ก่อนหน้านี้เคยได้ตั้งกระทู้หัวข้อ "ในวันที่ฉันเป็นภาวะซึมเศร้า"
มีโอกาสได้คุยกับน้องสาวที่เป็นพยาบาล และเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลผู้ป่วยโรคจิต เล่าให้น้องฟังว่าเพิ่งพบจิตแพทย์มาและตอนนี้ทานยาอยู่ น้องบอกว่าเป็นเคสที่เริ่มรุนแรงแต่ยังดีที่รู้ตัวและไปพบหมอไวทำให้ได้รับการรักษาในขณะที่ยังไม่เป็นเยอะ.
ตอนนี้ฉันเริ่มเป็นห่วงน้องชายฉัน น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน น้องมีลักษณะนิสัยเหมือนกัน แล้วเราคุยกันรู้เรื่อง บางครั้งแค่มองตาน้องฉันก็เข้าใจ การเจอกันครั้งนี้เป็นรอบหลายๆเดือนที่เราไม่ได้เจอกัน ปากยิ้มเมื่อทักทาย หัวเราะได้เมื่อเหย้าแหย่ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะนั้น ที่ฉันเห็นคือสายตาที่เหม่อลอยในบางครั้ง ฉันจึงเข้าใจว่าน้องเริ่มรู้สึกอึดอัดกับชีวิตประจำวันเพราะมีบางอย่างมากวนใจ ซึ่งบางอย่างที่ว่านั้นลำพังตัวเองไม่สามารถแก้ปัญหาได้และไม่สามารถที่จะพูดหรือบอกกับครอบครัวได้ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าได้พูด และครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่เกิด แล้วสามารถแก้ปัญหาให้ได้ แต่มันไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะการพูดออกมามันทำให้กระทบคนอีกหลายคน น้องจึงเลือกที่จะเก็บเอาไว้เหมือนที่ฉันเคยเป็น ฉันที่เป็นพี่รับรู้เรื่องนี้มาหลายเดือนแต่ไม่เคยไปเจอน้อง ไม่ได้คุยกัน เมื่อเราได้เจอกัน แค่ฉันมองตาและคำถามเดียวที่ฉันได้ถามออกไป คือ "มีความสุขมั้ย" น้องยิ้มแบบเนือยๆ เลยบอกไปว่า"อึดอัดใช่มั้ย พี่รู้ว่าเรื่องอะไร พี่รู้จักแกนะ" แค่นั้นน้องก็เข้ามากอดฉัน แล้วถามฉันว่าทำไมพี่ถึงเข้าใจ ฉันเลยบอกไปว่าอาการนี้พี่เคยเป็น และพี่รู้จักแกนะ
บางคนอาจจะคิดว่าเมื่อรู้ปัญหาก็แก้สิ แต่บางครั้งลำพังตัวคนเดียวมันแก้ไม่ได้
ก็อย่าสนใจสิ การไม่สนใจก็อาจก่อเกิดเป็นเรื่องขัดข้องหมางใจกันไป
ปรับตัวสิ ก็ปรับแล้วแต่มันทำให้เราสูญเสียสิ่งที่เป็นตัวเราจนเกิดเป็นความกดดันสะสมและเริ่มใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่มีความสุข ทำทุกอย่างให้มันผ่านพ้นไป ไม่มีเป้าหมาย ในที่สุดคือจะมีคำถามกับตัวเองว่า ความสุขของฉันคืออะไร หรืออยู่ทำไมวะ
ตลอด 3 วันที่พวกเราพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ฉันคอยสังเกตน้อง การเก็บตัวอยู่ลำพังเป็นเรื่องปกติ แต่การนั่งกุมขมับหรือซุกอยู่ในมุมมันไม่ใช่เรื่องของคนปกติที่ทำกัน เมื่อถามก็บอกว่าแค่หิว ทั้งที่กินขนมตลอด ทานข้าวเวลาเดียวกัน แต่ตาลอยเหมือนคนกำลังคิดมากหรือหวาดกลัว
ฉันคอยสังเกตตัวเองเมื่อฉันไม่ทานยา ตัวฉันก็ปกติทุกอย่างแต่บางครั้งเมื่อเจอสิ่งกระทบอารมณ์ทั้งที่รู้ว่าควรทำตัวยังไง วางตัวแบบไหน แต่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ ฉันปรี๊ดขึ้นมาแล้วตัวสั่นจนคนที่อยู่ด้วยตกใจเพราะว่ามัน/ม่ใช่ตัวฉัน หงุดหงิด เสียงทุกอย่างมันน่ารำคาญไปหมด
สิ่งที่ฉันเป็นสิ่งที่ฉันเจอและต้องอยู่กับมัน ฉันทรมานแต่มันสอนให้ฉันรู้ว่าทุกคนมีปัญหากันหมดแต่จิตใจคนเรานั้นต่างหากที่ยอมรับปัญหาได้ต่างกัน บางคนบอกว่าอย่าเอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงที่เราไม่ควรเอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจเพราะมันอาจจะทำให้เราไม่เป็นสุข แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพียงแค่คนรอบข้างเราก็พอใส่ใจและรับฟังเค้าสักนิดจะทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเบา เรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเรื่องไม่ควรเกิดก็อาจจะไม่เกิดขึ้นหรือหายไป
มันช่างโชคดีที่ช่วงเวลานี้พวกเราพี่น้องได้อยู่กันครบคน เราได้คุยกันในสิ่งที่เราคุยกับพ่อแม่ไม่ได้ หนึ่งคนในบรรดาพี่น้องของเราที่เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลด้านจิตเวช นางช่วยพวกเราได้เยอะ
แต่ถึงยังไงฉันก็ยังต้องพึ่งยา
เพราะฉันเป็นฉันจึงอยากแชร์ อยากบอกต่อเพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่น เพียงสักน้อยนิดก็ยังดี และโรคนี้ทำให้หลายคนต้องสูญเสียคนที่รักไป
อาการซึมเศร้าที่ฉันต้องอยู่กับมัน
มีโอกาสได้คุยกับน้องสาวที่เป็นพยาบาล และเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลผู้ป่วยโรคจิต เล่าให้น้องฟังว่าเพิ่งพบจิตแพทย์มาและตอนนี้ทานยาอยู่ น้องบอกว่าเป็นเคสที่เริ่มรุนแรงแต่ยังดีที่รู้ตัวและไปพบหมอไวทำให้ได้รับการรักษาในขณะที่ยังไม่เป็นเยอะ.
ตอนนี้ฉันเริ่มเป็นห่วงน้องชายฉัน น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน น้องมีลักษณะนิสัยเหมือนกัน แล้วเราคุยกันรู้เรื่อง บางครั้งแค่มองตาน้องฉันก็เข้าใจ การเจอกันครั้งนี้เป็นรอบหลายๆเดือนที่เราไม่ได้เจอกัน ปากยิ้มเมื่อทักทาย หัวเราะได้เมื่อเหย้าแหย่ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะนั้น ที่ฉันเห็นคือสายตาที่เหม่อลอยในบางครั้ง ฉันจึงเข้าใจว่าน้องเริ่มรู้สึกอึดอัดกับชีวิตประจำวันเพราะมีบางอย่างมากวนใจ ซึ่งบางอย่างที่ว่านั้นลำพังตัวเองไม่สามารถแก้ปัญหาได้และไม่สามารถที่จะพูดหรือบอกกับครอบครัวได้ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าได้พูด และครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่เกิด แล้วสามารถแก้ปัญหาให้ได้ แต่มันไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะการพูดออกมามันทำให้กระทบคนอีกหลายคน น้องจึงเลือกที่จะเก็บเอาไว้เหมือนที่ฉันเคยเป็น ฉันที่เป็นพี่รับรู้เรื่องนี้มาหลายเดือนแต่ไม่เคยไปเจอน้อง ไม่ได้คุยกัน เมื่อเราได้เจอกัน แค่ฉันมองตาและคำถามเดียวที่ฉันได้ถามออกไป คือ "มีความสุขมั้ย" น้องยิ้มแบบเนือยๆ เลยบอกไปว่า"อึดอัดใช่มั้ย พี่รู้ว่าเรื่องอะไร พี่รู้จักแกนะ" แค่นั้นน้องก็เข้ามากอดฉัน แล้วถามฉันว่าทำไมพี่ถึงเข้าใจ ฉันเลยบอกไปว่าอาการนี้พี่เคยเป็น และพี่รู้จักแกนะ
บางคนอาจจะคิดว่าเมื่อรู้ปัญหาก็แก้สิ แต่บางครั้งลำพังตัวคนเดียวมันแก้ไม่ได้
ก็อย่าสนใจสิ การไม่สนใจก็อาจก่อเกิดเป็นเรื่องขัดข้องหมางใจกันไป
ปรับตัวสิ ก็ปรับแล้วแต่มันทำให้เราสูญเสียสิ่งที่เป็นตัวเราจนเกิดเป็นความกดดันสะสมและเริ่มใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่มีความสุข ทำทุกอย่างให้มันผ่านพ้นไป ไม่มีเป้าหมาย ในที่สุดคือจะมีคำถามกับตัวเองว่า ความสุขของฉันคืออะไร หรืออยู่ทำไมวะ
ตลอด 3 วันที่พวกเราพี่น้องได้อยู่ด้วยกัน ฉันคอยสังเกตน้อง การเก็บตัวอยู่ลำพังเป็นเรื่องปกติ แต่การนั่งกุมขมับหรือซุกอยู่ในมุมมันไม่ใช่เรื่องของคนปกติที่ทำกัน เมื่อถามก็บอกว่าแค่หิว ทั้งที่กินขนมตลอด ทานข้าวเวลาเดียวกัน แต่ตาลอยเหมือนคนกำลังคิดมากหรือหวาดกลัว
ฉันคอยสังเกตตัวเองเมื่อฉันไม่ทานยา ตัวฉันก็ปกติทุกอย่างแต่บางครั้งเมื่อเจอสิ่งกระทบอารมณ์ทั้งที่รู้ว่าควรทำตัวยังไง วางตัวแบบไหน แต่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ ฉันปรี๊ดขึ้นมาแล้วตัวสั่นจนคนที่อยู่ด้วยตกใจเพราะว่ามัน/ม่ใช่ตัวฉัน หงุดหงิด เสียงทุกอย่างมันน่ารำคาญไปหมด
สิ่งที่ฉันเป็นสิ่งที่ฉันเจอและต้องอยู่กับมัน ฉันทรมานแต่มันสอนให้ฉันรู้ว่าทุกคนมีปัญหากันหมดแต่จิตใจคนเรานั้นต่างหากที่ยอมรับปัญหาได้ต่างกัน บางคนบอกว่าอย่าเอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงที่เราไม่ควรเอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจเพราะมันอาจจะทำให้เราไม่เป็นสุข แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพียงแค่คนรอบข้างเราก็พอใส่ใจและรับฟังเค้าสักนิดจะทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเบา เรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเรื่องไม่ควรเกิดก็อาจจะไม่เกิดขึ้นหรือหายไป
มันช่างโชคดีที่ช่วงเวลานี้พวกเราพี่น้องได้อยู่กันครบคน เราได้คุยกันในสิ่งที่เราคุยกับพ่อแม่ไม่ได้ หนึ่งคนในบรรดาพี่น้องของเราที่เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลด้านจิตเวช นางช่วยพวกเราได้เยอะ
แต่ถึงยังไงฉันก็ยังต้องพึ่งยา
เพราะฉันเป็นฉันจึงอยากแชร์ อยากบอกต่อเพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่น เพียงสักน้อยนิดก็ยังดี และโรคนี้ทำให้หลายคนต้องสูญเสียคนที่รักไป