ขอออกตัวก่อนว่าผู้เขียนเป็นครูคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มการใช้ชีวิตในอาชีพนี้อย่างจริงจัง มาได้ 3 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ ที่จะเริ่มทำอาชีพนี้ก็เป็นฟรีแลนซ์อยู่พักหนึ่ง จนได้ทำการสอบบรรจุครูผู้ช่วยผ่านและได้บรรจุในโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้
ภายใน 3 ปีนี้ก็ได้รับรู้เรื่องราวและระบบการศึกษาที่เปลี่ยนไปมาจน รู้สึกว่า คำว่า ก.ค.ศ. น่าจะย่อมาจาก คณะกรรมการกลั่นแกล้งข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษามากกว่า
เริ่มจาก ในตอนที่รายงานตัวเป็นครูผู้ช่วย ได้มีการปฐมนิเทศครูผู้ช่วยทั้งหมด และมีการอบรม ข่าวสารหนึ่งที่ได้รับอยู่เสมอ คือการศึกษาต่อระดับปริญญาโทจะช่วยลดระยะเวลาการทำผลงาน เนื่องจากในระบบราชการครูในปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องมีการเลื่อนขั้นโดยปกติ ดังนั้นเวลาที่ลดได้ก็เป็นผลดี โดยเรียนสาขาอะไรก็ได้ แต่เรื่องนี้จะขอพูดในภายหลัง
เรื่องที่ 2 คือหลังจากพ้นครูผู้ช่วย นั้นคือกำหนด 2 ปีหลังจากผ่านการประเมินจะสามารถขอย้ายได้ ซึ่งถ้าจะพูดไปแล้วนั่นคือความหวังของครูผุ้ช่วยทุกคนอยู่แล้ว
ื
แต่แล้วเรื่องแรกที่โดนก็คือการพิจารณาย้ายนั้นหลังจากที่ตัวผู้เขียนมีอายุข้าราชการจะครบ 2 ปี ในอีก 1 เดือน และจะได้รับการประเมินการผ่านครูผู้ช่วยนั้น กลับมีคำสั่งพิจารณาการย้ายของครูโดยที่ครูที่ย้ายสถานศึกษาได้จะต้องอยู่ในสถานะครูในสถานศึกษานั้นครบ 24 เดือน หรือก็คือ 2 ปีนั่นเอง ซึ่งหลักเกณนี้ไม่นับรวมสถานะครูผู้ช่วย ทำให้ครูผู้ช่วยรุ่นเดียวกับผมและที่บรรจุก่อนหน้าผม 1 ปี ต้องเลื่อนกำหนดการย้ายออกไปอีก บางคนมาสอบไกล เพราะจังหวัดบ้านเกิดตัวเองไม่เปิดสอบครูผู้ช่วยต้องเสียเวลา อยู่ห่างครอบครัว หรือคนรักนานขึ้นอีก
คำสั่งนี้เป็นการไม่ชอบธรรมแก่บรรดาครูผู้ช่วยทั้งหลายอย่างแท้จริง
เรื่องที่ 2 เรื่องการสอบ จากการสอบถามนักเรียนหลายคนที่จบไปแล้วและกำลังศึกษาอยู่
ระบบการสอบของประเทศไทยปัจจุบันเป็นระบบการสอบที่เอื้อการหาเงินของมหาลัยมากเกินไป ทั้งการสอบ O-net การสอบ GAT-PAT การสอบตรง การสอบ 9 วิชาสามัญ ทั้งการที่เด็กนักเรียนต้องเริ่มไปสอบในตอนต้นเทอม 2 ทำให้การจัดการเรียนการสอนต้องบีบอัดเนื้อหา อีกทั้งเงินค่าสมัครสอบที่เด็กหลายคนต้องเสียไป และการสอนได้ไม่เต็มที่เนื่องจากเด็กต้องไปสอบเข้ามหาลัย
