กราบบบบสวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคร้าบบบ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก!! ที่กระผมจะมาทำการรีวิวการไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว 5 วัน 5 คืน 3 ดอย
เนื่องด้วยตัว จขกท พึ่งจะเลิกกับแฟนได้ไม่นาน จขกท ก็ยังคงเศร้าเสียจายยยยยย (TT__TT) แต่แล้วก็ไปเตะตากับกระทู้ท่องเที่ยวหนึ่งของพันทิป เลยตัดสินใจออกเดินทางเปลี่ยนสถานที่ที่อยู่เพื่อลืมความรู้สึกเสียใจ (ดื่มเพื่อลืมเธอวววว


) แต่ก็ดั๊นนนนนนนน จขกท เป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึง ทำให้การหาวันหยุดยาววววววๆเพื่อไปพักผ่อนได้นั้นยากมากๆ แต่แล้วฟ้าก็บันดาลปฏิทินมาให้ จขกท !!!!! ปฏิทินที่มองเห็นวันหยุดยาวในวันที่ 4 - 5 ธันวาคมมม จขกท ไม่รอช้ายื่นหนังสือขอลาพักร้อนให้แก่หัวหน้าตั้งแต่วันที่ 1 - 3 ธ.ค. จะได้หยุดยาวๆ 5 วันไปเลยยยยย ซึ่งหัวหน้าก็ใจดี๊ใจดี อนุญาติให้ จขกท ลางานไป

Plan ในใจของ จขกท ก็คืออออออออออออออออ.....
ไปนอนพักใจที่บ้านดอยหมอก เชียงดาว
ไปให้ดอกไม้ฟื้นฟูพลังใจที่สถานีเกษตร ดอยอ่างขาง
ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ยอดดอยอันดับ 2 ดอยผ้าห่มปก
ไม่รอช้าเก็บกระเป๋าใส่กระเป๋า Backpack สีเขียวสดใสที่พึ่งถอยออกมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะ หายืมเต๊นท์ (เนื่องจากเป็นทริปกะทันหันทำให้ยืมรุ่นพี่ที่ทำงานมา 55555) หายืมถุงนอน (อันนี้ก็เช่นกัน



) ยัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสื้อผ้าใส่กระเป๋าเรียบร้อยยย พร้อมออกลุยยยยยยยยย
การเดินทาง
ในตอนแรก จขกท ตั้งใจจะเดินทางไปและกลับด้วยรถไฟขบวนใหม่ ไฉไลกว่ากว่าเดิม ให้เหมาะกับชีวิตโ*ตร Slow Life (ความจริงแล้วมันน่านอนต่างหาก =_=") ปรากฎว่าพอโทรไปจอง ได้แค่ขาไปอย่างเดียวคือรอบ 18.10 น. ของวันที่ 30 พ.ย. ขากลับจึงต้องนั่งรถบัสกลับกรุงเทพ (ซึ่งจองก่อนการเดินทาง 3 วัน นับว่าโชคดีมว๊ากกกที่ยังจองได้ )
วันที่ 30 พ.ย. 59
ถึงวันที่จะออกเดินทางแล้วววววววววววววววววววว ตื่นเต้นโพดๆ 555555 จขกท ด้วยความที่กลัวจะขึ้นรถไฟไม่ทันเลยโบก Taxi จากพระราม 2 ตอน 15.30 น. บอกคนขับว่าไปหัวลำโพงด่วนครับบบบ พี่แกก็จัดให้ไม่รอช้าถึงหัวลำโพงตั้งแต่ 16.00 น. นั่งรอจนก้นแฉะ 55555555
