แชร์ประสบการณ์พาแมวไม่มีทวารหนักไปผ่าตัด (ผ่าตัด Atresia ani)

เราขอออกตัวว่าเรื่องราวที่เราจะเล่าในวันนี้อาจจะมีบางช่วงที่เล่าไม่ละเอียด เพราะเรื่องราวผ่านมาประมาณ 1 ปีแล้ว และอาจจะมีตัวหนังสือเยอะหน่อย แต่พอดีวันนี้มาทำความสะอาดทวารให้เขาแล้วคิดว่าอยากจะมาแชร์เฉยๆ 5555 แล้วถ้ารูปไม่ชัดต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ เพราะว่ารูปส่วนใหญ่ที่เราถ่ายเราเก็บไว้ในโน้ตบุ้คเก่าแล้วมันเจ๊ง ตอนนี้เลยพยายามขุดรูปจากเฟสแม่มาได้จำนวนหนึ่ง แล้วแม่เราเน้นถ่ายไม่เน้นโฟกัส 5555
    
   เราขอเท้าความก่อนว่า บ้านเราเลี้ยงแมวระบบเปิด(คือบ้านเราเป็นบ้านไม้ผสมปูนที่มีแต่ช่อง มีรู และไม่มีแอร์) ครอบครัวหาเช้ากินค่ำ  และที่สำคัญคือมีแมวอยู่หลายรุ่นเกิดใหม่ค่อนข้างบ่อยแต่ตอนนี้พึ่งจะเริ่มมีกำลังที่จะจับทำหมัน

   เรื่องมันเกิดตอนที่แมวตัวเมียที่แก่ที่สุดในบ้านและนางไม่เคยท้องเลยจนอายุ 4 ปีทั้งที่ไม่ได้ทำหมัน จู่ๆนางก็ไปติดมาตอนไหนไม่รู้ มารู้อีกทีตอนท้องแก่ ท้องไม่ใหญ่มาก และนางก็คลอดลูกออกมาทั้งหมด 3 ตัว เป็นสีขาวดำทั้งหมด แต่ตายไปตอนเกิด 1 ตัว จึงเหลือตัวเมีย 2 สองตัว เลยตั้งชื่อว่าตองกับเตย แต่ตัวที่เป็นโรคคือ ‘ตอง’



   ตองเกิดมาภายนอกก็ดูปกติทุกอย่าง  พอหนึ่งเดือนก็ให้กินข้าวปกติ ทุกอย่างก็ดูไม่มีอะไรจนน้องอายุได้ประมาณ 2 เดือนครึ่งเราก็พึ่งสังเกตว่าเราชอบได้ยินน้องมันร้องเวลานั่งยองตอนตั้งท่าถ่ายหนัก  เป็นร้องแบบร้องแผดเสียงมากพอออกไปดูเราก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร น้องมันก็กลับมานั่งอยู่เฉยๆ

   จนวันเย็นวันหนึ่งคราวนี้เห็นจะๆเลยว่านั่งยองอยู่แล้วแผดเสียงร้องดังมาก เราเลยจับดู ก็เห็นว่าตรงเพศน้องมันมีน้ำสีน้ำตาลไหลออกมา และมีกลิ่นที่ดมดูก็รู้ว่ามันคืออุจจาระแน่นอน เราเลยบอกพ่อกับแม่ว่ามันมีอะไรไม่รู้ออกมาตรงเพศน้อง ตอนแรกพ่อบอกว่ามันถ่ายแล้วเปื้อนมารึเปล่า แต่คุยไปคุยมาทุกคนก็ลงความเห็นว่าไม่เคยเห็นตองมันถ่ายก้อนอุจาระที่กระบะเลยสักครั้ง  เห็นแต่ฉี่ตลอด(เลยเป็นสาเหตุที่คิดว่ามันปกติเหมือนตัวอื่น และแมวบ้านเรากลางวันจะถ่ายนอกบ้าน แต่กลางคืนจะถ่ายในบ้าน)

