เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนเชื่อหรือไม่.. แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงของเราเอง ที่เขียนขึ้นมาเป็นเพราะเราชอบอ่านกระทู้เกี่ยวกับเรื่องราวลี้ลับต่างๆในพันทิปเสมอ จนทำให้คิดได้ว่าเราก็มีเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นทั้งกับคนรอบข้างและตัวเราเองเหมือนกันจึงอยากเขียนเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้าง

ขออภัยล่วงหน้าถ้าหากการเขียนเล่าเรื่องไม่ได้ดีมากมายนัก เพราะไม่ใช่นักเขียน ได้แค่เขียนไปตาม"ความทรงจำ"
เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ขอเริ่มจากเรื่องของเพื่อนสนิทคนหนึ่งนะคะ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ5-6ปีที่ผ่านมา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังเรียนชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนบน ปีนั้นก็จะมีการรับน้องคณะและรับน้องแบบเป็นสาขาซึ่งเป็นช่วงที่เราได้เริ่มรู้จักเพื่อนใหม่ๆ คณะที่เราเลือกเรียนเป็นคณะที่ต้องสอบเข้าเท่านั้น และจะเข้มงวดกว่าคณะอื่นๆมาก โดยทางมหาลัยมีกฎสำหรับนักศึกษาปี 1 ว่าต้องอยู่หอพักในเครือข่ายของมหาลัยเท่านั้น จึงไม่แปลกที่เพื่อนบางคนจะอยู่หอที่โทรมบ้างเก่าบ้าง เพราะไม่สามารถเลือกพักหอข้างนอกได้
ช่วงปี 1 นั้นจะมีการรับน้องซึ่งการรับน้องของคณะเรานั้นมีเวลาที่นานและบ่อยกว่าคณะอื่น จึงทำให้เราและเพื่อนๆสนิทกันได้รวดเร็ว และหนึ่งในเพื่อนเราเป็นถึงดาวสาขา เธอชื่อ “อ้อย” (นามสมมุติ) อ้อยเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดี สูง ขาว หน้าตาสวย อาจมีรอยสิวบ้าง แต่เวลาแต่งหน้าขึ้นบนเวทีอ้อยก็จะดูเด่นกว่าใครด้วยความสูงของเธอนั้นเอง .. แต่ความสวยก็ไม่ได้เป็นที่น่าสนใจเท่านิสัยแปลกๆที่เธอแสดงออกมา เธอมักจะชอบเช้าวัดทำบุญบ่อยครั้ง ยังดูไม่แปลกเท่าไหร่นะคะ แต่เธอชอบที่จะไปหาหมอดู หมอทรง หมออะไรก็ตามที่ดังๆเธอไปหมดค่ะ ไม่เว้นการสักคาถาอาคมต่างๆทั่วผิวหลังทำให้เพื่อนๆไม่ค่อยเข้าหาเธอเท่าไหร่ ทุกคนชอบมองเธอว่าเป็นคนสติไม่ค่อยดี พูดไม่รู้เรื่อง บ้างก็บอกว่าเธอเคยเห็นแฟนของตัวเองถูกรถชนต่อหน้าต่อตาเลยทำให้กลายเป็นคนแปลกๆ เล่ากันไปเรื่อยเปื่อย แต่เราก็ยังคบกับอ้อยอยู่นะคะเพราะเราไม่รู้สึกแบบนั้น อาจมีบ้างที่มันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็จริงที่อ้อยชอบเข้าวัดทำบุญซึ่งมันก็ไม่ใช่นิสัยของวัยรุ่นอายุ18-19เท่าไหร่ แต่ เราคิดว่าอ้อยต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากบอกใครหรือบอกไม่ได้แล้วหาทางออกด้วยการทำบุญ ดูดวงมากกว่ายิ่งคบกับไปเรื่อยๆเริ่มรู้จักมากขึ้นอ้อยก็ปกติดีค่ะ ถึงจะมีพูดอะไรที่เราไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าบ้า อีกเรื่องคือ อ้อยมักเจอสิ่งที่มองไม่เห็นบ่อยครั้งจนนางชิน เลยเข้าวัดทำบุญบ่อยค่ะ แต่ไม่ใช่คนที่เห็นตลอดนะคะแค่โดนอำบ่อย
เรากับอ้อย อยู่หอคนละที่กันค่ะ เราค่อนข้างชอบอยู่คนเดียวและพ่อแม่ก็เป็นคนเลือกหอให้ หอเราค่อนข้างแพงและอยู่ข้างนอกมหาลัย แต่ยังเป็นหอในเครือข่ายนะคะ ช่วงนั้นอ้อยมักให้เราไปรับไปส่งที่หอเสมอ เพราะหออ้อยอยู่ในมหาลัยเลย
........................... ( ปล. ชี้แจงเผื่อมีคนสงสัยนะคะ หอในมหาลัยคือหอที่อยู่ข้างในมหาลัยเลยค่ะขึ้นตรงกับมหาลัยเลยแต่มีแค่ 2 ตึก คือตึก ช 1 ตึก ญ 1 จึงไม่พอสำหรับเด็กปี1 ทั้งหมด เลยมีหอพักในเครือข่ายที่อยู่ข้างนอกมหาลัยเหมือนทำสัญญากับมหาลัยเอาไว้ให้เป็นหอพักในเครือข่ายรองรับเด็ก ปี1 ด้วย) ........................
