ห่างหายจากกระทู้ภาพยนตร์ไปนาน เพราะเดี๋ยวนี้มีคนเขียนเยอะมาก และเขียนดีด้วย แต่อยากกลับมาเขียน มาพูดคุย กับภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ ครับ
"พรจากฟ้า"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนต์ไทย ไม่กี่เรื่องที่ผมออกมาจากโรงแล้ว ยังหยุดคิดถึง และรู้สึกเต็มอิ่มในหัวใจ ไม่ลดลงเลยการเรียงลำดับเรื่องย่อย ในเรื่องใหญ่ อาจจะไม่ผูกปมจนน่าตื่นใจมากนัก แต่เนื้อหานั้นมันทำให้เราเต็มอิ่ม และออกมาอย่างร่าเริ่ง (แม้จะมีน้ำตา ในบางช่วง)
เริ่มต้นด้วยเรื่องของ "ความรัก" ที่สำหรับผมที่ค่อนข้างมีอคติ ในเรื่องราวความรักแบบนี้ อันเกิดจากเพราะผม ไม่เคยเจอ "รัก" ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบในตอนนี้ และรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องมันรวบรัดไป แต่ว่าใจความสำคัญมันไม่ได้หายไปครับ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ผมเชื่อ...เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเกิดกับหลายๆ คน เชื่อว่ามันเป็นไปได้ มันเป็น"ความรัก" ที่เหมือนเข้าจังหวะกันพอดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว เนื้อเพลง และ Body percussion มันคือจังหวะ ที่เข้ากันอย่างลงตัว
การจบเนื้อเรื่องตอนนี้ อาจจะจบแบบการดำเนินเข้าตอนที่ แบบชัดเจนไปหน่อย (และความไม่เคยเจอความรักแบบนี้ในชีวิตจริง) รวมกับ ผมปวดๆ ท้องนิดหน่อยและปวดฉี่ ทำให้ตอนจบตอนนี้ ผมยังรู้สึกตะขิดตะขวง ใจนิดๆ
การเริ่มตอนที่ 2 "ครอบครัว"
โรคอัลไซเมอร์ เป็นอาการที่ผมรู้สึกค่อนข้างอินกับภาพยนตร์ที่เอาเนื้อหามาทำ มันทำให้นึกไปถึง ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "ความจำสั้น แต่รักฉันยาว" ที่ผมก็ชอบ แต่รู้สึกเหมือน การดำเนินเรื่องมันดึงเนื้อหาได้ไม่สุดตอนจบเท่าไหร่ แต่ "พรจากฟ้า" สำหรับผม ผมว่าสามารถทำให้เรารู้สึก ถึงโรคนี้ได้จริงๆ และสร้างอารมณ์ที่อินมาก ซึ่งเป็นตอนที่ผมเชื่อว่า หลายๆคนต้อง เสียน้ำตาแน่ๆ สิ่งที่ชอบจากตอนนี้คือ เสียงเปียนโน อันเป็นความชอบส่วนตัวของผมอยู่แล้วด้วย ที่หลงไหลในเสียงเปียนโนมานานแล้ว ซึ่งผมว่า มันเข้าได้ดีนะ กับเสียกีต้าในตอนนี้ เสียงทั้ง 2 สามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างเข้าถึง ถ้าคุณไม่เสียน้ำตา หรือน้ำตาซึมออกมา มันช่างน่าเสียดายนัก จบตอนนี้ มันทำให้ผม ลืมความารู้สึกปวดท้องไปเลย
และเข้าสู่ตอนสุดท้าย "ความฝัน และแรงบันดานใจ"
เป็นตอนที่ผมรอชมมากที่สุด 555 เพราะเป็นแฟนคลับคนนึง ที่คอยติดตามชมผลงานจาก หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ ผมชอบ......ในแววตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ของคนๆ นี้ เนื้อหาในตอนนี้ มันทำให้ผู้ชม ได้รับแรงบันดาลใจ ว่าบางทีเราลืมอะไรไปหรือเปล่า ความฝันเราหละ...และถึงแม้เราอาจจะทำอย่างอื่นอยู่ ก็ยังมีเวลาที่ให้เราทำตามฝัน ในยามว่างเหมือนกัน การดำเนินเรื่องนั้นออกมา โดยใช้ตัวหลัก อย่าง เต๋อ และ หนูนา ที่คอยคอนโทรล เนื้อหา ไม่เบื่อเลยครับ หรือผมอาจจะ เคลิ้มไปกับ หนูนาก็ได้ 555
อย่าลืมสร้างความสุขในที่ทำงานนะครับ ความสุขของคนเรานั้น....มันประเมินค่าไม่ได้นะ
หลังจากจบ ผมนั่งฟังเพลง 3 เพลงในท้ายเครดิตจนจบเพลงปีใหม่เลยครับ รู้สึกมัน ทำให้หัวใจเติมเต็ม แล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการกับท้องของตัวเอง
ผมชมภาพยนตร์เรื่องนี้รอบ 21.45 แต่ว่า ออกจากโรงมา ยันถึงบ้าน และตื่นมาตอนเช้า หัวใจยังมีพลังอยู่เลยครับ มันเติมพลังรอยยิ้มดีจริงๆ
มุขตลก 5 บาท 10 บาท และความเสี่ยวๆ มันเข้ากันดีมากเลย
อยากเชิญชวนคนที่ตามหา อะไรมาทำให้หัวใจมีพลัง ไปชมกันนะครับ
อยากให้ออกจากโรงไปเสียก่อนหละ
#ยังฟินในแววตารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหนูนา
อยากจะชวนอีกครั้ง หนังไทยที่ไม่ควรพลาด "พรจากฟ้า"
"พรจากฟ้า"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนต์ไทย ไม่กี่เรื่องที่ผมออกมาจากโรงแล้ว ยังหยุดคิดถึง และรู้สึกเต็มอิ่มในหัวใจ ไม่ลดลงเลยการเรียงลำดับเรื่องย่อย ในเรื่องใหญ่ อาจจะไม่ผูกปมจนน่าตื่นใจมากนัก แต่เนื้อหานั้นมันทำให้เราเต็มอิ่ม และออกมาอย่างร่าเริ่ง (แม้จะมีน้ำตา ในบางช่วง)
เริ่มต้นด้วยเรื่องของ "ความรัก" ที่สำหรับผมที่ค่อนข้างมีอคติ ในเรื่องราวความรักแบบนี้ อันเกิดจากเพราะผม ไม่เคยเจอ "รัก" ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบในตอนนี้ และรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องมันรวบรัดไป แต่ว่าใจความสำคัญมันไม่ได้หายไปครับ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ผมเชื่อ...เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเกิดกับหลายๆ คน เชื่อว่ามันเป็นไปได้ มันเป็น"ความรัก" ที่เหมือนเข้าจังหวะกันพอดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว เนื้อเพลง และ Body percussion มันคือจังหวะ ที่เข้ากันอย่างลงตัว
การจบเนื้อเรื่องตอนนี้ อาจจะจบแบบการดำเนินเข้าตอนที่ แบบชัดเจนไปหน่อย (และความไม่เคยเจอความรักแบบนี้ในชีวิตจริง) รวมกับ ผมปวดๆ ท้องนิดหน่อยและปวดฉี่ ทำให้ตอนจบตอนนี้ ผมยังรู้สึกตะขิดตะขวง ใจนิดๆ
การเริ่มตอนที่ 2 "ครอบครัว"
โรคอัลไซเมอร์ เป็นอาการที่ผมรู้สึกค่อนข้างอินกับภาพยนตร์ที่เอาเนื้อหามาทำ มันทำให้นึกไปถึง ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "ความจำสั้น แต่รักฉันยาว" ที่ผมก็ชอบ แต่รู้สึกเหมือน การดำเนินเรื่องมันดึงเนื้อหาได้ไม่สุดตอนจบเท่าไหร่ แต่ "พรจากฟ้า" สำหรับผม ผมว่าสามารถทำให้เรารู้สึก ถึงโรคนี้ได้จริงๆ และสร้างอารมณ์ที่อินมาก ซึ่งเป็นตอนที่ผมเชื่อว่า หลายๆคนต้อง เสียน้ำตาแน่ๆ สิ่งที่ชอบจากตอนนี้คือ เสียงเปียนโน อันเป็นความชอบส่วนตัวของผมอยู่แล้วด้วย ที่หลงไหลในเสียงเปียนโนมานานแล้ว ซึ่งผมว่า มันเข้าได้ดีนะ กับเสียกีต้าในตอนนี้ เสียงทั้ง 2 สามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างเข้าถึง ถ้าคุณไม่เสียน้ำตา หรือน้ำตาซึมออกมา มันช่างน่าเสียดายนัก จบตอนนี้ มันทำให้ผม ลืมความารู้สึกปวดท้องไปเลย
และเข้าสู่ตอนสุดท้าย "ความฝัน และแรงบันดานใจ"
เป็นตอนที่ผมรอชมมากที่สุด 555 เพราะเป็นแฟนคลับคนนึง ที่คอยติดตามชมผลงานจาก หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ ผมชอบ......ในแววตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ของคนๆ นี้ เนื้อหาในตอนนี้ มันทำให้ผู้ชม ได้รับแรงบันดาลใจ ว่าบางทีเราลืมอะไรไปหรือเปล่า ความฝันเราหละ...และถึงแม้เราอาจจะทำอย่างอื่นอยู่ ก็ยังมีเวลาที่ให้เราทำตามฝัน ในยามว่างเหมือนกัน การดำเนินเรื่องนั้นออกมา โดยใช้ตัวหลัก อย่าง เต๋อ และ หนูนา ที่คอยคอนโทรล เนื้อหา ไม่เบื่อเลยครับ หรือผมอาจจะ เคลิ้มไปกับ หนูนาก็ได้ 555
อย่าลืมสร้างความสุขในที่ทำงานนะครับ ความสุขของคนเรานั้น....มันประเมินค่าไม่ได้นะ
หลังจากจบ ผมนั่งฟังเพลง 3 เพลงในท้ายเครดิตจนจบเพลงปีใหม่เลยครับ รู้สึกมัน ทำให้หัวใจเติมเต็ม แล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการกับท้องของตัวเอง
ผมชมภาพยนตร์เรื่องนี้รอบ 21.45 แต่ว่า ออกจากโรงมา ยันถึงบ้าน และตื่นมาตอนเช้า หัวใจยังมีพลังอยู่เลยครับ มันเติมพลังรอยยิ้มดีจริงๆ
มุขตลก 5 บาท 10 บาท และความเสี่ยวๆ มันเข้ากันดีมากเลย
อยากเชิญชวนคนที่ตามหา อะไรมาทำให้หัวใจมีพลัง ไปชมกันนะครับ
อยากให้ออกจากโรงไปเสียก่อนหละ
#ยังฟินในแววตารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหนูนา