นัดที่ผ่านมา ซิโก้เอาความเร็วความคล่องตัว บอลสั้น เน้นแน่นอน เข้าสู้ ก็เล่นแบบเดิมแหละ ตามคาด... ส่วนอินโดเขาก็ดักโดยใช้เกมตั้งรับที่รัดกุมแน่นในแดน แล้วสวนกลับเร็วแม้จะเล่นในบ้าน ซึ่งเกมก็ออกมาเหมือนนัดแรก ไทยเป็นฝ่ายครองบอลบุก ... แต่ ไม่ได้ยิงจะแจ้งมากนัก เพราะเขาตั้งรับได้ดีและความคล่องตัวของไทยใช้ไม่ได้ผล เพราะเขาเตรียมตัวมาปิดด้านข้างโดยเฉพาะ มีการเรียนรู้รูปแบบของนักเตะรายบุคคลต่อบุคคล เขาเร็วกว่าเราโดย สราวุธนี่โดนดักจังหวะ... ส่วนเกริกฤทธิ์โดนแย่งเข้าบอลก่อน และเราได้เอากองกลางที่จ่ายบอลได้มากแนวซัพพอร์ต แต่ไม่คล่อง เทคนิคไม่ดีพลิกบอลไม่เก่งถึง2คน(ตังค์ ปกเกล้า) เพราะหวังจะใช้การผ่านบอลในแดนกลางเพื่อจะครองเกมแดนกลางไว้แทน คือ หวังจะครองบอลโดยการผ่านบอลเป็นสำคัญ ซึ่งตรงนี้ทำได้ดี เราครองเกมได้เบ็ดเสร็จ แต่ทะลุทะลวงเกมรับไม่ได้ เพราะเขาดักเจได้ซึ่งเจก็เล่นเข้าทางเขาด้วยเล่นดุดันและโดดเดี่ยวเกินไป ไม่มีคนที่เทคนิคดีอีกสักคนคอยเล่นด้วยใกล้ๆ แต่ยิ่งกว่านั้น.. ในเกมรับ เรามีกองหน้า กองกลาง กองหลัง ธรรมชาติ cover(รักษาพื้นที่) มากเกินไป และแต่ละคนตัวเล็กทั้งนั้น ทำให้มีปัญหาในเกมรับ เพราะเราจะตั้งเกมรับแบบเพรสเต็มที่ทันทีไม่ได้เนื่องจากตัวเล็กนี่แหละ ต้องชะลอแล้วลงมารับเป็นโซน ซึ่งความจริง เกมรับแบบเพลสสูงสุดน่าจะเริ่มทันทีที่เสียบอลแล้วค่อยๆ ชะลอการเพรสลง จนไปสู่การตั้งโซน ซึ่งเมื่อเราตั้งรับแบบเพรสหนักไม่ได้เขาก็หลุดมาได้และโต้กลับเราได้ ซึ่งก็เหมือนกับทีมญี่ปุ่น อิรัก ที่ใช้กับเรา แต่ระดับเอเชียทำได้ดีกว่า และสังเกตุได้ว่า การเจอกันครั้งที่สอง เรามักจะทำผลงานได้แย่ลง เช่นนัดเจอพม่าออกมาเหมือนกันเลย โค้ชเขาแก้เกมมาดี มีโอกาสมากกว่าอินโดเสียอีก ดีที่ไทยโชคเข้าข้างที่พม่าไม่ได้มีความพยายามขึ้นบอลไปข้างหน้าแบบอินโดนิเซีย แต่ไปไม่ได้เขาจะช่วยกันครองบอลมากกว่าไดเร็ก (ผมไม่อยากจะคิด ถ้าเราต้องเจอกับญี่ปุ่นรอบสอง ซึ่งตามหน้าเสื่อแทคติกโค้ชที่มีระดับดี จะทำให้ทีมเราอ่อนลงจากนัดแรกเสมอ)
แล้วนัดต่อไปเราควรทำอย่างไร ...