   เย็นวันนั้นพ่อกับแม่ก็เลยขับมอเตอร์ไซด์(บ้านเราไม่มีรถใหญ่)ไปที่คลินิกเจ้าประจำใกล้บ้านที่ชอบพาไปเวลาแมวตัวอื่นป่วย  ประมาณชั่วโมงหนึ่งก็กลับมา แม่บอกว่าน้องไม่มีก้นจริงๆ ซึ่งไม่มีก้นในที่นี้หมายถึงตอนเกิดน่ะมีหูรูด แต่ลำไส้ที่ใช้ถ่ายน่ะมันไปต่อเข้ากับรูอวัยวะเพศ พูดง่ายๆคือน้องจะถ่ายทั้งหนักและเบาในรูเดียวกันคือรูอวัยวะเพศเลยค่ะ

   แม่เล่าว่าหมอที่คลินิกเอาปรอทวัดอุณหภูมิใส่เข้าไปในรูทวาร คุณหมอบอกว่าข้างในมันไม่ตันนะ แต่มันไม่เชื่อมต่อกัน และที่รู้ได้ว่าน้องไม่มีก้นเพราะไม่มีอุจาระติดปลายปรอทออกมา คุณหมอบอกว่าที่นี่ไม่มีเครื่องมือพอที่จะผ่าตัดให้ได้ เขาแนะนำให้ไปโรงพยาบาลใหญ่มากกว่าคลินิกเพราะค่าผ่าจะถูกกว่า เช่นโรงพยาบาลสัตว์เกษตร หรือโรงพยาลสัตว์จุฬา

   ทางครอบครัวเรากลับมาปรึกษากันเครียดมากค่ะ พ่อของเราท่านรักแมวในบ้านทุกตัวมากๆ แต่พ่อกับแม่เครียดที่สุดเพราะไม่มีเงินพาน้องไปหาหมอ ในบ้านคุยกันเลยว่าให้พาไปตอนนี้น่ะพร้อมที่จะพาไปอยู่แล้ว ไกลแค่ไหนก็จะพาไป แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน และคุณหมอที่คลินิกบอกว่าเขาไม่สามารถประเมินค่าใช้จ่ายให้ได้ ต้องไปให้หมอที่นู่นประเมินให้ถึงจะชัวร์ที่สุด คือทางบ้านเรารู้ค่ะว่าถ้าไมผ่าน้องต้องนอนรอความตายอย่างเดียว แต่หาทางออกไม่ได้ สุดท้ายตกลงกันว่าจะไปยืมเงินญาติๆพาน้องไป

   แต่วันต่อมาที่แม่ต้องไปทำงาน ซึ่งแม่เราทำงานเป็นแม่บ้านของโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง และแม่ก็สนิทกับคุณครูท่านหนึ่งที่ท่านเป็นคนรักสัตว์มาก ท่านชื่อ ‘คุณครูโรซี่’ ท่านจะซื้อหาอาหารเม็ดมาให้แมวในโรงเรียนกินตลอด และแม่เราที่เครียดก็ไประบายให้ท่านฟังว่าแมวไม่มีก้นกำลังจะขอยืมเงินญาติไปหาหมอที่โรงพยาบาลเกษตร แล้วท่านก็ตกใจบอกว่าเราจะช่วย ตอนแรกแม่เราปฏิเสธไม่อยากรบกวนท่าน แต่ท่านยืนยันว่าจะช่วย บอกว่าจะช่วยทุกอย่างจนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ และให้เงินก้อนแรกมาจำนวน 2000 บาท และคุณครูโรซี่ท่านกำชับว่าต้องพาน้องไปให้เร็วที่สุด

