ตอนแรกคิดว่าจะเงียบๆ เพราะว่าผลยังไม่ออกว่าฟ้องหรือไม่ แต่ตอนนี้ปัญหานี้ทุกคนแชร์ไปเยอะมาก ทำให้หลายคนต้องการให้ฝ้ายออกมาพูด ฝ้ายจึงขอออกมาอธิบายในมุมของฝ้ายบ้าง เริ่มแรกเราต้องขอโทษด้วยที่ทำให้หลายคนเสียความรู้สึกกับร้านซอบิงโกค่ะ
ถ้าอ่านก็อยากให้อ่านให้จบนะคะ
ฝ้ายรู้จักกับคนเกาหลี เพราะเค้ามาทานกาแฟที่ร้านฝ้ายและคุณเจ ที่ลงทุนร่วมกันคนละครึ่ง ไม่ได้เป็นเพื่อนคุณเจก่อน
ก่อนลงทุนพ่อฝ้ายและคนเกาหลีก็เคยถามค่ะ ว่าเลิกกับคุณเจแล้ว จะร่วมลงทุนกันได้หรอ แต่ฝ้ายบอกว่า ฝ้ายไม่ได้สนใจเพราะก็คิดว่าเป็นเพื่อนกัน
และถึงถ้าคุณเจไม่มาลงทุน ฝ้ายก็จะลงทุนในธุรกิจนี้อยู่ดี บางคนสงสัยว่า เลิกกันแล้วตัดใจได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ สำหรับฝ้ายก็ได้นะคะ คนเราไม่เหมือนกัน คุณเจยังติดต่อกับแฟนเก่าเรื่อยๆได้เลยค่ะ
และการชอบวาไรตี้เกาหลี หรือดูซีรี่นานๆครั้ง มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนเลย แค่คนที่มาชวนทำธุรกิจคือคนเกาหลีและของที่มันใหม่แบบนั้นใครจะไม่อยากทำ สำหรับฝ้าย งานคืองานค่ะ เพื่อน อาจารย์ หรือเพื่อนร่วมงานที่ฝ้ายเคยทำงานด้วยมา 3 -4 ปี จะรู้ว่าเวลาทำงานนั้นฝ้ายเป็นยังไงค่ะ
เราเปิดบริษัทกันวันที่ 8กันยายน 2557 โดยที่ในตอนแรกไม่สามารถใส่ชื่อคนเกาหลีในส่วนของ % ผู้ถือหุ้นได้
เพราะคุณเจบอกว่าคนเกาหลีไม่มี work permit ไม่สามารถมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นได้ คนเกาหลีเริ่มส่งเงินมาแล้วช่วงปลายเดือนสิงหาคม และเราจดจัดตั้งบริษัท โดยใช้ชื่อของ ฝ้าย 49.95% คุณเจ 49.95% พ่อคุณเจ 0.1%
ถ้าฝ้ายแอบคบกับคนเกาหลี หรือต้องการร่วมมือกัน อย่างที่คุณเจบอก ทำไมฝ้ายถึงยอมให้ % ฝ้ายน้อยกว่าทางคุณเจ
หรือถ้าฝ้ายยังคบกับคุณเจอยู่ คนเกาหลีจะไว้ใจให้เราใช้ชื่อคนไทยถือหุ้นทั้งหมด โดยที่ส่วนมากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยนั้นเสี่ยงมาก อ่านเอกสารก็ไม่ออก ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง แต่ก็ส่งเงินมาเรื่อยๆโดยไม่กลัวว่าจะร่วมมือกันอย่างนั้นหรอคะ
ที่คุณเจบอกว่า ทำเองหมดทุกอย่าง คือทำอะไรบ้างคะ จะได้เข้าใจตรงกันว่า ทำหมดทุกอย่างหมายความว่าอย่างไร
- หาทำเลร้าน ไปหาด้วยกัน 4คนค่ะ เราเดินหากันจนมาเจอที่ตรงนี้ คนเกาหลีต้องการที่ตรงนี้ เลยให้คุณเจ โทรสอบถาม
- สร้างและตกแต่งร้าน เพื่อนฝ้ายเป็นคนหาช่างมาทั้งหมดค่ะ
- วัตถุดิบเกาหลี คนเกาหลีเป็นคนเลือกค่ะ
- เครื่องบิงซู คนเกาหลีอีกคนที่อยู่ที่เกาหลี ไปดูแต่ละบริษัทเอง หา เลือก และเทรนวิธีใช้ด้วยตัวเอง
- มะม่วง ไปตลาดด้วยกัน 4 คนค่ะ
- ชีสเค้ก อันนี้เป็นคอนแท็คคุณเจค่ะ แต่คนเกาหลีเป็นคนเลือกและบอกว่าให้ทำชีสเค้กแบบไหนค่ะ