พอเวลาประมาณ 17.50 น. จขกท ก็สะพายสัมภาระที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัมมาที่รถไฟขบวนใหม่ สวยเช้งงงงงง น่านอนมากกกก

ไม่รอช้าเดินขึ้นรถไฟ ถอดกระเป๋าวางข้างๆเก้าอี้ที่นั่ง แล้วก็ลุ้นว่าใครจะมานั่งข้างเรา สุดท้าย 18.10 น. ก็ยังไม่มีใครมานั่งด้วย TT__TT น่าเศร้าใจยิ่งนักกก ด้วยความที่น้อยใจสวรรค์ จึงเดินไปตู้เสบียงเพื่อหาของกินดีกว่า =3=
***Review Online : สภาพรถไฟถือว่าใหม่ และสวยมาก ทางเดินกว้างเดินได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเบียดกัน เก้าอี้นั่งค่อนข้างสบาย แข็งไปนิดนึง ส่วนของกินบนรถไฟก็ถือว่าโอเคในระดับนึงเลย แพงกว่า 7-11 ประมาณ 10-20 บาท ได้ แต่ก็ทำให้อิ่มท้องพอสมควร***
พอกลับมาจากตู้เสบียงก็พบคุณลุงคนนึงท่าทางใจดีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งเรา เราก็เลยนั่งลงแล้วบรรจงแกะของกินที่ซื้อมากิน
"ของกินนี่เค้าแจกหรือเปล่า" คุณลุงถามขึ้นมา
"ไม่ได้แจกคร้าบ แจกแต่น้ำ" พร้อมทั้งชี้นิ้วให้คุณลุงดู
คุณลุงก็ยิ้มๆแล้วก็หยิบขวดน้ำของตัวเองขึ้นมาเปิดแล้วดื่มน้ำ จากนั้นซักพักใหญ่ๆ ประมาณ 2 ทุ่มเศษๆ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถของ จขกท ก็เริ่มมาปรับเบาะนั่งให้กลายเป็นเตียงนอน คุณลุงได้เตียงบน คุณลุงก็ใจดี๊ดีหันมาถาม จขกท ก่อนว่าเราจะนอนหรือยัง เราก็เลยบอกว่านอนเลยก็ได้ครับ~ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการปรับที่นั่งให้กลายเป็นเตียงในพริบตาาาาาาาาา *-*
เก้าอี้กว้างงงง นั่งสบายยยย
ทางเดินกว้างขวางงง เดินได้สะดวกสบายยยย
แต่น แต๊นนนน จากเก้าอี้กลายเป็นเตียงงงงง
นอนสำบายมว๊ากกกกกกก ยืดขาได้เต็มที่เลยยย
หลังจากนั้น จขกท ก็หลับไปด้วยความเพลียยยย~~~~~~
วันที่ 1 ธ.ค. 59
จขกท ตื่นขึ้นมาตอนตี 5 นิดๆ อากาศในตู้นอนเย็นๆกำลังดีเลย เด็กๆในขบวนของ จขกท ก็เริ่มส่งเสียงเจี้ยวจ้าวละ (ไม่เป็นไรเพราะ จขกท ร๊ากกกกกกเด็กกกกกกก



) ตื่นมาปุ๊บก็พุ่งไปตู้เสบียงซื้อข้าวก่อนเลย (เอาแต่เช้าเลยหราาาา) พอกลับมาที่เตียงก็พบว่าคุณลุงใจดีตื่นละ เปิดม่านมาโบกมือทักทายเรา แล้วเจ้าหน้าที่รถไฟก็เริ่มปรับเตียงให้กลับเป็นที่นั่งอีกครั้ง เรากับคุณลุงก็เลยได้นั่งคุยกันนิดหน่อย เลยได้รู้ว่าลุงเค้ามาเที่ยวเชียงราย นัดกับเพื่อนไว้ แต่อยากนั่งรถไฟนอนดู
