Aupair in Germany | 319 วัน
ละครชีวิตครบรส ของชะนีไทยกับชีวิต "ออแพร์ " ในเยอรมนี
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้นี้เป็นกระทู้ที่จ๋าอยากแชร์ประสบการณ์การเป็นออแพร์ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งตัวจ๋าเองก็ได้จบโครงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รางวัลใหญ่เป็นบทเรียนชีวิตอันแสนคุ้มค่าจริงๆค่ะ และรอมานานมากค่ะเพราะตั้งใจมากๆว่าถ้าจบโครงการนี้เมื่อไหร่จะต้องเขียนประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นๆได้อ่านและศึกษากันแน่นอน เพราะจ๋าก็เป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะไปเรียนรู้และไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศค่ะ
สำหรับกระทู้นี้ จ๋าได้คัดลอกบทความมาจากเว็บไซต์ของจ๋าอีกทีนะคะ www.jajarmekatz.com เพราะจ๋าคิดว่าพันทิพย์น่าจะกว้างขวางกว่า และจะได้เป็นแนวทางในการแชร์ประสบการให้กับเพื่อนๆ น้องๆ หรือผู้ที่สนใจมาเป็นออแพร์แต่ยังมืดสี่ด้าน ได้นำประสบการณ์ของจ๋าไป้ป็นอีกแนวทางนึงนะคะ
ซึ่งบอกก่อนว่า เรื่องราวค่อนข้างยาวและละเอียด จ๋าจึงต้องขอแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ตอนนะคะ 5555+
พูดถึง "ออแพร์" จ๋าเชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ได้อ่านกระทู้หลายๆกระทู้ในเว็บพันทิป กันมาบ้างแล้วนะคะ หลายคนก็คงเคยผ่านชีวิตออแพร์มาแล้ว หลายคนเป็นออแพร์อยู่ หลายคนกำลังจะไปเป็น และอีกหลายต่อหลายคน....
ไม่รู้ว่า ' ออแพร์ ' คืออะไร?
เอาล่ะค่ะ
ตอนที่ 1 : "ออแพร์" ( Aupair ) คืออะไร ?
ออแพร์ ก็คือ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และภาษา โดยการทำงานกับเด็กแล้วได้ค่าตอบ แทนจากครอบครัวอุปถัมส์ที่ต่างประเทศค่ะ ใช้ชีวิตและอยู่กินเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวนั้น
สำหรับ "ออแพร์ที่เยอรมนี" จะได้เรียนรู้ซึมซับวัฒนธรรมธรรมของชาวเยอรมนีและได้ฝึกภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ 3 อีกด้วยค่ะ ซึ่งงานหลักๆของออแพร์ก็คือ การเลี้ยงดูแลเด็กๆของครอบครัวที่ออแพร์ไปอาศัยอยู่ด้วย ส่วนหน้าที่อื่นๆ เช่น งานบ้านหรือ ไปรับส่งน้องที่โรงเรียน อันนี้ก็แล้วแต่ข้อตกลงของครอบครัวอุปถัมส์กับเราค่ะ
สำหรับ คุณสมบัติที่ออแพร์เยอรมันต้องมี มีอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
1. เพศหญิง หรือ เพศชาย อายุไม่เกิน 27 ปีในวันยื่นขอวีซ่า
2. สถานภาพโสด ไม่มีบุตร ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน และไม่เคย เป็นออแพร์ที่ประเทศเยอรมนีมาก่อน
3. มีความรู้ภาษาเยอรมันและมีใบประกาศนียบัตร (Certificate) ในระดับชั้นพื้นฐาน อย่างน้อยในระดับ A1 หากเป็นนิสิตหรือนักศึกษาเอกภาษาเยอรมันสามารถใช้Transcript ยื่นสมัครได้
4. มีความรู้ภาษาอังกฤษที่พอสื่อสารได้
5. เป็นคนรักเด็ก และรักที่จะทำงานที่ต้องอยู่ร่วมกับเด็ก
6. สามารถใช้ชีวิตลำพังและพร้อมที่จะปรับตัวอยู่ร่วมกับคนอื่นในต่างประเทศได้
7. สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ ภาษา ผู้คนในต่างแดน
8. มีสุขภาพแข็งแรง