- ส่วนวัตถุดิบอื่นๆอีก สี่สิบกว่ารายการ คนเกาหลีเป็นคนเอาคอนแท็คมาให้ฝ้ายโทรติดต่อ รวมถึงฝ้ายหาเองและโทรติดต่อเองค่ะ อันนี่ซัพพลายก็น่าจะจำได้ว่าใครติดต่อไปค่ะ ตอนแรกคุณเจ ไม่อยากให้ใช้คอนแท๊คจากคนเกาหลี เพราะแพง แต่เราเลือกที่จะใช้เพราะคุณภาพ
- ที่คุณเจติดต่อไว้คือเจ้าไหนหรอคะ หรือคือไอศกรีมที่เค้าโทรมาหา บอกจะเอามาให้เทส แต่ก็ไม่ได้ใช้
- เอกสารบริษัททั้งหมด วิธีออกบิลให้ลูกค้า ฝ้ายศึกษาและดูแลเองค่ะ
- คุณเจหาพนักงาน และอยู่ที่ร้านเพราะพูดไทยได้ สื่อสารกับพนักงานได้สะดวก ส่วนระบบการจัดการช่วงเวลาไหนพนักงานเข้ากี่คน เข้าเวลาไหนบ้าง คนเกาหลีเป็นคนบอกคุณเจค่ะ ว่าให้จัดแบบนี้
จากที่ฝ้ายจำได้นี้ คิดว่า การทำงานทุกคนมีหน้าที่ค่ะ จะบอกว่าทำเองทั้งหมดก็ไม่น่าใช่ค่ะ
เราทำงานในรูปแบบบริษัท การที่มีรายได้เข้ามา ไม่ได้แปลว่า เราได้เงินเท่านั้น เราจ่ายค่าวัตถุดิบเท่าไหร่ ค่าเช่า ค่าน้ำไฟ
ค่าพนักงาน และค่าอื่นๆ ไปเท่าไหร่ ในช่วงแรกเราเอาเงินที่ได้มาจ่ายด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเงินเก็บ เรายังไม่แบ่งอะไรกันแม้แต่บาทเดียว
เนื่องจากต้องเก็บไว้เป็นทุน อย่างน้อยหากไม่มีกำไร ต้องให้อยู่ได้ระยะหนึ่ง บริษัทที่พึ่งเริ่มต้นอย่างเรา จะให้แบ่งปันผลกันในเดือนแรกได้ยังไง
เราให้คุณเจดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อใช้ทำ work permit และวีซ่า จนช่วงเดือนมกราคม 2015 คุณเจบอกว่า ทำเสร็จแล้ว เราจึงรอรับเอกสารและpassport คืน และที่บอกว่า จับได้ว่าแอบคบกับคนเกาหลีหลังจากเปิดร้านได้ประมาณเดือนนึง มีบอกว่ารู้จากเพื่อนฝ้ายอีก เพื่อนบอกเมื่อไหร่คะ และเพื่อนฝ้ายบอกว่าอย่างไรบ้างหรอคะ คือถ้าเราคบกันและลงทุนด้วยกัน เปิดร้านมาแล้ว มาจับได้ คิดว่าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่ นั่งคุยกันยาว ว่าจะเอายังไงกันต่อไป หรือเพราะรักฝ้ายขนาดที่เฉยๆได้เลยหรอคะ เพราะเท่าที่ฝ้ายจำได้ ตอนที่คบกัน ก็มีประเด็นที่ฝ้ายจับได้ว่าแอบคุยกับผู้หญิง อันนี้เพื่อนที่ไปกินเหล้าด้วยกันน่าจะจำได้ ส่วนฝ้าย ไม่เคยคุยกับคนอื่น หรือมีเรื่องกันเพราะฝ้ายนอกใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว อันนี้ก็น่าจะถามคนรอบตัวได้ และในช่วงมกราคม 2015 เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น เรื่องการทำงานในร้านจนพ่อฝ้ายต้องมาคุยกับคุณเจที่ร้าน ว่าให้ปรับปรุงการทำงาน
สิ้นเดือนมกราคม 2015 คุณเจขอให้โอนเงินให้พ่อของคุณเจ บอกไม่มีตังค์ขอเอาไปจ่ายค่าบัตรเครดิต
ต้นเดือนกุมภาพันธ์2015 เราถามเรื่องวีซ่าไป แต่ไม่ได้คำตอบอะไร คนเกาหลีจึงบอกให้คุณเจตามเรื่องนี้ก่อน เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าทำเสร็จแน่รึเปล่า
9กุมพาพันธ์2015 คุณเจเริ่มไม่มาร้าน ฝ้ายตามก็ไม่ตอบ