เวลาประมาณ 07.10 น. รถไฟก็เข้าสู่สถานีรถไฟเชียงใหม่แล้วววววว เราก็มัวแต่เตรียมสะพายของมองขึ้นมาอีกทีคุณลุงไปยืนตรงประตูทางลงแล้ว พร้อมทั้งโบกมือให้เราแล้วพูดว่า'โชคดีนะ' (คุณลุงใจดีไปแล้ววว



) พอลงมาจากรถไฟ ไม่รอช้าเดินไปกลุ่มลุงๆป้าๆที่ยืนเรียกลูกค้าขึ้นรถตัวเองอยู่
"ไปอาเขตครับผม"
'100 บาทนะหนู ไปกับป้าเลย'
เราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น ไม่ต่อราคาด้วย เดินต๊อกแต๊กๆไปขึ้นรถป้าแกหน้าตาเฉย ป้าแกก็หาลูกค้าอีก 2 - 3 คนแล้วก็ออกรถมุ่งหน้าไปอาเขต ในขณะที่รถกำลังจะเลี้ยวออก หูเราก็สะดุดกับเสียงๆนึงว่า "อาเขต 50 บาทเลยน้อง ขึ้นมาเลยๆ" ป้าคร้าบบบบบบบ ทำไมป้าทำอย่างงี้~~~~~~~


ถึงอาเขตปุ๊บ ก็ควักตังจ่ายป้าแกด้วยอาการนอยๆไป 100 บาท แล้วก็หันหน้าไปเดินหาร้านมอไซต์ที่จองไว้ ซึ่งได้แก่ Bikky Chiangmai นี่เองงงงงงงงงง ทางร้านก็บริการดี๊ดี (แม้ว่าจะมีคนดูร้านคนเดียว ณ ตอนนั้นก็ตาม) ถามว่าจองรถยี่ห้ออะไรไว้ จะไปไหนบ้าง เค้าจะได้แนะนำรถที่ดีแล้วก็เหมาะสมกว่าที่จองไว้ให้ถ้าเราโอเค สุดท้ายจึงได้พาหนะคู่ใจคือ Wave 125 มาคันนึง ยอมรับเลยว่า จขกท ก็ขี่มอไซต์มานานนะ แต่ขี่แบบมีเกียร์เนี่ยไม่ค่อยจะคล่องเท่าไร แต่ทางร้านก็แนะนำว่าทางไกลแบบเนี่ย Wave 125 โอแน่นอน ประหยัดด้วย จขกท ก็เลยยินดีที่จะรับมาาาา (เพราะมันประหยัดน้ำมันนี่แหละะะ) โดนค่าเช่าไปทั้งหมด 5 วัน วันละ 300 บาท เป็นเงิน 1,500 บาทททททท ได้รถมาปุ๊บก็มุ่งหน้าไปปั๊มน้ำมันก่อนเลย เสร็จแล้วก็นั่งนิ่งๆบนมอไซต์แล้วควักเอาเพื่อนสนิทขึ้นมานั้นก็คือมือถือพร้อม GPS เพื่อเปิดหาเส้นทางงงงงงง (แต่น แตน แต๊นนนนน


) พอดูแผนที่ก็พบว่าเชียงดาวก็ไม่ไกลเท่าไรนี่หว่าาาา ไปถึงก็น่าจะเร็วเกินไป แวะไปเที่ยวที่อื่นก่อนดีกว่า และแล้วก็ตกลงที่ Grand Canyon ย่อน ย่อน ย่อนนนน ไม่รอช้า บึ่งมอไซต์มุ่งออกนอกตัวเมืองเชียงใหม่ทันที
บรื้นนนน~~~~~~~
เอี๊ยดดดดดดดดดด~~~~~~
ไม่นานเท่าไร จขกท ก็ถึง Grand Canyon (เอาจริงๆมันนานเพราะว่า จขกท หลงทางขี่เลยไปประมาณ 5 กิโลเมตร 5555555) มาถึงก็จ่ายค่าบัตรเข้า 50 บาท คนขายบัตรก็นิสัยดี๊ดีบอกว่าถ้าจะลงน้ำฝากของได้นะคร้าบ ไอ้เราก็หันไปบอกเค้าว่าไม่ลงคร้าบบ เสื้อผ้ามีไม่พอ 5555555 (เหมือนกวนเค้ายังไงก็ไม่รู้)
นี่ไง Grand Canyonnnnnn
สวยมากกกกกก ขนาดแดดแรงยังมีลมเย็นๆพัดมาเลย
อ่อยยย อยากโดดน้ำมว๊ากกกกกกก
