พล็อตเรื่อง 7.5/10
เมื่อยานอวกาศลำนึงบรรทุกผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือราว 5,000 กว่าคน เพื่อเดินทางไปยังดาวอาณานิคมใหม่ที่มีชื่อว่าโฮมสเตรดทู ทุกคนในยานอยู่ในสภาพจำศีลเนื่องจากต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 120 ปีแต่แล้วตัวยานก็เกิดอุบัติเหตุชนเศษดาวเคราะห์กลางอวกาศดันไปทำให้กระสวยจำศีลของจิม เพรสตัน(คริส แพรตต์)เกิดขัดข้องปลุกเขาขึ้นมาจากจำศีลทำให้เขาต้องใช้ชีวิตในอวกาศอย่างว้าเหว่ในขณะที่มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
พล็อตเรื่องของหนังมีความน่าสนใจมาก มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวว่าเหตุการณ์ในหนังเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องย้ายอาณานิคม โลกตอนนี้เป็นอย่างไร และเมื่อพระเอกตื่นขึ้นกลางคันตามเรื่องย่อหนังจะไปในทิศทางไหนที่จะบอกเล่าให้คนดูสนใจได้ทั้งเรื่องและจะสื่ออะไรออกมาได้บ้าง แต่โดยสรุปแล้วเรื่องราวต่างๆในหนังก็ตอบโจทย์ในตัวมันเองได้พอใช้ เพียงแต่อาจจะดูง่ายและรวดเร็วไปหน่อย
การดำเนินเรื่อง 6.5/10
การทำหนังในลักษณะนี้ค่อนข้างท้าทายหลายอย่าง ทั้งเนื้อหาที่จะสื่อและพลังนักแสดงด้วยจำนวนคนที่น้อยมากๆ จะสามารถพาอารมณ์คนดูให้ติดตามไปตลอดลอดฝั่งหรือไม่ และแล้วหนังเรื่องนี้ก็ทำไม่ถึงจุดนั้นครับ ในแง่ความน่าสนใจตอนแรกนั้นมาเต็มๆ หนังเกริ่นเรื่องราวให้เราค่อยๆรู้ทีละนิดและตอบคำถามที่เราสงสัยแต่ละอย่าง รวมถึงโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัยในโลกอนาคตได้น่าตื่นตาตื่นใจแต่สิ่งเหล่านี้ทำได้แค่ first sight เท่านั้น เมื่อเราเห็นและเข้าใจมันแล้วมันจะไม่มีอะไรให้น่าสนใจอีกเว้นแต่เนื้อเรื่องและนักแสดงจะขยี้หรือใช้สิ่งเหล่านั้นให้คุ้มค่าซึ่งก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ บ่อยครั้งที่หนังใช้มุขเดิมๆจนเรารู้สึกเบื่อเหมือนฉายหนังซ้ำ บทดราม่าที่ดูจะเป็นความตั้งใจของหนังแต่แรกก็กลับทำได้ไม่ดีเลย หนังไม่ได้ปูความสัมพันธ์ของเรื่องราวมากพอที่จะทำให้เราอินไปกับมันทั้งที่ตัวหนังมีความว่างเปล่าเยอะ แต่ไม่สอดแทรกหรือเสริมสร้างความหนักแน่นของเนื้อหาเลย ข้อเสียอีกอย่างของหนังเลยคือแต่ละประเด็นไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ทำให้เราไม่ได้รู้สึกซึมซับหรืออินอะไรเลย หากจะให้ลองเปรียบเทียบหนังแนวนี้ผมนึกขึ้นได้เรื่องนึงคือ I am Legend ที่วิล สมิธแสดงคนเดียวกับหมา 1 ตัวประมาณ 80% ของทั้งเรื่อง แต่อารมณ์ระหว่างคนดูกับหนังต่างกันสิ้นเชิง
ตัวละคร 6/10
ถึงแม้จะได้สุดยอดนักแสดงอยากเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์และคริส แพรตต์คู่พระนางมารับภาระอันหนักหน่วงและค่อนข้างท้าท้าย อย่างที่บอกคือหนังดำเนินเรื่องโดยใช้ตัวแสดงน้อยมากมันค่อนข้างยากที่นักแสดงจะดึงความสนใจของคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง ผมรู้สึกได้ถึงความไม่เข้ากันบางอย่างของ 2 คนนี้ บทดราม่าก็ทำได้ไม่ดีพอเหมือนองค์ประกอบต่างๆในหนังสร้างขึ้นมาได้อย่างโรแมนติครอให้นักแสดงมาเล่นกับมันแต่กลับทำไม่ได้ อาจจะเพราะบทหนังที่อ่อนด้วยกระมั้ง.. ผมว่าเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ค่อนข้างแสดงบทดราม่าได้ดี เธอพิสูจน์มาให้เห็นแล้วหลายๆเรื่องแต่เรื่องนี้กลับเฉยๆ คริส แพรตต์ก็ยังคงทำได้แค่กลางๆไม่โดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องของดราม่าแต่ด้านอารมณ์การแสดงออกของตัวละครของเขายังโอเคอยู่ ทั้งความหวัง ความเศร้า ความพยายาม แอบมีตลกนิดๆให้อารมณ์ยิ้มบ้าง ถ้าได้บทที่แข็งกว่านี้ศักยภาพของนักแสดง 2 คนนี้จะเฉิดฉายมากกว่านี้แน่ๆ
สรุป 6.5/10
ด้วยความที่หนังดูจะมาในแนวความรัก ดราม่าเป็นหลักให้ชายหญิง 2 คนอยู่ท่ามกลางความเวิงว้างในอวกาศ แต่หนังกลับทำในจุดนี้ไม่สำเร็จถึงจะได้ 2 นักแสดงที่มีพลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งคู่เท่าไหร่ ถึงแม้หนังจะโชว์เทคโนโลยีโลกอนาคตได้น่าตื่นตาแต่ก็ยังใช้ลูกเล่นเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราไม่รู้สึกว่ามันพิเศษในครั้งต่อๆไป ด้านเทคนิคพิเศษของหนังก็มีทั้งดีและไม่ดี บางฉากก็ดูทำไม่เนียนเอาซะเลย บางฉากก็ดูสวยงามน่าตื่นตาดี ในภาพรวมถือว่าสวยงามใช้ได้ มีจินตนาการที่ดี โดยภาพรวมแล้วหากทำให้คนดูอินกับความสัมพันธ์ของตัวละครได้และไม่ยืดเยื้อในบางช่วงบางตอนที่ดูน่าเบื่อเกินไปหนังก็คงจะสนุกและน่าจดจำได้มากกว่านี้ครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
[CR] [Review-No Spoil] Passengers คู่โดยสารพันล้านไมล์
พล็อตเรื่อง 7.5/10
เมื่อยานอวกาศลำนึงบรรทุกผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือราว 5,000 กว่าคน เพื่อเดินทางไปยังดาวอาณานิคมใหม่ที่มีชื่อว่าโฮมสเตรดทู ทุกคนในยานอยู่ในสภาพจำศีลเนื่องจากต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 120 ปีแต่แล้วตัวยานก็เกิดอุบัติเหตุชนเศษดาวเคราะห์กลางอวกาศดันไปทำให้กระสวยจำศีลของจิม เพรสตัน(คริส แพรตต์)เกิดขัดข้องปลุกเขาขึ้นมาจากจำศีลทำให้เขาต้องใช้ชีวิตในอวกาศอย่างว้าเหว่ในขณะที่มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
พล็อตเรื่องของหนังมีความน่าสนใจมาก มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวว่าเหตุการณ์ในหนังเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องย้ายอาณานิคม โลกตอนนี้เป็นอย่างไร และเมื่อพระเอกตื่นขึ้นกลางคันตามเรื่องย่อหนังจะไปในทิศทางไหนที่จะบอกเล่าให้คนดูสนใจได้ทั้งเรื่องและจะสื่ออะไรออกมาได้บ้าง แต่โดยสรุปแล้วเรื่องราวต่างๆในหนังก็ตอบโจทย์ในตัวมันเองได้พอใช้ เพียงแต่อาจจะดูง่ายและรวดเร็วไปหน่อย
การดำเนินเรื่อง 6.5/10