ถึงแม้ล่าสุดว่านักเรียน ม. 6 ปีการศึกษา 2560 จะเปลี่ยนระบบสอบเป็น ENT 4.0 แต่ก็ยังมี O-net ซึ่งเป็นการทดสอบที่ตัวของผู้เขียนเองไม่เห็นว่าการสอบนี้จะเกิดประโยชน์อะไร นอกจากเอาไปใช้ประเมินโรงเรียน ซึ่งตัวผู้เขียนเองถือว่าเป็นการประเมินที่ไร้คุณภาพที่สุด เพราะ ข้อสอบ ผิดทุกปี และปีหลังๆ มานี่ ไม่มีการเผยแพร่ข้อสอบ คงเพราะกลัวโดนวิจารณ์ยับแบบที่ให้ ดาวโหลดกันช่วง 3-4 ปีแรกที่ข้อสอบผิดทุกปี และทุกวิชา อีกทั้งโรงเรียนแต่ละโรงเรียนก็มีบริบทที่แตกต่างกัน แล้วจะใช้ข้อสอบเดียวกันวัดเพื่อหาคุณภาพได้อย่างไร
เรื่องที่ 3 การจัดกิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
ในหลายๆโรงเรียนที่ทำกิจกรรมนี้แล้วประสบผลสำเร็จ แต่ในด้านของโรงเรียนของผู้เขียนแล้ว และจากการสอบถามเพื่อนครูผู้เกี่ยวข้องกลับกลายเป็นกิจกรรมที่เพิ่มงานให้ครูเพราะต้องมีการทำเอกสารประเมินเพิ่มขึ้น
ในช่วงแรกยังไม่บังคับครูเปิดและมีการสลับกันไปในแต่ละช่วงเวลาของเทอม แต่คำสั่งใหม่ที่ออกมาตอนนี้ บังคับให้ครูทุกคนต้องจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนอีกทั้งถ้ากิจกรรมไหนรับนักเรียนจำกัด เด็กจะถูกโยนมาให้กับกิจกรรมที่เด็กก้ไม่ต้องการ ครูก็ไม่อยากสอน
อีกทั้งทำให้การจัดตารางสอนจำเป็นต้องอัดวิชาเรียนเพื่อให้ช่วงบ่ายว่างแทนจัดกิจกรรมได้
เรื่องที่ 4 เรื่องวุฒิปริญญาโท ที่เพิ่งประกาศมาไม่นาน
ตัวผุ้เขียนเรียนจบปริญญาโทไม่ได้ปีนึงแล้วจากมหาลัยแห่งหนึ่งขอสงวนชื่อไว้ ในสาขาบริหารการศึกษา เพื่อใช้ช่วยลดเวลาในการทำวิทยฐานะ และตัวผู้เขียนก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร จึงแน่นอนที่จะต้องกู้เงินมาเรียน แต่ปรากฏว่าจากการประกาศล่าสุด ของ ก.ค.ศ. ปรากฏว่าตัวผุ้เขียนไม่สามารถที่จะใช้วุฒินี้ในการขอลดเวลาทำขั้นได้เนื่องจากวุฒิไม่ตรง เพราะประกาศใหม่ วุฒิที่ใช้ได้ในการขอลดเวลานั้น ต้องตรงกับเอกที่สอน
ผลกระทบนี้ส่งผลในวงกว้างสำหรับครูที่เรียนบริหารมาและสำหรับครูสายวิทย์และคณิต เช่นตัวผุ้เขียน และครูสายอื่นที่เอกตัวเองไม่มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในสาขานั่นในหลักสูตรระดับปริญญาโทและเอก
สำหรับคนที่เรียนสายวิทย์-คณิตนั่นจะทราบดีว่าหลักสูตรปริญญาโทและเอกสำหรับ 2 สาขาวิชานี้จำเป็นต้องใช้ทั้งเงินและ เวลา
และทำให้เท่ากับว่าการเรียนของผู้เขียนสูญเปล่า จึงอยากทราบว่าทางผู้คิดกฏข้อนี้เคยมารับฟังความคิดของครูบ้างมั้ย ว่าจะรู้สึกอย่างไร อีกทั้งเงินที่กู้เรียนยังคืนไม่หมด ยังต้องมาเจ็บใจเพราะสูญเปล่าอีกด้วยอย่างงั้นเหรอ
