สวัสดีค่ะ พอดีเรามีความสงสัยเรื่องระบบการตลาดของ
"ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ระบบตัวแทนจำหน่ายค่ะ" (ครีมพริตตี้)
ว่าเหมือนหรือต่างกับการขายตรงหรือไม่อย่างไร
ออกตัวก่อนนะคะว่าเรา "ไม่ได้มีเจตนาโจมตีผลิตภัณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น"
((ต้องเขียนกันไว้ก่อน กลัวคนอ่านไม่แตกฉานจะมาโจมตี))
เราสงสัยแค่วิธีการทำการตลาดเท่านั้นค่ะ
เราเลยลองรวบรวมข้อมูลที่เราเคยเจอ เกี่ยวกับครีมพริตตี้มาให้เพื่อนๆ ลองช่วยอ่าน
และใครมีประสบการณ์อะไร มาร่วมกันแชร์ได้นะคะ
------------------------------------
>> เกริ่นนำถึงครีมพริตตี้
สมัยก่อนเราเคยเป็น Account Executive ในเอเจนซี่โฆษณา
และได้มีโอกาสดูแลตราสินค้าสาย Beauty (Skin Care เป็นหลัก)
จึงต้องวิเคราะห์สื่อโฆษณาทั้งหลายแหล่ของคู่แข่ง
ทีนี้เลยพบว่ามีตลาดนึงน่าสนใจมากๆ ในยุค 4-5 ปีที่แล้วเพิ่งเริ่มบูม
นั่นคือ เวชสำอางที่ผลิตโรงงานท้องถิ่นในไทย
ตัวสินค้า
- บางเจ้าก็คิดสูตรเอง หรือซื้อสูตร หรือลอกสูตรมาจากสินค้าแบรนด์ใหญ่ -- อันนี้อาจจะใช้แล้วเห็นผลดี แถมราคาไม่แพง
- พวกที่ร้ายกาจหน่อยคือใช้โลหะหนัก เสตียร์รอยด์ สวมอย. เห็นผลดีในช่วงแรก แล้วหน้าแหกไปตามๆ กัน
ซึ่งในครีมพริตตี้ก็มีทั้งสองแบบปะปนกันไป เราเลยไม่พูดถึงตัวผลิตภัณฑ์ละกัน ผู้บริโภคควรมีวิจารณญาณในการซื้อเอง
การโฆษณาสินค้าที่เราเห็นก็มี ...
- ใช้พริตตี้ดังๆ ในโลกในโซเชี่ยลเป็นหลักในการโปรโมต
- โพสต์ลง IG ดาราดังเบอร์ใหญ่ๆ บ้าง (แต่ดาราพวกนี้จะลงรูปแค่วันเดียว หรือเต็มที่ไม่เกิน 7 วัน เพื่อที่จะได้รับแบรนด์คู่แข่งได้ + ถ้ามีภาพพวกนี้ใน IG จะดูไม่น่าเชื่อถือ สำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มองหาพรีเซ็นเตอร์สินค้าระยะยาว)
- ไม่ใช้ Beauty Blogger เพราะกลุ่มเป้าหมาย (ตลาดล่าง) ไม่อ่าน
- สร้างบทสนทนาในไลน์ว่าสินค้าใช้ดี จากนั้นจะนำภาพมาโพสต์ลง Facebook เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- ในช่วงหลังๆ ที่เราเห็นใช้กันเยอะขึ้นมาก คือ คุณตันโมเดล (กดไลค์ กดแชร์ กด follow แคปหน้าจอ แจกทอง / เงินสด / มือถือ)
------------------------------------
เวลาเราหาข้อมูล เราก็จะเข้าไปใน Facebook ของตัวแบรนด์ หรือเจ้าของแบรนด์ครีมพริตตี้เป็นหลัก
แต่สิ่งที่เราเจอคือโพสต์ "ขายของ+หาตัวแทนจำหน่าย" เยอะมากกกกกก
ไม่มีคอมเมนท์ที่เป็นคนปกติพูดถึงสินค้า เหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ระบบตัวแทนจำหน่ายของครีมพริตตี้มีความคล้ายกับการขายตรงมั้ยคะ ??
ทำไมทุกคนถึงต้องพยายามดิ้นรนหาตัวแทนจำหน่ายขนาดนั้น??
คือเราเข้าใจตามด้านล่างนี้ ซึ่งคิดว่ามันค่อนข้างคล้ายกับขายตรงมากๆ เลย
สมมติว่าเราคือนาง B สนใจจะเป็นตัวแทนจำหน่ายครีมเฒ่าทารก
เราก็ติดต่อเจ้าของแบรนด์ (นาง A) ไป เพื่อซื้อครีมเฒ่าทารก จำนวนมากๆๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกสุดๆ
รวมทั้งได้เงินพิเศษ หรือโบนัสพิเศษจากการทำยอดได้เยอะมาก
จากนั้นเราต้องหาตัวแทนจำหน่ายอยู่ใต้สายเรา (สมมติว่าชื่อ นาง C)
แล้วก็ขายของให้ถูกกว่าที่ปกติ C จะซื้อได้จากเจ้าของแบรนด์ เพื่อให้ C แบ่งเบาภาระหนี้สินจากการกักตุนสินค้าไป
เราว่าโมเดลนี้ ถ้าเราคือ B สายต้นๆ เราก็จะสบาย
แต่ถ้าเราคือ B ปลายๆ สาย หรือคือ C ภาระก็จะมาอยู่ที่เรา
เพราะต้องหาผู้บริโภคจริงๆ มาคอยซื้อของทีละชิ้น 2 ชิ้น
ในขณะที่คนอื่นขายกันทีหลักร้อยหลักพันชิ้น
เราเลยมองว่าโมเดลนี้มีความคล้ายกับระบบขายตรงมากๆ เพียงแต่เรียกเป็น "ระบบตัวแทนจำหน่าย" แทน
ใครที่เคยทำมาก่อน รบกวนช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ทีนะคะว่ามันเหมือนหรือต่างกับที่เราเข้าใจมั้ย
((อยากได้ความรู้เป็นการส่วนตัว 5555 เห็นเจ้าของตราสินค้ามีกิจการโตไวอย่างกับหมูในฟาร์มแหนะ))
เพราะดูได้รับความนิยมมากในกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดล่าง
------------------------------------
ป.ล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนตัวเราไม่ซื้อครีมพริตตี้ เพราะไม่ชอบการโฆษณาที่ผิดหลักอ.ย. หรือหลักเซ็นเซอร์ เช่น ขาวซีดเป็นศพ ผิวเนียนนุ่มเด้งเหมือนหมูนุ่ม 5555 รวมทั้งไม่มีผลรับรองในการใช้คำเคลมสรรพคุณ ดังนั้นไม่รู้ว่าของที่จะซื้อใช้ดีจริงมั้ย เพราะใครๆ ก็พูดได้ว่าของตัวเองดีทั้งนั้น
ในขณะที่สินค้าอื่นๆ ตามท้องตลาด แบรนด์ทั่วๆ ไป เช่น โอเลย์ ลอรีอัล นูโทรจีน่า ฯลฯ คำเคลมต่างๆ ที่ปรากฏในชิ้นงานโฆษณานั้น จะต้องมีผลวิจัยรองรับ (ถึงแม้ว่าจะเป็นวิจัยที่มีกลุ่มตัวอย่างแค่ 10-20 คน ก็ยังดีกว่าไม่มีฟระ) ซึ่งมันก็จะมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่าเยอะ และถ้าเคลมสรรพคุณเกินจริง ผู้บริโภคมีสิทธิฟ้อง สคบ. ได้ทันทีค่ะ (และค่าปรับแพงมากกกกก พูดเลย !!) แบรนด์ใหญ่ๆ ก็เลยจะเคลมตามความเป็นจริง
:+:+:+: ระบบตัวแทนจำหน่ายครีมพริตตี้ VS ขายตรง :+:+:+:
"ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ระบบตัวแทนจำหน่ายค่ะ" (ครีมพริตตี้)
ว่าเหมือนหรือต่างกับการขายตรงหรือไม่อย่างไร
ออกตัวก่อนนะคะว่าเรา "ไม่ได้มีเจตนาโจมตีผลิตภัณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น"
((ต้องเขียนกันไว้ก่อน กลัวคนอ่านไม่แตกฉานจะมาโจมตี))
เราสงสัยแค่วิธีการทำการตลาดเท่านั้นค่ะ
เราเลยลองรวบรวมข้อมูลที่เราเคยเจอ เกี่ยวกับครีมพริตตี้มาให้เพื่อนๆ ลองช่วยอ่าน
และใครมีประสบการณ์อะไร มาร่วมกันแชร์ได้นะคะ
------------------------------------
>> เกริ่นนำถึงครีมพริตตี้
สมัยก่อนเราเคยเป็น Account Executive ในเอเจนซี่โฆษณา
และได้มีโอกาสดูแลตราสินค้าสาย Beauty (Skin Care เป็นหลัก)
จึงต้องวิเคราะห์สื่อโฆษณาทั้งหลายแหล่ของคู่แข่ง
ทีนี้เลยพบว่ามีตลาดนึงน่าสนใจมากๆ ในยุค 4-5 ปีที่แล้วเพิ่งเริ่มบูม
นั่นคือ เวชสำอางที่ผลิตโรงงานท้องถิ่นในไทย
ตัวสินค้า
- บางเจ้าก็คิดสูตรเอง หรือซื้อสูตร หรือลอกสูตรมาจากสินค้าแบรนด์ใหญ่ -- อันนี้อาจจะใช้แล้วเห็นผลดี แถมราคาไม่แพง
- พวกที่ร้ายกาจหน่อยคือใช้โลหะหนัก เสตียร์รอยด์ สวมอย. เห็นผลดีในช่วงแรก แล้วหน้าแหกไปตามๆ กัน
ซึ่งในครีมพริตตี้ก็มีทั้งสองแบบปะปนกันไป เราเลยไม่พูดถึงตัวผลิตภัณฑ์ละกัน ผู้บริโภคควรมีวิจารณญาณในการซื้อเอง
การโฆษณาสินค้าที่เราเห็นก็มี ...