ปะ ออกเดินทางไปเชียงดาวกันดีกว่า (รีบอะไรเบอร์นั้นนน 5555555) เปิด GPS ดูว่าขี่ไปทางไหน ระยะทางเท่าไร ซึ่งดูรวมๆแล้ว(มีเสน่ห์เหลือเกินนน) 100 กิโลเมตรได้ O_O!! ไกลโพดๆ เอ้า!!ลุยยยยยยยยยยย ขี่มอไซต์ออกจาก Grand Canyon ประมาณ 9-10 โมง ถึงด่านเก็บค่าขึ้นเชียงดาวก็เที่ยงๆบ่ายๆแล้ว ก็นั่งคิดซักพักว่าจะขี่ขึ้นไปดีมั้ยน้าาาา สุดท้ายคิดไปคิดว่าก็ เอาวะ!! ไหนๆมาแล้วก็ขอลุยให้สุดละกันนนนน ขี่ขึ้นไปโลดดดดดดด ถึงบ้านดอยหมอกตอนประมาณบ่าย 2 นิดๆ (ระหว่างทางขึ้น จขกท ไม่ขออธิบายเพราะมันยากลำบากมากกกก จขกท นี่แทบจะลากเกียร์ 1 ยาวๆ แนะนำว่าใครขี่ไม่คล่อง ตกใจง่าย อย่าขี่ขึ้นเชียวว อันตรายมากเพราะโค้งอันตรายเยอะ **ใครขี่ขึ้นก็แนะนำให้บีบแตรตามโค้งด้วยเพื่อให้สัญญาณนะจ๊ะ**) เจ้าของบ้านดอยหมอกก็ต้อนรับดีมากพาไปที่เต๊นท์ที่จองไว้ (บ้านมันเต็มหมดแล้วเลยจองเต๊นท์แทนนนน TTvTT) พอเข้าไปในเต๊นท์ก็พบกับหมอนและผ้าห่มอย่างหนาาาาานุ่มมมมม นอนสบายมากก็เลยนอนพักไปงีบนึง ตื่นมาอีกทีก็ 4 โมงกว่าละ ก็เลยเดินไปรอบบริเวณนั้น ไปบ้านระเบียงดาว บ้านนู่นบ้านนี่ จนประมาณ 5 โมงนิดๆก็เดินกลับไปที่เต๊นท์ เจ้าของก็บอกว่ากับข้าววางให้แล้วนะครับ ทานได้เต็มที่ ไม่อิ่มขอเพิ่มได้ (สุดยอดเลยยยย)
ไม่รอช้า จขกท ก็กินนนนนนนนนนนนนนนนนน ข้าวหม้อนึงคนเดียวจนหมด น้ำพริกเค้าอร่อยจริงๆ กินกับไข่เจียวนี่แซ่บมากกกก (ใครรู้ว่าเป็นน้ำพริกอะไรบอกหน่อยนะครัช) กินอิ่มก็ได้เวลาอาบน้ำแล้ววว (จขกท ค่อนข้างโชคดีเพราะว่าได้เต๊นท์ที่มีห้องน้ำเป็นของตัวเอง


) พอน้ำตู้มแรกมาก็แข็งเลยจ้าาาาาา หนาววววววววววววววว จายยยยยยยยยยจะขาดดดดดดดดดดดดด 5555555 หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ปูเสื่อหน้าเต๊นท์นอนดูท้องฟ้ากับดอยหลวงเชียงดาวเพลินๆ พอฟ้าเริ่มมือก็เริ่มเห็นดาวชัดมากกกกกก คืนที่ดาวเต็มฟ้าาาาาา ช้านนนนนนจินตนาการเป็นหน้าเธอออ 555555 ฟ้าเปิดสุดๆ (สวยมากกกกกกกกกก แต่กล้อง จขกท ถ่ายไม่ได้ TT_TT) เห็นดาวตก 2 ดวง ฟริ้วววววววววววววววว~~~ ล่วงไปอย่างเร็ว ปลื้มอกปลืมใจมากกกกกกกกก เพราะไม่เคยเห็น แต่ปลื้มได้ไม่นานก็ต้องรีบเข้าเต๊นท์เพราะน้ำค้างเริ่มมาละ รีบเข้าเต๊นท์นอนดีกว่าาาาา
นี่ไงงงงงง เต๊นท์ของเราาาาา
บ้านระเบียงดาววววว ถ่ายไม่สวยนะแจ๊ะ
ใครไม่ได้พักก็มานั่งเล่นได้น้าาา น้ำของบ้านระเบียงดาวสดชื่นนนนน