เรื่องที่จะพูดจริงๆแล้วมีเยอะกว่านี้ แต่นี่คือความจริงที่ข้าราชการครูอย่างเราๆ ต้องพบเจอกันในทุกวันนี้
ก.ค.ศ. เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ผู้เขียนก็ไม่รู้ แต่ปัจจุบัน ผู้เขียนเชื่อว่าองค์การนี้ไม่เคยสร้างขวัญกำลังใจที่ดี และยืนเคียงข้างเพื่อนครูเลยซักครั้งเดียว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานของพวกท่านที่ยืนอยู่บนหอคอยงาช้างจะลงมาดูเหล่าครูที่ยืนข้างล่างบ้างไม่มากก็น้อย หรือถ้าอยากฟังความรู้สึกของเพื่อนครูระดับล่างก็ลองเข้าไปดู ใน FB นี้ดู
https://www.facebook.com/krustory55/
หรือพวกคุณถ้าดูแค่นี้ไม่รู้สึก ก็จงทำตามที่พวกคุณต้องการ แล้วคอยดูเหล่าครูรุ่นใหม่ที่จะขวัญกำลังใจจะลดน้อยลงทุกวัน กับสิ่งที่คุณบอกว่าทำเพือประเทศตอ่ไปละกัน
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
อันนี้เป็นของครูท่านหนึ่งที่ผมชอบครับ
การศึกษาไทย ไม่ได้ถอยหลังแต่คนคิดกำหนดกรอบทำให้ถอยหลัง
เพราะคนทำไม่ได้คิดคนคิดไม่ได้ทำ
1.จะปรับวุฒิหรือย่น ค.ศ 2 กำหนดให้ต้องเรียนตรงกับวุฒิ ป.ตรี และโท
(ถามว่า ผมจบพละ ต้องต่อโทพละ แต่ในทางการสอน เป็นครู ป.1 ต้องสอน คณิต ไทย วิทย์ สาระหลัก แต่พละไม่ได้สอนเลย เพราะครูไม่ครบ ฉะนั้น ผมต้องสอนแต่พละใช่ไหม !!!!!! )
2.ถ้ากำหนดให้ตรงตาม ป.ตรี ป.โท ถามว่าครูทุกคนต้องการความก้าวหน้า เพื่อไปเป็นผู้บริหาร( แต่ทำไม ป.โท ที่ไม่ใช่บริหาร ทำไมสอบ ผ.อ ไม่ได้)
3.ครูคือ ต้องสอนหนังสือใช่ไหม แล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ การเงิน พัสดุ มันมาจากไหน แค่ดูแลเด็ก สอนเด็ก กิจกรรมอีก มันก็หนักเกินพออยู่แล้ว
4.กคศ ประกาศ วันที่ 9/12/59 ต้องตอบให้ได้ว่า คนที่ อยู่ระหว่างเรียน ก่อนประกาศใช้จะต้องไม่มีผล จะมีผลก็ตั้งแต่ คนที่จะเรียน ในปี 2560 เป็นต้นไป
5.ครูมีภาระมากไหนเด็ก งานนอกการสอน ชุมชน ครอบครัว พ่อแม่ ต้องกู้เงินเรียน ขายข้าว เรียน แต่ราคาข้าวก็ไม่ดีเอาซะเลย
6.ครูดอยขึ้นลงลำบาก ค่าใช้จ่ายอีก ซ้อมรถ เสียเวลาเงิน
7. กคศ. เป็นตัวแทนครูแทนที่จะช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนให้ดีขึ้น แต่กลับกำหนดกรอบให้แคบลงครูลำบากมากขึ้น จรรยาบรรณมันอยู่ตรงไหน
( ฝากให้ กคศ ไปคิดปรับใหม่ซะ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า
หนึ่งเสียงของครูตัวเล็กๆ ที่ไม่เคยไปถึง ก.ค.ศ.
