A Monster Call (9 เต็ม 10)
ถ้าหวังว่าจะเข้าไปดูหนังผจญภัยแฟนตาซี รับรองว่าผิดหวัง 100% และอาจจะรู้สึกได้ว่า หนังไม่สนุกเอาเสียเลย (มีรีวิวใน pantip ด่าหนังเรื่องนี้อยู่หลายกระทู้เหมือนกัน)
ซึ่งมันก็ไม่สนุกจริงๆ ถ้าจะนับเอาตามมาตรฐานความสนุกแบบหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ โดยปล่อยให้คนดเก็บเกี่ยวร่องรอยกันเอาเอง แต่บนความที่ไม่อาจเรียกได้ว่าสนุกนี่แหละ. แต่หนังก็เอาเราอยู่มากๆ มันไปเนิบๆ. แต่พอถึงจุดนึงมันก็เล่นงานเรารุนแรง
(มีสปอยล์เบาๆ)
เอาเข้าจริงๆ หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต+จิตวิทยา ที่มีองค์ประกอบแบบแฟนตาซีมาเป็นส่วนขยายสภาวะในจิตใจของคอนเนอร์ โอมัลเลย์ ตัวเอกที่ติดอยู่ในช่วงวัยที่เรียกว่าจะว่าเด็กก็ไม่ใช่จะว่าเป็นผู้ใหญ่ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก คอนเนอร์หรือ "คอน" เป็นเด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน มียายที่เข้ากันไม่ได้ และอาศัยอยู่กับแม่ที่กำลังป่วยหนัก
และคอนรู้อยู่แก่ใจว่าอาการป่วยของแม่หมดทางรักษา มีแต่จะคอยให้ทรุดลงเรื่อยๆ และรอวันจากลา
คอนฝันร้ายทุกคืนซ้ำๆ จนกระทั่งคืนหนึ่ง ในเวลาเที่ยงคืน เจ็ดนาที ปีศาจก็มาปรากฏตัว
อย่างไม่ซ่อนเร้นอะไร คนดูอย่างเราแทบจะรู้ได้ในไม่นานว่าปีศาจนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่อยู่ในจินตนาการของคอน หรืออาจจะเป็นส่วนลึกของจิตใจที่ซ่อนเร้นอยู่ของเขา
ปีศาจบอกว่าจะทยอยเล่านิทานให้คอนฟังทีละเรื่อง เมื่อครบสามเรื่องเมื่อไร คอนต้องเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่สี่ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป
(เริ่มสปอยล์มากขึ้น)
นิทานสามเรื่องของปีศาจก็คือการชักชวนให้คอนเห็นความซับซ้อนในจิตใจของมนุษย์ที่ไม่ได้สามารถแบ่งแยกดำขาวดีช่วกันได้ง่ายๆ เหมือนนิทานกล่อมนอนสำหรับเด็กทั่วๆไป
นิทานเรื่องแรกเล่าถึงเจ้าชายกับแม่มดที่ต่างก็มีความเลวร้ายและดีวามอยู่ในตัวปะปนกันไป
นิทานเรื่องที่สองเล่าถึงบาทหลวงหนุ่มผู้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชุมชน แต่ศรัทธาของตนกลับไม่เข้มแข็งเมื่อเผชิญกับบททดสอบที่ยากลำบาก กับหมอยาผู้โลภมาก แต่ยึดมั่นในวิถีทางของตนอย่างมั่นคง
นิทานเรื่องที่สามเล่าถึงมนุษย์ล่องหนที่แท้ที่จริงแล้วไม่ได้มีความสามารถในการล่องหน แต่เหตุที่มนุษย์ล่องหนกลายเป็นมนุษย์ล่องหน เพราะไม่มีใครมองเห็นเขา
ฉากเล่านิทานของปีศาจโดยเฉพาะสองเรื่องแรกใช้เทคนิกอนิเมชั่นคล้ายๆสีน้ำที่งามสะดุดตา แต่ก็ดูออกจะมืดหม่นเข้ากันได้ดีกับแนวทางของหนัง พร้อมๆ กับการเล่านิทานของปีศาจชีวิตของคอนก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แบบเนิบเนิบ หนักหน่วง และเต็มไปด้วยความกดดัน
นิทานทั้งสามเรื่องของปีศาจช่วยปลดปล่อยคอนออกจากฝันร้ายและแรงกดดันในจิตใจบางอย่าง เมื่อตัวเขาถูกปลดปล่อยออกจากการศีลธรรมดีชั่วแบบง่ายๆ ที่กักขังเด็กคนหนึ่งเอาไว้พร้อมกับแรงกดดันในชีวิตที่หนักอึ้ง ฉากที่ปีศาจข่มขู่จนเขาระเบิดอารมณ์เล่านิทานของเขาออกมาเป็นนิทานเรื่องที่สี่ จึงเป็นฉากที่ทำให้ข้าพเจ้าเสียน้ำตาอย่างกลั้นไม่อยู่ ด้วยสารที่หนังสื่อออกมานั้นมันแรงกระทบใจจนเกินจะระงับน้ำตาเอาไว้ได้
