14 วัน แห่งความผูกพัน ... ยินดีที่ได้รู้จักนะ ส้มฉุน ^^

ผมมีเรื่องจะเล่า เกี่ยวกับแมวตัวหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสรู้จักมันโดยบังเอิญ ...
วันนั้นผมไปงานแต่งงานของน้องในกลุ่มที่เที่ยวด้วยกันที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา อ.บ้านโพธิ์ ...
ผมก็กะไปถ่ายรูปให้บ่าวสาวในงาน เป็นช่างภาพแซม ๆ หามุมที่ดีที่สุด แอบถ่ายบ้าง อะไรบ้าง ...
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยง ในงานก็มีการเปิดเพลง แขกก็เริ่มทยอยเข้ามาในงาน ที่อาศัยศาลาเอนกประสงค์ของ รร.แห่งหนึ่ง เป็นที่จัดงาน ...
บริเวณนั้น มีหมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไร ก็ถ่ายรูป ทานอาหารไปเรื่อย ...

สักพักหนึง ... ผมเหลือไปเห็นลูกแมวตัวเล็ก ๆ เดินตุ้มตะ ตุ้มตุ้ย ฝ่าดงเท้าเด็กจัดงาน และแขกเหรื่อที่มาในงาน เงยหน้าร้องแง้ว ๆ แข่งกับเสียงเพลงที่ดังอึกทึก ... ร้องไป หลบเท้าไป ... แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน ... แต่ผมเห็นมันละ 555

ในใจคิด ... ไม่ ๆ ๆ ไม่เอากลับหรอก ถึงมันจะน่ารัก แต่ที่บ้านมี 8 ตัวละ แถม รร.นี้ด้านหลังเป็นวัดอีก มันไม่อดแน่นวล ... แต่ตาก็คอยสังเกตมันไม่วางตา ... ถ่ายรูปเจ้าบ่าว เจ้าสาว ไม่เอาละ 55555 (เค้ามีช่างภาพหลักอยู่แล้วนะครับ อิอิ)

หลังจากสังเกตมันอยู่ พักหนึ่งมันเริ่มใกล้เข้ามาหาโต๊ะผม ... มันไม่ทันมอง หรือมองไม่ทัน คนที่เดินก็ไม่ได้สังเกตมัน เพราะมันตัวเล็ก ... มันโดนเท้าสะกิด กลิ้งโค่โล่ เข้าไปใต้ท้องรถกระบะ ... ผมวางกล้องแล้ววิ่งเข้าชาร์ต ทันที !!

มันมองหน้าผม แล้วร้องแง้ว ๆ แล้วก็ยอมใให้จับแต่โดยดี ในใจผมยังคิดว่ามันจะกระโดดหนีซะอีก 5555

ผมเลยพามันไปที่โต๊ะ มันวิ่งไปทักทายทุกคน ที่เลี้ยงแมว อย่างน่าประหลาดใจ (รู้ได้ไงวะ !?) คือคนที่มันไปปีนตักเค้าทุกคนมีแมวที่บ้านทุกคนเลย ... ไปนั่งบนตักเค้าแล้วก็มองหน้าร้องเงี๊ยว ๆ ... ทุกคนเลย แกะเป็ด แกะปลา ให้มันกิน .... โอ้ว มันกินอย่างรวดเร็วมาก ป้อนหาย ป้อนหาย ทุกคนมองมันแล้วหัวเราะกันใหญ่ ... ในใจคิด กุซวยแล้ว แมวเลือกกุแน่แล้ว ฮ่า

มันกินอิ่ม มันก็เริ่มหาที่นอน ... ปีนขึ้นมานอน หงุด ๆ อยู่บนกระเป๋ากล้องผม ^o^


มีเปลี่ยนท่าไปเรื่อย ๆ


คนผ่านไป ผ่านมามันก็แอบมองอย่างสนใจ ...


จนกระทั่ง เวลาบ่าย ทุกคนกำลังคุยว่ากำลังจะกลับ .... ผมก็เริ่มเกิดความลังเลในหัว ... จะเอาแมวกลับดีไม่กลับดี ... เพราะถ้ามันอยู่กับแม่มันคงจะดีกว่าอยู่กับเรา ... ผมก็เริ่มเดินหาแม่มันเพื่อจะเอามันไปส่ง เพราะมันเริ่มเดิน เข้าไปในงาน ร้องเงี๊ยว ๆ คิดว่ามันคงจะเดินหาแม่ ...

เฝ้ามองมันอยู่สักพัก เห็นมันเริ่มที่จะสุ่มเสี่ยงโดนเตะอีกรอบ ก็เลยวิ่งไปอุ้มมันมานั่งบนบ่าให้มันมองหาแม่ ...

ผมเดินวนรอบ โรงเรียน ... รอบวัด ... รอบสถานที่จัดงาน ... ไม่เห็นวีแวว แมวซักตัว ...

แต่ระหว่างที่เดินไป ทางมันเงียบ ๆ มันหันมามองผม ร้องมี๊ ๆ เบา ๆ พร้อมครางในลำคอ มือผมก็ลูบตัวมันไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่มันนั่งอยู่บนบ่า ... ผมว่าผมเลี้ยงแมวมาเยอะนะ แต่ไม่เคยมีตัวไหนจะนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแบบมันนะ 555

แต่พอผ่านต้นก้ามปูต้นนึงในโรงเรียน มันร้องดังขึ้นมาเหมือนให้หยุด ... ผมปล่อยมันลงมา มันกระโดดผลอยไปที่โคนต้นก้ามปู แล้วก็ฝนเล็บอย่างเมามัน ... นี่คงเป็นที่ประจำของมันละมั้ง 555 ... แต่ดูแล้วมันน่าจะแค่ 2 เดือน จะมาฝนเล็บตรงนี้ประจำเรอะ 555 ... สักพักก็อุ้มมันหาแม่มันต่อ ...

แต่เดินจนทั่วก็ไม่มีวี่แววของแมวสักตัว เห็นแต่หมา ... ผมก็เลยคิดว่า ซวยละ แถวนี้มีแต่หมา ไม่มีแมวเลย ปล่อยเจ้านี่ไว้โดนน้องหมากัดตายแหง .... ซึ่งผมคิดผิด ... ตอนหลังผมมาเอะใจว่า แมวมันไม่ชอบเสียงดังมันคงไปหลบที่ไกล ๆ กัน แค่เจ้านี่มันหิวแค่นั้นเอง เลยหลงมา

ผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะ เดินกระวนกระวายอยู่ แล้วก็มองหน้าแฟน คุยกันกับพี่ที่โต๊ะว่าเราจะเอามันกลับดีมั๊ย งู้นงี้ ... จริง ๆ ตกเป็นทาสมันตั้งแต่สบตาแล้ว 55555

จนหันเห็นมันมานั่งแบบนี้ ....


ทาสแมว เสร็จมะ ? ... อ่ะโด่ ... เสร็จทุกราย น่อ 555


สรุปแล้ว ผมก็ตามหาแม่มันไม่เจอ ... เลยต้องพามันกลับ กทม. ไปด้วย 55 ... และแฟนผมตั้งชื่อให้มันทันทีว่า .... ส้มฉุน (ก็มันสีส้ม 55)

..
.

ความผูกพันของผมกับ ส้มฉุนก็เริ่มขึ้น .... แต่มีอะไรบางอย่างที่ผมไม่ทันได้สังเกต

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คน ดูภาพ ที่ผมเจอส้มฉุนครั้งแรก จะต้องคิดเหมือนผมคือ ส้มฉุนเป็นแมวน่ารัก ... ซน ... ฉลาด ... แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ...

ส้มฉุน หน้าตาเต็มไปด้วย ขี้หู ขี้ตา แล้วขี้มูก ที่แห้งติดรูจมูก ....


ตรงนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เห็นอาจจะคิดว่า ธรรมดาของแมวจรก็มอมแมม แบบนี้ ซึ่งผมก็ว่าจริงในบางเคส ...