ก่อนหน้านี้ ที่จะเริ่มทำอาชีพนี้ก็เป็นฟรีแลนซ์อยู่พักหนึ่ง จนได้ทำการสอบบรรจุครูผู้ช่วยผ่านและได้บรรจุในโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้
ภายใน 3 ปีนี้ก็ได้รับรู้เรื่องราวและระบบการศึกษาที่เปลี่ยนไปมาจน รู้สึกว่า คำว่า ก.ค.ศ. น่าจะย่อมาจาก คณะกรรมการกลั่นแกล้งข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษามากกว่า
เริ่มจาก ในตอนที่รายงานตัวเป็นครูผู้ช่วย ได้มีการปฐมนิเทศครูผู้ช่วยทั้งหมด และมีการอบรม ข่าวสารหนึ่งที่ได้รับอยู่เสมอ คือการศึกษาต่อระดับปริญญาโทจะช่วยลดระยะเวลาการทำผลงาน เนื่องจากในระบบราชการครูในปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องมีการเลื่อนขั้นโดยปกติ ดังนั้นเวลาที่ลดได้ก็เป็นผลดี โดยเรียนสาขาอะไรก็ได้ แต่เรื่องนี้จะขอพูดในภายหลัง
เรื่องที่ 2 คือหลังจากพ้นครูผู้ช่วย นั้นคือกำหนด 2 ปีหลังจากผ่านการประเมินจะสามารถขอย้ายได้ ซึ่งถ้าจะพูดไปแล้วนั่นคือความหวังของครูผุ้ช่วยทุกคนอยู่แล้ว
ื
แต่แล้วเรื่องแรกที่โดนก็คือการพิจารณาย้ายนั้นหลังจากที่ตัวผู้เขียนมีอายุข้าราชการจะครบ 2 ปี ในอีก 1 เดือน และจะได้รับการประเมินการผ่านครูผู้ช่วยนั้น กลับมีคำสั่งพิจารณาการย้ายของครูโดยที่ครูที่ย้ายสถานศึกษาได้จะต้องอยู่ในสถานะครูในสถานศึกษานั้นครบ 24 เดือน หรือก็คือ 2 ปีนั่นเอง ซึ่งหลักเกณนี้ไม่นับรวมสถานะครูผู้ช่วย ทำให้ครูผู้ช่วยรุ่นเดียวกับผมและที่บรรจุก่อนหน้าผม 1 ปี ต้องเลื่อนกำหนดการย้ายออกไปอีก บางคนมาสอบไกล เพราะจังหวัดบ้านเกิดตัวเองไม่เปิดสอบครูผู้ช่วยต้องเสียเวลา อยู่ห่างครอบครัว หรือคนรักนานขึ้นอีก
คำสั่งนี้เป็นการไม่ชอบธรรมแก่บรรดาครูผู้ช่วยทั้งหลายอย่างแท้จริง
เรื่องที่ 2 เรื่องการสอบ จากการสอบถามนักเรียนหลายคนที่จบไปแล้วและกำลังศึกษาอยู่
ระบบการสอบของประเทศไทยปัจจุบันเป็นระบบการสอบที่เอื้อการหาเงินของมหาลัยมากเกินไป ทั้งการสอบ O-net การสอบ GAT-PAT การสอบตรง การสอบ 9 วิชาสามัญ ทั้งการที่เด็กนักเรียนต้องเริ่มไปสอบในตอนต้นเทอม 2 ทำให้การจัดการเรียนการสอนต้องบีบอัดเนื้อหา อีกทั้งเงินค่าสมัครสอบที่เด็กหลายคนต้องเสียไป และการสอนได้ไม่เต็มที่เนื่องจากเด็กต้องไปสอบเข้ามหาลัย
