ฉันจะไปดำน้ำเกาะช้าง หลังจากไปครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ไม่รู้จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ทริปนี้เป็นแฟมิลี่ทริป เราเลือกที่พักที่ The Dewa Koh Chang เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวเราเลยออกจากกรุงเทพกันเช้าหน่อยเพราะกลัวรถติด ออกจากที่พัก 7 โมงเช้า ถึงท่าเรือที่เกาะช้างเฟอรี่ บ่าย 3 (ทำไมนานจังนี่กลับเชียงใหม่เหรอ ก็เพราะว่าต้องไปรับสมาชิก และ อากู๋เกิ้ลบอกทางเราผิด วนอยู่บนสะพานแขวน 2 รอบหาทางลงไม่ได้ เศร้า!!!) มาถึงท่าเรือเฟอรี่ก็ซื้อตั๋วข้ามไปยังเกาะช้าง 4 คน รถ 1 คัน  440 บาท (ต่อเที่ยว)

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://ferrykohchang.com






นั่งไปประมาณ 20 นาทีก็ถึงเกาะช้าง ขับรถต่อไปยังที่พักประมาณ 12 นาที ก็เจอโรงแรมอยู่ฝั่งขวา ทางเข้าเดียวกับโรงแรม Amarin เลย เข้าซอยมาประมาณ 300 เมตร ระหว่างทางเจอแก๊งฝรั่งจอดรถถ่ายรูปมุมสูงวิวดีใ้ช้ได้เลยนะ ทะเลไทยที่สวยเนอะ



ถึงที่พักแล้ววววววววววว





ที่พักดูดีมีชาติตระกูลมากค่ะ ตกแต่งได้ดี เข้ามาเจอ Reception ก่อนเลย ด้านขวาเป็นจุด Check in ด้านซ้ายเป็นจุดนั่งพักผ่อน โซฟาโค้งครึ่งวงกลมนั่งได้ประมาณ 10 คน หลังจากเช็คอินเสร็จก็เก็บของเข้าห้องเดินสำรวจที่พัก ที่พัก 2 ฝั่ง เราเจอเด็กฝรั่งขี้อายน่าตาจิ้มลิ้ม ฮีมาเดินมุดๆได้โต๊ะระว่างรอเช็คอิน เลยขอไปถ่ายรูป น่าลักขโมยมากๆฮะ 555 นี่ขนาดเขินนะ บอกให้ชู 2 นิ้วก็ชูนาจาาาา


Reception Zone





Dewa มาจากคำว่า เทวะ ฉะนั้นการตกแต่งของที่นี่จะเป็นการตกแต่งแบบ Rustic Tropical  การออกแบบเป็นการผสมผสานระหว่างงานโครงสร้างที่เรียบง่าย (Rustic) กับธรรมชาติแบบทรอปิคอล (Tropical) ของเกาะช้าง ตัวอาคารและวิลล่าของรีสอร์ทจึงเป็นปูนเปลือยขัดมัน และนำเอาวัสดุธรรมชาติเข้ามาตกแต่ง เช่น หลังคาจะนำหญ้าคาและไม้สนซีดาร์มาเป็นส่วนประกอบ เพื่อความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด

สนใจจองที่พัก : http://www.thedewakohchang.com





ที่พักของที่นี่มี 3 แบบ ได้แก่
Deluxe ขนาดห้อง 48 ตารางเมตร จำนวน 40 ห้อง
Villa ขนาดห้อง 60 ตารางเมตร จำนวน 17 ห้อง
Grand Villa ขนาดห้อง 120 ตารางเมตร จำนวน 2 ห้อง

