Sword Master ดัดแปลงจากนวนิยายกำลังภายในของโกวเล้งที่เขียนเมื่อปี 2518 เรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ ย (The Third Master’s Sword) และในปี 2016 ถือเป็นเวลาอันเหมาะเจาะในการเอาหนังที่เคยสร้างชื่อให้เขาเรื่อง The Death Duel ซึ่งตัว เอ๋อตงเซิน รับบทเป็น คุณชายสาม พระเอกของเรื่อง กลับมาปัดฝุ่นใหม่ นำเสนอเรื่องราวของสองชายที่ห้ำหั่นกันไม่เพียงแค่ความเป็นที่หนึ่ง แต่เพราะความลุ่มหลงในเพลงกระบี่อย่างถอนตัวไม่ขี้น การนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ กำกับโดย เอ๋อตงเซิน ในครั้งนี้ จะเป็นการนำนิยายของโกวเล้งกลับมาบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง
เอ๋อตงเซิน กล่าวถึงการร่วมงานกับ ฉีเคอะ “ผมกับฉีเคอะอยากจะร่วมงานกับสร้าง Sword Master มาตั้งแต่ปี 1998 แล้วครับ เราทั้งสองต่างตั้งใจจริงกับโปรเจคต์นี้ และต่อสู้เพื่อมันมาอย่างยาวนาน ในการทำมันขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง ฉีเคอะได้ให้ไอเดียสุดยอดกับผมมากมาย แถมยังพาผมไปรู้จักกับเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นยอดที่ผมแทบจะไม่ได้สัมผัสมาก่อน คุณสามารถพูดได้เลยว่า Sword Master คือหนังที่เกิดขึ้นจากหัวใจและความรักของพวกเราโดยแท้จริง”
“มีหลายคนเป็นห่วงว่าเราจะมีปัญหากัน หากร่วมงานกัน แต่กลับเป็นว่า ฉีเคอะ เข้ามาช่วยในด้านเทคนิคการถ่ายทำ รวมไปถึงคิวบู๊ ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของหนัง” ซึ่ง เอ๋อตงเซิน ยังคงมีบทบาทในเรื่องของบทหนังมากกว่าและได้วางบท เจี่ยเฮียวฮง ให้มีความแข็งแกร่งกว่า เจี่ยเฮียวฮง เวอร์ชั่นเขาเคยแสดงไว้อีกด้วย
เอ๋อตงเซิน ผู้กำกับ Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา ถูกถามถึง วงการภาพยนตร์ในจีนที่มีคนในวงการภาพยนตร์ของฮ่องกงในอดีตเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าตัวนักแสดง โดยเขาได้บอกว่า “ถ้าหากต้นทุนสัดส่วนของภาพยนตร์ 1 เรื่อง ไม่สมดุลกัน หมายถึงส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ก็จะมีผลต่อ คุณภาพโดยรวม ของภาพยนตร์เรื่องนั้น สำหรับ Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา ในจำนวนทุนสร้างทั้งหมด เขาใช้มันไปเพียง 20% เท่านั้น สำหรับด้านค่าตัวนักแสดงทั้งหมด ทำให้งานที่จะต้องใช้เงินในช่วงหลังจากถ่ายทำ โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคภาพพิเศษ หรือ ซีจี สามารถมีเงินคงเหลือมากพอที่จะใช้อย่างคุ้มค่า
คลิปเบื้องหลัง ฉบับ เอ๋อตงเซิน

ทำไมต้องเป็น หลินเกิงซิน ?
เอ๋อตงเซิน มองเห็นภาพลักษณ์ของ หลินเกิงซิน ในวันแรกที่พบกัน ทั้งในเรื่องของสไตล์การแต่งตัว แต่สำคัญคือ หลินเกิงซิน ตรงตามบุคลิกของ เจี่ยเฮียวฮง ที่เขาคิดไว้ ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา แต่ก็สามารถเป็นชายพเนจรได้ สามารถแสดงเป็นตัวละครที่จะต้องเติบโต โดยเปรียบเทียบกับตัวเขาเอง ที่ตอนรับบท เจี่ยเฮียวฮง ในปี 1977 เขามีอายุเพียง 19 ปี แต่ต้องแสดงบทที่เป็นผู้ใหญ่กว่าตัวเอง

พูดถึงหนังเรื่องนี้ที่ถ่ายทำเป็นในระบบ 3 มิติ เอ๋อคงเซิน บอกว่า ในประเทศจีนตอนนี้มีจอภาพยนตร์รวมๆกันประมาณ 40000 จอ แต่ในจำนวนทั้งหมดมีทั้งที่รองรับ 3 มิติ ได้ แต่ก็มีอีกจำนวนมากกว่า 50%ที่ยังไม่มีระบบฉายรองรับ เขาเสียดายมากและไม่สามารถทำให้ทั้งหมดได้ชมในระบบ 3 มิติได้ และรายละเอียดสำคัญคือ ฉากต่อสู้ที่ใช้ลวดสลิง ความปลอดภัยของนักแสดงก็สำคัญที่สุด แม้อยากจะได้ภาพที่ดีแค่ไหน สำหรับตัวเขา ความปลอดภัยยังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับหนังแอ็คชั่นเสมอ

Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา
15 ธันวาคม ฉายในระบบปกติ และ 3 มิติ
ปิดท้ายด้วย คลิปเบื้องหลัง ฉบับ ฉีเคอะ
เบื้องหลังงานสร้าง Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา《三少爺的劍》(มีคลิป)
เอ๋อตงเซิน กล่าวถึงการร่วมงานกับ ฉีเคอะ “ผมกับฉีเคอะอยากจะร่วมงานกับสร้าง Sword Master มาตั้งแต่ปี 1998 แล้วครับ เราทั้งสองต่างตั้งใจจริงกับโปรเจคต์นี้ และต่อสู้เพื่อมันมาอย่างยาวนาน ในการทำมันขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง ฉีเคอะได้ให้ไอเดียสุดยอดกับผมมากมาย แถมยังพาผมไปรู้จักกับเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นยอดที่ผมแทบจะไม่ได้สัมผัสมาก่อน คุณสามารถพูดได้เลยว่า Sword Master คือหนังที่เกิดขึ้นจากหัวใจและความรักของพวกเราโดยแท้จริง”
“มีหลายคนเป็นห่วงว่าเราจะมีปัญหากัน หากร่วมงานกัน แต่กลับเป็นว่า ฉีเคอะ เข้ามาช่วยในด้านเทคนิคการถ่ายทำ รวมไปถึงคิวบู๊ ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของหนัง” ซึ่ง เอ๋อตงเซิน ยังคงมีบทบาทในเรื่องของบทหนังมากกว่าและได้วางบท เจี่ยเฮียวฮง ให้มีความแข็งแกร่งกว่า เจี่ยเฮียวฮง เวอร์ชั่นเขาเคยแสดงไว้อีกด้วย
เอ๋อตงเซิน ผู้กำกับ Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา ถูกถามถึง วงการภาพยนตร์ในจีนที่มีคนในวงการภาพยนตร์ของฮ่องกงในอดีตเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าตัวนักแสดง โดยเขาได้บอกว่า “ถ้าหากต้นทุนสัดส่วนของภาพยนตร์ 1 เรื่อง ไม่สมดุลกัน หมายถึงส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ก็จะมีผลต่อ คุณภาพโดยรวม ของภาพยนตร์เรื่องนั้น สำหรับ Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา ในจำนวนทุนสร้างทั้งหมด เขาใช้มันไปเพียง 20% เท่านั้น สำหรับด้านค่าตัวนักแสดงทั้งหมด ทำให้งานที่จะต้องใช้เงินในช่วงหลังจากถ่ายทำ โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคภาพพิเศษ หรือ ซีจี สามารถมีเงินคงเหลือมากพอที่จะใช้อย่างคุ้มค่า
คลิปเบื้องหลัง ฉบับ เอ๋อตงเซิน
ทำไมต้องเป็น หลินเกิงซิน ?
เอ๋อตงเซิน มองเห็นภาพลักษณ์ของ หลินเกิงซิน ในวันแรกที่พบกัน ทั้งในเรื่องของสไตล์การแต่งตัว แต่สำคัญคือ หลินเกิงซิน ตรงตามบุคลิกของ เจี่ยเฮียวฮง ที่เขาคิดไว้ ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา แต่ก็สามารถเป็นชายพเนจรได้ สามารถแสดงเป็นตัวละครที่จะต้องเติบโต โดยเปรียบเทียบกับตัวเขาเอง ที่ตอนรับบท เจี่ยเฮียวฮง ในปี 1977 เขามีอายุเพียง 19 ปี แต่ต้องแสดงบทที่เป็นผู้ใหญ่กว่าตัวเอง
พูดถึงหนังเรื่องนี้ที่ถ่ายทำเป็นในระบบ 3 มิติ เอ๋อคงเซิน บอกว่า ในประเทศจีนตอนนี้มีจอภาพยนตร์รวมๆกันประมาณ 40000 จอ แต่ในจำนวนทั้งหมดมีทั้งที่รองรับ 3 มิติ ได้ แต่ก็มีอีกจำนวนมากกว่า 50%ที่ยังไม่มีระบบฉายรองรับ เขาเสียดายมากและไม่สามารถทำให้ทั้งหมดได้ชมในระบบ 3 มิติได้ และรายละเอียดสำคัญคือ ฉากต่อสู้ที่ใช้ลวดสลิง ความปลอดภัยของนักแสดงก็สำคัญที่สุด แม้อยากจะได้ภาพที่ดีแค่ไหน สำหรับตัวเขา ความปลอดภัยยังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับหนังแอ็คชั่นเสมอ
Sword Master 3D ดาบปราบเทวดา
15 ธันวาคม ฉายในระบบปกติ และ 3 มิติ
ปิดท้ายด้วย คลิปเบื้องหลัง ฉบับ ฉีเคอะ