ถึงแม้ล่าสุดว่านักเรียน ม. 6 ปีการศึกษา 2560 จะเปลี่ยนระบบสอบเป็น ENT 4.0 แต่ก็ยังมี O-net ซึ่งเป็นการทดสอบที่ตัวของผู้เขียนเองไม่เห็นว่าการสอบนี้จะเกิดประโยชน์อะไร นอกจากเอาไปใช้ประเมินโรงเรียน ซึ่งตัวผู้เขียนเองถือว่าเป็นการประเมินที่ไร้คุณภาพที่สุด เพราะ ข้อสอบ ผิดทุกปี และปีหลังๆ มานี่ ไม่มีการเผยแพร่ข้อสอบ คงเพราะกลัวโดนวิจารณ์ยับแบบที่ให้ ดาวโหลดกันช่วง 3-4 ปีแรกที่ข้อสอบผิดทุกปี และทุกวิชา อีกทั้งโรงเรียนแต่ละโรงเรียนก็มีบริบทที่แตกต่างกัน แล้วจะใช้ข้อสอบเดียวกันวัดเพื่อหาคุณภาพได้อย่างไร
เรื่องที่ 3 การจัดกิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
ในหลายๆโรงเรียนที่ทำกิจกรรมนี้แล้วประสบผลสำเร็จ แต่ในด้านของโรงเรียนของผู้เขียนแล้ว และจากการสอบถามเพื่อนครูผู้เกี่ยวข้องกลับกลายเป็นกิจกรรมที่เพิ่มงานให้ครูเพราะต้องมีการทำเอกสารประเมินเพิ่มขึ้น
ในช่วงแรกยังไม่บังคับครูเปิดและมีการสลับกันไปในแต่ละช่วงเวลาของเทอม แต่คำสั่งใหม่ที่ออกมาตอนนี้ บังคับให้ครูทุกคนต้องจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนอีกทั้งถ้ากิจกรรมไหนรับนักเรียนจำกัด เด็กจะถูกโยนมาให้กับกิจกรรมที่เด็กก้ไม่ต้องการ ครูก็ไม่อยากสอน
อีกทั้งทำให้การจัดตารางสอนจำเป็นต้องอัดวิชาเรียนเพื่อให้ช่วงบ่ายว่างแทนจัดกิจกรรมได้
เรื่องที่ 4 เรื่องวุฒิปริญญาโท ที่เพิ่งประกาศมาไม่นาน
ตัวผุ้เขียนเรียนจบปริญญาโทไม่ได้ปีนึงแล้วจากมหาลัยแห่งหนึ่งขอสงวนชื่อไว้ ในสาขาบริหารการศึกษา เพื่อใช้ช่วยลดเวลาในการทำวิทยฐานะ และตัวผู้เขียนก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร จึงแน่นอนที่จะต้องกู้เงินมาเรียน แต่ปรากฏว่าจากการประกาศล่าสุด ของ ก.ค.ศ. ปรากฏว่าตัวผุ้เขียนไม่สามารถที่จะใช้วุฒินี้ในการขอลดเวลาทำขั้นได้เนื่องจากวุฒิไม่ตรง เพราะประกาศใหม่ วุฒิที่ใช้ได้ในการขอลดเวลานั้น ต้องตรงกับเอกที่สอน
ผลกระทบนี้ส่งผลในวงกว้างสำหรับครูที่เรียนบริหารมาและสำหรับครูสายวิทย์และคณิต เช่นตัวผุ้เขียน และครูสายอื่นที่เอกตัวเองไม่มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในสาขานั่นในหลักสูตรระดับปริญญาโทและเอก
สำหรับคนที่เรียนสายวิทย์-คณิตนั่นจะทราบดีว่าหลักสูตรปริญญาโทและเอกสำหรับ 2 สาขาวิชานี้จำเป็นต้องใช้ทั้งเงินและ เวลา
และทำให้เท่ากับว่าการเรียนของผู้เขียนสูญเปล่า จึงอยากทราบว่าทางผู้คิดกฏข้อนี้เคยมารับฟังความคิดของครูบ้างมั้ย ว่าจะรู้สึกอย่างไร อีกทั้งเงินที่กู้เรียนยังคืนไม่หมด ยังต้องมาเจ็บใจเพราะสูญเปล่าอีกด้วยอย่างงั้นเหรอ
เรื่องที่จะพูดจริงๆแล้วมีเยอะกว่านี้ แต่นี่คือความจริงที่ข้าราชการครูอย่างเราๆ ต้องพบเจอกันในทุกวันนี้
ก.ค.ศ. เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ผู้เขียนก็ไม่รู้ แต่ปัจจุบัน ผู้เขียนเชื่อว่าองค์การนี้ไม่เคยสร้างขวัญกำลังใจที่ดี และยืนเคียงข้างเพื่อนครูเลยซักครั้งเดียว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานของพวกท่านที่ยืนอยู่บนหอคอยงาช้างจะลงมาดูเหล่าครูที่ยืนข้างล่างบ้างไม่มากก็น้อย หรือถ้าอยากฟังความรู้สึกของเพื่อนครูระดับล่างก็ลองเข้าไปดู ใน FB นี้ดู
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
อันนี้เป็นของครูท่านหนึ่งที่ผมชอบครับ
การศึกษาไทย ไม่ได้ถอยหลังแต่คนคิดกำหนดกรอบทำให้ถอยหลัง
เพราะคนทำไม่ได้คิดคนคิดไม่ได้ทำ
1.จะปรับวุฒิหรือย่น ค.ศ 2 กำหนดให้ต้องเรียนตรงกับวุฒิ ป.ตรี และโท
(ถามว่า ผมจบพละ ต้องต่อโทพละ แต่ในทางการสอน เป็นครู ป.1 ต้องสอน คณิต ไทย วิทย์ สาระหลัก แต่พละไม่ได้สอนเลย เพราะครูไม่ครบ ฉะนั้น ผมต้องสอนแต่พละใช่ไหม !!!!!! )
2.ถ้ากำหนดให้ตรงตาม ป.ตรี ป.โท ถามว่าครูทุกคนต้องการความก้าวหน้า เพื่อไปเป็นผู้บริหาร( แต่ทำไม ป.โท ที่ไม่ใช่บริหาร ทำไมสอบ ผ.อ ไม่ได้)
3.ครูคือ ต้องสอนหนังสือใช่ไหม แล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ การเงิน พัสดุ มันมาจากไหน แค่ดูแลเด็ก สอนเด็ก กิจกรรมอีก มันก็หนักเกินพออยู่แล้ว
4.กคศ ประกาศ วันที่ 9/12/59 ต้องตอบให้ได้ว่า คนที่ อยู่ระหว่างเรียน ก่อนประกาศใช้จะต้องไม่มีผล จะมีผลก็ตั้งแต่ คนที่จะเรียน ในปี 2560 เป็นต้นไป
5.ครูมีภาระมากไหนเด็ก งานนอกการสอน ชุมชน ครอบครัว พ่อแม่ ต้องกู้เงินเรียน ขายข้าว เรียน แต่ราคาข้าวก็ไม่ดีเอาซะเลย
6.ครูดอยขึ้นลงลำบาก ค่าใช้จ่ายอีก ซ้อมรถ เสียเวลาเงิน
7. กคศ. เป็นตัวแทนครูแทนที่จะช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนให้ดีขึ้น แต่กลับกำหนดกรอบให้แคบลงครูลำบากมากขึ้น จรรยาบรรณมันอยู่ตรงไหน
( ฝากให้ กคศ ไปคิดปรับใหม่ซะ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า