9. ไม่มีประวัติอาชญากรรม
10. สามารถเดินทางไปประเทศเยอรมันได้ และอยากทำงานเป็นออแพร์ที่เยอรมนีอย่างน้อยที่สุด 6 เดือนค่ะ
หมายเหตุ:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในหัวข้อ คุณสมบัติที่ออแพร์เยอรมันต้องมี ได้คัดลอกข้อความมาจากทีมงาน www.thaideutsch.com
โดยได้รับอนุญาตจากพี่ โตโต้ แอดมินกลุ่ม "Thai Aupair in Germany ออแพร์เยอรมัน" แล้ว ขอบคุณพี่โตโต้และทีมงานมากๆค่ะ
สิ่งที่ออแพร์ในเยอรมนีจะได้รับ
1. ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 260 ออยโร หรือประมาณ (10,400 บาท)
2. อาหารและที่พักฟรีและประกันสุขภาพ
3. มีสิทธิเที่ยวทั่วยุโรปที่ใช้ "วีซ่าเชงเก่น" ซึ่งเราสามารถไปเที่ยวได้มากถึง 26 ประเทศเลยทีเดียว
4. สิทธิในการได้เรียนภาษาเยอรมัน โดยครอบครัวอุปถัมป์เป็นผู้รับผิดชอบค่าเรียนภาษาให้กับออแพร์
5. ตั๋วรถโดยสารภายในเมือง หรือจักรยาน เพื่อใช้ในการเดินทางเมื่อต้องไปเรียนคอร์สภาษาเยอรมัน (ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละครอบครัว)
6. ได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเยอรมัน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ สังคม และได้ฝึกการทำงานและการอยู่ร่วมกับชาวต่างชาติ
7. มีความรู้ภาษาที่ 3 ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดในการประกอบอาชีพและชีวิตประจำวันได้ในอนาคต
8. เรียนรู้การอยู่คนเดียวโดยปราศจากครอบครัว รู้จักการช่วยเหลือตัวเอง การเอาตัวรอด แก้ไขปัญหา ฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ เป็นการฝึกความเป็นผู้ใหญ่ไปในตัว
9. สิทธิในการหยุดพักร้อน 2 วันต่อเดือน หรือ 24 วันต่อปี
10. สามารถเปลี่ยนเป็นวีซ่าเรียนภาษาหรือทำงานอาสาสมัครของรัฐบาลเยอรมัน (FSJ) เมื่อวีซ่าออแพร์หมดอายุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หมายเหตุ : ในหัวข้อ สิ่งที่ออแพร์ในเยอรมนีจะได้รับ
ได้คัดลอกข้อความบางส่วนมาจากทีมงาน www.thai
deutsch.com โดยได้รับอนุญาตจากพี่ โตโต้ แอดมิน
กลุ่ม "Thai Aupair in Germany ออแพร์เยอรมัน" แล้ว
ขอบคุณพี่โตโต้และทีมงานมากๆค่ะ
INSPIRATION
รู้จักความหมายและคุณสมบัติของออแพร์ไปแล้ว ที่นี้เรามาเข้าประเด็นกันเลย จ๋าขอเริ่มจากจุดเริ่มต้นเลยนะคะ ว่าจ๋าเคยทำอะไรมาก่อน และทำไมจ๋าถึงตัดสินใจมาเป็นออแพร์ที่เยอรมนี
เหตุผลที่เลือกมาเป็นออแพร์ที่เยอรมนี ย้อนไปเมื่อปี 2557 ( อายุ 21 ) จ๋าได้มีโอกาสมาเที่ยวและมาเรียนภาษาที่ประเทศเยอรมนีเกือบสามเดือน เป็นการตัดสินใจที่จ๋าคิดว่ามันคุ้ม เพราะก่อนมาเยอรมนีในครั้งนั้น เป็นนักเรียนสาขาการตลาด หลังจากที่เรียนสาขาเคมีมาแล้วพบว่า
"มันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่เก่งคำนวณเลย เราฝืนเรียนเพราะคิดว่าจะมีงานที่ดีรองรับเนื่องจากจ๋าเป็นคนระยอง และจังหวัดระยองก็เป็นเมืองอุตสาหกรรม"
ก็เลยออกและย้ายไปเรียนการตลาด เพราะเราเป็นคนชอบการทำงานเป็นทีม ชอบงานท้าทายที่สามารถแสดงศักยภาพในตัวเรา เราชอบพบปะผู้คน ชอบการพรีเซ้นท์ ชอบการพูด
"อย่างน้อยมันต้องมีวิชาแบบพรีเซ้นสินค้าซิ่!!! 5555+ "
ซึ่งมันก็มีค่ะ!!!!