การทำหนังในลักษณะนี้ค่อนข้างท้าทายหลายอย่าง ทั้งเนื้อหาที่จะสื่อและพลังนักแสดงด้วยจำนวนคนที่น้อยมากๆ จะสามารถพาอารมณ์คนดูให้ติดตามไปตลอดลอดฝั่งหรือไม่ และแล้วหนังเรื่องนี้ก็ทำไม่ถึงจุดนั้นครับ ในแง่ความน่าสนใจตอนแรกนั้นมาเต็มๆ หนังเกริ่นเรื่องราวให้เราค่อยๆรู้ทีละนิดและตอบคำถามที่เราสงสัยแต่ละอย่าง รวมถึงโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัยในโลกอนาคตได้น่าตื่นตาตื่นใจแต่สิ่งเหล่านี้ทำได้แค่ first sight เท่านั้น เมื่อเราเห็นและเข้าใจมันแล้วมันจะไม่มีอะไรให้น่าสนใจอีกเว้นแต่เนื้อเรื่องและนักแสดงจะขยี้หรือใช้สิ่งเหล่านั้นให้คุ้มค่าซึ่งก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ บ่อยครั้งที่หนังใช้มุขเดิมๆจนเรารู้สึกเบื่อเหมือนฉายหนังซ้ำ บทดราม่าที่ดูจะเป็นความตั้งใจของหนังแต่แรกก็กลับทำได้ไม่ดีเลย หนังไม่ได้ปูความสัมพันธ์ของเรื่องราวมากพอที่จะทำให้เราอินไปกับมันทั้งที่ตัวหนังมีความว่างเปล่าเยอะ แต่ไม่สอดแทรกหรือเสริมสร้างความหนักแน่นของเนื้อหาเลย ข้อเสียอีกอย่างของหนังเลยคือแต่ละประเด็นไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ทำให้เราไม่ได้รู้สึกซึมซับหรืออินอะไรเลย หากจะให้ลองเปรียบเทียบหนังแนวนี้ผมนึกขึ้นได้เรื่องนึงคือ I am Legend ที่วิล สมิธแสดงคนเดียวกับหมา 1 ตัวประมาณ 80% ของทั้งเรื่อง แต่อารมณ์ระหว่างคนดูกับหนังต่างกันสิ้นเชิง
ตัวละคร 6/10
ถึงแม้จะได้สุดยอดนักแสดงอยากเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์และคริส แพรตต์คู่พระนางมารับภาระอันหนักหน่วงและค่อนข้างท้าท้าย อย่างที่บอกคือหนังดำเนินเรื่องโดยใช้ตัวแสดงน้อยมากมันค่อนข้างยากที่นักแสดงจะดึงความสนใจของคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง ผมรู้สึกได้ถึงความไม่เข้ากันบางอย่างของ 2 คนนี้ บทดราม่าก็ทำได้ไม่ดีพอเหมือนองค์ประกอบต่างๆในหนังสร้างขึ้นมาได้อย่างโรแมนติครอให้นักแสดงมาเล่นกับมันแต่กลับทำไม่ได้ อาจจะเพราะบทหนังที่อ่อนด้วยกระมั้ง.. ผมว่าเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ค่อนข้างแสดงบทดราม่าได้ดี เธอพิสูจน์มาให้เห็นแล้วหลายๆเรื่องแต่เรื่องนี้กลับเฉยๆ คริส แพรตต์ก็ยังคงทำได้แค่กลางๆไม่โดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องของดราม่าแต่ด้านอารมณ์การแสดงออกของตัวละครของเขายังโอเคอยู่ ทั้งความหวัง ความเศร้า ความพยายาม แอบมีตลกนิดๆให้อารมณ์ยิ้มบ้าง ถ้าได้บทที่แข็งกว่านี้ศักยภาพของนักแสดง 2 คนนี้จะเฉิดฉายมากกว่านี้แน่ๆ
สรุป 6.5/10
ด้วยความที่หนังดูจะมาในแนวความรัก ดราม่าเป็นหลักให้ชายหญิง 2 คนอยู่ท่ามกลางความเวิงว้างในอวกาศ แต่หนังกลับทำในจุดนี้ไม่สำเร็จถึงจะได้ 2 นักแสดงที่มีพลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งคู่เท่าไหร่ ถึงแม้หนังจะโชว์เทคโนโลยีโลกอนาคตได้น่าตื่นตาแต่ก็ยังใช้ลูกเล่นเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราไม่รู้สึกว่ามันพิเศษในครั้งต่อๆไป ด้านเทคนิคพิเศษของหนังก็มีทั้งดีและไม่ดี บางฉากก็ดูทำไม่เนียนเอาซะเลย บางฉากก็ดูสวยงามน่าตื่นตาดี ในภาพรวมถือว่าสวยงามใช้ได้ มีจินตนาการที่ดี โดยภาพรวมแล้วหากทำให้คนดูอินกับความสัมพันธ์ของตัวละครได้และไม่ยืดเยื้อในบางช่วงบางตอนที่ดูน่าเบื่อเกินไปหนังก็คงจะสนุกและน่าจดจำได้มากกว่านี้ครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/