บางทีอ้อยก็จะเดินไปเรียนที่ตึกเรียนเองถ้าตึกเรียนวันนั้นอยู่ใกล้หอพัก ก็จะเป็นแบบนี้เสมอ จนวันหนึ่งอ้อยบอกเราว่า ‘
จะย้ายหอนะ เพราะหอในมหาลัยห้องมันแคบและอยู่รวมกับคนอื่นไม่เป็นส่วนตัว อีกอย่าง ดึกๆจะออกไปกินข้าวหรือเที่ยวก็ไม่ได้เพราะหอปิด 2 ทุ่ม มียามเฝ้าไม่ให้หนีออก อยู่แล้วไม่มีความสุข’ เราจึงถามว่า ‘
แล้วจะไปอยู่หอที่ไหนละยังไม่ถึงเทอมเลย แล้วหอในเครือข่ายจะไม่เต็มหรอเพราะมันเป็นช่วงเปิดเทอมได้ไม่กี่เดือน’ อ้อยก็ได้แต่หัวเราะปกตินิสัยเขาเป็นคนหัวเราะเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว แล้วตอบว่า ‘
ไหนก็เอาอะ เดี๋ยวก็เจอ’ อ้อยก็ยังหัวเราะแล้วยิ้มเหมือนเดิม เราก็ไม่คิดอะไรคิดแค่ว่า ‘แล้วแต่มุงเต๊อะ -_-. ’
ไม่กี่อาทิตย์อ้อยก็มาบอกเราว่าได้หอแล้วนะอยู่นอกมหาลัยติดกับทางเข้ามหาลัยเลยใกล้มากเป็นหอในเครือข่ายเนี่ยแระ แต่เก่าหน่อย แล้วไม่ต้องมาดูห้องก็ได้แค่มารับไปซื้อของเข้าหอที มันกลัวว่าเราจะไม่ชอบเดี๋ยวบ่นมันอีก (เพราะเราไม่ชอบที่พักที่ดูเก่าหรือน่ากลัวค่ะ จะบอกเพื่อนเสมอว่าควรเลือกให้ดีพอไปรับอ้อย อ้อยก็จะให้รับที่หน้ารั้วของหอพักซึ่งลักษณะของหอพักจะติดกับถนนเลยค่ะแล้วก็ใกล้ประตูทางเข้ามหาลัยด้วย จากรั้วหอเข้าไปเป็นบ้านชั้นเดียวสวยๆเลยน่าจะเป็นบ้านของเจ้าของหอ แล้วหน้าบ้านจะมีตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญให้บริการอยู่ หอพักจะอยู่หลังบ้านเจ้าของ ไปค่อนข้างไกลพอควร เราสังเกตหอพักอ้อยเป็นเหมือนคล้ายว่าทำจากไม้ ดูเก่าๆมีแค่ 2 ชั้น ดูโทรมและเงียบเหงา แล้วในพื้นที่เดียวกันในรั้วหอพักก็เหมือนกำลังสร้างหอขึ้นมาอีกแต่อยู่เหมือนจะสร้างให้ใหญ่กว่าเดิม
ตอนเดินซื้อของอยู่เราจึงถามอ้อยไปว่า
‘เขาจะสร้างหอใหม่หรอมุง ’ อ้อยตอบว่า
‘เออ น่าจะใช่หอที่อูอยู่อะไม่ค่อยมีคนเลย ทั้งหอชั้นล่างมีคนอยู่ 2 ห้อง ชั้นบนมีอูคนเดียว’ เราตกใจมากที่มันพูด
‘เห้ย!! ไม่กลัวหรอ ทำไมไม่ถามเขาก่อนว่ามีคนอยู่เยอะไหม’ อ้อยมองหน้าแล้วพูดว่า ‘
ถามแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาอีกคนเป็น ทอม อยู่ห้องข้างๆ แล้วราคามันก็ถูกด้วย เออมุงแล้วห้องที่ทอมจะมาอยู่เหมือนเขาเขียนยันต์ติดหน้าห้องด้วยแต่มันจางแล้วมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่แต่คิดว่าน่าจะเป็นยันต์วะ ’ ตอนนั้นเราเริ่มกลัวค่ะเพราะเรารู้สึกว่าหอมันวังเวงเกินไปทั้งๆที่ติดถนนคนผ่านไปมา แต่กลับดูเงียบเหงาแถมไม่ค่อยมีคนอยู่เลย แต่ก็คิดว่าถ้าอ้อยกลัวคงไม่ยอมอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะมันก็เจอมาบ่อยแล้ว เมื่อส่งอ้อยซื้อของเสร็จเราก็ของตัวกลับเลยเพราะมันเริ่มจะมืดแล้ว ได้แต่บอกให้อ้อยล็อกประตูเช็คอะไรดีดีละกันอยู่คนเดียวด้วย มีอะไรก็โทรมา (หอของอ้อยเป็นหอหญิง และปิดประตูประมาณ4-5ทุ่ม จำไม่ค่อยได้แต่เขาจะปิดไม่ให้เข้าออกเลยค่ะ ต้องโทรหาเจ้าของหอเท่านั้น คงเพราะใช้รั้วเดียวกับบ้านเจ้าของหอด้วย)
# เดี๋ยวมาต่อน้าาา ขับรถกลับบ้านก่อนค่า

เธอ...........ยังไม่ไปไหน
เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ขอเริ่มจากเรื่องของเพื่อนสนิทคนหนึ่งนะคะ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ5-6ปีที่ผ่านมา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังเรียนชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนบน ปีนั้นก็จะมีการรับน้องคณะและรับน้องแบบเป็นสาขาซึ่งเป็นช่วงที่เราได้เริ่มรู้จักเพื่อนใหม่ๆ คณะที่เราเลือกเรียนเป็นคณะที่ต้องสอบเข้าเท่านั้น และจะเข้มงวดกว่าคณะอื่นๆมาก โดยทางมหาลัยมีกฎสำหรับนักศึกษาปี 1 ว่าต้องอยู่หอพักในเครือข่ายของมหาลัยเท่านั้น จึงไม่แปลกที่เพื่อนบางคนจะอยู่หอที่โทรมบ้างเก่าบ้าง เพราะไม่สามารถเลือกพักหอข้างนอกได้