ดอกไม้สวยมว๊ากกกกกก
บ้านหมอกตะวันนนนน มีเจ้าของเฝ้าดั้วะะะ 55555
กับข้าวมื้อเย็นนน อร่อยมว๊ากนะจ๊ะ
เดี๋ยวในวันพรุ่งนี้ จขกท จะมาต่อนะครับบ วันนี้ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานนนนนน
[BackPacker] หนีร้อนไปหาหนาว หนีรักไปพักใจ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก!! ที่กระผมจะมาทำการรีวิวการไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว 5 วัน 5 คืน 3 ดอย
เนื่องด้วยตัว จขกท พึ่งจะเลิกกับแฟนได้ไม่นาน จขกท ก็ยังคงเศร้าเสียจายยยยยย (TT__TT) แต่แล้วก็ไปเตะตากับกระทู้ท่องเที่ยวหนึ่งของพันทิป เลยตัดสินใจออกเดินทางเปลี่ยนสถานที่ที่อยู่เพื่อลืมความรู้สึกเสียใจ (ดื่มเพื่อลืมเธอวววว
Plan ในใจของ จขกท ก็คืออออออออออออออออ.....
ไปนอนพักใจที่บ้านดอยหมอก เชียงดาว
ไปให้ดอกไม้ฟื้นฟูพลังใจที่สถานีเกษตร ดอยอ่างขาง
ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ยอดดอยอันดับ 2 ดอยผ้าห่มปก
ไม่รอช้าเก็บกระเป๋าใส่กระเป๋า Backpack สีเขียวสดใสที่พึ่งถอยออกมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะ หายืมเต๊นท์ (เนื่องจากเป็นทริปกะทันหันทำให้ยืมรุ่นพี่ที่ทำงานมา 55555) หายืมถุงนอน (อันนี้ก็เช่นกัน
ในตอนแรก จขกท ตั้งใจจะเดินทางไปและกลับด้วยรถไฟขบวนใหม่ ไฉไลกว่ากว่าเดิม ให้เหมาะกับชีวิตโ*ตร Slow Life (ความจริงแล้วมันน่านอนต่างหาก =_=") ปรากฎว่าพอโทรไปจอง ได้แค่ขาไปอย่างเดียวคือรอบ 18.10 น. ของวันที่ 30 พ.ย. ขากลับจึงต้องนั่งรถบัสกลับกรุงเทพ (ซึ่งจองก่อนการเดินทาง 3 วัน นับว่าโชคดีมว๊ากกกที่ยังจองได้ )
ถึงวันที่จะออกเดินทางแล้วววววววววววววววววววว ตื่นเต้นโพดๆ 555555 จขกท ด้วยความที่กลัวจะขึ้นรถไฟไม่ทันเลยโบก Taxi จากพระราม 2 ตอน 15.30 น. บอกคนขับว่าไปหัวลำโพงด่วนครับบบบ พี่แกก็จัดให้ไม่รอช้าถึงหัวลำโพงตั้งแต่ 16.00 น. นั่งรอจนก้นแฉะ 55555555
พอเวลาประมาณ 17.50 น. จขกท ก็สะพายสัมภาระที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัมมาที่รถไฟขบวนใหม่ สวยเช้งงงงงง น่านอนมากกกก
***Review Online : สภาพรถไฟถือว่าใหม่ และสวยมาก ทางเดินกว้างเดินได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเบียดกัน เก้าอี้นั่งค่อนข้างสบาย แข็งไปนิดนึง ส่วนของกินบนรถไฟก็ถือว่าโอเคในระดับนึงเลย แพงกว่า 7-11 ประมาณ 10-20 บาท ได้ แต่ก็ทำให้อิ่มท้องพอสมควร***
พอกลับมาจากตู้เสบียงก็พบคุณลุงคนนึงท่าทางใจดีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งเรา เราก็เลยนั่งลงแล้วบรรจงแกะของกินที่ซื้อมากิน