   ครอบครัวของเราซึ้งน้ำใจท่านมากจริงๆค่ะ พอได้เงินพาไปหาหมอแล้ว มันโล่งอกไปเปราะหนึ่งจริงๆค่ะ พ่อก็เลยวางแผนเลยว่าจะพาน้องไปหาหมอในวันเสาร์(พ่อเรารับต่อเติมงานเล็กๆพวกปูกระเบื้องห้องน้ำค่ะ) พ่อเลยตัดสินใจหยุดเพื่อพาน้องไปหาหมอเลย

ไปหาหมอครั้งแรก 05/09/58

   ด้วยความที่ไม่มีรถใหญ่เราเลยตกลงจะไปรถเมล์สาย 129 เพราะบ้านเราอยู่แถวบางนา ขึ้นรถสายนี้สายเดียวต่อเดียวถึงหน้าโรงพยาบาลเลย แถมยังเป็นรถฟรีด้วย(129 มีทั้งแอร์และรถร้อนฟรีค่ะ แต่เราเลือกรถร้อนเพราะเราเกรงใจคนอื่นถ้าจะนั่งแอร์ และก็คิดว่าเค้าคงไม่ให้เอาขึ้นรถแอร์อยู่แล้วแน่ๆ) ไปถึงก็จับบัตรคิว จำไม่ได้แล้วค่ะว่าคิวที่เท่าไหร่ พอได้เข้าไปทำประวัติและชั่งน้ำหนัก น้องหนักแค่ 4 ขีด และเข้าพบคุณหมอ
ในตอนแรกคุณหมอก็ถามว่าน้องมีอาการยังไง คุณหมอบอกว่าน้องตัวเล็กมากๆ และยืนยันว่าน้องไม่มีทวารจริงๆ ต้องทำการผ่าตัด ให้ไปที่ห้องเจาะเลือด เพื่อเช็คดูว่าอาการโดยรวมเป็นยังไง คุณหมอบอกว่าตอนนี้น้องมีเม็ดเลือดแดงน้อย เม็ดเลือดขาวเยอะเกินค่ามาตรฐานต้องทำการลดไม่อย่างนั้นน้องจะผ่าตัดไม่ได้ และส่งขึ้นไปที่แผนกผ่าตัดศัลยกรรม เพื่อคุยกับคุณหมอผ่าตัด

   คุณหมอที่เป็นเจ้าของเคสผ่าบอกว่าเรื่องวันผ่า ที่ใกล้ที่สุดในตอนนั้นประมาณวันที่ 10  ประเมินค่าผ่าตัดไว้ที่ 4000 บาท เรากับพ่อไม่สะดวกมาในวันนั้นจริงๆเลยตกลงนัดเป็นวันที่ 28 กันยายน 2558 เวลา 8.30 น. หลังจากนั้นก็กลับไปพบคุณหมอทั่วไปอีกครั้ง คุณหมอนัดเจาะเลือดเพื่อดูปริมาณเม็ดเลือดแดงและขาวในวันเสาร์ถัดไป เรียบร้อยก็ให้ไปรับยาแต่ก่อนออกจากห้องคุณหมอเขียนชื่ออาหารกระป๋องสำหรับสัตว์ป่วยใส่กระดาษใบเล็กๆมาให้ คุณหมอบอกว่าเราต้องคุมอาหารไม่ให้เค้ากินอาหารที่มีกากเยอะเพราะตอนนี้เท่ากับเค้าสะสมมาสองเดือนกว่าแล้ว กลัวว่าจะไม่ไหวกว่าจะถึงวันผ่า ซึ่งอาหารที่คุณหมอเขียนมาให้คือ cat sure ค่ะ


บัตรปะจำตัวของตอง


ต้องขอโทษจริงๆที่มันไม่ชัดนะคะ เราหาใบต่างๆไม่เจอเลยสักใบ ต้องไปค้นในโทรศัพท์แม่เอา แล้วก็มีรูปนี้ที่ถ่ายใบผ่าตัดรูปเดียว แล้วก็ไม่ชัดด้วย 5555