แต่!!!!????
มันมาพลาดตรง วิชาเศรษฐศาสตร์และบัญชี มันคือเลข ขขข ขขขขค๊าาาาา TT มันต้องคำนวณ ไม่ๆ ชั้ลปวดหัว T_T 5555555+
คือ ณ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายมาก ๆ ไม่อดทน ขี้เกียจ อะไรประมาณนี้ (ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นบ้างนิดดดนึงค่ะ 5555+) ในระหว่างเรียนตั้งแต่จบมอปลาย จ๋ามีอาชีพเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ร้องเพลงสากล เพลงสตริงเก่าตามงานเลี้ยงของโรงแรม 5 ดาวในจังหวัด ความจริงก็ไม่ใช่คนร้องเพลงเพราะหรอกค่ะ แต่อาจารย์บอกว่า
"จริตมันได้"
55555555+
นอกจากนี้ก็ยังไปช่วยรุ่นพี่ที่สนิททำร้านอาหารนานาชาติ จ๋าก็ ไปเป็นเลขาส่วนตัวให้เชฟ สนุกดีนะคะที่ตอนนั้นเราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกันและผลมันออกมาดีทั้งหมด ตอนนั้นขายของและทำงานได้ 2-3 ปีมีเงินเก็บก้อนนึงเลยตัดสินใจบอกแม่ว่า
"แม่ จ๋าขอไปตามล่าหาความฝันที่เยอรมนีนะ เยอรมนีคือนิพพาน (ผู้ชายก็เช่นกัน!!! ฮ่าๆๆๆ) ขอไปสัก 2-3 เดือนนะจ๊ะแม่ "
แม่ก็อือออด้วยค่ะ คือแอบบ่นนิดๆเหมือนกันนะ เพราะเรียนไม่จบซักที 55+
การไปเหยียบเยอรมันครั้งแรกเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมว๊ากกก ต้องไปทำวีซ่า ไปสถานฑูตร 2 รอบ เพราะรอบแรกเอกสารไม่ครบแต่เจ้าหน้าที่ก็ให้โอกาส (ถึงจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่หน้าไม่รับแขกและปากอันเราะร้าย แต่จ๋าคงดวงดี ไม่โดนรังสีอำมหิตใดๆสาดใส่ ขอบพระคุณมากๆค่ะ ) คือตอนนั้นต้องรอลุ้นวีซ่า เดินทางคนเดียว ไปต่อเครื่องที่โดฮา พูดคุยกับคนเยอรมัน (ซึ่งก็ไม่รู้เรื่องเล๊ยยยย) ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และมันคุ้มมากค่ะ เพราะมันคือ Inspiration ของการมาเป็นออแพร์ในครั้งนี้!!!!
