ภาพยนตร์มิวสิคคัลเรื่องใหม่ของผู้กำกับเดเมียน ชาเซลล์ (Whiplash, 10 Cloverfield Lane) เกี่ยวกับเซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) หนุ่มนักเปียโนผู้ทุ่มเท และมีอา (เอ็มมา สโตน) นักแสดงสาวดาวรุ่ง ที่ปลูกต้นรักกันในลอส แองเจลิส ทุกอย่างคล้ายจะไปได้ด้วยดี กระทั่งเมื่อการไล่ตามความฝันของทั้งคู่ดูจะเป็นอุปสรรคต่อชีวิตรัก ท่ามกลางมหานครที่ได้ชื่อว่าดูดกลืนความฝันผู้คนแห่งนี้
ไม่เกินเลยถ้าจะบอกว่า นี่เพียบพร้อมทั้งผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงฝีมือดี (และที่สำคัญ เป็นแฟนมิวสิคคัลตัวจริงเสียงจริงชนิดลุ่มหลง) และนักแสดงระดับแถวหน้าของวงการฮอลลีวูด
และถัดจากนี้ คือ 14 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู La La Land-นครดารา
1. ดั้งเดิมของบทเลยนั้น เซบาสเตียน-พระเอกของเราถูกวางตัวให้เป็นไมล์ส เทลเลอร์มารับบท ส่วนนางเอกอย่างมีอา สตูดิโอเล็งเอ็มมา วัตสันไว้ แต่ไมล์ส ปฏิเสธบทไปในเวลาต่อมา
(ดูท่า ผู้กำกับจะชอบใจเขามากทีเดียวถึงอยากชวนมาเล่นหนังติดๆ กัน)
.
2. ส่วนบทมีอา (ซึ่งต่อมาตกเป็นของเอ็มมา สโตน) นั้น เอ็มมา วัตสันก็ปฏิเสธไปอีกเช่นกัน เนื่องจากตารางเวลาชนกับ Beauty and the Beast (2017)
.
3. ขณะที่ไรอัน กอสลิ่ง ปฏิเสธบทเจ้าชายอสูรใน Beauty and the Beast (2017) เพื่อมารับบทเซบาสเตียน พ่อหนุ่มนักเปียโนในเรื่องนี้แทน! (อย่างไรก็ดี คนที่รับบทเจ้าชายอสูรในท้ายที่สุดคือแดน สตีเวนส์)
.
4. ทำให้นี่เป็นการพบกันครั้งที่สามแล้วของคู่พระนางอย่างไรอันและเอ็มมา สโตน หลังเจอกันมาแล้วใน Crazy, Stupid, Love (2011) และ Gangster Squad (2013) (และอาจจะมีเรื่องที่สี่ต่อไปเพราะถูกเล็งให้รับบทคู่กันใน Focus-แต่ทั้งสองปฏิเสธบทไปในที่สุด)
.
5. ไรอันบอกกับผู้กำกับว่า ก่อนหน้านี้เขาสนใจอยากแสดงหนังแนวนี้มานานแล้ว และอย่างแรกที่ผู้กำกับส่งเขาไปทำเป็นการบ้าน-คือการเรียนเปียโน (…)
(อย่างไรก็ตาม ไรอันบอกว่า “แหม ผมอยากหาโอกาสเรียนเปียโนตั้งนานแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นั่งต่อหน้าเปียโนสามเดือนโดยไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากฝึก” -_-)
.
6. ดนตรีที่ได้ยินกันในเรื่องนั้นได้แรนดี เคอร์เบอร์ นักเปียโนอาชีพมาเล่นให้ และในเวลาต่อมา หลังการฝึกซ้อมอย่างดุเดือดของไรอัน ที่ทุ่มเวลาซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 2 ชั่วโมงนานนับเดือน ในที่สุดเขาก็เล่นเพลงจากหนังได้จริงโดยไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน
.
7. ผู้กำกับบอกว่า จริงๆ แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องช็อทโคลสอัพมือเซบาสเตียนเพื่อให้นักแสดงแทนมาเล่นเปียโนให้ เพราะไรอันทำได้เอง “ทั้งหมด”
.
8. เดเมียน ชาเซลล์ ผู้กำกับหลงใหลในภาพยนตร์เพลงยุคเก่ามาก ซึ่งในยุคนั้นนิยมถ่ายยาวเป็นเทคเดียวแทนการตัดหลายๆ ฉาก ทำให้ไรอันของเราต้องเล่นเปียโนและเต้นรวดเดียวให้ได้ภายในหนึ่งเทคตั้งแต่วันแรกที่เปิดกล้อง (โถ)
.
9. และนี่คือการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของเจ.เค. ซิมมอนส์กับผู้กำกับซาเชลล์ หลังบทครูโหดใน Whiplash (2014) ของชาเซลล์ส่งให้ซิมมอนส์คว้าออสการ์ได้ในปีนั้น
.