"ของกินนี่เค้าแจกหรือเปล่า" คุณลุงถามขึ้นมา
"ไม่ได้แจกคร้าบ แจกแต่น้ำ" พร้อมทั้งชี้นิ้วให้คุณลุงดู
คุณลุงก็ยิ้มๆแล้วก็หยิบขวดน้ำของตัวเองขึ้นมาเปิดแล้วดื่มน้ำ จากนั้นซักพักใหญ่ๆ ประมาณ 2 ทุ่มเศษๆ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถของ จขกท ก็เริ่มมาปรับเบาะนั่งให้กลายเป็นเตียงนอน คุณลุงได้เตียงบน คุณลุงก็ใจดี๊ดีหันมาถาม จขกท ก่อนว่าเราจะนอนหรือยัง เราก็เลยบอกว่านอนเลยก็ได้ครับ~ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการปรับที่นั่งให้กลายเป็นเตียงในพริบตาาาาาาาาา *-*
หลังจากนั้น จขกท ก็หลับไปด้วยความเพลียยยย~~~~~~
จขกท ตื่นขึ้นมาตอนตี 5 นิดๆ อากาศในตู้นอนเย็นๆกำลังดีเลย เด็กๆในขบวนของ จขกท ก็เริ่มส่งเสียงเจี้ยวจ้าวละ (ไม่เป็นไรเพราะ จขกท ร๊ากกกกกกเด็กกกกกกก
เวลาประมาณ 07.10 น. รถไฟก็เข้าสู่สถานีรถไฟเชียงใหม่แล้วววววว เราก็มัวแต่เตรียมสะพายของมองขึ้นมาอีกทีคุณลุงไปยืนตรงประตูทางลงแล้ว พร้อมทั้งโบกมือให้เราแล้วพูดว่า'โชคดีนะ' (คุณลุงใจดีไปแล้ววว
"ไปอาเขตครับผม"
'100 บาทนะหนู ไปกับป้าเลย'
เราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น ไม่ต่อราคาด้วย เดินต๊อกแต๊กๆไปขึ้นรถป้าแกหน้าตาเฉย ป้าแกก็หาลูกค้าอีก 2 - 3 คนแล้วก็ออกรถมุ่งหน้าไปอาเขต ในขณะที่รถกำลังจะเลี้ยวออก หูเราก็สะดุดกับเสียงๆนึงว่า "อาเขต 50 บาทเลยน้อง ขึ้นมาเลยๆ" ป้าคร้าบบบบบบบ ทำไมป้าทำอย่างงี้~~~~~~~
ถึงอาเขตปุ๊บ ก็ควักตังจ่ายป้าแกด้วยอาการนอยๆไป 100 บาท แล้วก็หันหน้าไปเดินหาร้านมอไซต์ที่จองไว้ ซึ่งได้แก่ Bikky Chiangmai นี่เองงงงงงงงงง ทางร้านก็บริการดี๊ดี (แม้ว่าจะมีคนดูร้านคนเดียว ณ ตอนนั้นก็ตาม) ถามว่าจองรถยี่ห้ออะไรไว้ จะไปไหนบ้าง เค้าจะได้แนะนำรถที่ดีแล้วก็เหมาะสมกว่าที่จองไว้ให้ถ้าเราโอเค สุดท้ายจึงได้พาหนะคู่ใจคือ Wave 125 มาคันนึง ยอมรับเลยว่า จขกท ก็ขี่มอไซต์มานานนะ แต่ขี่แบบมีเกียร์เนี่ยไม่ค่อยจะคล่องเท่าไร แต่ทางร้านก็แนะนำว่าทางไกลแบบเนี่ย Wave 125 โอแน่นอน ประหยัดด้วย จขกท ก็เลยยินดีที่จะรับมาาาา (เพราะมันประหยัดน้ำมันนี่แหละะะ) โดนค่าเช่าไปทั้งหมด 5 วัน วันละ 300 บาท เป็นเงิน 1,500 บาทททททท ได้รถมาปุ๊บก็มุ่งหน้าไปปั๊มน้ำมันก่อนเลย เสร็จแล้วก็นั่งนิ่งๆบนมอไซต์แล้วควักเอาเพื่อนสนิทขึ้นมานั้นก็คือมือถือพร้อม GPS เพื่อเปิดหาเส้นทางงงงงงง (แต่น แตน แต๊นนนนน