อ่านย้อนหลังได้ที่
Jajar: ขอเป็นเจ้าหญิง ณ เยอรมัน พาฟินสุดติ่ง ที่ "Schwerin Castle" ปราสาทแสนสวยดุจเทพนิยาย
http://pantip.com/topic/34046422
หลังจากกลับมาจากเยอรมันครั้งแรก จ๋าก็รีบลงคอร์สติวภาษาเยอรมันเพื่อลงสอบ A1 ค่ะ และก็วางแผน (มโน) ว่า...."จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยสายภาษาเยอรมันที่ไทยนี่แหละก่อน จะตั้งใจเรียนสุดๆให้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 และค่อยหาทุนไปต่อปอ.โทที่เยอรมัน หูยยยย ชีวิตดี๊ดีเน๊าะ!!!" >o<
และแล้วก็ได้ยินเสียงก้องกังวาล เหมือนอยู่ไม่ไกลมาก........=_='
"ตื่นได้แล้วววว กลับบ้าน ให้มาเรียนนะไม่ได้ให้มาหลับ!!!!!"
แม่ด่า =_= "
สะดุ้งหลุดมาจากมโนความฝันกันเลยทีเดียว ( แม่ก็มาเรียนคอร์สภาษาเยอรมันเช่นกัน ) ขนาดเรียนๆหลับๆ เกือบ 2 เดือน แต่ชั้ลก็สอบ A1 ได้ด้วยคะแนนเกือบเต็มนะพวกเธออออ!!!!! 55555+
อ . ว . ด. !!!! หน่อยเถอะ 55555+
ตอนนั้นกระจิตกระใจไม่อยากอยู่แล้วเมืองไทยแล้ววค่ะ ไม่ใช่ว่าเมืองไทยไม่ดี แต่ตอนนั้น อยากไปเมืองนอก ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปหาประสบการณ์ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว หลงทางชั้ลก็เคยไปหลงมาแล้ว พูดกับเค้าไม่รู้เรื่องแต่เข้าใจกันก็เจอมาแล้ว หักอกและอกหักจากหนุ่มเยอรมันชั้ลก็โดนมาแล้ว ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัว
จ๋าคิดว่า.....หลายคนคงเป็นเหมือนจ๋านะ พอได้ไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองนอกแล้ว และเราสนุกไปกับมัน เราจะอยากไปอีก และก็จะหาทางไปจนได้ เหมือนกับจ๋าค่ะ จ๋าคิดนานมาก ช่วงนั้นผิดหวังแรง เบื่อชีวิต หนีไปอยู่วัดทางอีสานจำศีลอยู่ 4 เดือน ช่วยงานการกุศล งานโรงทาน สร้างวัด สารพัดบุญ ขนาดอยู่วัดก็ไม่วายจะคิดนะคะ
"ทำอย่างไรฉันจะสามารถไปลั๊นลา ? ไปเรียนรู้ ไปใช้ชีวิตที่เยอรมันได้แบบนานๆ ขอทุนไปก็ไม่ได้แน่ๆ ถ้างั้นขอไปแบบต้นทุนต่ำแต่ได้กำไรมาศาลได้มะ? ที่สามารถไปเรียนภาษาด้วย (เพื่อหลังจากนั้นพอภาษาพัฒนาแล้วจะได้เรียนต่อที่เยอรมัน) และก็ได้ทำงานด้วย ฮี่ๆ >_< "
เลยเสริ์ชหาข้อมูลค่ะ จนได้มาพบกับ
"วีซ่าออแพร์ที่เยอรมนี"
จากนั้นจ๋าก็รีบเสริ์ชหากระทู้อ่านเกี่ยวกับขั้นตอนและประสบการณ์ออแพร์ที่เยอรมนี ไม่หลับไม่นอนเลยช่วงนั้น 5555+ ไปเจอเอเจนซี่หลายเจ้ามาก เกือบสมัครกับเอเจนซี่ไปแล้ว แต่ดูขั้นตอนแล้วยุ่งยาก ต้องเสียเงิน ต้องไปเทคคอร์สดูแลเด็กและมีใบรับรอง แถมไม่ได้รับประกันด้วยว่าเราจะได้โฮสหรือเปล่า ???
ก็เลยลุยเองเลยค่ะ !!!!!!!!!!!!!
"ก็คนมันอยากไปนิน่า รอช้าอยู่ใย? อ่านต่อเลยจ้ะ!!!!"
[CR] Aupair in Germany | 319 วัน ละครชีวิตครบรส ของชะนีไทยกับชีวิต "ออแพร์ " ในเยอรมนี
ละครชีวิตครบรส ของชะนีไทยกับชีวิต "ออแพร์ " ในเยอรมนี
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้นี้เป็นกระทู้ที่จ๋าอยากแชร์ประสบการณ์การเป็นออแพร์ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งตัวจ๋าเองก็ได้จบโครงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รางวัลใหญ่เป็นบทเรียนชีวิตอันแสนคุ้มค่าจริงๆค่ะ และรอมานานมากค่ะเพราะตั้งใจมากๆว่าถ้าจบโครงการนี้เมื่อไหร่จะต้องเขียนประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นๆได้อ่านและศึกษากันแน่นอน เพราะจ๋าก็เป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะไปเรียนรู้และไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศค่ะ
สำหรับกระทู้นี้ จ๋าได้คัดลอกบทความมาจากเว็บไซต์ของจ๋าอีกทีนะคะ www.jajarmekatz.com เพราะจ๋าคิดว่าพันทิพย์น่าจะกว้างขวางกว่า และจะได้เป็นแนวทางในการแชร์ประสบการให้กับเพื่อนๆ น้องๆ หรือผู้ที่สนใจมาเป็นออแพร์แต่ยังมืดสี่ด้าน ได้นำประสบการณ์ของจ๋าไป้ป็นอีกแนวทางนึงนะคะ
ซึ่งบอกก่อนว่า เรื่องราวค่อนข้างยาวและละเอียด จ๋าจึงต้องขอแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ตอนนะคะ 5555+
พูดถึง "ออแพร์" จ๋าเชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ได้อ่านกระทู้หลายๆกระทู้ในเว็บพันทิป กันมาบ้างแล้วนะคะ หลายคนก็คงเคยผ่านชีวิตออแพร์มาแล้ว หลายคนเป็นออแพร์อยู่ หลายคนกำลังจะไปเป็น และอีกหลายต่อหลายคน....
ไม่รู้ว่า ' ออแพร์ ' คืออะไร?
เอาล่ะค่ะ
ออแพร์ ก็คือ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และภาษา โดยการทำงานกับเด็กแล้วได้ค่าตอบ แทนจากครอบครัวอุปถัมส์ที่ต่างประเทศค่ะ ใช้ชีวิตและอยู่กินเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวนั้น
สำหรับ "ออแพร์ที่เยอรมนี" จะได้เรียนรู้ซึมซับวัฒนธรรมธรรมของชาวเยอรมนีและได้ฝึกภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ 3 อีกด้วยค่ะ ซึ่งงานหลักๆของออแพร์ก็คือ การเลี้ยงดูแลเด็กๆของครอบครัวที่ออแพร์ไปอาศัยอยู่ด้วย ส่วนหน้าที่อื่นๆ เช่น งานบ้านหรือ ไปรับส่งน้องที่โรงเรียน อันนี้ก็แล้วแต่ข้อตกลงของครอบครัวอุปถัมส์กับเราค่ะ
1. เพศหญิง หรือ เพศชาย อายุไม่เกิน 27 ปีในวันยื่นขอวีซ่า
2. สถานภาพโสด ไม่มีบุตร ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน และไม่เคย เป็นออแพร์ที่ประเทศเยอรมนีมาก่อน
3. มีความรู้ภาษาเยอรมันและมีใบประกาศนียบัตร (Certificate) ในระดับชั้นพื้นฐาน อย่างน้อยในระดับ A1 หากเป็นนิสิตหรือนักศึกษาเอกภาษาเยอรมันสามารถใช้Transcript ยื่นสมัครได้
