พล็อตเรื่อง 7/10
ณ ปัจจุบัน เซลีนถูกตามล่าทั้งแวมไพร์และไลแค่น ระหว่างการไล่ล่าเดวิดมาเตือนเซลีนว่าไลแค่นมีผู้นำคนใหม่ชื่อแมเรียสมีแผนที่จะเผด็จศึกแวมไพร์เป็นครั้งสุดท้ายและเซลีนเป็นความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของแวมไพร์ที่จะชนะศึกนี้ ส่วนตัวคิดว่าพล็อตเรื่องภาคนี้ดีกว่าภาคที่แล้ว มีเนื้อหาที่ชวนให้ติดตามว่าหนังจะถูกเขียนให้ไปในทิศทางไหนต่อซึ่งผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจพอสมควร เค้าโครงเรื่องจะเน้นการหยิบตัวละครเก่าในภาคก่อนๆมาขยายเรื่องราวให้ไปต่อได้ แต่ก็แอบขัดใจในบางประเด็นที่ภาคเก่าๆเกริ่นไว้ดีดูยิ่งใหญ่แต่กลับถูกภาคนี้เนิฟลงพอสมควรเพื่อเปิดทางให้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำเจกับของเดิมๆ และยังเพิ่มเรื่องราวบางส่วนที่ค่อนข้างหลุดโลกเกินจริงไปหน่อยแต่ก็พอได้อยู่ ดูสนุกๆ
ดำเนินเรื่อง 7/10
ในส่วนนี้ทำได้แบบเรื่อยๆ จะเน้นที่เนื้อเรื่องซะมากกว่าฉากบู๊ด้วยความที่เอาเรื่องราวของตัวละครในภาคก่อนๆมาขยายต่อทำให้เรารู้สึกสนใจและอยากรู้เรื่องราวต่อพอสมควรว่าใครเป็นอะไรกับใคร มีที่มาอย่างไร ใครต้องการอะไร ณ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมเห็นว่าส่วนนี้น่าจะดึงความสนใจของคนที่ชอบ 3 ภาคแรกน่าจะได้อยู่เนอะ ก็ต้องมีบ้างแหละ 555
ช่วงต้นๆเรื่องยังดึงความน่าสนใจของคนดูไว้ได้ดีเพราะเป็นส่วนที่ปูเรื่องราวเริ่มต้นอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแต่พอหนังเดินไปได้สักพักหลังจากที่ให้ตัวละครใหม่เดินหน้าต่อกลับทำได้แค่เฉยๆ ไม่รู้สึกอินอะไรมากนักแถมยังมีเรื่องราวออกจะดูเกินจริงไปหน่อยเหมือนจะยกระดับความเหนือธรรมชาติของหนังชุดนี้ขึ้นไปอีกระดับ ส่วนตัวรู้สึกชอบครึ่งไม่ชอบครึ่ง ส่วนฉากแอ็คชั่นในความรู้สึกผมขาดเสห์น่ของ Underworld ไปเยอะเลย เช่น พวกฉากสโลโมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์หลักของ Underworld ตั้งแต่ภาคแรกก็มีให้เห็นไม่ค่อยเยอะ มีฉากไคลแม็กซ์ตอนท้ายๆของหนังก็ยังพอมีกลิ่นอายอยู่บ้าง แต่มีบางช็อตถ่ายภาพสโลที่ดูไม่ไหลลื่นเป็นเฟรมกระตุกๆแบบสไตล์หนังเก่ามากๆผมรู้สึกว่าเชยมากๆแต่ในภาพรวมแล้วฉากแอ็คชั่นยังทำได้กลางๆพอใช้
ตัวละคร 6.5/10
เซลีน - เป็นตัวละครเก่าตัวเดียวที่ยังอยู่โลดแล่นอยู่ในจอ ไม่รู้ว่าอนาคตถ้าไม่มีเธอแล้ว Underworld จะทำต่อได้รึเปล่า เคต เบคคินเซล เจ้าของบทบาทนี้ตั้งแต่ปี 2003 ภาคนี้เคตดูโทรมไปเยอะเลยแต่เธอก็ยังคงรักษามาตรฐานตัวละครของเธอได้อยู่เพียงแต่อาจจะขาดบทบาทที่น่าสนใจที่เคยดึงเธอได้พีคสุดๆใน 2 ภาคแรก แต่เธอยังเป็นตัวละครที่สำคัญมากๆอยู่และในภาคต่อๆไปก็ยังคงต้องมีเธอ ถ้าจะตัดบทเหมือนของไมเคิลในภาค 4 ก็คงจะไม่ดีสำหรับหนังชุดนี้แน่ๆ
เดวิด - ภาคนี้มีบทบาทมากขึ้นจากภาคที่แล้วมากพอสมควรเลยแถมเป็นบทบาทสำคัญด้วย ด้านตัวละครถือว่าพัฒนาขึ้นมาเยอะในสเกลที่ใหญ่ขึ้น แต่รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ยังพึ่งพาไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ บทยังส่งจุดนี้ได้ไม่ดีพอสมกับเป็นพระเอก