บรื้นนนน~~~~~~~
เอี๊ยดดดดดดดดดด~~~~~~
ไม่นานเท่าไร จขกท ก็ถึง Grand Canyon (เอาจริงๆมันนานเพราะว่า จขกท หลงทางขี่เลยไปประมาณ 5 กิโลเมตร 5555555) มาถึงก็จ่ายค่าบัตรเข้า 50 บาท คนขายบัตรก็นิสัยดี๊ดีบอกว่าถ้าจะลงน้ำฝากของได้นะคร้าบ ไอ้เราก็หันไปบอกเค้าว่าไม่ลงคร้าบบ เสื้อผ้ามีไม่พอ 5555555 (เหมือนกวนเค้ายังไงก็ไม่รู้)
ปะ ออกเดินทางไปเชียงดาวกันดีกว่า (รีบอะไรเบอร์นั้นนน 5555555) เปิด GPS ดูว่าขี่ไปทางไหน ระยะทางเท่าไร ซึ่งดูรวมๆแล้ว(มีเสน่ห์เหลือเกินนน) 100 กิโลเมตรได้ O_O!! ไกลโพดๆ เอ้า!!ลุยยยยยยยยยยย ขี่มอไซต์ออกจาก Grand Canyon ประมาณ 9-10 โมง ถึงด่านเก็บค่าขึ้นเชียงดาวก็เที่ยงๆบ่ายๆแล้ว ก็นั่งคิดซักพักว่าจะขี่ขึ้นไปดีมั้ยน้าาาา สุดท้ายคิดไปคิดว่าก็ เอาวะ!! ไหนๆมาแล้วก็ขอลุยให้สุดละกันนนนน ขี่ขึ้นไปโลดดดดดดด ถึงบ้านดอยหมอกตอนประมาณบ่าย 2 นิดๆ (ระหว่างทางขึ้น จขกท ไม่ขออธิบายเพราะมันยากลำบากมากกกก จขกท นี่แทบจะลากเกียร์ 1 ยาวๆ แนะนำว่าใครขี่ไม่คล่อง ตกใจง่าย อย่าขี่ขึ้นเชียวว อันตรายมากเพราะโค้งอันตรายเยอะ **ใครขี่ขึ้นก็แนะนำให้บีบแตรตามโค้งด้วยเพื่อให้สัญญาณนะจ๊ะ**) เจ้าของบ้านดอยหมอกก็ต้อนรับดีมากพาไปที่เต๊นท์ที่จองไว้ (บ้านมันเต็มหมดแล้วเลยจองเต๊นท์แทนนนน TTvTT) พอเข้าไปในเต๊นท์ก็พบกับหมอนและผ้าห่มอย่างหนาาาาานุ่มมมมม นอนสบายมากก็เลยนอนพักไปงีบนึง ตื่นมาอีกทีก็ 4 โมงกว่าละ ก็เลยเดินไปรอบบริเวณนั้น ไปบ้านระเบียงดาว บ้านนู่นบ้านนี่ จนประมาณ 5 โมงนิดๆก็เดินกลับไปที่เต๊นท์ เจ้าของก็บอกว่ากับข้าววางให้แล้วนะครับ ทานได้เต็มที่ ไม่อิ่มขอเพิ่มได้ (สุดยอดเลยยยย)
ไม่รอช้า จขกท ก็กินนนนนนนนนนนนนนนนนน ข้าวหม้อนึงคนเดียวจนหมด น้ำพริกเค้าอร่อยจริงๆ กินกับไข่เจียวนี่แซ่บมากกกก (ใครรู้ว่าเป็นน้ำพริกอะไรบอกหน่อยนะครัช) กินอิ่มก็ได้เวลาอาบน้ำแล้ววว (จขกท ค่อนข้างโชคดีเพราะว่าได้เต๊นท์ที่มีห้องน้ำเป็นของตัวเอง
เดี๋ยวในวันพรุ่งนี้ จขกท จะมาต่อนะครับบ วันนี้ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานนนนนน