พล็อตเรื่อง 8.5/10
หลังจากฝ่ายจักรวรรดิโค่นล้มเจไดและตั้งตนเป็นเผด็จการปกครองกาแล็คซี่ ฝ่ายจักรวรรดิวางแผนสร้างอาวุธมหาปะลัยที่มีชื่อว่าเดธสตาร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงหวังใช้ปกครองกาแล็คซี่ ฝ่ายกลุ่มต่อต้านจัดทีมวางแผนทำภารกิจเสี่ยงตายขโมยแบบแปลนของเดธสตาร์เพื่อหยุดยั้งและทำลายเดธสตาร์ให้สิ้นซาก หลายครั้งที่เราเห็นหนังหลายๆเรื่องนิยมที่จะสร้างภาคต่อหรือเรื่องราวก่อนหน้าเพื่อบอกเล่าที่มาของเรื่องราวนั้นๆ แต่ Rogue One กลับเลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวตรงกลางระหว่างมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ ส่วนตัวผมคิดว่าข้อเสียคือเรารู้ผลล่วงหน้าแล้วว่าผลลัพธ์คืออะไร อาจจะขาดความฟิน น่าลุ้นในส่วนนั้นไป ข้อดีคือถ้าทำออกมาดีมันจะเป็นแรงส่งให้เนื้อเรื่องภาคต่อไปดูมีคุณค่ามากขึ้นและ Rogue One สามารถทำจุดนั้นได้ครับ ถึงแม้เราจะรู้ผลลัพธ์ของเรื่องราวแล้วแต่สิ่งที่สำคัญคือหนังทำหน้าที่ในช่วงเรื่องราวของมันเองได้ดีมากและจบในเรื่องของมันเองได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยเสริมสร้างความสำคัญและคุณค่าของเนื้อเรื่องในภาคต่อไปได้ดี
ดำเนินเรื่อง 8.5/10
สิ่งแรกที่อยากชมและชอบมากเลยคือบรรยากาศ เหมือนเราได้ชมบรรยากาศแบบเดียวกับภาค 4-6 อีกครั้งเพียงแต่ใช้เทคนิคพิเศษในสมัยนี้ทำให้ดูสมจริงและน่าตื่นตาเหมือนได้ดูภาค 4-6 remake ซึ่งคงเป็นความตั้งใจของผกก.เพราะ Timeline ไม่ต่างกันมาก ข้อดีอีกอย่างคือไม่ต้องสร้างโลกที่ใช้ CG แทบทั้งหมดเหมือนภาค 1-3 มีฉากที่พอจับต้องได้ซึ่งดูสมจริงและสนุกกว่ากันเยอะเลย การดำเนินเรื่องในช่วงแรกๆผมรู้สึกว่าออกจะอืดนิดๆ แอบเบื่อหน่อยๆ แต่พอประมาณกลางเรื่องเป็นต้นไปกลับทำให้เราใจจดใจจ่อกับมันมากๆ ติดตามตลอดจนจบเรื่อง โดยเฉพาะตอนท้ายที่พีคมากๆ เนื้อเรื่องเข้มข้น ฟีลลิ่งได้ ทำได้ดีจริงๆ โดยรวมแล้ว Rogue ดำเนินเรื่องได้สนุก น่าติดตาม บิ้วอารมณ์คนดูได้ดีโดยเฉพาะตอนท้าย
ด้วยความที่ Rogue One อยู่ในจักรวาลเดียวกับเนื้อเรื่องหลักของ Star Wars ก็หนีไม่พ้นที่จะมีอ้างอิงถึงเรื่องราวเก่าๆให้ชวนคิดถึง มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักอยู่บ้าง เช่น อะไรเปลี่ยนไป เกิดอะไรขึ้นหลังจากเรื่องราวภาค 3 รวมถึงรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เคยบอกในภาคหลักทั้ง 7 ภาคอีกด้วย เรียกได้ว่า Rogue One ก็ไม่ได้เป็นภาคเดี่ยวที่ถูกแยกออกมาต่างหากซะทีเดียวแต่น่าจะยกให้เป็นภาค 3.5 เสียด้วยซ้ำ ด้านดนตรีในหนังก็ยังใช้ bgm เหมือนภาคหลักอยู่แต่ดัดแปลงทำนองใหม่ ฟังแล้วแปลกๆ อาจจะเพราะของเก่ามันติดหูมากกว่า