ในความคิดผม ฟอร์เมนชั่น ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ วิธีการเล่นสำคัญกว่า ในเกมรับเกมรุกมันจะปรับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา เมื่อเขาเติมเกมรุก เราก็ต้องถอยไปรับมากขึ้น เมื่อได้เปรียบเราก็ต้องดันกองหน้าเข้าไปในกรอบ มันก็ประมาณนี้ ซึ่งนัดต่อไปอินโดมาตั้งรับอีกแน่นอนแต่คราวนี้ เราควรจะเปลี่ยนการเน้นครองบอล มาเป็นแบบเสี่ยงเข้ากรอบเขตโทษ เสี่ยงยิง เสี่ยงจบให้ได้มากที่สุด และแน่นอน มันก็ทำให้การเสียบอลมีเปอร์เซนต์มากขึ้น อันนี้จึงต้องเตรียมเกมรับอีกรูปแบบ แต่ไม่น่าเป็นห่วงมากเพราะครึ่งแรก อินโดหวัง 0-0 มาก เกมโต้กลับคงจะทำแค่การเล่นให้เร็วเสี่ยงเล่นจังหวะแรกทันที แต่ไม่นานเขาก็คงจะปรับเกมรุกมากขึ้นแน่ ฉะนั้น คุณสมบัตินักเตะที่จะลงไปต้องมีเลยคือ เมื่อเสียบอลสามารถไล่บีบระดับสูง คือหยุดคนหยุดบอลได้จากรุกเป็นรับได้ทันที ต้องเป็นนักเตะตัวใหญ่แข็งแรงหรือ เข้าบอลแบบชิงจังหวะไม่รอจังหวะได้แม่น(แบบประทุม อดุลย์) ซึ่งทีมเรามีนักเตะธรรมชาติแบบนี้น้อยเหลือเกิน...คงทำได้ไม่ถึงกับดีมาก ถ้าไม่มีตัวใหญ่หรือตัวที่ชิงเหลี่ยมเข้าบอลดี มันจะเสี่ยงเมื่อบีบระดับสูงสุดแล้วเหลี่ยมหรือแรงปะทะเราสู้ไม่ได้ก็จะหลุด แต่ไม่ต้องกลัวเพราะทีมไม่ได้มีคนเดียว คนรองก็มีอยู่ก็ชะลอเกมได้ (สังเกตุเมื่อเราเล่นแบบเซนเตอร์3ตัว มีปทุมชน เกมจะหยุดทันทีเราจะตัดบอลได้หรือไม่ก็มีเวลาลงมาตั้งรับทั้งทีมหรือไม่ก็เปลี่ยนจากรับเป็นรุก แต่เมื่อ อดิสรเป็นตัวชน มันจะมีจังหวะให้เขาครองบอลแล้ววิ่งดักเอา ซึ่งเจอตัวที่คล่องกว่ามักจะลำบาก ส่วน กรวิทย์ นี่ก็โคเวอร์ธรรมชาติ รอดักจนจังหวะสุดท้าย ส่วนตั้มนี่ก็เหมือนกัน แต่มักจะไม่ถอยรักษาพท.แต่ดักจังหวะเข้าแย่งบอล แต่ก็ไม่ค่อยชิงจังหวะเล่นก่อนหรือชนก่อนเหมือนกัน ซึ่งเราต้องศึกษากองหน้าเขา ถ้าตัวไหนไปกับบอลได้ดีเขาจะบุกทางอดิศร อดิศรก็ควรเปลี่ยนสไตล์เป็นชิงจังหวะเล่นก่อนให้มากขึ้น ชนหนักขึ้น)
นักเตะที่ควรลง คือ สารัชหรือกลางที่เทคนิคดี เจ ชัปปุยส์(ซึ่งไม่คล่องมาก แต่ได้เหลี่ยมยุโรปคือ ส่งง่ายๆ ให้ตัวว่าง ไม่ฝืน ถ้าสารัชไม่ลงก็เอามาเป็นกลางรับแทนเลยแต่ต้องติวกลางรับเพิ่มอีก) มงคล ปีโป้ มุ้ย ซึ่งสำคัญที่จังหวะจากรุกเป็นรับ ต้องบีบหนักทันที หยุดได้ก็หยุด ถ้าเจตนาเล่นบอลจริงก็ไม่เหลืองหรอก แต่ถ้าหลุดก็อย่าพยายามเสียใบเหลือง ยังไงก็มีเพื่อนวิ่งรักษาตำแหน่งอยู่แล้ว