ก่อน11 กุมภาพันธ์2015 คุณเจบอกว่า วีซ่ายังทำไม่เสร็จ มีให้ส่งเอกสารไปเพิ่ม ซึ่งฝ้ายก็ถามคุณเจตลอดว่า มันเกินกำหนดแล้ว สามารถทำได้หรอ คุณเจก็ตอบเหมือนเดิมตลอดว่า คนที่เอาไปทำให้บอกว่าทำได้
12กุมภาพันธ์2015 คุณเจ ไลน์มาหา ให้โอนตังค์ให้ บอกว่าโดนจับเพราะก่อนหน้านั้นเมา จึงจะเอาไปเสียค่าปรับ
ซึ่งฝ้ายไม่ทราบว่าโดนจับจริงมั้ย แต่ที่บอกว่า ไม่เคยได้ตังค์ซักบาทตั้งแต่ทำมา แบบนี้ต้องโอนคืนมาให้ฝ้ายก่อนมั้ยคะ
ผ่านไปจนกลางเดือนเรื่องวีซ่า ถามไปถามมา สรุปว่าทำไม่ทัน เลยกำหนดแล้ว ฝ้ายต้องเตรียมเอกสารชุดใหม่ เพื่อให้คนเกาหลีกลับไปขอ non-b เข้ามาใหม่ เพื่อทำวีซ่าอีกรอบ
นี่คือใบเสร็จที่คนเกาหลีต้องเสียค่าใช้จ่ายเพราะอยู่เกินเป็นเวลา 33วัน เราไม่รู้ว่าคุณเจ รู้เรื่องมาก่อนรึเปล่า เพราะเค้าบอกว่าทำเสร็จแล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไร
จากที่ไม่มาร้านเลย พอช่วงที่คนเกาหลีกลับเกาหลีไป ซึ่งใช้เวลาประมาณอาทิตย์นิดๆ คุณเจ ก็แวะมาที่ร้านแป๊ปๆ และก็กลับไป ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่ามาทำอะไร ทางฝ้ายจึงบอกไปว่า หากต้องการอะไร รอให้คนเกาหลีกลับมาก่อน ค่อยคุยกัน
เมื่อคนเกาหลีกลับมาแล้วจึงแจ้งคุณเจไปอีกครั้ง ว่าจะเปลี่ยน % หุ้น ให้เป็นไปตามที่ลงทุนไว้ คือคุณเจ 8.36% ฝ้ายให้สำนักงานบัญชีจัดทำเอกสารให้ค่ะ
ฝ้ายได้บอกไปว่า เอกสารโอนหุ้นที่ต้องการให้มาเซ็นเป็นหลักฐานด้วย หลังจากเราเปลี่ยน % หุ้น แล้ว ฝ้ายก็ได้แจ้งคุณเจไปอีกครั้ง ว่าให้มาเซ็นเอกสาร ทั้งโทรตาม ไลน์ตาม ไปหาที่บ้าน แต่คุณเจก็ไม่ตอบกลับ คุณเจ ลงทุนไปทั้งหมด 377,572บาท
ไม่ใช่ 4แสน หรือฝ้ายตกหล่นค่าอะไรไปรึเปล่าคะ
หากฝ้ายต้องการโกง และไม่รู้มาก่อนว่าต้องมีใบโอนหุ้น ทำไมฝ้ายไม่เอาชื่อคุณเจออกไปเลย ทำไมยังให้เหลืออยู่ 8.36% ตามที่เค้าลงทุนเอาไว้
ฝ้ายเปลี่ยนให้ให้มันถูกต้องตามที่ลงทุนกัน
ฝ้ายรู้ว่าต้องใช้เอกสารนั้น คนเกาหลีและฝ้ายไม่เคยคิดเลยว่าคุณเจจะไม่มาเซ็นเอกสาร คุณเจ ไม่มาร้านอีกเลย ซึ่งฝ้ายก็ตามเป็นระยะ พอประมาณกลางเดือนเมษายน 2015 คุณเจก็ไลน์มาบอกฝ้าย ว่าให้ฝ้ายไปคุยด้วย มีเรื่องสำคัญ ถ้าไม่มาช่วยไม่ได้แล้ว และห้ามบอกคนเกาหลี
ในตอนนั้นพ่อฝ้ายไปเอง เพราะต้องการรู้ว่าคุณเจจะทำอะไรต่อ ซึ่งได้อัดเสียงไว้ คุณเจต้องการร้านนี้ และบอกว่าให้ฝ้ายมาร่วมมือเพื่อยกเลิก work permit และเอาคนเกาหลีออกไปจากประเทศไทย ฝ้ายคิดว่าสิ่งนี้มันผิด ไม่ถูกต้อง ไม่สามารถร่วมมือกับคุณเจทำเรื่องแบบนั้นได้
ถ้าคุณเจบอกว่าจับได้และคิดว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี ในตอนที่ส่งข้อความมาจะห้ามฝ้ายบอกคนเกาหลีได้หรอ หรือแค่ต้องการหลอกให้ฝ้ายไปร่วมมือด้วยรึเปล่า แล้วบอกพ่อฝ้ายว่า ฝ้ายน่าสงสาร ร้องไห้เพราะทะเลาะเรื่องงานกับคนเกาหลีบ่อยๆ
