้ / ปล. ไว้รู้ว่ากี่ EP จบนะ 555
............................................................................................
Contact หนุ่ม - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
FB : Nuim Chalermchai
Page : สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
Page : แฟนพันธุ์แท้ ท่องเที่ยวไทย 2014
IG : Nuim_Navigator
Twitter : Nuim_Navigator
Pinterest : Nuim Chalermchai Tunsingha