เซมีร่า - เป็นตัวละครใหม่ที่ดูดี ทั้งร้ายทั้งเซ็กซี่ ดูมีเสห์น่น่าสนใจดี แต่บทยังพาเธอไปได้ไม่สุดทางเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วใช้ได้
ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ได้มีจุดเด่นหรือแย่อะไรเป็นพิเศษเลยขอไม่พูดถึงแล้วกันครับ
สรุป 7/10
Underworld: Blood Wars เป็นภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ตอนแรกคิดว่าจะหมดมุขแค่ทำภาคต่อออกมาให้จบๆไปแต่กลับสานต่อเรื่องราวต่อได้น่าสนใจดีแต่ดีได้ไม่สุดทาง บทบาทและน้ำหนักของเนื้อหายังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราอินไปกับมันได้เท่าภาค 1-2 หลักๆเลยคิดว่าเอาตัวละครเดิมที่มีของดีในตัวอยู่แล้วมาใช้ไม่คุ้มค่า ส่วนตัวละครใหม่ก็ยังแสดงพลังได้ไม่มากพอ รู้สึกเสียดายไมเคิลมากๆตั้งแต่ภาค 4 แล้วน่าจะเอามาใช้ต่อเรื่องราวได้สนุกกว่านี้ ในภาคนี้เรื่องราวในหนังก็พอจะมีทวิสเล็กๆจิ๊ดๆอยู่บ้างให้พอน่าติดตาม ฉากแอ็คชั่นก็พอได้อยู่ ส่วนตัวรู้สึกชอบมากกว่าภาค 4 ตรงที่เรื่องราวยังเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างแวมไพร์กับไลแค่นมากกว่าภาค 4 ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ซะส่วนใหญ่ โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าพอใช้แล้วกัน เซลีนยังคงนำพาหนังชุดนี้ให้เดินต่อไปได้แต่อาจจะกระท่อนกระแท่นหน่อยถ้าไม่มีเซลีนหนังก็ไม่มีอะไรดึงดูดได้เลย
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
[CR] [Review-No Spoil] Underworld: Blood Wars มหาสงครามล้างพันธุ์อสูร
พล็อตเรื่อง 7/10
ณ ปัจจุบัน เซลีนถูกตามล่าทั้งแวมไพร์และไลแค่น ระหว่างการไล่ล่าเดวิดมาเตือนเซลีนว่าไลแค่นมีผู้นำคนใหม่ชื่อแมเรียสมีแผนที่จะเผด็จศึกแวมไพร์เป็นครั้งสุดท้ายและเซลีนเป็นความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของแวมไพร์ที่จะชนะศึกนี้ ส่วนตัวคิดว่าพล็อตเรื่องภาคนี้ดีกว่าภาคที่แล้ว มีเนื้อหาที่ชวนให้ติดตามว่าหนังจะถูกเขียนให้ไปในทิศทางไหนต่อซึ่งผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจพอสมควร เค้าโครงเรื่องจะเน้นการหยิบตัวละครเก่าในภาคก่อนๆมาขยายเรื่องราวให้ไปต่อได้ แต่ก็แอบขัดใจในบางประเด็นที่ภาคเก่าๆเกริ่นไว้ดีดูยิ่งใหญ่แต่กลับถูกภาคนี้เนิฟลงพอสมควรเพื่อเปิดทางให้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำเจกับของเดิมๆ และยังเพิ่มเรื่องราวบางส่วนที่ค่อนข้างหลุดโลกเกินจริงไปหน่อยแต่ก็พอได้อยู่ ดูสนุกๆ
ดำเนินเรื่อง 7/10
ในส่วนนี้ทำได้แบบเรื่อยๆ จะเน้นที่เนื้อเรื่องซะมากกว่าฉากบู๊ด้วยความที่เอาเรื่องราวของตัวละครในภาคก่อนๆมาขยายต่อทำให้เรารู้สึกสนใจและอยากรู้เรื่องราวต่อพอสมควรว่าใครเป็นอะไรกับใคร มีที่มาอย่างไร ใครต้องการอะไร ณ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมเห็นว่าส่วนนี้น่าจะดึงความสนใจของคนที่ชอบ 3 ภาคแรกน่าจะได้อยู่เนอะ ก็ต้องมีบ้างแหละ 555