ไม่อยากให้ฝ้ายทำงานร่วมกับคนไม่ดี แต่ไปออกรายการว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี อันไหนคือเรื่องจริงคะ
และตอนท้ายก็บอกว่า ถ้าไม่อยากทำด้วยกันต่อก็จะคืนเงินให้ฝ้าย ต้องการให้ฝ้ายช่วยยกเลิกแค่นั้นใช่มั้ย พอได้ทุกอย่างแล้ว ฝ้ายจะไปก็เรื่องของฝ้าย
และสรุปแล้วที่บอกว่ารู้ตั้งแต่เดือนมกราคมว่าร่วมมือกัน คือรู้หรือไม่รู้กันแน่
คุณบอกพ่อฝ้ายมาคุยด้วยเพราะกลัวลูกซวย แปลว่า คุณมีการข่มขู่พ่อฝ้ายบ้างรึเปล่า
ดูจากการพูดคุยก็น่าจะพอรู้ ว่าฝั่งไหนขอร้องฝั่งไหน ถ้ารู้ว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี จะมาบอกให้ฝ้ายร่วมมือกับตัวเองได้หรอ
แล้วลงทุน ไป 8.36% แต่ไม่ชอบผู้ร่วมลงทุน ทำไมไม่ถอนหุ้นออกไปแต่แรกตอนต้นปี ถ้ารู้ว่าเค้าแย่ขนาดนั้น จนทำธุรกิจด้วยไม่ได้ กลับรอเวลานี้และมาบอกให้ฝ้ายร่วมมืออีก เพราะคุณต้องการร้าน ทั้งที่ลงทุน 8.36%
เราเปลี่ยน % หุ้นตอนต้นเดือนมีนาคม2015 คุณบอกว่ามีกรรมการสองคนแล้ว ไห้จดไปเลย คือคุณคิดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วหรอ แล้วหลอกให้เราดำเนินการไปเลย เพื่อกลับมาทำแบบนี้ แล้วเรื่องวีซ่าอีก ที่มีกำหนดออกนอกประเทศปลายเดือนมกราคม แต่คุณบอกว่าทำเสร็จแล้ว นี่คุณคิดที่จะทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน ธันวาคม2014 หรอ หรือตั้งแต่แรกที่ % เป็นของคุณเยอะกว่า คุณไม่พยายามหาเงินมาเพิ่ม เพราะต้องการลงแค่นี้และทำแบบนี้ใช่มั้ย
ที่คุยถ้าคิดว่าฝ้ายตัดมาแค่บางส่วนที่ทำให้เค้าดูไม่ดี ฝ้ายสามารถให้ฟังทั้งหมดได้ค่ะ อันนี้ฝ้ายเอามาให้ดูคร่าวค่ะ
เดือนพฤษภาคม 2015 คุณเจไปแจ้งศาลแรงงานเรื่องไม่ได้รับค่าแรง 5เดือน (ธันวาคม – เมษายน) เป็นเงิน 325,000บาท ทั้งๆที่ไม่ได้คืนเงินที่ฝ้ายโอนให้ และไม่มาร้านตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากสืบกันเสร็จ มีการยกฟ้องในเดือนพฤษภาคม 2016
เดือน มิถุนายน 2015 คุณเจ ไปออกรายการ และมีการแชร์คลิปอยู่พักใหญ่ ว่าตัวเองมีหุ้น 50% จู่ๆโดนเปลี่ยนไม่รู้เรื่อง
คบกันอยู่ จู่ๆไปเป็นแฟนเกาหลี ตกลงที่เล่าในรายการส่วนไหนจริงบ้างคะ เพราะบอกรู้มกราคม 2015 แต่ เมษายน 2015 ยังบอกว่าอยากช่วยฝ้าย บอกให้ร่วมมือกันอยู่เลย
เดือนกันยายน 2015 ฝ้ายได้รับหมายเรียก พนักงานสอบสวนจาก สน.ห้วยขวาง ที่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญา ในข้อหา “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องวานโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน ...” คุณเจต้องการให้ฝ้ายและคนเกาหลีถูกตัดสินจำคุกหรอคะ
ฝ้ายคิดว่า เริ่มเรื่องนี้ เพราะเรื่องร้านล้วนๆ และคุณเจพยายามโยงว่าฝ้ายและคนเกาหลีร่วมมือกัน ทำให้มันดราม่า ทำให้เค้าจะทำอะไรก็ได้เพราะถูกกระทำก่อน น่าสงสาร แต่จากเหตุการณ์ที่ฝ้ายไล่เรียงมาแล้วคิดว่าน่าจะทำให้คิดอะไรที่มันแตกต่างได้บ้างค่ะ