แบบ Deluxe


แบบ Villa



ส่วน GranVilla ตั้งตระหง่านคู่กัน หันหน้าสู่ท้องทะเล แต่ละหลังมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวางเหมาะแก่การซึมซับเสียงคลื่นที่ซัดสาดและสายลมที่พัดผ่าน ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม หรือจะเลือกแช่ตัวในอ่างจากุซซี่อย่างเป็นส่วนตัวที่ด้านหน้าแกรนด์วิลลา ชั้นบนเป็นส่วนของห้องนอนเพียงแค่คุณชันตัวขึ้นจากที่นอน คุณก็จะมองเห็นท้องทะเลอย่างเต็มตา


ระหว่างเดินไปที่พักนั้นจะเจอสระน้ำอยู่ท่ามกลาง ที่พัก 2 ฝั่ง โดยฝั่งซ้ายเป็นที่พักแบบ Duluxe มี 2 ชั้น ฝั่งขวาเป็นห้องอาหาร ถัดไปเป็นที่พักแบบ villa ที่พักของเราก็เป็นแบบ Villa ฮี่ๆ ที่พักเราฮะห้อง 33 อยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลย ตอนแรกคิดว่าห้องที่ติดสระว่ายน้ำจะเสียงดังเพราะคนเล่นน้ำ  แต่ปรากฏว่าเงียบมาก (หรือเราคุยกันเสียงดัง)






ห้องหมายเลข 33



นี่มาเที่ยวหรือย้ายบ้าน


ภายในห้องกว้างพอสมควร เตียงนี่กว้างมากขนาดผู้หญิงนอนได้ 3 คน ชอบมาก นอนสบายหมอนเยอะ อีกอย่างที่ชอบคือปลั๊กเสียบ มีหลายจุดแบบไม่ต้องแย่งกัน เพราะเข้าห้องทีไรงานโลกส่วนตัวต้องมา





ห้องน้ำกว้างมากมี 3 ส่วนด้วยกันคือ ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ หลังจากเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ




ด้านนอกที่เป็น Villa  จะมีบ่อน้ำเล็กๆ ให้นั่งชมวิว เย็นๆเจ้าหน้าที่เอาเอแคร์มาเสริฟให้ขอบอกละมุนลิ้นมากเค๊อะ แย่งกัน 4 พี่น้อง 555 (ลืมถ่ายรูป เพราะกลัวไม่ทัน)




โซนสระว่ายน้ำ เปิดตั้งแต่ 7.00-20.00น. คนเล่นน้ำตลอดเวลา โซนสระเด็กจะมีบาร์ข้างๆ เล่นน้ำไปจิ๊บ Cocktail ไป ชิวๆ โดยทางโรงแรมเค้าจะแจกคูปองสำหรับไว้แลกผ้าเช็ดตัวเผื่อจะไปเล่นน้ำด้วย

Bar ที่สระว่ายน้ำ





โซนสระว่ายน้ำ
ช่วยจับแขนมั๊ยคะ โน้มตัวลง หรือจะให้ว่ายเป็นเพื่อนก็ได้นะคะ 555


  





เดินมาด้านหน้าหาดจะเป็นที่พักนั่งชมวิว หรือใครจะนอนอาบแดดก็ได้ไม่ว่ากัน




โซนหน้าหาด







หนูน้อยผู้ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเล่นน้ำ เจอ 3 วัน แก้ผ้าเล่นน้ำทั้ง 3 วันเลย


อากาศเป็นใจท้องฟ้าสดใสเหมาะแก่การเล่นน้ำ





ม่วนหลายเด้อ ถ่ายรูปเพลินๆริมทะเล


ชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็สวยดีนะ





ถ่ายรูปจนเหนื่อย เริ่มหิวแล้วได้แต่นั่งรออาหารเย็น เพราะอาหารเย็นเริ่มตั้งแต่ 18.30-22.00 น. เราได้แต่นั่งรอ รอ รอ แล้วก็รอ มื้อเย็นวันนี้เป็น Charcoal Grill Buffet เป็น seafood buffet และแล้วช่วงเวลากินก็มาถึง โต๊ะพร้อม คนพร้อม




คุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/atravelerblog/
IG: A_Traveler_Blog
Twitter: A Traveler Blog