...และถ้าดูดี ๆ อีกนิดจะเห็นว่า ... ส้มฉุน จมูกซีด ...

ตอนที่พาส้มฉุนกลับมา สิ่งเหล่านี้ผมไม่เคยเอะใจเลยสักนิด แม้แต่จะสังเกตเห็น ...

ขณะพากลับมาในรถ ในใจก็นึกถึงแผนการรับส้มฉุนเข้าบ้าน จะให้อะไรกินดี พาไปตรวจเลือดวันไหน ฉีดยาเมื่อไหร่ จะนอนตรงไหน เต็มไปหมด ...

ระหว่างทางก็หาของกินให้ส้มฉุนไปด้วย เพราะคิดว่ามันคงหิว เพราะเริ่มร้องตลอดตอนถึงครึ่งทางแถวลาดกระบัง

ระหว่างทางซื้อเสบียงเสร็จ ก็คิดว่าไปเลี้ยงที่บ้านแม่ดีกว่า เพราะที่ค่อนข้างกว้าง แมวมักจะชอบ ส่วนอาหาร ค่ารักษาอะไรผมรับผิดชอบทั้งหมด 8-9 ตัวอยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็ โอเค ตกลงตามนั้น ... ผมเอาส้มฉุนไปส่งให้พี่สาว พี่สาวก็ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทันที ...

วันรุ่งขึ้น ก็ไปเล่นกับส้มฉุน ไปนั่งดู นั่งคุยกับพี่สาว เค้าก็ยังชมใหญ่ ว่ามันน่ารัก ฉลาด เข้ากับใครก็ง่าย ไม่มีกลัว แม่แต่แมวด้วยกันเอง

กินก็เก่ง ... แถมวิ่งเล่นอย่างร่าเริง


ก็เลยจับมันมานั่งดูนกพิราบ ... มองตาไม่กระพริบ


แล้วก็ยืนหลับซะงั้น 5555


พาออกไปดูแมวใหญ่ เล่นกัน ... เหมือนอยากจะไปเล่นด้วย ... ไว้โตก่อนค่อยไปเล่นกับเค้านะ อิอิ


เล่นจนง่วงก็มานอน ... มันมานอนหนุนแขนช้านนนนน ดูนก แมวในบ้านตัวไหนทำแบบนี้บ้างงงง เฮ้ยยย 5555


คิดว่าตัวเล็ก ... แต่นอนเหยียดยาวทีก็เต็มเบาะนะ ^^


หนาวก็นอนขดซะ เหลือก้อนกลม ๆ นิดเดียว ...


เอามือไปวาง ... ตื่นมาหนุนมือซะงั้น ^^


ตื่นมาก็ฟัดกับพี่ ๆ ... พี่ ๆ ก็รับน้องดีเกิ๊น 5555


..
.

แต่เทวดาก็เล่นตลกจังเลย ...

พอเข้าวันที่ 3 หลังจากเข้าบ้านมา .... ส้มฉุน เริ่มซึม ... ไม่ค่อยกิน หรือเล่นเหมือนเมื่อวาน ... แค่ 3 วันเอง


ที่บ้านก็เริ่มสังเกตอาการ ... จมูกส้มฉุนจะแฉะ ๆ และมีกลิ่นเหม็นมาก การหายใจของเค้า มักจะเห็นท้องเต้นไม่เป็นจังหวะในบางครั้ง

แต่ในใจยังคิด คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะอาการไม่เหมือนที่เคยเจอมา ... ก็คือ

ก่อนหน้านี้ที่บ้านผมเคยมี "หัดแมว" ระบาด จนแมวตายไป 8 ตัว เห็นอาการแต่ละตัวจนจำได้ว่า มันเป็นแบบไหน ... ซึ่งมันไม่เหมือนครั้งนี้ ก็คิดว่า อาจจะไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ .... ซึ่งผมคิดผิดมหันต์ !

เนื่องจากส้มฉุนเป็นแมวเด็ก ค่อนข้างเล็กมาก บวกกับความเครียดจากการย้ายสถานที่ ทำให้อาการทรุดเร็วมาก ... ซึ่งโรคของส้มฉุนนั่นคือ ...

"โรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ" ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้จาก Link ด้านล่างนี้ครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=slvhospital&month=26-06-2012&group=3&gblog=9

แต่แค่นั้นยังไม่พอ ...
ที่เรายังไม่รู้ก็คือ ส้มฉุนยังมีอาการของ "โลหิตจาง" ร่วมด้วย ซึ่งสังเกตได้จากจมูกของส้มฉุนจะซีด ๆ  ในภาพตอนต้น ทำให้อาการยิ่งทรุดลงหนักอย่างรวดเร็ว

ซึ่งอาการของส้มฉุนนั้น ผมไม่ได้นิ่งนอนใจเลยนะครับ พาไปหาหมอตลอดตั้งแต่วันที่ 4 , 6 , 7

ซึ่งตอนนี้ ผมยังเดาไม่ถูกว่าส้มฉุนเป็นอะไร

หาคุณหมอ คลีนิคที่เคยพาแกงค์แมวไปรักษาประจำ แต่คุณหมอไม่อยู่ จะมีอีกท่านเฝ้าแทน

ซึ่งความเห็นของท่านก็คือ ... ปากน่าจะอักเสบ เลยให้ยาฆ่าเชื้อ กับอาหารเสริมมาทาน ...

แต่ทุก ๆ อย่างมันแทบจะปิดการรักษาของส้มฉุนทั้งหมด ทั้งอาการไม่กินอาหาร ... ไม่กินอะไรเลยแม้แต่น้ำ เพราะไวรัสทำให้เกิดแผลในปากทำให้แมวไม่อยากกิน

5 วัน ต่อมา ....

เราทำได้แค่หยอดยา หยอด อาหารเสริมพวกพลังงาน หยอดน้ำ รักษาตามอาการ ... หยอดยา หยอดอาหาร ส้มฉุนก็กินบ้าง ไม่กินบ้าง

อาการต่อมา ...

ส้มฉุน เริ่มเล่นน้อยลง ... กินน้อยลง ... ขยับตัวน้อยลง

จากเคยเล่นก็จะซึม

การเคยกิน ก็กินบ้างตอนที่ทนหิวไม่ไหว คำสองคำ ก็ไปนอน

อุ้มไปวางตรงไหนก็จะอยู่ท่านั้นตลอด

นั่งหลับ ... หัวค่อยๆ จุ่มพื้น เนื่องจากอาการโลหิตจาง เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ร่างกายเลยตอนสนองด้วยการทำหัวให้ต่ำลง เพื่อเลือดจะได้พอไปเลี้ยงได้
โรคโลหิตจาง ...
ลักษณะเหงือกจะขาวซีด ส้มฉุนเป็นขั้นรุนแรง ซีดทั้งเหงือกทั้งตัว ทั้งอุ้งเท้า ขนแห้งตั้งชัน เพราะอาการขาดน้ำ ไม่มีแรง จับนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น ทั้งวัน
..
.

จนเข้าวันที่ 13


ส้มฉุน เริ่มไม่ทานอะไรเลย แม้เราจะป้อนอาหารป้อนน้ำทีละหยด น้ำซึมเข้าปากไป สักพักก็จะมีบางส่วนไหลออกมา เพราะไม่ตอบสนองแม้กระทั่งการกลืน ... คุณหมอคนที่รักษาประจำ ท่านกลับมา ให้ความเห็นว่า ต้องพยายามป้อนอาหารให้ได้มากที่สุด แมวเด็กรักษายาก มีโอกาส 50-60 % ที่จะเสียชีวิตจากอาการข้างเคียง (คือขาดน้ำ ขาดอาหาร) ... เพราะแมวยังเด็กมาก การให้น้ำเกลือ หรือการฉีดยารักษาโลหิตจางเพื่อรักษา (กรณีเกิดจากพยาธิ) เป็นไปไม่ได้เลย

...........
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แมว ช่วยเหลือสัตว์ สัตว์เลี้ยง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่