ขออธิบายในส่วนของฝ้ายค่ะ
ถ้าอ่านก็อยากให้อ่านให้จบนะคะ
ฝ้ายรู้จักกับคนเกาหลี เพราะเค้ามาทานกาแฟที่ร้านฝ้ายและคุณเจ ที่ลงทุนร่วมกันคนละครึ่ง ไม่ได้เป็นเพื่อนคุณเจก่อน
ก่อนลงทุนพ่อฝ้ายและคนเกาหลีก็เคยถามค่ะ ว่าเลิกกับคุณเจแล้ว จะร่วมลงทุนกันได้หรอ แต่ฝ้ายบอกว่า ฝ้ายไม่ได้สนใจเพราะก็คิดว่าเป็นเพื่อนกัน
และถึงถ้าคุณเจไม่มาลงทุน ฝ้ายก็จะลงทุนในธุรกิจนี้อยู่ดี บางคนสงสัยว่า เลิกกันแล้วตัดใจได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ สำหรับฝ้ายก็ได้นะคะ คนเราไม่เหมือนกัน คุณเจยังติดต่อกับแฟนเก่าเรื่อยๆได้เลยค่ะ
และการชอบวาไรตี้เกาหลี หรือดูซีรี่นานๆครั้ง มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนเลย แค่คนที่มาชวนทำธุรกิจคือคนเกาหลีและของที่มันใหม่แบบนั้นใครจะไม่อยากทำ สำหรับฝ้าย งานคืองานค่ะ เพื่อน อาจารย์ หรือเพื่อนร่วมงานที่ฝ้ายเคยทำงานด้วยมา 3 -4 ปี จะรู้ว่าเวลาทำงานนั้นฝ้ายเป็นยังไงค่ะ
เราเปิดบริษัทกันวันที่ 8กันยายน 2557 โดยที่ในตอนแรกไม่สามารถใส่ชื่อคนเกาหลีในส่วนของ % ผู้ถือหุ้นได้
เพราะคุณเจบอกว่าคนเกาหลีไม่มี work permit ไม่สามารถมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นได้ คนเกาหลีเริ่มส่งเงินมาแล้วช่วงปลายเดือนสิงหาคม และเราจดจัดตั้งบริษัท โดยใช้ชื่อของ ฝ้าย 49.95% คุณเจ 49.95% พ่อคุณเจ 0.1%
ถ้าฝ้ายแอบคบกับคนเกาหลี หรือต้องการร่วมมือกัน อย่างที่คุณเจบอก ทำไมฝ้ายถึงยอมให้ % ฝ้ายน้อยกว่าทางคุณเจ
หรือถ้าฝ้ายยังคบกับคุณเจอยู่ คนเกาหลีจะไว้ใจให้เราใช้ชื่อคนไทยถือหุ้นทั้งหมด โดยที่ส่วนมากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยนั้นเสี่ยงมาก อ่านเอกสารก็ไม่ออก ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง แต่ก็ส่งเงินมาเรื่อยๆโดยไม่กลัวว่าจะร่วมมือกันอย่างนั้นหรอคะ
ที่คุณเจบอกว่า ทำเองหมดทุกอย่าง คือทำอะไรบ้างคะ จะได้เข้าใจตรงกันว่า ทำหมดทุกอย่างหมายความว่าอย่างไร
- หาทำเลร้าน ไปหาด้วยกัน 4คนค่ะ เราเดินหากันจนมาเจอที่ตรงนี้ คนเกาหลีต้องการที่ตรงนี้ เลยให้คุณเจ โทรสอบถาม
- สร้างและตกแต่งร้าน เพื่อนฝ้ายเป็นคนหาช่างมาทั้งหมดค่ะ
- วัตถุดิบเกาหลี คนเกาหลีเป็นคนเลือกค่ะ
- เครื่องบิงซู คนเกาหลีอีกคนที่อยู่ที่เกาหลี ไปดูแต่ละบริษัทเอง หา เลือก และเทรนวิธีใช้ด้วยตัวเอง
- มะม่วง ไปตลาดด้วยกัน 4 คนค่ะ
- ชีสเค้ก อันนี้เป็นคอนแท็คคุณเจค่ะ แต่คนเกาหลีเป็นคนเลือกและบอกว่าให้ทำชีสเค้กแบบไหนค่ะ
- ส่วนวัตถุดิบอื่นๆอีก สี่สิบกว่ารายการ คนเกาหลีเป็นคนเอาคอนแท็คมาให้ฝ้ายโทรติดต่อ รวมถึงฝ้ายหาเองและโทรติดต่อเองค่ะ อันนี่ซัพพลายก็น่าจะจำได้ว่าใครติดต่อไปค่ะ ตอนแรกคุณเจ ไม่อยากให้ใช้คอนแท๊คจากคนเกาหลี เพราะแพง แต่เราเลือกที่จะใช้เพราะคุณภาพ