4. มีความรู้ภาษาอังกฤษที่พอสื่อสารได้
5. เป็นคนรักเด็ก และรักที่จะทำงานที่ต้องอยู่ร่วมกับเด็ก
6. สามารถใช้ชีวิตลำพังและพร้อมที่จะปรับตัวอยู่ร่วมกับคนอื่นในต่างประเทศได้
7. สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ ภาษา ผู้คนในต่างแดน
8. มีสุขภาพแข็งแรง
9. ไม่มีประวัติอาชญากรรม
10. สามารถเดินทางไปประเทศเยอรมันได้ และอยากทำงานเป็นออแพร์ที่เยอรมนีอย่างน้อยที่สุด 6 เดือนค่ะ
หมายเหตุ: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 260 ออยโร หรือประมาณ (10,400 บาท)
2. อาหารและที่พักฟรีและประกันสุขภาพ
3. มีสิทธิเที่ยวทั่วยุโรปที่ใช้ "วีซ่าเชงเก่น" ซึ่งเราสามารถไปเที่ยวได้มากถึง 26 ประเทศเลยทีเดียว
4. สิทธิในการได้เรียนภาษาเยอรมัน โดยครอบครัวอุปถัมป์เป็นผู้รับผิดชอบค่าเรียนภาษาให้กับออแพร์
5. ตั๋วรถโดยสารภายในเมือง หรือจักรยาน เพื่อใช้ในการเดินทางเมื่อต้องไปเรียนคอร์สภาษาเยอรมัน (ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละครอบครัว)
6. ได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเยอรมัน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ สังคม และได้ฝึกการทำงานและการอยู่ร่วมกับชาวต่างชาติ
7. มีความรู้ภาษาที่ 3 ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดในการประกอบอาชีพและชีวิตประจำวันได้ในอนาคต
8. เรียนรู้การอยู่คนเดียวโดยปราศจากครอบครัว รู้จักการช่วยเหลือตัวเอง การเอาตัวรอด แก้ไขปัญหา ฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ เป็นการฝึกความเป็นผู้ใหญ่ไปในตัว
9. สิทธิในการหยุดพักร้อน 2 วันต่อเดือน หรือ 24 วันต่อปี
10. สามารถเปลี่ยนเป็นวีซ่าเรียนภาษาหรือทำงานอาสาสมัครของรัฐบาลเยอรมัน (FSJ) เมื่อวีซ่าออแพร์หมดอายุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รู้จักความหมายและคุณสมบัติของออแพร์ไปแล้ว ที่นี้เรามาเข้าประเด็นกันเลย จ๋าขอเริ่มจากจุดเริ่มต้นเลยนะคะ ว่าจ๋าเคยทำอะไรมาก่อน และทำไมจ๋าถึงตัดสินใจมาเป็นออแพร์ที่เยอรมนี
เหตุผลที่เลือกมาเป็นออแพร์ที่เยอรมนี ย้อนไปเมื่อปี 2557 ( อายุ 21 ) จ๋าได้มีโอกาสมาเที่ยวและมาเรียนภาษาที่ประเทศเยอรมนีเกือบสามเดือน เป็นการตัดสินใจที่จ๋าคิดว่ามันคุ้ม เพราะก่อนมาเยอรมนีในครั้งนั้น เป็นนักเรียนสาขาการตลาด หลังจากที่เรียนสาขาเคมีมาแล้วพบว่า
"มันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่เก่งคำนวณเลย เราฝืนเรียนเพราะคิดว่าจะมีงานที่ดีรองรับเนื่องจากจ๋าเป็นคนระยอง และจังหวัดระยองก็เป็นเมืองอุตสาหกรรม"
ก็เลยออกและย้ายไปเรียนการตลาด เพราะเราเป็นคนชอบการทำงานเป็นทีม ชอบงานท้าทายที่สามารถแสดงศักยภาพในตัวเรา เราชอบพบปะผู้คน ชอบการพรีเซ้นท์ ชอบการพูด
"อย่างน้อยมันต้องมีวิชาแบบพรีเซ้นสินค้าซิ่!!! 5555+ "
ซึ่งมันก็มีค่ะ!!!!
แต่!!!!????
มันมาพลาดตรง วิชาเศรษฐศาสตร์และบัญชี มันคือเลข ขขข ขขขขค๊าาาาา TT มันต้องคำนวณ ไม่ๆ ชั้ลปวดหัว T_T 5555555+
คือ ณ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายมาก ๆ ไม่อดทน ขี้เกียจ อะไรประมาณนี้ (ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นบ้างนิดดดนึงค่ะ 5555+) ในระหว่างเรียนตั้งแต่จบมอปลาย จ๋ามีอาชีพเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ร้องเพลงสากล เพลงสตริงเก่าตามงานเลี้ยงของโรงแรม 5 ดาวในจังหวัด ความจริงก็ไม่ใช่คนร้องเพลงเพราะหรอกค่ะ แต่อาจารย์บอกว่า
"จริตมันได้"
55555555+
นอกจากนี้ก็ยังไปช่วยรุ่นพี่ที่สนิททำร้านอาหารนานาชาติ จ๋าก็ ไปเป็นเลขาส่วนตัวให้เชฟ สนุกดีนะคะที่ตอนนั้นเราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกันและผลมันออกมาดีทั้งหมด ตอนนั้นขายของและทำงานได้ 2-3 ปีมีเงินเก็บก้อนนึงเลยตัดสินใจบอกแม่ว่า
"แม่ จ๋าขอไปตามล่าหาความฝันที่เยอรมนีนะ เยอรมนีคือนิพพาน (ผู้ชายก็เช่นกัน!!! ฮ่าๆๆๆ) ขอไปสัก 2-3 เดือนนะจ๊ะแม่ "
แม่ก็อือออด้วยค่ะ คือแอบบ่นนิดๆเหมือนกันนะ เพราะเรียนไม่จบซักที 55+
การไปเหยียบเยอรมันครั้งแรกเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมว๊ากกก ต้องไปทำวีซ่า ไปสถานฑูตร 2 รอบ เพราะรอบแรกเอกสารไม่ครบแต่เจ้าหน้าที่ก็ให้โอกาส (ถึงจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่หน้าไม่รับแขกและปากอันเราะร้าย แต่จ๋าคงดวงดี ไม่โดนรังสีอำมหิตใดๆสาดใส่ ขอบพระคุณมากๆค่ะ ) คือตอนนั้นต้องรอลุ้นวีซ่า เดินทางคนเดียว ไปต่อเครื่องที่โดฮา พูดคุยกับคนเยอรมัน (ซึ่งก็ไม่รู้เรื่องเล๊ยยยย) ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และมันคุ้มมากค่ะ เพราะมันคือ Inspiration ของการมาเป็นออแพร์ในครั้งนี้!!!!
อ่านย้อนหลังได้ที่
Jajar: ขอเป็นเจ้าหญิง ณ เยอรมัน พาฟินสุดติ่ง ที่ "Schwerin Castle" ปราสาทแสนสวยดุจเทพนิยาย
http://pantip.com/topic/34046422
หลังจากกลับมาจากเยอรมันครั้งแรก จ๋าก็รีบลงคอร์สติวภาษาเยอรมันเพื่อลงสอบ A1 ค่ะ และก็วางแผน (มโน) ว่า...."จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยสายภาษาเยอรมันที่ไทยนี่แหละก่อน จะตั้งใจเรียนสุดๆให้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 และค่อยหาทุนไปต่อปอ.โทที่เยอรมัน หูยยยย ชีวิตดี๊ดีเน๊าะ!!!" >o<
และแล้วก็ได้ยินเสียงก้องกังวาล เหมือนอยู่ไม่ไกลมาก........=_='
"ตื่นได้แล้วววว กลับบ้าน ให้มาเรียนนะไม่ได้ให้มาหลับ!!!!!"
แม่ด่า =_= "
สะดุ้งหลุดมาจากมโนความฝันกันเลยทีเดียว ( แม่ก็มาเรียนคอร์สภาษาเยอรมันเช่นกัน ) ขนาดเรียนๆหลับๆ เกือบ 2 เดือน แต่ชั้ลก็สอบ A1 ได้ด้วยคะแนนเกือบเต็มนะพวกเธออออ!!!!! 55555+
อ . ว . ด. !!!! หน่อยเถอะ 55555+
ตอนนั้นกระจิตกระใจไม่อยากอยู่แล้วเมืองไทยแล้ววค่ะ ไม่ใช่ว่าเมืองไทยไม่ดี แต่ตอนนั้น อยากไปเมืองนอก ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปหาประสบการณ์ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว หลงทางชั้ลก็เคยไปหลงมาแล้ว พูดกับเค้าไม่รู้เรื่องแต่เข้าใจกันก็เจอมาแล้ว หักอกและอกหักจากหนุ่มเยอรมันชั้ลก็โดนมาแล้ว ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัว
จ๋าคิดว่า.....หลายคนคงเป็นเหมือนจ๋านะ พอได้ไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองนอกแล้ว และเราสนุกไปกับมัน เราจะอยากไปอีก และก็จะหาทางไปจนได้ เหมือนกับจ๋าค่ะ จ๋าคิดนานมาก ช่วงนั้นผิดหวังแรง เบื่อชีวิต หนีไปอยู่วัดทางอีสานจำศีลอยู่ 4 เดือน ช่วยงานการกุศล งานโรงทาน สร้างวัด สารพัดบุญ ขนาดอยู่วัดก็ไม่วายจะคิดนะคะ
"ทำอย่างไรฉันจะสามารถไปลั๊นลา ? ไปเรียนรู้ ไปใช้ชีวิตที่เยอรมันได้แบบนานๆ ขอทุนไปก็ไม่ได้แน่ๆ ถ้างั้นขอไปแบบต้นทุนต่ำแต่ได้กำไรมาศาลได้มะ? ที่สามารถไปเรียนภาษาด้วย (เพื่อหลังจากนั้นพอภาษาพัฒนาแล้วจะได้เรียนต่อที่เยอรมัน) และก็ได้ทำงานด้วย ฮี่ๆ >_< "
เลยเสริ์ชหาข้อมูลค่ะ จนได้มาพบกับ
"วีซ่าออแพร์ที่เยอรมนี"
จากนั้นจ๋าก็รีบเสริ์ชหากระทู้อ่านเกี่ยวกับขั้นตอนและประสบการณ์ออแพร์ที่เยอรมนี ไม่หลับไม่นอนเลยช่วงนั้น 5555+ ไปเจอเอเจนซี่หลายเจ้ามาก เกือบสมัครกับเอเจนซี่ไปแล้ว แต่ดูขั้นตอนแล้วยุ่งยาก ต้องเสียเงิน ต้องไปเทคคอร์สดูแลเด็กและมีใบรับรอง แถมไม่ได้รับประกันด้วยว่าเราจะได้โฮสหรือเปล่า ???
ก็เลยลุยเองเลยค่ะ !!!!!!!!!!!!!
"ก็คนมันอยากไปนิน่า รอช้าอยู่ใย? อ่านต่อเลยจ้ะ!!!!"
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น