สิ้นปีแล้ว.จะมีข่าวดี ข่าวดังอะไรอีกบ้าง. เรือดำน้ำได้แน่ๆแล้ว จะมีแถวเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำเหลือไม่. ใช้เงินสะสมคงเหลือ
จาก ส่วนงานต่างๆ และ รัฐบาลช่วยจ่ายอีกเล็กน้อย
เลยมีเงินเหลือพอที่จะ ต่อเรืบรรทุกเครื่องบินจริงๆ ได้อีกลำ และ. เครื่องบินอาจใช้ร่วมกับ ทอ. 6 เครื่อง
ให้ลงบนเรือบรรทุกได้
ในช่วงหลายปีมานี้ โลกจับตามองการขยายแสนยานุภาพทางทหารของจีนอย่างใกล้ชิด โดยสิ่งหนึ่งที่จีนถือเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญ และซุ่มพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน คือ กองทัพเรือดำน้ำ ซึ่งถือเป็นอาวุธลับที่มีผลในทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก
ล่าสุด จีนได้ใช้เวลาร่วม 4 ทศวรรษผลักดันตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย และอาจส่งผลให้สมดุลอำนาจต้องเปลี่ยนไป เพราะจะทำให้จีนมีศักยภาพในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเขตแดนทางทะเลต่าง ๆ และสกัดการแทรกแซงจากสหรัฐได้มากขึ้น
สำนักข่าวกรองทางทะเลสหรัฐ หรือ โอเอ็นไอ ประเมินว่า จีนจะก้าวหน้าไปอีกขั้นในทางยุทธศาสตร์ หากสามารถประจำการเรือดำน้ำรุ่นใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเรือดำน้ำรุ่นดังกล่าวมีชื่อว่า "บูมเมอร์" มีความพิเศษตรงที่สามารถบรรทุกขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้เต็มอัตราศึก แถมขีปนาวุธเหล่านี้ยังมีพิสัยยิงได้ไกลถึงฮาวาย และอลาสก้า ถ้าลอยลำอยู่ในแถบเอเชียตะวันออก แต่ถ้าไปลอยลำอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วละก็ จะสามารถยิงไกลไปถึงสหรัฐเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การประจำการเรือดำน้ำ "บูมเมอร์" ยังจะทำให้จีนเป็นเพียง 1 ใน 3 ประเทศของโลกเท่านั้น นอกเหนือจากสหรัฐ และรัสเซีย ที่สามารถยิงอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งจากทางทะเล อากาศ และภาคพื้นดิน
ในมุมมองของผู้บัญชาการกองทัพเรือแล้ว การที่เรือดำน้ำจีนสามารถแล่นไปยังมหาสมุทรอินเดียได้โดยไม่หยุดพักถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าจีนมีความสามารถที่จะเดินทางไปถึงกองบัญชาการใหญ่ของสหรัฐแถบแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะฮาวายได้
ขณะที่ทางรัฐบาลสหรัฐมองว่าเรือดำน้ำที่สามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ที่จีนมีเอาไว้เพื่อป้องกันสหรัฐเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งเรื่องไต้หวัน ตลอดจนข้อพิพาทเรื่องพรมแดนทางทะเลที่จีนมีกับญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐนั่นเอง
ด้านผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า การประจำการเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ของจีนอาจจะเป็นการเปิดเกมการแข่งขันใต้ทะเลในเอเชียขึ้นมาอีกครั้ง แบบเดียวกับที่สหรัฐ และโซเวียตเคยแข่งกันในยุคสงครามเย็น
สิ้นปีแล้ว.จะมีข่าวดี ข่าวดังอะไรอีกบ้าง. เรือดำน้ำได้แน่ๆแล้ว จะมีแถวเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำเหลือไม่. ใช้เงินสะสม
จาก ส่วนงานต่างๆ และ รัฐบาลช่วยจ่ายอีกเล็กน้อย
เลยมีเงินเหลือพอที่จะ ต่อเรืบรรทุกเครื่องบินจริงๆ ได้อีกลำ และ. เครื่องบินอาจใช้ร่วมกับ ทอ. 6 เครื่อง
ให้ลงบนเรือบรรทุกได้
ในช่วงหลายปีมานี้ โลกจับตามองการขยายแสนยานุภาพทางทหารของจีนอย่างใกล้ชิด โดยสิ่งหนึ่งที่จีนถือเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญ และซุ่มพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน คือ กองทัพเรือดำน้ำ ซึ่งถือเป็นอาวุธลับที่มีผลในทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก
ล่าสุด จีนได้ใช้เวลาร่วม 4 ทศวรรษผลักดันตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย และอาจส่งผลให้สมดุลอำนาจต้องเปลี่ยนไป เพราะจะทำให้จีนมีศักยภาพในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเขตแดนทางทะเลต่าง ๆ และสกัดการแทรกแซงจากสหรัฐได้มากขึ้น
สำนักข่าวกรองทางทะเลสหรัฐ หรือ โอเอ็นไอ ประเมินว่า จีนจะก้าวหน้าไปอีกขั้นในทางยุทธศาสตร์ หากสามารถประจำการเรือดำน้ำรุ่นใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเรือดำน้ำรุ่นดังกล่าวมีชื่อว่า "บูมเมอร์" มีความพิเศษตรงที่สามารถบรรทุกขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้เต็มอัตราศึก แถมขีปนาวุธเหล่านี้ยังมีพิสัยยิงได้ไกลถึงฮาวาย และอลาสก้า ถ้าลอยลำอยู่ในแถบเอเชียตะวันออก แต่ถ้าไปลอยลำอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วละก็ จะสามารถยิงไกลไปถึงสหรัฐเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การประจำการเรือดำน้ำ "บูมเมอร์" ยังจะทำให้จีนเป็นเพียง 1 ใน 3 ประเทศของโลกเท่านั้น นอกเหนือจากสหรัฐ และรัสเซีย ที่สามารถยิงอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งจากทางทะเล อากาศ และภาคพื้นดิน
ในมุมมองของผู้บัญชาการกองทัพเรือแล้ว การที่เรือดำน้ำจีนสามารถแล่นไปยังมหาสมุทรอินเดียได้โดยไม่หยุดพักถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าจีนมีความสามารถที่จะเดินทางไปถึงกองบัญชาการใหญ่ของสหรัฐแถบแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะฮาวายได้
ขณะที่ทางรัฐบาลสหรัฐมองว่าเรือดำน้ำที่สามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ที่จีนมีเอาไว้เพื่อป้องกันสหรัฐเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งเรื่องไต้หวัน ตลอดจนข้อพิพาทเรื่องพรมแดนทางทะเลที่จีนมีกับญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐนั่นเอง
ด้านผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า การประจำการเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ของจีนอาจจะเป็นการเปิดเกมการแข่งขันใต้ทะเลในเอเชียขึ้นมาอีกครั้ง แบบเดียวกับที่สหรัฐ และโซเวียตเคยแข่งกันในยุคสงครามเย็น