[หนังโรงเรื่องที่ 166] Star Wars: Rogue One - เพื่อดาวดวงนั้น ต้องสู้จนสุดใจ ; (Gareth Edwards, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : สตาร์วอร์ส ภาคนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกับ Timeline ของ ภาค4 (The New Hope) โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับ 'จิน เออร์โซ่' (Felicity Jones) ลูกสาวคนเดียวของวิศวกรคนสำคัญของฝ่ายจักรวรรดิ (The Imperials)อย่าง 'กาเลน เออร์โซ่' (Mads Mikkelsen) ผู้มีส่วนสำคัญในการก่อสร้าง 'ดาวมรณะ' (Death Star) อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์กาแล็กซี่ที่สามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้ ... ซึ่งสำหรับฝ่ายกบฏแล้ว จิน ถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การค้นพบจุดอ่อนของดาวมรณะอันจะนำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายกบฏในอนาคตได้
สำหรับใครหลายๆคนที่กังวลว่าการเป็นภาคเสริมของหนังจะทำให้มันสนุกน้อยลงรึเปล่านั้น ก็ต้องขอ assure ไว้เลยว่าหนังยัง 'สอบผ่าน' ในแง่ของความบันเทิงและยังสามารถยึดแน่นกับกลิ่นอายของความเป็นสตาร์วอร์สไว้ได้อย่างดี ถึงแม้เราจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ของไลท์เซเบอร์ก็ตาม (เพราะไทม์ไลน์ของหนังตอนนี้สภาเจไดถูกโค่นสลายไปแล้ว)
สำหรับเนื้อเรื่องหลักๆก็จะเป็นการผจญภัยของหนูจิน ที่ต้องตกระกำลำบาก ระหกระเหินไปทั่วหลังจากที่พ่อของตนถูกจักวรรดิอุ้มไปสร้างดาวมรณะตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งต้องมาพัวพันกับกลุ่มกบฏและกลายเป็นหัวหอกในภารกิจตามล่าหาจุดอ่อนของโคตรอาวุธมหาปลัยในที่สุด
ซึ่งก็ต้องชื่นชมลีลาของผู้กำกับและทีมเขียนบทที่สามารถถ่ายทอดซีเควนซ์เล็กๆตรงนี้ให้ขยายออกมาอย่างน่าสนใจได้ โดยที่คนดูอย่างเราจะได้ลุ้นเอาใจช่วยภารกิจกอบกู้จักรวาลของคนกลุ่มเล็กๆตั้งแต่เริ่มต้นจนจบอย่างเป็นไปขั้นเป็นตอน สลับกับมุกตลกจากมิตรภาพที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละนิดทีละน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ และการแบ่งความสำคัญของบทตัวละครอย่างเท่าๆกันทำให้เรายิ่งรู้สึกอีกว่ามันเป็นเรื่องของ 'กลุ่มกบฏ' ที่สอดคล้องกับธีมหนังจริงๆ
สำหรับคิวบู๊ก็ถือว่าสอบผ่านถึงแม้จะไม่มี trademark ของหนังอย่างไลท์เซเบอร์ปรากฏออกมาเลยก็ตาม แต่ลำพังการดวลกระสุนบลาสเตอร์และการต่อสู้ประชิดตัวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังมันเกิดความรู้สึก 'มันส์' ขึ้นมาได้ โดยในครึ่งแรกของหนังจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นลักษณะการต่อสู้แบบกองโจรในสเกลเล็กๆ และขยายความมาเป็นสงครามอวกาศแบบฟูล-สเกลได้ในตอนท้ายเรื่อง ซึ่งความสมดุลระหว่างเนื้อเรื่องและฉากแอคชั่นก็อยู่ในจุดบาลานซ์ที่ดีแหละ