การเล่นของเรา เกมนี้ บางทีไม่ต้องส่งกองหน้าไปยืนค้ำก็ได้ แต่ให้ทำประตูโดยการวิ่งสอดขึ้นไป กองหลังเขาจะลำบากในการแบ่งหน้าที่ประกบ(มีเยอะแต่เราก็ไม่ยืนนิ่งยืนสูงใกล้เขาให้เขาประกบ) เกมแบบนี้ ทีมรุกมักจะทำประตูได้จากการวิ่งสอดจากแถวสอง หรือการยิงไกล การเติมเกมจากแบ็กแล้วโถมเข้ามาโหม่ง(ซึ่ง โด บางทีไม่ต้องเติมเกมเร็วเกินไปก็ได้ เหนื่อยเกิน เพราะจะเติมก็มีที่ว่างข้างหน้าค่อยเติม ไม่ใช่ปีกได้บอลแล้วก็จะเติมตลอด ควรเน้นซัพพอร์ทมากกว่านี้ ต้องรอให้เขาเปิดพท.ก่อนแล้วค่อยเติม เวลาเสียบอลจะได้ไม่เหนื่อย มาตรฐานแบ็กเขาก็แบบนี้ทั้งนั้นนะ ไม่ใช่เติมทั้งๆ ที่ไม่มีพท.เพียงพอ และตัวที่สอดไปโหม่งนัดแรก เห็นสารัช ปกเกล้า เกริกฤทธิ์ รอจบสกอร์ท่ามกลางกองหลัง มันไม่ใช่เลย โอกาสจบแทบจะไม่มีเพราะต่ำเกินไป)
คือ ถ้าวิเคราะห์หลังเกม จะโดนด่า ก็เลยวิเคราะห์ก่อนเกมบ้าง ... แผนนี้ดีไหม
ผมยังมีความเห็นเหมือนเดิมว่า ซิโก้ แก้เกมได้ไม่เก่งเท่าไหร่ เช่นนัดที่ผ่านมา ส่งพีระพัฒน์ลงไป เพราะคนนี้มีความทะลุทะลวง มีพลังสูงกว่าเกริกฤทธิ์ เกมรับก็ดีตัวใหญ่.. หวังไว้ แต่ลงไปก็ทำแบบที่ต้องการไม่ได้ เพราะเขาเร็วและซ้อนเกมรับกันดี ไม่มีที่ว่างหลังแบ็กให้พัฒน์ได้ทะลุ แถมการครองบอลของทีมก็เสียไปแม้จะพยายามแล้ว กลายเป็นอินโดได้บอลในแดนกลางมากขึ้นและครองเกมได้ ส่งชัปปุยไปก็ทีมครองบอลไม่ได้แล้ว ชัปปุยได้เหลี่ยมบอลยุโรปแต่ไม่ได้คล่องพลิกบอลหวือหวาครองบอลเหนียวแน่นอะไร และเพราะปีกสองข้าง ค่อนข้างอ่อนเรื่องการหาที่ว่างและครองบอลหรือโดนสั่งให้พุ่งในแนวลึกด้วย และเจเริ่มหมดไม่ส่ายไม่มีคนเล่นด้วยเหมือนเดิม มันเลยไม่ประสานกัน เรียกว่าเจตนาดี แต่แป๊กไปเลย ถ้าสังเกตุมีอยู่ช็อตหนึ่ง ที่ปกเกล้าเล่นนอกบท เติมเกมเลี้ยงทะลุไปเอง และก็ทำได้ นี่ก็เพราะเขาประมาทคิดว่าตัวนี้ยังไงก็คืนหลังก็เป็นได้ แต่ปกเกล้าก็ทำได้ดีแค่นั้น ด้วยคสมฉพต.มันไม่ใช่ เหมือนเอาอดิสรมาเล่นปีก หวือหวาจับทางยากจริง แต่เบสิคคสมฉพต.มันทำให้ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง ถ้าเราได้กองกลางที่หลากหลายจับทางยากมาเสริมเจด้วยผมว่า ระบบรับของอินโดจะรวนพังไปเลย ซึ่งคนนั้นก็คือ สรรวัช ประกิต พวกบอลคลาสสิคประมาณนี้ เพียงแต่ต้องซ้อมและปรับสปีดความเข้าใจกันให้ดี จะได้รวดเร็วแม่นยำที่สุด
ขออนุญาตวิเคราะห์และแนะนำเกมทีมชาติไทย สั้นๆ
แล้วนัดต่อไปเราควรทำอย่างไร ...
