แชร์ประสบการณ์!!! ศัลยกรรม คิดดีๆก่อนทำ

ก่อนอื่นเราต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้แอนตี้การทำศัลยกรรม เราเองก็เคยทำศัลยกรรม คือ เสริมจมูก เราอยากฝากถึงคนที่คิดจะทำให้คิดดีๆ ทำเพราะอะไร เราคนนึงที่เสริมจมูกเพราะเราดั้งมีน้อย เราคิดมาตลอดว่าเราต้องเสริมจมูกเพื่อให้ดูดีขึ้น พอดีทางคลินิคเปิดใหม่อยู่ในห้างย่านบางนาโทรมาบอกมีโปรโมชั่นเพราะคนรู้จักบอกต่อๆกันเค้าเลยให้เบอร์เรากับคนที่มาติดต่อ คือก่อนทำเราก็คิดแล้วคิดอีก  เราเลยคุยกับคนที่มาติดต่อจึงตกลงจองคิว3,000บาท ก่อนทำสองวันเราเป็นสิวที่จมูกพอดี เลยไปกดสิว สองวันต่อมาก็ทำเลย เราคิดในใจเหมือนกัน สิวพึ่งกดไปยังไม่ทันหายทำไมรีบจัง พอวันเสริมหมอก็ดูลักษณะจมูก บลาๆ ทำได้นิดเดียว ของเราฐานเอียงนิดนึง สามารถทำได้อยู่ ออกจากห้องเสร็จพนักงานก็ให้เราดูซิลิโคน คือทุกอย่างในนั้นมันเร็วไปหมด เหมือนโดนต้องมนตร์ เบ็ดเสร็จก็จ่ายเงินไป เข้าห้องผ่าฉีดยาชาหลายเข็ม เจ็บสุดๆ ยาชาเริ่มออกฤทธิ์เราก็ไม่รู้สึกอะไร หมอก็ทาบซิลิโคนเพื่อทำการเหลาให้เข้ากับจมูกเรา จะบอกว่าเราโดนกระแทกหน้าหลายรอบมาก หมอใช้มือกระแทกหน้าเรา ให้จินตนาการเหมือนคนปั้มหัวใจแต่ปั้มที่หน้าแรงมากหลายครั้ง ไอเราก็นึกในใจ ตายแล้วกูดั้งแหมบกว่าเดิมหรือเปล่าวะ55 กว่าจะเสร็จเราก็ได้ยินหมอขูดอะไรไม่รู้ดังครืดๆ แต่ไม่ได้ตะไบ กว่าจะเสร็จก็นานอยู่ เพราะศัลยกรรมจมูกต้องอาศัยศิลปะช่วย เสร็จออกมาประคบเย็นต่อในห้องพัก ถึงได้กลับบ้าน ถึงบ้านเราก็นอนหัวสูง เคร่งครัดทุกอย่างไม่ว่าจะการกินอาหาร ยา หรือนอน เวลาผ่านไปเดือนนึงเราเริ่มสังเกตว่าปลายจมูกมันเห็นซิลิโคน เวลาเราเช็คจมูกด้วยคัตเติ้ลบัตอย่างเบามือ รู้สึกมันเจ็บปลายจมูก เราจึงนัดหมอให้ดู หมอบอกว่า แผลยังไม่แห้ง รอดูไปก่อน ช่วงเดือนที่สองเราสังเกตอีกว่า ปลายมันเบี้ยวไปฝั่งขวาและปลายจมูกมันเห็นเป็นขาวๆวงๆ เราจึงนัดหมอดูอีก หมอบอกปกติดีตรงดีนะ พนักงานในคลินิคเค้าก็บอกว่า ฐานเอียง ถ้าไม่มั่นใจก็ถอดออกดีกว่าค่ะ คือเราเสียความรู้สึกนะต้องที่ว่าตอนที่เราตัดสินใจทำพูดดี พอหลังทำเหมือนรำคาญลูกค้า จมูกเอียงเราไม่ว่า แต่ปลายจมูกเรามันบางนี่สิ ตั้งแต่เราทำกับคลินิคนี้มา เรานัดหมอทั้งหมด4ครั้ง ทุกคนที่เรารู้จัก ญาติ เพื่อน ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เห็นปลายจมูกขาวๆวงๆ จริงๆก็อยากให้ทางคลินิคแก้ให้นะ เหลาปลายลงหน่อย เพราะปลายจมูกมันโด่งเกิน ตอนแรกที่คุยกับหมอ หมอบอกได้นิดเดียวเราก็คิดว่าได้นิดเดียวจริงๆ โอเคอยู่ แต่ๆ!!! มันไม่นิดนะสิ เราจึงหาข้อมูล เตรียมถอด ไม่ไหวกับปลายที่บาง จึงติดต่อหมอที่จรัญฯ53 จึงนัดถอด พอถึงคลินิคหมอไปกินข้าว เราก็รอๆ ซักพักนั่งคุยกับพนักงาน ในวันนั้นมีคนมาถอดซิลิโคนที่ทำจากที่อื่น4คน รวมเราด้วย รอซักพักบ่ายนิดๆ มาแล้วจ้าาา หมอขับรถเบนซ์จอดหน้าร้าน เอาหละโว๊ยยย ถึงเวลาของน้องซิลิโคนซักที ชั้นไม่ต้องการแกอีก ขึ้นไปชั้นสองนั่งรอหมอ หมอก็ถามประวัติ ทำจากไหน ราคาเท่าไร แล้วที่หมอบอกคือ มันเห็นขาซิลิโคน ปล่อยไว้ไม่เกิน5เดือนจมูกอักเสบแน่นอน ขึ้นเขียงผ่า นอนมีผ้าคลุมหน้าแล้วหมอก็ฉีดๆพ่นๆอะไรไม่รู้บนหน้า สงสัยพ่นฆ่าเชื้อ แล้วก็ฉีดยาชา ความรู้สึกตอนนั้นเจ็บนิดเดียวเองอะ แต่ปลายเข็มขึ้นไปถึงหว่างคิ้ว ฉีดเสร็จหมอลงมีดกรีดเจ็บนิดนึง แล้วก็ดึงๆ แปปเดียวเสร็จแล้วจ้า หมอยัดผ้าก็อตอุดเลือดไว้  จ่ายตังค์ กลับบ้าน ตอนนี้เราถอดยังไม่ถึงเดือน เราทำมาสองเดือนกว่า  ที่ต้องมาเล่าเรื่องราวให้ฟังเพราะว่า อยากจะให้ข้อคิดว่า ก่อนทำให้ดูที่การรับประกันของคลินิคที่ทำว่านานเท่าไร อย่างน้อยคือ 1 ปี จะดีกว่า ของเราที่ทำมารับประกัน 3 เดือน แล้วไม่รับแก้ด้วย และอีกอย่างคือ คนเรามีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกันนะ คนเราไม่มีดั้งที่โด่ง ก็สวยในแบบตัวเอง ของเราตอนไม่ทำหน้าเด็ก พอทำออกมาหน้าแก่มาก เราทนมาได้สองเดือนกว่า รู้สึกว่าปัญหาที่ตามมาเยอะ ไหนจะปลายจมูกบาง ไหนจะเบี้ยวแต่อันนี้ไม่โทษใคร โทษจมูกเรา จากที่ดูเป็นคนยิ้มแล้วดูสดใส พอใส่ซิลิโคนยิ้มได้นิดเดียว ความสดใสมันหายไป หน้าทื่อๆไปเลย ปัจจุบันถอดซิลิโคนออกหน้าเราเหี่ยวไปเลย เหี่ยวยันตา เวลายิ้มเห็นเป็นริ้วๆเลยอะ ก็คงต้องรักษาแผลใจ แผลกายกันต่อไป ดูจมูกโตด้วยไม่รู้จะยุบหรือเปล่า ก็ต้องรอดู กะว่าอีก3 เดือน จะรีวิวการถอดซิลิโคนให้ดู ฝากข้อคิดด้วยนะคะ สำหรับคนที่คิดจะทำ ค้นหาตัวเองให้เจอ เวลาย้อนกลับไปไม่ได้นะจ๊ะ เพราะค่ารักษาเยอะกว่าค่าทำ
ปล.เล่าไม่ค่อยเก่งแต่หวังดีกับคนที่คิดจะทำ เกือบลืม ตอนถอดรอยที่กดสิวก่อนทำเนื้อมันยุบลงไป เราต้องคอยนวดจมูกตลอดตอนนี้ค่อยยังชั่ว เหลือแต่ให้จมูกที่โตมันยุบ ต้องรอดู เหมือนจะบวมพังผืดด้วยมั้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่