- ที่คุณเจติดต่อไว้คือเจ้าไหนหรอคะ หรือคือไอศกรีมที่เค้าโทรมาหา บอกจะเอามาให้เทส แต่ก็ไม่ได้ใช้
- เอกสารบริษัททั้งหมด วิธีออกบิลให้ลูกค้า ฝ้ายศึกษาและดูแลเองค่ะ
- คุณเจหาพนักงาน และอยู่ที่ร้านเพราะพูดไทยได้ สื่อสารกับพนักงานได้สะดวก ส่วนระบบการจัดการช่วงเวลาไหนพนักงานเข้ากี่คน เข้าเวลาไหนบ้าง คนเกาหลีเป็นคนบอกคุณเจค่ะ ว่าให้จัดแบบนี้
จากที่ฝ้ายจำได้นี้ คิดว่า การทำงานทุกคนมีหน้าที่ค่ะ จะบอกว่าทำเองทั้งหมดก็ไม่น่าใช่ค่ะ
เราทำงานในรูปแบบบริษัท การที่มีรายได้เข้ามา ไม่ได้แปลว่า เราได้เงินเท่านั้น เราจ่ายค่าวัตถุดิบเท่าไหร่ ค่าเช่า ค่าน้ำไฟ
ค่าพนักงาน และค่าอื่นๆ ไปเท่าไหร่ ในช่วงแรกเราเอาเงินที่ได้มาจ่ายด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเงินเก็บ เรายังไม่แบ่งอะไรกันแม้แต่บาทเดียว
เนื่องจากต้องเก็บไว้เป็นทุน อย่างน้อยหากไม่มีกำไร ต้องให้อยู่ได้ระยะหนึ่ง บริษัทที่พึ่งเริ่มต้นอย่างเรา จะให้แบ่งปันผลกันในเดือนแรกได้ยังไง
เราให้คุณเจดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อใช้ทำ work permit และวีซ่า จนช่วงเดือนมกราคม 2015 คุณเจบอกว่า ทำเสร็จแล้ว เราจึงรอรับเอกสารและpassport คืน และที่บอกว่า จับได้ว่าแอบคบกับคนเกาหลีหลังจากเปิดร้านได้ประมาณเดือนนึง มีบอกว่ารู้จากเพื่อนฝ้ายอีก เพื่อนบอกเมื่อไหร่คะ และเพื่อนฝ้ายบอกว่าอย่างไรบ้างหรอคะ คือถ้าเราคบกันและลงทุนด้วยกัน เปิดร้านมาแล้ว มาจับได้ คิดว่าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่ นั่งคุยกันยาว ว่าจะเอายังไงกันต่อไป หรือเพราะรักฝ้ายขนาดที่เฉยๆได้เลยหรอคะ เพราะเท่าที่ฝ้ายจำได้ ตอนที่คบกัน ก็มีประเด็นที่ฝ้ายจับได้ว่าแอบคุยกับผู้หญิง อันนี้เพื่อนที่ไปกินเหล้าด้วยกันน่าจะจำได้ ส่วนฝ้าย ไม่เคยคุยกับคนอื่น หรือมีเรื่องกันเพราะฝ้ายนอกใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว อันนี้ก็น่าจะถามคนรอบตัวได้ และในช่วงมกราคม 2015 เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น เรื่องการทำงานในร้านจนพ่อฝ้ายต้องมาคุยกับคุณเจที่ร้าน ว่าให้ปรับปรุงการทำงาน
สิ้นเดือนมกราคม 2015 คุณเจขอให้โอนเงินให้พ่อของคุณเจ บอกไม่มีตังค์ขอเอาไปจ่ายค่าบัตรเครดิต
ต้นเดือนกุมภาพันธ์2015 เราถามเรื่องวีซ่าไป แต่ไม่ได้คำตอบอะไร คนเกาหลีจึงบอกให้คุณเจตามเรื่องนี้ก่อน เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าทำเสร็จแน่รึเปล่า
9กุมพาพันธ์2015 คุณเจเริ่มไม่มาร้าน ฝ้ายตามก็ไม่ตอบ
ก่อน11 กุมภาพันธ์2015 คุณเจบอกว่า วีซ่ายังทำไม่เสร็จ มีให้ส่งเอกสารไปเพิ่ม ซึ่งฝ้ายก็ถามคุณเจตลอดว่า มันเกินกำหนดแล้ว สามารถทำได้หรอ คุณเจก็ตอบเหมือนเดิมตลอดว่า คนที่เอาไปทำให้บอกว่าทำได้