รูปนี้คืออาหารกระป๋องที่คุณหมอเขียนให้ เอามาให้ตอนแรกน้องยอมกินอยู่วันสองวันค่ะเพราะเป็นของแปลกแปลกใหม่ แต่หลังจากนั้นก็ยิ่งสงสาร มองพี่ๆเค้ากินข้าวคลุกปลาทูกันแต่ตัวเองกินไม่ได้ ต้องกินอันนี้ที่เป็นน้ำเหลวๆเลย แต่พ่อก็ใจแข็งค่ะ ไม่ยอมให้กินอย่างอื่น เพราะกลัวว่าเค้าจะมีกากในท้องเพิ่มขึ้น


   รูปนี้เป็นค่ารักษาในวันแรกค่ะ น้องตองและครอบครัวโชคดีมากที่ได้คุณครูโรซี่กรุณามอบเงินให้มารักษาจำนวนสองพันบาท พอหักวันแรกไป เหลืออยู่ 1405 บาท แม่เราบอกคุณครูว่าจะนำเงินไปคืน แต่คุณครูบอกว่าให้เก็บเงินไว้เพื่อเป็นค่ารักษาครั้งต่อๆไป แม่เราจึงขอบคุณและคอยถ่ายรูปใบค่าใช้จ่ายต่างๆอัพเดตให้คุณครูทราบตลอดค่ะ

เจาะเลือดเพื่อเช็คเม็ดเลือดแดงและและเม็ดเลือดขาว

   ไปเจาะเลือดก่อนผ่ารวมทั้งหมด 4 ครั้งค่ะ (รวมวันแรกด้วย) มีวันที่ 5 , 12 , 19, 26 กันยายน 2558 เราสงสารน้องมากค่ะ ยิ่งนับวันน้องยิ่งเข็ด(เป็นแมวที่เจ็บแล้วจำมาก) คือตอนแรกสิ่งที่เรากับพ่อคิดคือเจาะเลือดวันที่ 12เป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็คงรอวันผ่า แต่พอเอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ค่ะ หมอต้องให้เช็คเลือดทุกอาทิตย์เลย เข้าเขตโรงพยาบาลน้องจะอ้อนมาก เหมือนจะอ้อนให้พากลับบ้านเพราะเค้ารู้ว่าเค้ามาที่นี่เค้าต้องโดนเจาะ ซึ่งมันเจ็บมากสำหรับแมวที่พึ่งจะสามเดือน

   แต่ยังดีหน่อยที่ทุกอาทิตย์ปริมาณเม็ดเลือดขาวจะลดลง และเพิ่มเม็ดเลือดแดงขึ้นอีกหน่อย แต่คุณหมอบอกว่ามันไม่พอ อาจจะต้องมีการให้เลือดเพราะกลัวว่าตอนผ่าน้องจะหลับไป

   ตอนเย็นวันที่ 19 คุณหมอเลยบอกว่าวันที่ 26 ให้เอาแมวอีกตัวมาเจาะเลือดเผื่อให้เลือดด้วย และให้ใบคุณสมบัติของแมวที่ให้เลือดได้มาเราก็หนักใจเลยค่ะ คือแมวที่บ้านที่คาดว่าจะหนักถึง 4 กิโลมีเป็นตัวผู้อยู่ 2 ตัวค่ะ แต่เป็นอุปสรรคที่คุณหมอขอตัวที่ไม่มีรอยแผลใดๆและฉีดวัคซีนครบ บ้านเราฉีดแต่พิษสุนัขบ้ากับป้องกันเห็บหมัดค่ะ มีให้ยาถ่ายพยาธิบ้างเท่านั้น แต่ถ้าตามใบที่คุณหมอต้องการไม่มีเลยค่ะ พอกลับมาเลยมานั่งคิดกันว่าจะเอาใครไปดีระหว่าง ‘คมสัน’ กับ ‘เต้ย’ ซึ่งคมสันเนี่ยเป็นแมวบ้านเราที่เป็นเจ้าถิ่นกัดกับใครเค้าไปทั่วเลย ทั้งตัวมีแต่รอยแผลเป็น ส่วนเต้ยนี่รักสงบผ่านคุณสมบัติเกือบทุกข้อยกเว้นข้อที่หนักใจที่สุดคือข้อฉีดวัคซีนไม่ครบนี่เอง (ไม่ได้ฉีดพยาธิหนอนหัวใจเป็นกิจจะลักษณะ)