10. ผู้ทำเพลงของเรื่องนี้คือ จัสติน เฮอร์วิตซ์ (และในชีวิตจริงคือเพื่อนรักของชาเซลล์ด้วย) บอกว่า เขาต้องทำเดโมกว่า 1,900 เดโมกว่าจะได้เมโลดีที่เหมาะกับหนัง
(อย่างไรก็ดี เฮอร์วิตช์ให้สัมภาษณ์ว่า กระบวนทำเดโมนั้นโกลาหลมาก เขาส่งเดโมให้เพื่อนรักอย่างชาเซลล์ฟัง และอีกฝ่ายก็ได้แต่บอกว่า ไม่โว้ย ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ไปเรื่อยๆ นับพันเดโม “จนในที่สุด เราก็ตะโกนว่า เออออ อันนี้แหละโว้ยยยยย!!!” T_T)
.
11. มาริอุส เดอ วรีส์ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างดนตรี เขาเคยอยู่เบื้องหลังเพลงในหนังดังอย่าง Moulin Rouge และ Romeo + Juliet โดยบาซ เลอห์มานน์
.
12. ขณะที่ท่าเต้นนั้นได้แมนดี้ มัวร์ นักออกแบบท่าเต้น ที่เคยออกแบบท่าเต้นให้ฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Silver Linings Playbookโดย เดวิด โอ. รัสเซลมาแล้ว และใน La La Land เธอนำการเต้นร่วมสมัยจากรายการ So You Think You Can Dance มาประยุกต์ด้วยเพื่อให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น
.
13. ฉากโปรดของเอ็มมา สโตนในเรื่องนี้คือฉากร้องคู่ของพระนาง ที่เป็นจากการหารถที่จอดไปสู่การเต้นบนเนินสูงจุดชมวิวประจำเมือง ซึ่งเป็นฉากลองเทคยาว 6 นาที-เป็นฉากที่เซบาสเตียนและมีอาตกหลุมรักกันและกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
.
14. เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของนักดนตรีเจ้าของรางวัลแกรมมีอย่างจอห์น ลีเจนด์ ในบท คีธ นักดนตรีที่จ้างเซบาสเตียนเข้าร่วมวง ในเรื่องนี้ เขาร่วมแต่งเพลง Start A Fire อีกด้วย
(และเขากล่าวถึงฝีมือเปียโนที่พัฒนาของไรอันว่า “ผมอิจฉาเขามากเลยพวก ตอนที่ดูเขาเล่น ผมถึงกับว้าว นายคนนี้เก่งมากแถมเขาเพิ่งหัดเล่นมาแค่ไม่กี่เดือน เขายอดมากเลย”)
.
ร่วมติดตามชีวิตคู่รักที่ต้องไขว่คว้าเพื่อความฝัน ผ่านการถ่ายทอดของภาพยนตร์มิวสิคคัลอย่าง La La Land ได้ใน12 มกราคม 2017 จ้ะ
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์นะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/ 
14 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู La La Land-นครดารา
ไม่เกินเลยถ้าจะบอกว่า นี่เพียบพร้อมทั้งผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงฝีมือดี (และที่สำคัญ เป็นแฟนมิวสิคคัลตัวจริงเสียงจริงชนิดลุ่มหลง) และนักแสดงระดับแถวหน้าของวงการฮอลลีวูด
และถัดจากนี้ คือ 14 เรื่องน่ารู้ ก่อนไปดู La La Land-นครดารา
1. ดั้งเดิมของบทเลยนั้น เซบาสเตียน-พระเอกของเราถูกวางตัวให้เป็นไมล์ส เทลเลอร์มารับบท ส่วนนางเอกอย่างมีอา สตูดิโอเล็งเอ็มมา วัตสันไว้ แต่ไมล์ส ปฏิเสธบทไปในเวลาต่อมา
(ดูท่า ผู้กำกับจะชอบใจเขามากทีเดียวถึงอยากชวนมาเล่นหนังติดๆ กัน)
.
2. ส่วนบทมีอา (ซึ่งต่อมาตกเป็นของเอ็มมา สโตน) นั้น เอ็มมา วัตสันก็ปฏิเสธไปอีกเช่นกัน เนื่องจากตารางเวลาชนกับ Beauty and the Beast (2017)
.
3. ขณะที่ไรอัน กอสลิ่ง ปฏิเสธบทเจ้าชายอสูรใน Beauty and the Beast (2017) เพื่อมารับบทเซบาสเตียน พ่อหนุ่มนักเปียโนในเรื่องนี้แทน! (อย่างไรก็ดี คนที่รับบทเจ้าชายอสูรในท้ายที่สุดคือแดน สตีเวนส์)
.
4. ทำให้นี่เป็นการพบกันครั้งที่สามแล้วของคู่พระนางอย่างไรอันและเอ็มมา สโตน หลังเจอกันมาแล้วใน Crazy, Stupid, Love (2011) และ Gangster Squad (2013) (และอาจจะมีเรื่องที่สี่ต่อไปเพราะถูกเล็งให้รับบทคู่กันใน Focus-แต่ทั้งสองปฏิเสธบทไปในที่สุด)
.