12กุมภาพันธ์2015 คุณเจ ไลน์มาหา ให้โอนตังค์ให้ บอกว่าโดนจับเพราะก่อนหน้านั้นเมา จึงจะเอาไปเสียค่าปรับ
ซึ่งฝ้ายไม่ทราบว่าโดนจับจริงมั้ย แต่ที่บอกว่า ไม่เคยได้ตังค์ซักบาทตั้งแต่ทำมา แบบนี้ต้องโอนคืนมาให้ฝ้ายก่อนมั้ยคะ
ผ่านไปจนกลางเดือนเรื่องวีซ่า ถามไปถามมา สรุปว่าทำไม่ทัน เลยกำหนดแล้ว ฝ้ายต้องเตรียมเอกสารชุดใหม่ เพื่อให้คนเกาหลีกลับไปขอ non-b เข้ามาใหม่ เพื่อทำวีซ่าอีกรอบ
นี่คือใบเสร็จที่คนเกาหลีต้องเสียค่าใช้จ่ายเพราะอยู่เกินเป็นเวลา 33วัน เราไม่รู้ว่าคุณเจ รู้เรื่องมาก่อนรึเปล่า เพราะเค้าบอกว่าทำเสร็จแล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไร
จากที่ไม่มาร้านเลย พอช่วงที่คนเกาหลีกลับเกาหลีไป ซึ่งใช้เวลาประมาณอาทิตย์นิดๆ คุณเจ ก็แวะมาที่ร้านแป๊ปๆ และก็กลับไป ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่ามาทำอะไร ทางฝ้ายจึงบอกไปว่า หากต้องการอะไร รอให้คนเกาหลีกลับมาก่อน ค่อยคุยกัน
เมื่อคนเกาหลีกลับมาแล้วจึงแจ้งคุณเจไปอีกครั้ง ว่าจะเปลี่ยน % หุ้น ให้เป็นไปตามที่ลงทุนไว้ คือคุณเจ 8.36% ฝ้ายให้สำนักงานบัญชีจัดทำเอกสารให้ค่ะ
ฝ้ายได้บอกไปว่า เอกสารโอนหุ้นที่ต้องการให้มาเซ็นเป็นหลักฐานด้วย หลังจากเราเปลี่ยน % หุ้น แล้ว ฝ้ายก็ได้แจ้งคุณเจไปอีกครั้ง ว่าให้มาเซ็นเอกสาร ทั้งโทรตาม ไลน์ตาม ไปหาที่บ้าน แต่คุณเจก็ไม่ตอบกลับ คุณเจ ลงทุนไปทั้งหมด 377,572บาท
ไม่ใช่ 4แสน หรือฝ้ายตกหล่นค่าอะไรไปรึเปล่าคะ
หากฝ้ายต้องการโกง และไม่รู้มาก่อนว่าต้องมีใบโอนหุ้น ทำไมฝ้ายไม่เอาชื่อคุณเจออกไปเลย ทำไมยังให้เหลืออยู่ 8.36% ตามที่เค้าลงทุนเอาไว้
ฝ้ายเปลี่ยนให้ให้มันถูกต้องตามที่ลงทุนกัน
ฝ้ายรู้ว่าต้องใช้เอกสารนั้น คนเกาหลีและฝ้ายไม่เคยคิดเลยว่าคุณเจจะไม่มาเซ็นเอกสาร คุณเจ ไม่มาร้านอีกเลย ซึ่งฝ้ายก็ตามเป็นระยะ พอประมาณกลางเดือนเมษายน 2015 คุณเจก็ไลน์มาบอกฝ้าย ว่าให้ฝ้ายไปคุยด้วย มีเรื่องสำคัญ ถ้าไม่มาช่วยไม่ได้แล้ว และห้ามบอกคนเกาหลี
ในตอนนั้นพ่อฝ้ายไปเอง เพราะต้องการรู้ว่าคุณเจจะทำอะไรต่อ ซึ่งได้อัดเสียงไว้ คุณเจต้องการร้านนี้ และบอกว่าให้ฝ้ายมาร่วมมือเพื่อยกเลิก work permit และเอาคนเกาหลีออกไปจากประเทศไทย ฝ้ายคิดว่าสิ่งนี้มันผิด ไม่ถูกต้อง ไม่สามารถร่วมมือกับคุณเจทำเรื่องแบบนั้นได้
ถ้าคุณเจบอกว่าจับได้และคิดว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี ในตอนที่ส่งข้อความมาจะห้ามฝ้ายบอกคนเกาหลีได้หรอ หรือแค่ต้องการหลอกให้ฝ้ายไปร่วมมือด้วยรึเปล่า แล้วบอกพ่อฝ้ายว่า ฝ้ายน่าสงสาร ร้องไห้เพราะทะเลาะเรื่องงานกับคนเกาหลีบ่อยๆ
ไม่อยากให้ฝ้ายทำงานร่วมกับคนไม่ดี แต่ไปออกรายการว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี อันไหนคือเรื่องจริงคะ
และตอนท้ายก็บอกว่า ถ้าไม่อยากทำด้วยกันต่อก็จะคืนเงินให้ฝ้าย ต้องการให้ฝ้ายช่วยยกเลิกแค่นั้นใช่มั้ย พอได้ทุกอย่างแล้ว ฝ้ายจะไปก็เรื่องของฝ้าย
และสรุปแล้วที่บอกว่ารู้ตั้งแต่เดือนมกราคมว่าร่วมมือกัน คือรู้หรือไม่รู้กันแน่
คุณบอกพ่อฝ้ายมาคุยด้วยเพราะกลัวลูกซวย แปลว่า คุณมีการข่มขู่พ่อฝ้ายบ้างรึเปล่า
ดูจากการพูดคุยก็น่าจะพอรู้ ว่าฝั่งไหนขอร้องฝั่งไหน ถ้ารู้ว่าฝ้ายร่วมมือกับคนเกาหลี จะมาบอกให้ฝ้ายร่วมมือกับตัวเองได้หรอ
แล้วลงทุน ไป 8.36% แต่ไม่ชอบผู้ร่วมลงทุน ทำไมไม่ถอนหุ้นออกไปแต่แรกตอนต้นปี ถ้ารู้ว่าเค้าแย่ขนาดนั้น จนทำธุรกิจด้วยไม่ได้ กลับรอเวลานี้และมาบอกให้ฝ้ายร่วมมืออีก เพราะคุณต้องการร้าน ทั้งที่ลงทุน 8.36%
เราเปลี่ยน % หุ้นตอนต้นเดือนมีนาคม2015 คุณบอกว่ามีกรรมการสองคนแล้ว ไห้จดไปเลย คือคุณคิดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วหรอ แล้วหลอกให้เราดำเนินการไปเลย เพื่อกลับมาทำแบบนี้ แล้วเรื่องวีซ่าอีก ที่มีกำหนดออกนอกประเทศปลายเดือนมกราคม แต่คุณบอกว่าทำเสร็จแล้ว นี่คุณคิดที่จะทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน ธันวาคม2014 หรอ หรือตั้งแต่แรกที่ % เป็นของคุณเยอะกว่า คุณไม่พยายามหาเงินมาเพิ่ม เพราะต้องการลงแค่นี้และทำแบบนี้ใช่มั้ย
ที่คุยถ้าคิดว่าฝ้ายตัดมาแค่บางส่วนที่ทำให้เค้าดูไม่ดี ฝ้ายสามารถให้ฟังทั้งหมดได้ค่ะ อันนี้ฝ้ายเอามาให้ดูคร่าวค่ะ
เดือนพฤษภาคม 2015 คุณเจไปแจ้งศาลแรงงานเรื่องไม่ได้รับค่าแรง 5เดือน (ธันวาคม – เมษายน) เป็นเงิน 325,000บาท ทั้งๆที่ไม่ได้คืนเงินที่ฝ้ายโอนให้ และไม่มาร้านตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากสืบกันเสร็จ มีการยกฟ้องในเดือนพฤษภาคม 2016
เดือน มิถุนายน 2015 คุณเจ ไปออกรายการ และมีการแชร์คลิปอยู่พักใหญ่ ว่าตัวเองมีหุ้น 50% จู่ๆโดนเปลี่ยนไม่รู้เรื่อง
คบกันอยู่ จู่ๆไปเป็นแฟนเกาหลี ตกลงที่เล่าในรายการส่วนไหนจริงบ้างคะ เพราะบอกรู้มกราคม 2015 แต่ เมษายน 2015 ยังบอกว่าอยากช่วยฝ้าย บอกให้ร่วมมือกันอยู่เลย
เดือนกันยายน 2015 ฝ้ายได้รับหมายเรียก พนักงานสอบสวนจาก สน.ห้วยขวาง ที่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญา ในข้อหา “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องวานโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน ...” คุณเจต้องการให้ฝ้ายและคนเกาหลีถูกตัดสินจำคุกหรอคะ
ฝ้ายคิดว่า เริ่มเรื่องนี้ เพราะเรื่องร้านล้วนๆ และคุณเจพยายามโยงว่าฝ้ายและคนเกาหลีร่วมมือกัน ทำให้มันดราม่า ทำให้เค้าจะทำอะไรก็ได้เพราะถูกกระทำก่อน น่าสงสาร แต่จากเหตุการณ์ที่ฝ้ายไล่เรียงมาแล้วคิดว่าน่าจะทำให้คิดอะไรที่มันแตกต่างได้บ้างค่ะ