(ต่อไปนี้สปอยล์หนัก)
หากเรารู้ทั้งรู้อยู่ว่าความเจ็บป่วยของคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจนั้นมันไม่มีวันที่จะเยียวยาได้ และภาระที่เราต้องแบกอยู่นั้นมันหนักหนาจนแทบจะเกินทน เป็นเรื่องผิดหรือไม่ที่บางก้นบึ้งของความรู้สึกของเราจะร่ำร้องขอให้มันจบสิ้นลงเสียที
คอนตกอยู่ในสภาวะจิตใจเช่นนั้น และนี่เองที่เป็นที่มาของฝันร้ายซ้ำๆ ของเขา ฝันที่ว่ามีแผ่นดินแยกอย่างน่ากลัว แม่ของเขากำลังจะตกลงไป เขาเอื้อมมือคว้าแม้ไว้ แต่สุดท้ายมือก็หลุดออกจากกัน ทุกครั้งที่ฝันถึงฉากนี้เขาก็จะสะดุ้งตื่น แต่ในครั้งสุดท้ายนี้ เขากลับไม่ตื่นมหรือจริงๆแล้วเขาไม่ได้กำลังฝัน ปีศาจบังคับเขาให้เผชิญหน้ากับความรู้สึกจริงๆ ของตนเองเสียที และนิทานก่อนหน้านั้นของปีศาจทั้งสามเรื่องก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คอนค่อยๆ ที่จะไม่หวาดกลัวและลดความรู้สึกผิดบาปกับความฝันของตัวเองลงทีละน้อย
หลังจากนิทานของคอนจบลง เหตุการณ์ในหนังก็ค่อยๆ คลี่คลาย คอน ปีศาจมและยายของเขากลับไปยืนอยู่เคียงข้างแม่ เพื่อส่งเธอในวาระสุดท้ายของชีวิต ในเวลาเที่ยงคืน 7 นาที
ฉากสุดท้ายของหนังทิ้งร่องรอยการเชื่อมโยงระหว่าง คอน แม่ ปีศาจ และนิทานสามเรื่องนั้นเอาไว้ให้เราได้ยิ้มจางๆ พร้อมกับน้ำตารื้นๆ และสุดท้ายก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะเก็บไปคิดต่อหรือไม่คิดต่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันเชื่อมโยงกันหรือไม่ อย่างไร
[CR] A Monster Calls หนังดราม่าจิตวิทยาเคลือบแฟนตาซี น่าเบื่อ? ดีงาม? (มีสปอยล์)
ถ้าหวังว่าจะเข้าไปดูหนังผจญภัยแฟนตาซี รับรองว่าผิดหวัง 100% และอาจจะรู้สึกได้ว่า หนังไม่สนุกเอาเสียเลย (มีรีวิวใน pantip ด่าหนังเรื่องนี้อยู่หลายกระทู้เหมือนกัน)
ซึ่งมันก็ไม่สนุกจริงๆ ถ้าจะนับเอาตามมาตรฐานความสนุกแบบหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ โดยปล่อยให้คนดเก็บเกี่ยวร่องรอยกันเอาเอง แต่บนความที่ไม่อาจเรียกได้ว่าสนุกนี่แหละ. แต่หนังก็เอาเราอยู่มากๆ มันไปเนิบๆ. แต่พอถึงจุดนึงมันก็เล่นงานเรารุนแรง
(มีสปอยล์เบาๆ)
เอาเข้าจริงๆ หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต+จิตวิทยา ที่มีองค์ประกอบแบบแฟนตาซีมาเป็นส่วนขยายสภาวะในจิตใจของคอนเนอร์ โอมัลเลย์ ตัวเอกที่ติดอยู่ในช่วงวัยที่เรียกว่าจะว่าเด็กก็ไม่ใช่จะว่าเป็นผู้ใหญ่ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก คอนเนอร์หรือ "คอน" เป็นเด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน มียายที่เข้ากันไม่ได้ และอาศัยอยู่กับแม่ที่กำลังป่วยหนัก
และคอนรู้อยู่แก่ใจว่าอาการป่วยของแม่หมดทางรักษา มีแต่จะคอยให้ทรุดลงเรื่อยๆ และรอวันจากลา
คอนฝันร้ายทุกคืนซ้ำๆ จนกระทั่งคืนหนึ่ง ในเวลาเที่ยงคืน เจ็ดนาที ปีศาจก็มาปรากฏตัว
อย่างไม่ซ่อนเร้นอะไร คนดูอย่างเราแทบจะรู้ได้ในไม่นานว่าปีศาจนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่อยู่ในจินตนาการของคอน หรืออาจจะเป็นส่วนลึกของจิตใจที่ซ่อนเร้นอยู่ของเขา
ปีศาจบอกว่าจะทยอยเล่านิทานให้คอนฟังทีละเรื่อง เมื่อครบสามเรื่องเมื่อไร คอนต้องเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่สี่ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป
(เริ่มสปอยล์มากขึ้น)
นิทานสามเรื่องของปีศาจก็คือการชักชวนให้คอนเห็นความซับซ้อนในจิตใจของมนุษย์ที่ไม่ได้สามารถแบ่งแยกดำขาวดีช่วกันได้ง่ายๆ เหมือนนิทานกล่อมนอนสำหรับเด็กทั่วๆไป
นิทานเรื่องแรกเล่าถึงเจ้าชายกับแม่มดที่ต่างก็มีความเลวร้ายและดีวามอยู่ในตัวปะปนกันไป
นิทานเรื่องที่สองเล่าถึงบาทหลวงหนุ่มผู้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชุมชน แต่ศรัทธาของตนกลับไม่เข้มแข็งเมื่อเผชิญกับบททดสอบที่ยากลำบาก กับหมอยาผู้โลภมาก แต่ยึดมั่นในวิถีทางของตนอย่างมั่นคง
นิทานเรื่องที่สามเล่าถึงมนุษย์ล่องหนที่แท้ที่จริงแล้วไม่ได้มีความสามารถในการล่องหน แต่เหตุที่มนุษย์ล่องหนกลายเป็นมนุษย์ล่องหน เพราะไม่มีใครมองเห็นเขา
ฉากเล่านิทานของปีศาจโดยเฉพาะสองเรื่องแรกใช้เทคนิกอนิเมชั่นคล้ายๆสีน้ำที่งามสะดุดตา แต่ก็ดูออกจะมืดหม่นเข้ากันได้ดีกับแนวทางของหนัง พร้อมๆ กับการเล่านิทานของปีศาจชีวิตของคอนก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แบบเนิบเนิบ หนักหน่วง และเต็มไปด้วยความกดดัน
นิทานทั้งสามเรื่องของปีศาจช่วยปลดปล่อยคอนออกจากฝันร้ายและแรงกดดันในจิตใจบางอย่าง เมื่อตัวเขาถูกปลดปล่อยออกจากการศีลธรรมดีชั่วแบบง่ายๆ ที่กักขังเด็กคนหนึ่งเอาไว้พร้อมกับแรงกดดันในชีวิตที่หนักอึ้ง ฉากที่ปีศาจข่มขู่จนเขาระเบิดอารมณ์เล่านิทานของเขาออกมาเป็นนิทานเรื่องที่สี่ จึงเป็นฉากที่ทำให้ข้าพเจ้าเสียน้ำตาอย่างกลั้นไม่อยู่ ด้วยสารที่หนังสื่อออกมานั้นมันแรงกระทบใจจนเกินจะระงับน้ำตาเอาไว้ได้
(ต่อไปนี้สปอยล์หนัก)
หากเรารู้ทั้งรู้อยู่ว่าความเจ็บป่วยของคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจนั้นมันไม่มีวันที่จะเยียวยาได้ และภาระที่เราต้องแบกอยู่นั้นมันหนักหนาจนแทบจะเกินทน เป็นเรื่องผิดหรือไม่ที่บางก้นบึ้งของความรู้สึกของเราจะร่ำร้องขอให้มันจบสิ้นลงเสียที
คอนตกอยู่ในสภาวะจิตใจเช่นนั้น และนี่เองที่เป็นที่มาของฝันร้ายซ้ำๆ ของเขา ฝันที่ว่ามีแผ่นดินแยกอย่างน่ากลัว แม่ของเขากำลังจะตกลงไป เขาเอื้อมมือคว้าแม้ไว้ แต่สุดท้ายมือก็หลุดออกจากกัน ทุกครั้งที่ฝันถึงฉากนี้เขาก็จะสะดุ้งตื่น แต่ในครั้งสุดท้ายนี้ เขากลับไม่ตื่นมหรือจริงๆแล้วเขาไม่ได้กำลังฝัน ปีศาจบังคับเขาให้เผชิญหน้ากับความรู้สึกจริงๆ ของตนเองเสียที และนิทานก่อนหน้านั้นของปีศาจทั้งสามเรื่องก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คอนค่อยๆ ที่จะไม่หวาดกลัวและลดความรู้สึกผิดบาปกับความฝันของตัวเองลงทีละน้อย
หลังจากนิทานของคอนจบลง เหตุการณ์ในหนังก็ค่อยๆ คลี่คลาย คอน ปีศาจมและยายของเขากลับไปยืนอยู่เคียงข้างแม่ เพื่อส่งเธอในวาระสุดท้ายของชีวิต ในเวลาเที่ยงคืน 7 นาที
ฉากสุดท้ายของหนังทิ้งร่องรอยการเชื่อมโยงระหว่าง คอน แม่ ปีศาจ และนิทานสามเรื่องนั้นเอาไว้ให้เราได้ยิ้มจางๆ พร้อมกับน้ำตารื้นๆ และสุดท้ายก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะเก็บไปคิดต่อหรือไม่คิดต่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มันเชื่อมโยงกันหรือไม่ อย่างไร