ช่วงต้นๆเรื่องยังดึงความน่าสนใจของคนดูไว้ได้ดีเพราะเป็นส่วนที่ปูเรื่องราวเริ่มต้นอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแต่พอหนังเดินไปได้สักพักหลังจากที่ให้ตัวละครใหม่เดินหน้าต่อกลับทำได้แค่เฉยๆ ไม่รู้สึกอินอะไรมากนักแถมยังมีเรื่องราวออกจะดูเกินจริงไปหน่อยเหมือนจะยกระดับความเหนือธรรมชาติของหนังชุดนี้ขึ้นไปอีกระดับ ส่วนตัวรู้สึกชอบครึ่งไม่ชอบครึ่ง ส่วนฉากแอ็คชั่นในความรู้สึกผมขาดเสห์น่ของ Underworld ไปเยอะเลย เช่น พวกฉากสโลโมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์หลักของ Underworld ตั้งแต่ภาคแรกก็มีให้เห็นไม่ค่อยเยอะ มีฉากไคลแม็กซ์ตอนท้ายๆของหนังก็ยังพอมีกลิ่นอายอยู่บ้าง แต่มีบางช็อตถ่ายภาพสโลที่ดูไม่ไหลลื่นเป็นเฟรมกระตุกๆแบบสไตล์หนังเก่ามากๆผมรู้สึกว่าเชยมากๆแต่ในภาพรวมแล้วฉากแอ็คชั่นยังทำได้กลางๆพอใช้
ตัวละคร 6.5/10
เซลีน - เป็นตัวละครเก่าตัวเดียวที่ยังอยู่โลดแล่นอยู่ในจอ ไม่รู้ว่าอนาคตถ้าไม่มีเธอแล้ว Underworld จะทำต่อได้รึเปล่า เคต เบคคินเซล เจ้าของบทบาทนี้ตั้งแต่ปี 2003 ภาคนี้เคตดูโทรมไปเยอะเลยแต่เธอก็ยังคงรักษามาตรฐานตัวละครของเธอได้อยู่เพียงแต่อาจจะขาดบทบาทที่น่าสนใจที่เคยดึงเธอได้พีคสุดๆใน 2 ภาคแรก แต่เธอยังเป็นตัวละครที่สำคัญมากๆอยู่และในภาคต่อๆไปก็ยังคงต้องมีเธอ ถ้าจะตัดบทเหมือนของไมเคิลในภาค 4 ก็คงจะไม่ดีสำหรับหนังชุดนี้แน่ๆ
เดวิด - ภาคนี้มีบทบาทมากขึ้นจากภาคที่แล้วมากพอสมควรเลยแถมเป็นบทบาทสำคัญด้วย ด้านตัวละครถือว่าพัฒนาขึ้นมาเยอะในสเกลที่ใหญ่ขึ้น แต่รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ยังพึ่งพาไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ บทยังส่งจุดนี้ได้ไม่ดีพอสมกับเป็นพระเอก
เซมีร่า - เป็นตัวละครใหม่ที่ดูดี ทั้งร้ายทั้งเซ็กซี่ ดูมีเสห์น่น่าสนใจดี แต่บทยังพาเธอไปได้ไม่สุดทางเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วใช้ได้
ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ได้มีจุดเด่นหรือแย่อะไรเป็นพิเศษเลยขอไม่พูดถึงแล้วกันครับ
สรุป 7/10
Underworld: Blood Wars เป็นภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ตอนแรกคิดว่าจะหมดมุขแค่ทำภาคต่อออกมาให้จบๆไปแต่กลับสานต่อเรื่องราวต่อได้น่าสนใจดีแต่ดีได้ไม่สุดทาง บทบาทและน้ำหนักของเนื้อหายังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราอินไปกับมันได้เท่าภาค 1-2 หลักๆเลยคิดว่าเอาตัวละครเดิมที่มีของดีในตัวอยู่แล้วมาใช้ไม่คุ้มค่า ส่วนตัวละครใหม่ก็ยังแสดงพลังได้ไม่มากพอ รู้สึกเสียดายไมเคิลมากๆตั้งแต่ภาค 4 แล้วน่าจะเอามาใช้ต่อเรื่องราวได้สนุกกว่านี้ ในภาคนี้เรื่องราวในหนังก็พอจะมีทวิสเล็กๆจิ๊ดๆอยู่บ้างให้พอน่าติดตาม ฉากแอ็คชั่นก็พอได้อยู่ ส่วนตัวรู้สึกชอบมากกว่าภาค 4 ตรงที่เรื่องราวยังเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างแวมไพร์กับไลแค่นมากกว่าภาค 4 ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ซะส่วนใหญ่ โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าพอใช้แล้วกัน เซลีนยังคงนำพาหนังชุดนี้ให้เดินต่อไปได้แต่อาจจะกระท่อนกระแท่นหน่อยถ้าไม่มีเซลีนหนังก็ไม่มีอะไรดึงดูดได้เลย
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/