ตัวละคร 8/10
พลังนักแสดงทุกคนภาคนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเลยละ โดยเฉพาะจิน เออร์โซ ถ้าว่ากันตรงๆผมรู้ว่าตัวละครเธอไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น แต่การแสดงของเฟลิซิตี้ โจนส์ทำให้ผมรู้สึกตัวละครตัวนี้มีความโดดเด่น โดยเฉพาะแอ็คติ้งของเธอที่ผมชอบมาก บุคคลิกนิ่งๆ เท่ๆ มีบทพูดมีคมคายบางประโยคที่ใช้ปลุกใจทุกคนให้ลุกขึ้นสู้ ที่อดพูดถึงไม่ได้คือดอนนี่ เยน อาจารย์ยิปได้ก้าวเข้ามาในจักรวาล Star Wars กับเขาด้วย ตัวละครของอาจารย์เก่งมากและเหมือนจะตลกแต่ไม่ตลก บางครั้งรู้สึกเหมือนจารย์อยากทำไรก็ทำได้หมดเหมือนน้าค่อมตาบอดแต่ทำเหมือนไม่บอด 55 แต่เรื่องฝีมือการแสดงบทบู๊ของอาจารย์ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เป็นตัวละครที่มีศรัทธาในพลังมากๆประหนึ่งเจไดแต่ไม่ใช่ ตัวละครอื่นๆในทีมก็ทำหน้าที่บทบาทของตัวเองได้ดี บทส่งให้ทุกคนทำงานกันเป็นทีมทำให้หนังดูสนุกในแง่ความร่วมมือ เสียสละเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ของทุกคน ในหนังยังมีตัวละครเก่าที่มีทั้งพูดถึงและออกมาให้คิดถึงกันด้วย ขนลุกสุดๆ แฟนๆ Star Wars จะต้องตื่นเต้นและชอบแน่ๆ
สรุป 8.5/10
Rogue One เป็นหนังภาคแยกของจักรวาล Star Wars ที่ทำได้ดีและสนุกมากๆ ช่วยขยายเรื่องราวและที่มาก่อนจะไปถึงไตรภาคในตำนานภาค 4-6 ถึงแม้เราจะรู้ผลลัพธ์ของ Timeline อยู่แล้วแต่หนังก็สื่อเรื่องราวของตัวมันเองได้ดี โทนหนังให้อารมณ์เหมือนเราได้ดูภาค 4-6 อีกครั้งในฉบับที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำสมัยใหม่ ถือเป็นอีกนิมิตใหม่ของวงการภาพยนตร์ก็ว่าได้ที่จะใช้ลักษณะการสร้างภาคแยกตรงกลางโดยที่ยังให้ความเคารพและมีความเกี่ยวข้องกับภาคหลัก นำตัวละครหรือเรื่องราวของภาคหลักมาใช้ในหนังให้เป็นประโยชน์ ด้วยพลังของภาคหลักที่ทำไว้ดีอยู่แล้วยิ่งทำให้หนังดูมีพลังมากๆ เป็นหนังภาคแยกที่แฟนๆ Star Wars ต้องไม่พลาด สนุกไม่แพ้ภาคหลักครับและ Rogue One จะเป็นหนัง Star Wars อีกเรื่องที่พิสูจน์ว่าถึงแม้ไม่มีเจไดเป็นหลักหรือฉากดวลไลท์เซเบอร์จักรวาลนี้ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและสนุกมากๆได้เหมือนกัน
ส่วนเรื่องระบบฉายส่วนตัวผมรู้สึกว่าไม่แนะนำให้ดู IMAX 3D เพราะ 3D ก็เฉยๆไม่ค่อยมีมิติแถมฉาก IMAX ก็ไม่มี แลกกับการที่ต้องดูภาพที่มืดลงจากการใส่แว่น ผมว่าดูโรงธรรมดา 2D น่าจะได้อรรถรสมากกว่าครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
[CR] [Review-No Spoil] Rogue One: A Star Wars Story โร้ค วัน ตำนานสตาร์วอร์ส
