หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Fanday ฉายไปแล้วนั้น เราก็ได้มาที่Hakodate สถานที่ที่คิดว่าอยากจะลองมาให้ได้สักครั้งเสียทีค่ะ
แน่นอนว่าถ่ายภาพมาเพียบเลยล่ะค่ะ เชิญชมภาพบรรยากาศที่เราเก็บมาฝากด้วยนะค้า
ฮาโกดาเตะวันแรก:31 ตุลาคม 2016
ขึ้นเครื่องบินรอบเช้าจากสนามบินฮาเนดะไปยังฮาโกดาเตะ
นั่งเครื่องบินจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง20นาที
น่าเสียดายที่เมื่อถึงฮาโกดาเตะแล้วดันฝนตกซะงั้น(><)

ไม่มีรถไฟจากสนามบินไปยังตัวเมืองดังนั้นจึงเดินทางด้วยรถบัส!
จากสนามบินฮาโกดาเตะไปยังHakodate Station
ใช้เวลาเดินทางประมาณ20นาที
ค่ารถบัส:410เยน
เมื่อถึงสถานีฮาโกดาเตะฝนก็หยุดตกแล้วล่ะ

บรรยากาศภายในสถานีฮาโกดาเตะ

มีแผนที่แจกอยู่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถไปรับมาฟรีได้จากที่นี่

มีแนะนำเป็นภาษาไทยด้วย เยอะแยะไปหมด
เช็คอินที่โรงแรมใกล้ๆกับสถานีฮาโกดาเตะแล้วตรงดิ่งไปเที่ยวในตัวเมืองกันเลย
ที่ฮาโกดาเตะนั้นการเดินทางโดยรถรางถือว่าสะดวกมากๆ สามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้โดยรถราง

บรรยากาศภายในรถราง

ใช้บริการรถราง1ครั้งอยู่ที่ราคาประมาณ210เยน
ดังนั้นหากมีแพลนจะขึ้นมากกว่า3ครั้งซื้อตั๋วขึ้นรถแบบ1วันจะคุ้มกว่าค่ะ
ผู้ใหญ่600เยน •เด็ก300เยน
จากHakodate eki Mae Station ไปยัง Goryokakukoen Mae Station
เดินจาก Goryokakukoen Mae Station ประมาณ7นาทีก็จะสามารถมองเห็น Goryokaku Towerได้
ด้านหน้าGoryokaku Towerนั้นมีร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังที่มีขายเฉพาะที่ฮากาดาเตะอยู่ด้วย
เจอLUCKY PIERROTแล้วก็เข้าร้านเลย



ลองทานเซ็ตแนะนำของร้านชื่อ Chinese Chicken Burger Set
ปริมาณกำลังดีเหมาะสำหรับมื้อเที่ยงเลย
พอท้องอิ่มแล้วก็ไปยังGoryokaku Tower!
Goryokakuนั้นถูกเรียกว่าเป็นป้อมปราการรูปทรงดาว
Goryokaku Towerนั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับชมGoryokakuจากมุมบนได้
นี่ภาพทิวทัศน์ที่เห็นจากจุดชมวิวดังกล่าวค่ะ

เลนส์กล้องกว้างไม่พอเลยไม่สามารถถ่ายรูปทรงดาวได้สวยเท่าไหร่นัก
อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น่าเสียดายมากเลย
แต่สามารถชมเมืองฮาโกดาเตะได้ทั่วเลย
คราวหน้าอยากจะมาลองดูตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยล่ะค่ะ
ที่ชั้น1ของGoryokaku Towerนั้นมีพื้นที่สำหรับนั่งพักและมีจุดขายของที่ระลึกด้วย

เมล่อนที่กินที่นี่อร่อยมากๆ


จุดขายบัตรเข้าชม
ค่าเข้าชมจุดชมวิว Goryokaku Tower
ผู้ใหญ่:840เยน
นักเรียนประถม:420เยน

จุดขายของที่ระลึก

หลังจากที่ขึ้นไปบนGoryokaku Tower มาแล้วก็ลองไปที่สวนสาธารณะGoryokakuมาด้วยล่ะ


Goryokaku Tower ที่มองเห็นจากสวนสาธารณะGoryokaku


ต้นไม้พวกนี้คือต้นซากุระค่ะ
ตอนดอกซากุระบานช่วงฤดูใบไม้ผลิก็อยากมาอีกจังน้า~
ก่อนจะไปจากGoryokakuมีของขึ้นชื่อที่อยากจะทานให้ได้นั่นก็คือชิโอะราเม็ง

แนะนำร้านที่อยู่ตรงตึกสองชั้นหน้าGoryokaku Tower

ชิโอราเม็งที่พนักงานแนะนำอร่อยสุดๆไปเลย
หลังจากเพลิดเพลินกับการวนเที่ยวรอบGoryokakuแล้วก็ขึ้นรถรางไปยังHakodate Station
ไปDaimonyokochouตามที่เขาลือกันว่าเป็นสีสันยามค่ำคืนของฮาโกดาเตะ



เพราะว่าเป็นวันจันทร์จึงไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่นัก
อยากลองมาตอนที่ครึกครื้นกว่านี้บ้างน้า~
เนื่องจากวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางจึงรีบกลับไปพักผ่อนเติมแรงที่โรงแรมก่อนค่ะ
ฮาโกดาเตะวันที่ที่2 :1 พฤศจิกายน 2016
เช้านี้ที่ฮาโกดาเตะ!
จริงๆแล้วอยากทานอาหารเช้าอร่อยๆที่โรงแรมมากๆเลยค่ะ แต่อดทนไว้
เพราะว่าถ้ามาที่ฮาโกดาเตะแล้วละก็ต้องไปทานอาหารเช้าที่ตลาด!
ที่ตลาดเช้าAsaichiของฮาโกดาเตะนั้นมีตรอก Donburi yokocho Marketที่มีร้านข้าวหน้าต่างๆรวมอยู่มากมาย


ดิฉันชอบปูและไข่หอยเม่นมากจึงเลือกข้าวหน้านี้ค่ะ!

อร่อยสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
สถานที่ขึ้นชื่อรองลงมาต่อจากDonburi yokochouก็คือEkini Market
ภายในนั้นมีร้านขายอาหารทะเลและร้านของฝากมากมายเลยค่ะ



และเราก็ได้เจอกับร้านตกปลาหมึกค่ะ

ปลาหมึกที่ตกจากร้านนี้เขาจะทำอาหารมาให้เรารับประทานได้ทันทีเลยค่ะ
แถวๆนี้มีร้านให้เดินกินเพียบเลยล่ะค่า





หลังจากเติมท้องให้อิ่มที่ตลาดเช้าAsaichiแล้ว ก็มาต่อกันที่Kanemori Red Brick Warehouseค่ะ
ที่Kanemori Red Brick Warehouseนั้นอยู่ห่างจากตลาดเช้าAsaichiประมาณ1กิโลเมตรเท่านั้น สามารถเดินเท้ามาได้
ตู้ขายน้ำอัตโนมัติน่าสนใจที่เจอระหว่างทาง


Hakodate nikitekuda Cider
เป็นไซเดอร์รสหวานๆดื่มแล้วสดชื่น
Kanemori Red Brick Warehouseที่ถูกใช้ในหนัง



ภายในตัวอาคารมีร้านขายของต่างๆอยู่มากมาย


ขนมหวานอร่อยๆที่เจอที่นี่ก็คือเจ้านี่ค่ะ

รสหวานละมุนของเค้กกับกาแฟที่มาเป็นเซ็ต รสเยี่ยมสุดๆเลยค่ะ
เป็นรสชาติที่รู้สึกอยากจะทานอีกให้ได้
และอีกอย่างคือไอศกรีมที่ทำเป็นดอกกุหลาบของMILKISSIMO
น่ารักเสียจนจะทานก็เสียดายเลยล่ะค่ะ


หลังจากที่เดินวนรอบKanemori Red Brick Warehouseแล้วก็เดินไปยังHachimanzakaต่อค่ะ
ที่นี่ก็เป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำโปสเตอร์ของหนังFandayด้วย เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างขึ้นชื่อมากเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนมากทุกคนจะขึ้นไปถ่ายภาพจากด้านบนทางลาดนี้
แต่ครั้งนี้ลองถ่ายจะด้านล่างขึ้นไปดูค่ะ

ทางลาดค่อนข้างจะชันพอสมควรแนะนำว่าให้ใส่รองเท้าที่เดินสะดวกๆมานะคะ!
หากเดินจากHachimanzakaไปยังจุดขึ้นMt.Hakodate Ropewayแล้วล่ะก็

จะมีทางลาดที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงสวยงาม

และสามารถมองเห็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงได้ด้วย

เดินจากHachimanzakaเพียง5นาทีก็จะมาถึง Mt.Hakodate Ropeway

ถ่ายภาพสวนสาธารณะข้างหน้าสักใบหนึ่งไว้
ตอนนี้เพียงแค่คิดว่าจะไปบนยอดเขานั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยล่ะค่ะ

Gondoraรถรางขนาดให้ที่ดูท่าทางน่าจะจุผู้โดยสารได้ประมาณ100คน

ทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะที่ค่อยๆเห็นทีละน้อย

ที่บนยอดเขานั้นมีร้านอาหารอยู่ด้วย ดังนั้นการรับประทานอาหารพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับภาพยามพระอาทิตย์ตกดินก็คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
Mt.Hakodate Ropeway
ค่าโดยสาร(ไป-กลับ)
ผู้ใหญ่(ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 1,280เยน
เด็ก 640เยน
เพียงแค่2วัน1คืนก็สามารถท่องเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะได้อย่างอิ่มเอิบเลยล่ะค่ะ
เป็นเมืองที่ค่อนข้างสะดวกสบายมากๆ การเดินทางก็ง่ายสุดๆ
ครั้งต่อไปอยากจะมาตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ!
สามารถอ่านข้อมูลฮาโกดาเตะเพิ่มเติมได้ที่นี่!!
http://www.hakodate.travel/th/
ตามรอยภาพยนต์สุดโรแมนติก เรื่อง แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว ทริปนี้ 2 วัน 1 คืน @ Hakodate
แน่นอนว่าถ่ายภาพมาเพียบเลยล่ะค่ะ เชิญชมภาพบรรยากาศที่เราเก็บมาฝากด้วยนะค้า
ฮาโกดาเตะวันแรก:31 ตุลาคม 2016
ขึ้นเครื่องบินรอบเช้าจากสนามบินฮาเนดะไปยังฮาโกดาเตะ
นั่งเครื่องบินจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง20นาที
น่าเสียดายที่เมื่อถึงฮาโกดาเตะแล้วดันฝนตกซะงั้น(><)
ไม่มีรถไฟจากสนามบินไปยังตัวเมืองดังนั้นจึงเดินทางด้วยรถบัส!
จากสนามบินฮาโกดาเตะไปยังHakodate Station
ใช้เวลาเดินทางประมาณ20นาที
ค่ารถบัส:410เยน
เมื่อถึงสถานีฮาโกดาเตะฝนก็หยุดตกแล้วล่ะ
บรรยากาศภายในสถานีฮาโกดาเตะ
มีแผนที่แจกอยู่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถไปรับมาฟรีได้จากที่นี่
มีแนะนำเป็นภาษาไทยด้วย เยอะแยะไปหมด
เช็คอินที่โรงแรมใกล้ๆกับสถานีฮาโกดาเตะแล้วตรงดิ่งไปเที่ยวในตัวเมืองกันเลย
ที่ฮาโกดาเตะนั้นการเดินทางโดยรถรางถือว่าสะดวกมากๆ สามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้โดยรถราง
บรรยากาศภายในรถราง
ใช้บริการรถราง1ครั้งอยู่ที่ราคาประมาณ210เยน
ดังนั้นหากมีแพลนจะขึ้นมากกว่า3ครั้งซื้อตั๋วขึ้นรถแบบ1วันจะคุ้มกว่าค่ะ
ผู้ใหญ่600เยน •เด็ก300เยน
จากHakodate eki Mae Station ไปยัง Goryokakukoen Mae Station
เดินจาก Goryokakukoen Mae Station ประมาณ7นาทีก็จะสามารถมองเห็น Goryokaku Towerได้
ด้านหน้าGoryokaku Towerนั้นมีร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังที่มีขายเฉพาะที่ฮากาดาเตะอยู่ด้วย
เจอLUCKY PIERROTแล้วก็เข้าร้านเลย
ลองทานเซ็ตแนะนำของร้านชื่อ Chinese Chicken Burger Set
ปริมาณกำลังดีเหมาะสำหรับมื้อเที่ยงเลย
พอท้องอิ่มแล้วก็ไปยังGoryokaku Tower!
Goryokakuนั้นถูกเรียกว่าเป็นป้อมปราการรูปทรงดาว
Goryokaku Towerนั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับชมGoryokakuจากมุมบนได้
นี่ภาพทิวทัศน์ที่เห็นจากจุดชมวิวดังกล่าวค่ะ
เลนส์กล้องกว้างไม่พอเลยไม่สามารถถ่ายรูปทรงดาวได้สวยเท่าไหร่นัก
อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น่าเสียดายมากเลย
แต่สามารถชมเมืองฮาโกดาเตะได้ทั่วเลย
คราวหน้าอยากจะมาลองดูตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยล่ะค่ะ
ที่ชั้น1ของGoryokaku Towerนั้นมีพื้นที่สำหรับนั่งพักและมีจุดขายของที่ระลึกด้วย
เมล่อนที่กินที่นี่อร่อยมากๆ
จุดขายบัตรเข้าชม
ค่าเข้าชมจุดชมวิว Goryokaku Tower
ผู้ใหญ่:840เยน
นักเรียนประถม:420เยน
จุดขายของที่ระลึก
หลังจากที่ขึ้นไปบนGoryokaku Tower มาแล้วก็ลองไปที่สวนสาธารณะGoryokakuมาด้วยล่ะ
Goryokaku Tower ที่มองเห็นจากสวนสาธารณะGoryokaku
ต้นไม้พวกนี้คือต้นซากุระค่ะ
ตอนดอกซากุระบานช่วงฤดูใบไม้ผลิก็อยากมาอีกจังน้า~
ก่อนจะไปจากGoryokakuมีของขึ้นชื่อที่อยากจะทานให้ได้นั่นก็คือชิโอะราเม็ง
แนะนำร้านที่อยู่ตรงตึกสองชั้นหน้าGoryokaku Tower
หลังจากเพลิดเพลินกับการวนเที่ยวรอบGoryokakuแล้วก็ขึ้นรถรางไปยังHakodate Station
ไปDaimonyokochouตามที่เขาลือกันว่าเป็นสีสันยามค่ำคืนของฮาโกดาเตะ
เพราะว่าเป็นวันจันทร์จึงไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่นัก
อยากลองมาตอนที่ครึกครื้นกว่านี้บ้างน้า~
เนื่องจากวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางจึงรีบกลับไปพักผ่อนเติมแรงที่โรงแรมก่อนค่ะ
ฮาโกดาเตะวันที่ที่2 :1 พฤศจิกายน 2016
เช้านี้ที่ฮาโกดาเตะ!
จริงๆแล้วอยากทานอาหารเช้าอร่อยๆที่โรงแรมมากๆเลยค่ะ แต่อดทนไว้
เพราะว่าถ้ามาที่ฮาโกดาเตะแล้วละก็ต้องไปทานอาหารเช้าที่ตลาด!
ที่ตลาดเช้าAsaichiของฮาโกดาเตะนั้นมีตรอก Donburi yokocho Marketที่มีร้านข้าวหน้าต่างๆรวมอยู่มากมาย
สถานที่ขึ้นชื่อรองลงมาต่อจากDonburi yokochouก็คือEkini Market
ภายในนั้นมีร้านขายอาหารทะเลและร้านของฝากมากมายเลยค่ะ
และเราก็ได้เจอกับร้านตกปลาหมึกค่ะ
แถวๆนี้มีร้านให้เดินกินเพียบเลยล่ะค่า
หลังจากเติมท้องให้อิ่มที่ตลาดเช้าAsaichiแล้ว ก็มาต่อกันที่Kanemori Red Brick Warehouseค่ะ
ที่Kanemori Red Brick Warehouseนั้นอยู่ห่างจากตลาดเช้าAsaichiประมาณ1กิโลเมตรเท่านั้น สามารถเดินเท้ามาได้
ตู้ขายน้ำอัตโนมัติน่าสนใจที่เจอระหว่างทาง
เป็นไซเดอร์รสหวานๆดื่มแล้วสดชื่น
Kanemori Red Brick Warehouseที่ถูกใช้ในหนัง
ภายในตัวอาคารมีร้านขายของต่างๆอยู่มากมาย
ขนมหวานอร่อยๆที่เจอที่นี่ก็คือเจ้านี่ค่ะ
รสหวานละมุนของเค้กกับกาแฟที่มาเป็นเซ็ต รสเยี่ยมสุดๆเลยค่ะ
เป็นรสชาติที่รู้สึกอยากจะทานอีกให้ได้
และอีกอย่างคือไอศกรีมที่ทำเป็นดอกกุหลาบของMILKISSIMO
น่ารักเสียจนจะทานก็เสียดายเลยล่ะค่ะ
หลังจากที่เดินวนรอบKanemori Red Brick Warehouseแล้วก็เดินไปยังHachimanzakaต่อค่ะ
ที่นี่ก็เป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำโปสเตอร์ของหนังFandayด้วย เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างขึ้นชื่อมากเลยทีเดียวค่ะ
แต่ครั้งนี้ลองถ่ายจะด้านล่างขึ้นไปดูค่ะ
ทางลาดค่อนข้างจะชันพอสมควรแนะนำว่าให้ใส่รองเท้าที่เดินสะดวกๆมานะคะ!
หากเดินจากHachimanzakaไปยังจุดขึ้นMt.Hakodate Ropewayแล้วล่ะก็
จะมีทางลาดที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงสวยงาม
ตอนนี้เพียงแค่คิดว่าจะไปบนยอดเขานั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
Mt.Hakodate Ropeway
ค่าโดยสาร(ไป-กลับ)
ผู้ใหญ่(ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 1,280เยน
เด็ก 640เยน
เพียงแค่2วัน1คืนก็สามารถท่องเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะได้อย่างอิ่มเอิบเลยล่ะค่ะ
เป็นเมืองที่ค่อนข้างสะดวกสบายมากๆ การเดินทางก็ง่ายสุดๆ
ครั้งต่อไปอยากจะมาตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ!
สามารถอ่านข้อมูลฮาโกดาเตะเพิ่มเติมได้ที่นี่!!
http://www.hakodate.travel/th/