5. ไรอันบอกกับผู้กำกับว่า ก่อนหน้านี้เขาสนใจอยากแสดงหนังแนวนี้มานานแล้ว และอย่างแรกที่ผู้กำกับส่งเขาไปทำเป็นการบ้าน-คือการเรียนเปียโน (…)
(อย่างไรก็ตาม ไรอันบอกว่า “แหม ผมอยากหาโอกาสเรียนเปียโนตั้งนานแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นั่งต่อหน้าเปียโนสามเดือนโดยไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากฝึก” -_-)
.
6. ดนตรีที่ได้ยินกันในเรื่องนั้นได้แรนดี เคอร์เบอร์ นักเปียโนอาชีพมาเล่นให้ และในเวลาต่อมา หลังการฝึกซ้อมอย่างดุเดือดของไรอัน ที่ทุ่มเวลาซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 2 ชั่วโมงนานนับเดือน ในที่สุดเขาก็เล่นเพลงจากหนังได้จริงโดยไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน
.
7. ผู้กำกับบอกว่า จริงๆ แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องช็อทโคลสอัพมือเซบาสเตียนเพื่อให้นักแสดงแทนมาเล่นเปียโนให้ เพราะไรอันทำได้เอง “ทั้งหมด”
.
8. เดเมียน ชาเซลล์ ผู้กำกับหลงใหลในภาพยนตร์เพลงยุคเก่ามาก ซึ่งในยุคนั้นนิยมถ่ายยาวเป็นเทคเดียวแทนการตัดหลายๆ ฉาก ทำให้ไรอันของเราต้องเล่นเปียโนและเต้นรวดเดียวให้ได้ภายในหนึ่งเทคตั้งแต่วันแรกที่เปิดกล้อง (โถ)
.
9. และนี่คือการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของเจ.เค. ซิมมอนส์กับผู้กำกับซาเชลล์ หลังบทครูโหดใน Whiplash (2014) ของชาเซลล์ส่งให้ซิมมอนส์คว้าออสการ์ได้ในปีนั้น
.
10. ผู้ทำเพลงของเรื่องนี้คือ จัสติน เฮอร์วิตซ์ (และในชีวิตจริงคือเพื่อนรักของชาเซลล์ด้วย) บอกว่า เขาต้องทำเดโมกว่า 1,900 เดโมกว่าจะได้เมโลดีที่เหมาะกับหนัง
(อย่างไรก็ดี เฮอร์วิตช์ให้สัมภาษณ์ว่า กระบวนทำเดโมนั้นโกลาหลมาก เขาส่งเดโมให้เพื่อนรักอย่างชาเซลล์ฟัง และอีกฝ่ายก็ได้แต่บอกว่า ไม่โว้ย ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ไปเรื่อยๆ นับพันเดโม “จนในที่สุด เราก็ตะโกนว่า เออออ อันนี้แหละโว้ยยยยย!!!” T_T)
.
11. มาริอุส เดอ วรีส์ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างดนตรี เขาเคยอยู่เบื้องหลังเพลงในหนังดังอย่าง Moulin Rouge และ Romeo + Juliet โดยบาซ เลอห์มานน์
.
12. ขณะที่ท่าเต้นนั้นได้แมนดี้ มัวร์ นักออกแบบท่าเต้น ที่เคยออกแบบท่าเต้นให้ฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Silver Linings Playbookโดย เดวิด โอ. รัสเซลมาแล้ว และใน La La Land เธอนำการเต้นร่วมสมัยจากรายการ So You Think You Can Dance มาประยุกต์ด้วยเพื่อให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น
.
13. ฉากโปรดของเอ็มมา สโตนในเรื่องนี้คือฉากร้องคู่ของพระนาง ที่เป็นจากการหารถที่จอดไปสู่การเต้นบนเนินสูงจุดชมวิวประจำเมือง ซึ่งเป็นฉากลองเทคยาว 6 นาที-เป็นฉากที่เซบาสเตียนและมีอาตกหลุมรักกันและกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
.
14. เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของนักดนตรีเจ้าของรางวัลแกรมมีอย่างจอห์น ลีเจนด์ ในบท คีธ นักดนตรีที่จ้างเซบาสเตียนเข้าร่วมวง ในเรื่องนี้ เขาร่วมแต่งเพลง Start A Fire อีกด้วย
(และเขากล่าวถึงฝีมือเปียโนที่พัฒนาของไรอันว่า “ผมอิจฉาเขามากเลยพวก ตอนที่ดูเขาเล่น ผมถึงกับว้าว นายคนนี้เก่งมากแถมเขาเพิ่งหัดเล่นมาแค่ไม่กี่เดือน เขายอดมากเลย”)
.
ร่วมติดตามชีวิตคู่รักที่ต้องไขว่คว้าเพื่อความฝัน ผ่านการถ่ายทอดของภาพยนตร์มิวสิคคัลอย่าง La La Land ได้ใน12 มกราคม 2017 จ้ะ
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์นะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/