ช่วงปี 1 นั้นจะมีการรับน้องซึ่งการรับน้องของคณะเรานั้นมีเวลาที่นานและบ่อยกว่าคณะอื่น จึงทำให้เราและเพื่อนๆสนิทกันได้รวดเร็ว และหนึ่งในเพื่อนเราเป็นถึงดาวสาขา เธอชื่อ “อ้อย” (นามสมมุติ) อ้อยเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดี สูง ขาว หน้าตาสวย อาจมีรอยสิวบ้าง แต่เวลาแต่งหน้าขึ้นบนเวทีอ้อยก็จะดูเด่นกว่าใครด้วยความสูงของเธอนั้นเอง .. แต่ความสวยก็ไม่ได้เป็นที่น่าสนใจเท่านิสัยแปลกๆที่เธอแสดงออกมา เธอมักจะชอบเช้าวัดทำบุญบ่อยครั้ง ยังดูไม่แปลกเท่าไหร่นะคะ แต่เธอชอบที่จะไปหาหมอดู หมอทรง หมออะไรก็ตามที่ดังๆเธอไปหมดค่ะ ไม่เว้นการสักคาถาอาคมต่างๆทั่วผิวหลังทำให้เพื่อนๆไม่ค่อยเข้าหาเธอเท่าไหร่ ทุกคนชอบมองเธอว่าเป็นคนสติไม่ค่อยดี พูดไม่รู้เรื่อง บ้างก็บอกว่าเธอเคยเห็นแฟนของตัวเองถูกรถชนต่อหน้าต่อตาเลยทำให้กลายเป็นคนแปลกๆ เล่ากันไปเรื่อยเปื่อย แต่เราก็ยังคบกับอ้อยอยู่นะคะเพราะเราไม่รู้สึกแบบนั้น อาจมีบ้างที่มันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็จริงที่อ้อยชอบเข้าวัดทำบุญซึ่งมันก็ไม่ใช่นิสัยของวัยรุ่นอายุ18-19เท่าไหร่ แต่ เราคิดว่าอ้อยต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากบอกใครหรือบอกไม่ได้แล้วหาทางออกด้วยการทำบุญ ดูดวงมากกว่ายิ่งคบกับไปเรื่อยๆเริ่มรู้จักมากขึ้นอ้อยก็ปกติดีค่ะ ถึงจะมีพูดอะไรที่เราไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าบ้า อีกเรื่องคือ อ้อยมักเจอสิ่งที่มองไม่เห็นบ่อยครั้งจนนางชิน เลยเข้าวัดทำบุญบ่อยค่ะ แต่ไม่ใช่คนที่เห็นตลอดนะคะแค่โดนอำบ่อย
เรากับอ้อย อยู่หอคนละที่กันค่ะ เราค่อนข้างชอบอยู่คนเดียวและพ่อแม่ก็เป็นคนเลือกหอให้ หอเราค่อนข้างแพงและอยู่ข้างนอกมหาลัย แต่ยังเป็นหอในเครือข่ายนะคะ ช่วงนั้นอ้อยมักให้เราไปรับไปส่งที่หอเสมอ เพราะหออ้อยอยู่ในมหาลัยเลย
........................... ( ปล. ชี้แจงเผื่อมีคนสงสัยนะคะ หอในมหาลัยคือหอที่อยู่ข้างในมหาลัยเลยค่ะขึ้นตรงกับมหาลัยเลยแต่มีแค่ 2 ตึก คือตึก ช 1 ตึก ญ 1 จึงไม่พอสำหรับเด็กปี1 ทั้งหมด เลยมีหอพักในเครือข่ายที่อยู่ข้างนอกมหาลัยเหมือนทำสัญญากับมหาลัยเอาไว้ให้เป็นหอพักในเครือข่ายรองรับเด็ก ปี1 ด้วย) ........................
บางทีอ้อยก็จะเดินไปเรียนที่ตึกเรียนเองถ้าตึกเรียนวันนั้นอยู่ใกล้หอพัก ก็จะเป็นแบบนี้เสมอ จนวันหนึ่งอ้อยบอกเราว่า ‘จะย้ายหอนะ เพราะหอในมหาลัยห้องมันแคบและอยู่รวมกับคนอื่นไม่เป็นส่วนตัว อีกอย่าง ดึกๆจะออกไปกินข้าวหรือเที่ยวก็ไม่ได้เพราะหอปิด 2 ทุ่ม มียามเฝ้าไม่ให้หนีออก อยู่แล้วไม่มีความสุข’ เราจึงถามว่า ‘แล้วจะไปอยู่หอที่ไหนละยังไม่ถึงเทอมเลย แล้วหอในเครือข่ายจะไม่เต็มหรอเพราะมันเป็นช่วงเปิดเทอมได้ไม่กี่เดือน’ อ้อยก็ได้แต่หัวเราะปกตินิสัยเขาเป็นคนหัวเราะเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว แล้วตอบว่า ‘ไหนก็เอาอะ เดี๋ยวก็เจอ’ อ้อยก็ยังหัวเราะแล้วยิ้มเหมือนเดิม เราก็ไม่คิดอะไรคิดแค่ว่า ‘แล้วแต่มุงเต๊อะ -_-. ’
ไม่กี่อาทิตย์อ้อยก็มาบอกเราว่าได้หอแล้วนะอยู่นอกมหาลัยติดกับทางเข้ามหาลัยเลยใกล้มากเป็นหอในเครือข่ายเนี่ยแระ แต่เก่าหน่อย แล้วไม่ต้องมาดูห้องก็ได้แค่มารับไปซื้อของเข้าหอที มันกลัวว่าเราจะไม่ชอบเดี๋ยวบ่นมันอีก (เพราะเราไม่ชอบที่พักที่ดูเก่าหรือน่ากลัวค่ะ จะบอกเพื่อนเสมอว่าควรเลือกให้ดีพอไปรับอ้อย อ้อยก็จะให้รับที่หน้ารั้วของหอพักซึ่งลักษณะของหอพักจะติดกับถนนเลยค่ะแล้วก็ใกล้ประตูทางเข้ามหาลัยด้วย จากรั้วหอเข้าไปเป็นบ้านชั้นเดียวสวยๆเลยน่าจะเป็นบ้านของเจ้าของหอ แล้วหน้าบ้านจะมีตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญให้บริการอยู่ หอพักจะอยู่หลังบ้านเจ้าของ ไปค่อนข้างไกลพอควร เราสังเกตหอพักอ้อยเป็นเหมือนคล้ายว่าทำจากไม้ ดูเก่าๆมีแค่ 2 ชั้น ดูโทรมและเงียบเหงา แล้วในพื้นที่เดียวกันในรั้วหอพักก็เหมือนกำลังสร้างหอขึ้นมาอีกแต่อยู่เหมือนจะสร้างให้ใหญ่กว่าเดิม
ตอนเดินซื้อของอยู่เราจึงถามอ้อยไปว่า ‘เขาจะสร้างหอใหม่หรอมุง ’ อ้อยตอบว่า ‘เออ น่าจะใช่หอที่อูอยู่อะไม่ค่อยมีคนเลย ทั้งหอชั้นล่างมีคนอยู่ 2 ห้อง ชั้นบนมีอูคนเดียว’ เราตกใจมากที่มันพูด ‘เห้ย!! ไม่กลัวหรอ ทำไมไม่ถามเขาก่อนว่ามีคนอยู่เยอะไหม’ อ้อยมองหน้าแล้วพูดว่า ‘ถามแล้ว เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาอีกคนเป็น ทอม อยู่ห้องข้างๆ แล้วราคามันก็ถูกด้วย เออมุงแล้วห้องที่ทอมจะมาอยู่เหมือนเขาเขียนยันต์ติดหน้าห้องด้วยแต่มันจางแล้วมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่แต่คิดว่าน่าจะเป็นยันต์วะ ’ ตอนนั้นเราเริ่มกลัวค่ะเพราะเรารู้สึกว่าหอมันวังเวงเกินไปทั้งๆที่ติดถนนคนผ่านไปมา แต่กลับดูเงียบเหงาแถมไม่ค่อยมีคนอยู่เลย แต่ก็คิดว่าถ้าอ้อยกลัวคงไม่ยอมอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะมันก็เจอมาบ่อยแล้ว เมื่อส่งอ้อยซื้อของเสร็จเราก็ของตัวกลับเลยเพราะมันเริ่มจะมืดแล้ว ได้แต่บอกให้อ้อยล็อกประตูเช็คอะไรดีดีละกันอยู่คนเดียวด้วย มีอะไรก็โทรมา (หอของอ้อยเป็นหอหญิง และปิดประตูประมาณ4-5ทุ่ม จำไม่ค่อยได้แต่เขาจะปิดไม่ให้เข้าออกเลยค่ะ ต้องโทรหาเจ้าของหอเท่านั้น คงเพราะใช้รั้วเดียวกับบ้านเจ้าของหอด้วย)
# เดี๋ยวมาต่อน้าาา ขับรถกลับบ้านก่อนค่า