พล็อตเรื่อง 8.5/10
หลังจากฝ่ายจักรวรรดิโค่นล้มเจไดและตั้งตนเป็นเผด็จการปกครองกาแล็คซี่ ฝ่ายจักรวรรดิวางแผนสร้างอาวุธมหาปะลัยที่มีชื่อว่าเดธสตาร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงหวังใช้ปกครองกาแล็คซี่ ฝ่ายกลุ่มต่อต้านจัดทีมวางแผนทำภารกิจเสี่ยงตายขโมยแบบแปลนของเดธสตาร์เพื่อหยุดยั้งและทำลายเดธสตาร์ให้สิ้นซาก หลายครั้งที่เราเห็นหนังหลายๆเรื่องนิยมที่จะสร้างภาคต่อหรือเรื่องราวก่อนหน้าเพื่อบอกเล่าที่มาของเรื่องราวนั้นๆ แต่ Rogue One กลับเลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวตรงกลางระหว่างมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ ส่วนตัวผมคิดว่าข้อเสียคือเรารู้ผลล่วงหน้าแล้วว่าผลลัพธ์คืออะไร อาจจะขาดความฟิน น่าลุ้นในส่วนนั้นไป ข้อดีคือถ้าทำออกมาดีมันจะเป็นแรงส่งให้เนื้อเรื่องภาคต่อไปดูมีคุณค่ามากขึ้นและ Rogue One สามารถทำจุดนั้นได้ครับ ถึงแม้เราจะรู้ผลลัพธ์ของเรื่องราวแล้วแต่สิ่งที่สำคัญคือหนังทำหน้าที่ในช่วงเรื่องราวของมันเองได้ดีมากและจบในเรื่องของมันเองได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยเสริมสร้างความสำคัญและคุณค่าของเนื้อเรื่องในภาคต่อไปได้ดี
ดำเนินเรื่อง 8.5/10
สิ่งแรกที่อยากชมและชอบมากเลยคือบรรยากาศ เหมือนเราได้ชมบรรยากาศแบบเดียวกับภาค 4-6 อีกครั้งเพียงแต่ใช้เทคนิคพิเศษในสมัยนี้ทำให้ดูสมจริงและน่าตื่นตาเหมือนได้ดูภาค 4-6 remake ซึ่งคงเป็นความตั้งใจของผกก.เพราะ Timeline ไม่ต่างกันมาก ข้อดีอีกอย่างคือไม่ต้องสร้างโลกที่ใช้ CG แทบทั้งหมดเหมือนภาค 1-3 มีฉากที่พอจับต้องได้ซึ่งดูสมจริงและสนุกกว่ากันเยอะเลย การดำเนินเรื่องในช่วงแรกๆผมรู้สึกว่าออกจะอืดนิดๆ แอบเบื่อหน่อยๆ แต่พอประมาณกลางเรื่องเป็นต้นไปกลับทำให้เราใจจดใจจ่อกับมันมากๆ ติดตามตลอดจนจบเรื่อง โดยเฉพาะตอนท้ายที่พีคมากๆ เนื้อเรื่องเข้มข้น ฟีลลิ่งได้ ทำได้ดีจริงๆ โดยรวมแล้ว Rogue ดำเนินเรื่องได้สนุก น่าติดตาม บิ้วอารมณ์คนดูได้ดีโดยเฉพาะตอนท้าย
ด้วยความที่ Rogue One อยู่ในจักรวาลเดียวกับเนื้อเรื่องหลักของ Star Wars ก็หนีไม่พ้นที่จะมีอ้างอิงถึงเรื่องราวเก่าๆให้ชวนคิดถึง มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักอยู่บ้าง เช่น อะไรเปลี่ยนไป เกิดอะไรขึ้นหลังจากเรื่องราวภาค 3 รวมถึงรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เคยบอกในภาคหลักทั้ง 7 ภาคอีกด้วย เรียกได้ว่า Rogue One ก็ไม่ได้เป็นภาคเดี่ยวที่ถูกแยกออกมาต่างหากซะทีเดียวแต่น่าจะยกให้เป็นภาค 3.5 เสียด้วยซ้ำ ด้านดนตรีในหนังก็ยังใช้ bgm เหมือนภาคหลักอยู่แต่ดัดแปลงทำนองใหม่ ฟังแล้วแปลกๆ อาจจะเพราะของเก่ามันติดหูมากกว่า
ตัวละคร 8/10
พลังนักแสดงทุกคนภาคนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเลยละ โดยเฉพาะจิน เออร์โซ ถ้าว่ากันตรงๆผมรู้ว่าตัวละครเธอไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น แต่การแสดงของเฟลิซิตี้ โจนส์ทำให้ผมรู้สึกตัวละครตัวนี้มีความโดดเด่น โดยเฉพาะแอ็คติ้งของเธอที่ผมชอบมาก บุคคลิกนิ่งๆ เท่ๆ มีบทพูดมีคมคายบางประโยคที่ใช้ปลุกใจทุกคนให้ลุกขึ้นสู้ ที่อดพูดถึงไม่ได้คือดอนนี่ เยน อาจารย์ยิปได้ก้าวเข้ามาในจักรวาล Star Wars กับเขาด้วย ตัวละครของอาจารย์เก่งมากและเหมือนจะตลกแต่ไม่ตลก บางครั้งรู้สึกเหมือนจารย์อยากทำไรก็ทำได้หมดเหมือนน้าค่อมตาบอดแต่ทำเหมือนไม่บอด 55 แต่เรื่องฝีมือการแสดงบทบู๊ของอาจารย์ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เป็นตัวละครที่มีศรัทธาในพลังมากๆประหนึ่งเจไดแต่ไม่ใช่ ตัวละครอื่นๆในทีมก็ทำหน้าที่บทบาทของตัวเองได้ดี บทส่งให้ทุกคนทำงานกันเป็นทีมทำให้หนังดูสนุกในแง่ความร่วมมือ เสียสละเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ของทุกคน ในหนังยังมีตัวละครเก่าที่มีทั้งพูดถึงและออกมาให้คิดถึงกันด้วย ขนลุกสุดๆ แฟนๆ Star Wars จะต้องตื่นเต้นและชอบแน่ๆ
สรุป 8.5/10
Rogue One เป็นหนังภาคแยกของจักรวาล Star Wars ที่ทำได้ดีและสนุกมากๆ ช่วยขยายเรื่องราวและที่มาก่อนจะไปถึงไตรภาคในตำนานภาค 4-6 ถึงแม้เราจะรู้ผลลัพธ์ของ Timeline อยู่แล้วแต่หนังก็สื่อเรื่องราวของตัวมันเองได้ดี โทนหนังให้อารมณ์เหมือนเราได้ดูภาค 4-6 อีกครั้งในฉบับที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำสมัยใหม่ ถือเป็นอีกนิมิตใหม่ของวงการภาพยนตร์ก็ว่าได้ที่จะใช้ลักษณะการสร้างภาคแยกตรงกลางโดยที่ยังให้ความเคารพและมีความเกี่ยวข้องกับภาคหลัก นำตัวละครหรือเรื่องราวของภาคหลักมาใช้ในหนังให้เป็นประโยชน์ ด้วยพลังของภาคหลักที่ทำไว้ดีอยู่แล้วยิ่งทำให้หนังดูมีพลังมากๆ เป็นหนังภาคแยกที่แฟนๆ Star Wars ต้องไม่พลาด สนุกไม่แพ้ภาคหลักครับและ Rogue One จะเป็นหนัง Star Wars อีกเรื่องที่พิสูจน์ว่าถึงแม้ไม่มีเจไดเป็นหลักหรือฉากดวลไลท์เซเบอร์จักรวาลนี้ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจและสนุกมากๆได้เหมือนกัน
ส่วนเรื่องระบบฉายส่วนตัวผมรู้สึกว่าไม่แนะนำให้ดู IMAX 3D เพราะ 3D ก็เฉยๆไม่ค่อยมีมิติแถมฉาก IMAX ก็ไม่มี แลกกับการที่ต้องดูภาพที่มืดลงจากการใส่แว่น ผมว่าดูโรงธรรมดา 2D น่าจะได้อรรถรสมากกว่าครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/