- ใช้พริตตี้ดังๆ ในโลกในโซเชี่ยลเป็นหลักในการโปรโมต
- โพสต์ลง IG ดาราดังเบอร์ใหญ่ๆ บ้าง (แต่ดาราพวกนี้จะลงรูปแค่วันเดียว หรือเต็มที่ไม่เกิน 7 วัน เพื่อที่จะได้รับแบรนด์คู่แข่งได้ + ถ้ามีภาพพวกนี้ใน IG จะดูไม่น่าเชื่อถือ สำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มองหาพรีเซ็นเตอร์สินค้าระยะยาว)
- ไม่ใช้ Beauty Blogger เพราะกลุ่มเป้าหมาย (ตลาดล่าง) ไม่อ่าน
- สร้างบทสนทนาในไลน์ว่าสินค้าใช้ดี จากนั้นจะนำภาพมาโพสต์ลง Facebook เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- ในช่วงหลังๆ ที่เราเห็นใช้กันเยอะขึ้นมาก คือ คุณตันโมเดล (กดไลค์ กดแชร์ กด follow แคปหน้าจอ แจกทอง / เงินสด / มือถือ)
------------------------------------
เวลาเราหาข้อมูล เราก็จะเข้าไปใน Facebook ของตัวแบรนด์ หรือเจ้าของแบรนด์ครีมพริตตี้เป็นหลัก
แต่สิ่งที่เราเจอคือโพสต์ "ขายของ+หาตัวแทนจำหน่าย" เยอะมากกกกกก
ไม่มีคอมเมนท์ที่เป็นคนปกติพูดถึงสินค้า เหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ระบบตัวแทนจำหน่ายของครีมพริตตี้มีความคล้ายกับการขายตรงมั้ยคะ ??
ทำไมทุกคนถึงต้องพยายามดิ้นรนหาตัวแทนจำหน่ายขนาดนั้น??
คือเราเข้าใจตามด้านล่างนี้ ซึ่งคิดว่ามันค่อนข้างคล้ายกับขายตรงมากๆ เลย
สมมติว่าเราคือนาง B สนใจจะเป็นตัวแทนจำหน่ายครีมเฒ่าทารก
เราก็ติดต่อเจ้าของแบรนด์ (นาง A) ไป เพื่อซื้อครีมเฒ่าทารก จำนวนมากๆๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกสุดๆ
รวมทั้งได้เงินพิเศษ หรือโบนัสพิเศษจากการทำยอดได้เยอะมาก
จากนั้นเราต้องหาตัวแทนจำหน่ายอยู่ใต้สายเรา (สมมติว่าชื่อ นาง C)
แล้วก็ขายของให้ถูกกว่าที่ปกติ C จะซื้อได้จากเจ้าของแบรนด์ เพื่อให้ C แบ่งเบาภาระหนี้สินจากการกักตุนสินค้าไป
เราว่าโมเดลนี้ ถ้าเราคือ B สายต้นๆ เราก็จะสบาย
แต่ถ้าเราคือ B ปลายๆ สาย หรือคือ C ภาระก็จะมาอยู่ที่เรา
เพราะต้องหาผู้บริโภคจริงๆ มาคอยซื้อของทีละชิ้น 2 ชิ้น
ในขณะที่คนอื่นขายกันทีหลักร้อยหลักพันชิ้น
เราเลยมองว่าโมเดลนี้มีความคล้ายกับระบบขายตรงมากๆ เพียงแต่เรียกเป็น "ระบบตัวแทนจำหน่าย" แทน
ใครที่เคยทำมาก่อน รบกวนช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ทีนะคะว่ามันเหมือนหรือต่างกับที่เราเข้าใจมั้ย
((อยากได้ความรู้เป็นการส่วนตัว 5555 เห็นเจ้าของตราสินค้ามีกิจการโตไวอย่างกับหมูในฟาร์มแหนะ))
เพราะดูได้รับความนิยมมากในกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดล่าง
------------------------------------
ป.ล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้