ในความคิดผม ฟอร์เมนชั่น ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ วิธีการเล่นสำคัญกว่า ในเกมรับเกมรุกมันจะปรับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา เมื่อเขาเติมเกมรุก เราก็ต้องถอยไปรับมากขึ้น เมื่อได้เปรียบเราก็ต้องดันกองหน้าเข้าไปในกรอบ มันก็ประมาณนี้ ซึ่งนัดต่อไปอินโดมาตั้งรับอีกแน่นอนแต่คราวนี้ เราควรจะเปลี่ยนการเน้นครองบอล มาเป็นแบบเสี่ยงเข้ากรอบเขตโทษ เสี่ยงยิง เสี่ยงจบให้ได้มากที่สุด และแน่นอน มันก็ทำให้การเสียบอลมีเปอร์เซนต์มากขึ้น อันนี้จึงต้องเตรียมเกมรับอีกรูปแบบ แต่ไม่น่าเป็นห่วงมากเพราะครึ่งแรก อินโดหวัง 0-0 มาก เกมโต้กลับคงจะทำแค่การเล่นให้เร็วเสี่ยงเล่นจังหวะแรกทันที แต่ไม่นานเขาก็คงจะปรับเกมรุกมากขึ้นแน่ ฉะนั้น คุณสมบัตินักเตะที่จะลงไปต้องมีเลยคือ เมื่อเสียบอลสามารถไล่บีบระดับสูง คือหยุดคนหยุดบอลได้จากรุกเป็นรับได้ทันที ต้องเป็นนักเตะตัวใหญ่แข็งแรงหรือ เข้าบอลแบบชิงจังหวะไม่รอจังหวะได้แม่น(แบบประทุม อดุลย์) ซึ่งทีมเรามีนักเตะธรรมชาติแบบนี้น้อยเหลือเกิน...คงทำได้ไม่ถึงกับดีมาก ถ้าไม่มีตัวใหญ่หรือตัวที่ชิงเหลี่ยมเข้าบอลดี มันจะเสี่ยงเมื่อบีบระดับสูงสุดแล้วเหลี่ยมหรือแรงปะทะเราสู้ไม่ได้ก็จะหลุด แต่ไม่ต้องกลัวเพราะทีมไม่ได้มีคนเดียว คนรองก็มีอยู่ก็ชะลอเกมได้ (สังเกตุเมื่อเราเล่นแบบเซนเตอร์3ตัว มีปทุมชน เกมจะหยุดทันทีเราจะตัดบอลได้หรือไม่ก็มีเวลาลงมาตั้งรับทั้งทีมหรือไม่ก็เปลี่ยนจากรับเป็นรุก แต่เมื่อ อดิสรเป็นตัวชน มันจะมีจังหวะให้เขาครองบอลแล้ววิ่งดักเอา ซึ่งเจอตัวที่คล่องกว่ามักจะลำบาก ส่วน กรวิทย์ นี่ก็โคเวอร์ธรรมชาติ รอดักจนจังหวะสุดท้าย ส่วนตั้มนี่ก็เหมือนกัน แต่มักจะไม่ถอยรักษาพท.แต่ดักจังหวะเข้าแย่งบอล แต่ก็ไม่ค่อยชิงจังหวะเล่นก่อนหรือชนก่อนเหมือนกัน ซึ่งเราต้องศึกษากองหน้าเขา ถ้าตัวไหนไปกับบอลได้ดีเขาจะบุกทางอดิศร อดิศรก็ควรเปลี่ยนสไตล์เป็นชิงจังหวะเล่นก่อนให้มากขึ้น ชนหนักขึ้น)
นักเตะที่ควรลง คือ สารัชหรือกลางที่เทคนิคดี เจ ชัปปุยส์(ซึ่งไม่คล่องมาก แต่ได้เหลี่ยมยุโรปคือ ส่งง่ายๆ ให้ตัวว่าง ไม่ฝืน ถ้าสารัชไม่ลงก็เอามาเป็นกลางรับแทนเลยแต่ต้องติวกลางรับเพิ่มอีก) มงคล ปีโป้ มุ้ย ซึ่งสำคัญที่จังหวะจากรุกเป็นรับ ต้องบีบหนักทันที หยุดได้ก็หยุด ถ้าเจตนาเล่นบอลจริงก็ไม่เหลืองหรอก แต่ถ้าหลุดก็อย่าพยายามเสียใบเหลือง ยังไงก็มีเพื่อนวิ่งรักษาตำแหน่งอยู่แล้ว