   วันที่ 26 สรุปเอาเต้ยไปค่ะ บอกคุณหมอเสร็จสรรพว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนพยาธิหนอนหัวใจ คุณหมอก็บอกว่างั้นลองดูก่อนเผื่อวันนี้เลือดของตองอาจจะดีขึ้นมากจนไม่ต้องใช้เลือดพี่เต้ย...และโชคดีมากที่เลือดขาวและเลือดแดงของตองดีขึ้นจนสามารถผ่าตัดในวันที่ 28 ได้เองโดยไม่ต้องใช้เลือดพี่เต้ย


   เนื่องจากบ้านเราไม่มีแอร์พี่เต้ยเลยฟินมากค่ะ นางหลับสบายใจมากใครมาเจาะเลือดนางก็ไม่สนใจ เจอแอร์ครั้งแรก พอเราจะออกไปกินข้าวข้างนอกที่เป็นที่ร้อนนางไม่ยอมค่ะ ถล่มตะกร้าที่ใส่ไปเกือบพัง เลยตกลงกับพ่อว่าให้พ่อพานางกับตองกลับเข้าไปข้างในแล้วค่อยสลับกันออกมากิน พอพ่อหิ้วกลับเข้าไปข้างในก็หลับต่อเลยค่ะ -0-

คุณสมบัติของสุนัขหรือแมวสำหรับเป็นผู้บริจาคเลือด (เราไม่มีรูปค่ะ แต่ไปหาเจอในกระทู้อื่นจะเอารูปเค้ามาก็กลัวละเมิดเลยขอพิมพ์ให้อ่านแล้วกันค่ะ...นี่ตามใบที่คุณหมอให้มาเป๊ะๆเลยค่ะ)

1.มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อายุระหว่าง 1 – 7 ปี
- สุนัขต้องมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 17 kgขึ้นไป
- แมวต้องมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 4 kg ขึ้นไป

2.ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคประจำปี ควบคุม ป้องกัน เห็บ หมัด พยาธิหนอนหัวใจอย่างต่อเนื่อง (กรณีฉีดวัคซีนควรเว้นระยะอย่างน้อย 3 สัปดาห์)

3.ไม่เคยได้รับผลิตภัณฑ์เลือดมาก่อน

4.ไม่มีประวัติการเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ในช่วง 3 เดือน

5.หากเป็นเพศเมียไม่ควรอยู่ในระหว่างเป็นสัด ตั้งครรภ์หรือให้นมลูก

6.ต้องไม่รับประทานยาใดๆในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า

7.มีบาดแผลหรือเป็นโรคผิวหนัง

8.มีลักษณะนิสัยเป็นมิตรหรือเจ้าของสามารถควบคุมได้

การบริจาคเลือดแบบระบุตัวรับ

กรณีตัวป่วยมีน้ำหนักมากกว่า 20 kg ควรแนะนำเจ้าของให้หาสุนัขที่น้ำหนักตัวมากกว่าตัวป่วย

ก่อนจะพาสุนัขและแมวมาบริจาคเลือด ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

ควรให้สุนัขและแมว งดอาหาร อย่างน้อย 8 – 12 ชั่วโมงก่อนมาบริจาคเลือด แต่สามารถให้ดื่มน้ำได้เป็นปกติ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

***ต่อข้างล่างนะคะ***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่