จุดที่ชอบจริงๆก็คงเป็นกลิ่นอายของ 'ความจริงจัง' ที่หนังถ่ายทอดออกมาในช่วงกลาง-ท้ายเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าจะเล่าแบบไม่ให้สปอยล์ก็คือต้องชมว่าหนังใช้จ่ายตัวละครได้คุ้มค่าและมีความหมายมาก คือเราจะเห็นได้จากแววตาของทุกๆคนในภารกิจ 'โร้ค วัน' ได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มันคือความเป็นความตายขนาดไหน ซึ่งการที่หนังเลือกที่จะเหยียบเกียร์ 4 เดินเรื่องหนักหน่วงแบบนี้ก็พาลจะทำให้เราอินไปด้วยไม่ยาก (และมันสะดวกตรงที่มันจะไม่ไปกวนไทมไลน์ของภาค 4 ด้วยแหละ)
ตัวละครขโมยซีนของเรื่องก็คงหนีไม่พ้นชายตาบอดผู้มีวิชากังฟูไม้ง่ามอย่าง 'ชีรุท เอ็มเว่' (Donnie Yen) ที่จัดเต็มทั้งมุกตลกและคิวบู๊ที่เป็นเอกลักษณ์ และประโยคติดปากที่รับประกันว่าจะติดหัวท่านออกมาจากโรงแน่นอนที่ว่า
"I'm one with the Force, The Force is with me"
"ข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง, พลังนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับข้า"
... หากว่ารวมๆแล้วก็ต้องขอเชียร์ให้ทุกคนเข้าไปดู Rogue One ในโรงกันแหละครับ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นกับการเล่นกับเรื่องราวที่น่าสนใจในจักรวาล Star Wars ที่ดี และอาจจะเป็นสัญญานที่บอกให้เรารู้กันกลายๆว่าเราอาจจะได้เห็น 'หนังเดี่ยว' ของตัวละครเสริมในเรื่องอีก ไม่ว่าจะเป็น 'ฮาน โซโล' วัยหนุ่ม หรือ 'โบบา เฟตต์' ก็เป็นได้
แต่ถ้ามันสนุกแบบนี้ทุกภาค ผมก็ไม่คิดว่าตั๋วหนังมันแพงนะ!
ป.ล.ดาร์ธ เวเดอร์แค่เฉียดเข้าเรื่องมานิดเดียวก็ขนลุกแล้วล่ะ
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] Star Wars: Rogue One - เพื่อดาวดวงนั้น ต้องสู้จนสุดใจ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 166] Star Wars: Rogue One - เพื่อดาวดวงนั้น ต้องสู้จนสุดใจ ; (Gareth Edwards, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : สตาร์วอร์ส ภาคนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาที่ไล่เลี่ยกับ Timeline ของ ภาค4 (The New Hope) โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับ 'จิน เออร์โซ่' (Felicity Jones) ลูกสาวคนเดียวของวิศวกรคนสำคัญของฝ่ายจักรวรรดิ (The Imperials)อย่าง 'กาเลน เออร์โซ่' (Mads Mikkelsen) ผู้มีส่วนสำคัญในการก่อสร้าง 'ดาวมรณะ' (Death Star) อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์กาแล็กซี่ที่สามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้ ... ซึ่งสำหรับฝ่ายกบฏแล้ว จิน ถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การค้นพบจุดอ่อนของดาวมรณะอันจะนำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายกบฏในอนาคตได้
สำหรับใครหลายๆคนที่กังวลว่าการเป็นภาคเสริมของหนังจะทำให้มันสนุกน้อยลงรึเปล่านั้น ก็ต้องขอ assure ไว้เลยว่าหนังยัง 'สอบผ่าน' ในแง่ของความบันเทิงและยังสามารถยึดแน่นกับกลิ่นอายของความเป็นสตาร์วอร์สไว้ได้อย่างดี ถึงแม้เราจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ของไลท์เซเบอร์ก็ตาม (เพราะไทม์ไลน์ของหนังตอนนี้สภาเจไดถูกโค่นสลายไปแล้ว)