การเล่นของเรา เกมนี้ บางทีไม่ต้องส่งกองหน้าไปยืนค้ำก็ได้ แต่ให้ทำประตูโดยการวิ่งสอดขึ้นไป กองหลังเขาจะลำบากในการแบ่งหน้าที่ประกบ(มีเยอะแต่เราก็ไม่ยืนนิ่งยืนสูงใกล้เขาให้เขาประกบ) เกมแบบนี้ ทีมรุกมักจะทำประตูได้จากการวิ่งสอดจากแถวสอง หรือการยิงไกล การเติมเกมจากแบ็กแล้วโถมเข้ามาโหม่ง(ซึ่ง โด บางทีไม่ต้องเติมเกมเร็วเกินไปก็ได้ เหนื่อยเกิน เพราะจะเติมก็มีที่ว่างข้างหน้าค่อยเติม ไม่ใช่ปีกได้บอลแล้วก็จะเติมตลอด ควรเน้นซัพพอร์ทมากกว่านี้ ต้องรอให้เขาเปิดพท.ก่อนแล้วค่อยเติม เวลาเสียบอลจะได้ไม่เหนื่อย มาตรฐานแบ็กเขาก็แบบนี้ทั้งนั้นนะ ไม่ใช่เติมทั้งๆ ที่ไม่มีพท.เพียงพอ และตัวที่สอดไปโหม่งนัดแรก เห็นสารัช ปกเกล้า เกริกฤทธิ์ รอจบสกอร์ท่ามกลางกองหลัง มันไม่ใช่เลย โอกาสจบแทบจะไม่มีเพราะต่ำเกินไป)
คือ ถ้าวิเคราะห์หลังเกม จะโดนด่า ก็เลยวิเคราะห์ก่อนเกมบ้าง ... แผนนี้ดีไหม
ผมยังมีความเห็นเหมือนเดิมว่า ซิโก้ แก้เกมได้ไม่เก่งเท่าไหร่ เช่นนัดที่ผ่านมา ส่งพีระพัฒน์ลงไป เพราะคนนี้มีความทะลุทะลวง มีพลังสูงกว่าเกริกฤทธิ์ เกมรับก็ดีตัวใหญ่.. หวังไว้ แต่ลงไปก็ทำแบบที่ต้องการไม่ได้ เพราะเขาเร็วและซ้อนเกมรับกันดี ไม่มีที่ว่างหลังแบ็กให้พัฒน์ได้ทะลุ แถมการครองบอลของทีมก็เสียไปแม้จะพยายามแล้ว กลายเป็นอินโดได้บอลในแดนกลางมากขึ้นและครองเกมได้ ส่งชัปปุยไปก็ทีมครองบอลไม่ได้แล้ว ชัปปุยได้เหลี่ยมบอลยุโรปแต่ไม่ได้คล่องพลิกบอลหวือหวาครองบอลเหนียวแน่นอะไร และเพราะปีกสองข้าง ค่อนข้างอ่อนเรื่องการหาที่ว่างและครองบอลหรือโดนสั่งให้พุ่งในแนวลึกด้วย และเจเริ่มหมดไม่ส่ายไม่มีคนเล่นด้วยเหมือนเดิม มันเลยไม่ประสานกัน เรียกว่าเจตนาดี แต่แป๊กไปเลย ถ้าสังเกตุมีอยู่ช็อตหนึ่ง ที่ปกเกล้าเล่นนอกบท เติมเกมเลี้ยงทะลุไปเอง และก็ทำได้ นี่ก็เพราะเขาประมาทคิดว่าตัวนี้ยังไงก็คืนหลังก็เป็นได้ แต่ปกเกล้าก็ทำได้ดีแค่นั้น ด้วยคสมฉพต.มันไม่ใช่ เหมือนเอาอดิสรมาเล่นปีก หวือหวาจับทางยากจริง แต่เบสิคคสมฉพต.มันทำให้ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง ถ้าเราได้กองกลางที่หลากหลายจับทางยากมาเสริมเจด้วยผมว่า ระบบรับของอินโดจะรวนพังไปเลย ซึ่งคนนั้นก็คือ สรรวัช ประกิต พวกบอลคลาสสิคประมาณนี้ เพียงแต่ต้องซ้อมและปรับสปีดความเข้าใจกันให้ดี จะได้รวดเร็วแม่นยำที่สุด