สำหรับเนื้อเรื่องหลักๆก็จะเป็นการผจญภัยของหนูจิน ที่ต้องตกระกำลำบาก ระหกระเหินไปทั่วหลังจากที่พ่อของตนถูกจักวรรดิอุ้มไปสร้างดาวมรณะตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งต้องมาพัวพันกับกลุ่มกบฏและกลายเป็นหัวหอกในภารกิจตามล่าหาจุดอ่อนของโคตรอาวุธมหาปลัยในที่สุด
ซึ่งก็ต้องชื่นชมลีลาของผู้กำกับและทีมเขียนบทที่สามารถถ่ายทอดซีเควนซ์เล็กๆตรงนี้ให้ขยายออกมาอย่างน่าสนใจได้ โดยที่คนดูอย่างเราจะได้ลุ้นเอาใจช่วยภารกิจกอบกู้จักรวาลของคนกลุ่มเล็กๆตั้งแต่เริ่มต้นจนจบอย่างเป็นไปขั้นเป็นตอน สลับกับมุกตลกจากมิตรภาพที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละนิดทีละน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ และการแบ่งความสำคัญของบทตัวละครอย่างเท่าๆกันทำให้เรายิ่งรู้สึกอีกว่ามันเป็นเรื่องของ 'กลุ่มกบฏ' ที่สอดคล้องกับธีมหนังจริงๆ
สำหรับคิวบู๊ก็ถือว่าสอบผ่านถึงแม้จะไม่มี trademark ของหนังอย่างไลท์เซเบอร์ปรากฏออกมาเลยก็ตาม แต่ลำพังการดวลกระสุนบลาสเตอร์และการต่อสู้ประชิดตัวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังมันเกิดความรู้สึก 'มันส์' ขึ้นมาได้ โดยในครึ่งแรกของหนังจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นลักษณะการต่อสู้แบบกองโจรในสเกลเล็กๆ และขยายความมาเป็นสงครามอวกาศแบบฟูล-สเกลได้ในตอนท้ายเรื่อง ซึ่งความสมดุลระหว่างเนื้อเรื่องและฉากแอคชั่นก็อยู่ในจุดบาลานซ์ที่ดีแหละ
จุดที่ชอบจริงๆก็คงเป็นกลิ่นอายของ 'ความจริงจัง' ที่หนังถ่ายทอดออกมาในช่วงกลาง-ท้ายเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าจะเล่าแบบไม่ให้สปอยล์ก็คือต้องชมว่าหนังใช้จ่ายตัวละครได้คุ้มค่าและมีความหมายมาก คือเราจะเห็นได้จากแววตาของทุกๆคนในภารกิจ 'โร้ค วัน' ได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่มันคือความเป็นความตายขนาดไหน ซึ่งการที่หนังเลือกที่จะเหยียบเกียร์ 4 เดินเรื่องหนักหน่วงแบบนี้ก็พาลจะทำให้เราอินไปด้วยไม่ยาก (และมันสะดวกตรงที่มันจะไม่ไปกวนไทมไลน์ของภาค 4 ด้วยแหละ)
ตัวละครขโมยซีนของเรื่องก็คงหนีไม่พ้นชายตาบอดผู้มีวิชากังฟูไม้ง่ามอย่าง 'ชีรุท เอ็มเว่' (Donnie Yen) ที่จัดเต็มทั้งมุกตลกและคิวบู๊ที่เป็นเอกลักษณ์ และประโยคติดปากที่รับประกันว่าจะติดหัวท่านออกมาจากโรงแน่นอนที่ว่า
"ข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง, พลังนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับข้า"
... หากว่ารวมๆแล้วก็ต้องขอเชียร์ให้ทุกคนเข้าไปดู Rogue One ในโรงกันแหละครับ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นกับการเล่นกับเรื่องราวที่น่าสนใจในจักรวาล Star Wars ที่ดี และอาจจะเป็นสัญญานที่บอกให้เรารู้กันกลายๆว่าเราอาจจะได้เห็น 'หนังเดี่ยว' ของตัวละครเสริมในเรื่องอีก ไม่ว่าจะเป็น 'ฮาน โซโล' วัยหนุ่ม หรือ 'โบบา เฟตต์' ก็เป็นได้
แต่ถ้ามันสนุกแบบนี้ทุกภาค ผมก็ไม่คิดว่าตั๋วหนังมันแพงนะ!
ป.ล.ดาร์ธ เวเดอร์แค่เฉียดเข้าเรื่องมานิดเดียวก็ขนลุกแล้วล่ะ
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..