จิตธรรมดาๆ(normal mind)ของเราที่กำลังคิดนึกตามปกติอยู่ในขณะปัจจุบันตอนนี้นี่และเดี๋ยวนี้ที่เราคุ้นเคยอย่างดีอยู่แล้วในขณะที่เรากำลังตื่นรู้สึกตัวตามปกติในชีวิตปกติประจำวันของเรานี่แหละหากเราสังเกตุดีๆจะพบว่า
1.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นความทุกข์ : เพราะความคิดของเราเป็นความทุกข์,ถ้าเราไม่คิดอะไรก็ไม่ทุกข์ เราทุกข์เพราะเราคิด ยิ่งคิดมากเราก็ทุกข์มากเครียดมาก. ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นความทุกข์.
2.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นเหตุแห่งความทุกข์ : เพราะจิตเป็นสิ่งที่สามารถบังคับควบคุมร่างกายให้เคลื่อนไหวทำตามที่จิตสั่ง,จิตจึงเป็นเหตุให้เกิดร่างกายและชีวิตในโลก(หรือร่างกายและชีวิตของเราเป็นผลมาจากความคิดของเราเอง). เมื่อจิตที่คิดนึกเป็นความทุกข์ย่อมเป็นเหตุให้เกิดร่างกายและชีวิตที่เป็นความทุกข์กายทุกข์ใจในโลก,ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นเหตุแห่งความทุกข์.
3.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นการดับแห่งความทุกข์ : เพราะความคิดของเราเป็นสิ่งมายาที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปเรื่อยๆตลอดเวลา จึงเป็นความว่างมายาที่เป็นสิ่งมีอยู่จริงก็ไม่ใช่และไม่มีอยู่เป็นความว่างจริงๆที่ไม่มีอะไรเลยก็ไม่ใช่ จึงปราศจากสิ่งต่างๆจริงๆ(รวมถึงตัวจิตเองด้วยที่เป็นความทุกข์)เรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ. จึงเป็นความว่างมายาที่ปราศจากความทุกข์สิ้นเชิง. ดังนั้น จิตของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นการดับแห่งความทุกข์.
4.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นทางแห่งการดับความทุกข์ : เพราะว่าจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เป็นมายาที่ปราศจากความทุกข์จริงๆสิ้นเชิงเรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ,เพียงเราให้จิตธรรมดาๆของเราสนใจยึดมั่นถือมั่นแต่จิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เราก็จะสามารถพ้นจากความทุกข์กายทุกข์ใจต่างๆในโลกและความทุกข์ทั้งปวงได้จริง. ซึ่งการให้จิตธรรมดาๆสนใจจิตธรรมดาๆในปัจจุบันจะเป็นการทำปัจจุบันให้ดีที่สุดจึงเป็นวิธีที่นำไปสู่ที่สุดแห่งความทุกข์ที่ปราศจากทุกข์สิ้นเชิง,ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นทางแห่งการดับความทุกข์.
ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้จึงเป็นทั้งความทุกข์,เหตุแห่งความทุกข์,การดับแห่งความทุกข์และทางแห่งการดับความทุกข์ จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเองจึงสมบูรณ์ในตัวเองล้วนๆ เราจึงไม่จำเป็นต้องสนใจยึดมั่นถือมั่นสิ่งอื่นใดมากมายให้สำคัญมากไปกว่าจิตธรรมดาๆของเรานี้.
เราทุกคนต่างก็มีจิตธรรมดาๆที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เท่าเทียมกันหมด,ดังนั้น ทุกคนจึงสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองง่ายๆทันทีว่าจิตธรรมดาๆของเราในตอนนี้เป็นความทุกข์,เหตุแห่งความทุกข์,การดับแห่งความทุกข์และทางแห่งการดับความทุกข์อย่างที่กล่าวนั้นจริงหรือไม่?ด้วยการใช้จิตธรรมดาๆของเราเข้าใจธรรมชาติธรรมดาๆของจิตธรรมดาๆของเราเองล้วนๆเท่านั้น.
เราอาจจะมัวไปสนใจสิ่งต่างๆมากมายได้ทังวันทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้สนใจจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เลย,แต่เมื่อไหร่ที่เราเกิดความทุกข์จนหาทางออกไม่ได้ขึ้นมาและเรารู้ว่าจิตธรรมดาๆที่กำลังคิดนึกในตอนนี้ของเรานั่นแหละเป็นความว่างมายาที่ปราศจากความทุกข์สิ้นเชิงเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้เราพ้นทุกข์ได้จริงทันทีในตอนนี้ที่นี่และเดี๋ยวนี้โดยไม่ขึ้นกับความทุกข์กายทุกข์ใจของร่างกายและชีวิตของเราในโลกที่ต้องทุกข์เป็นเรื่องธรรมดานั้นเลย. แล้วตอนนั้นแหละที่เราจะรู้ว่าจิตธรรมดาๆของเรามีค่าแค่ไหน?...
"การเห็นว่าความทุกข์ทั้งปวงล้วนเป็นเพียงมายา จึงไม่มีความทุกข์จริงๆให้สามารถหลุดพ้นได้จริงๆ,นั่นแหละคือวิธีการพ้นทุกข์อย่างแท้จริง,ซึ่งนั่นก็เป็นธรรมชาติตามปกติธรรมดาของจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกตามปกติธรรมดาในขณะปัจจุบันตอนนี้นั่นเอง..."
จิตธรรมดาๆของเรามีค่าแค่ไหน?
1.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นความทุกข์ : เพราะความคิดของเราเป็นความทุกข์,ถ้าเราไม่คิดอะไรก็ไม่ทุกข์ เราทุกข์เพราะเราคิด ยิ่งคิดมากเราก็ทุกข์มากเครียดมาก. ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นความทุกข์.
2.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นเหตุแห่งความทุกข์ : เพราะจิตเป็นสิ่งที่สามารถบังคับควบคุมร่างกายให้เคลื่อนไหวทำตามที่จิตสั่ง,จิตจึงเป็นเหตุให้เกิดร่างกายและชีวิตในโลก(หรือร่างกายและชีวิตของเราเป็นผลมาจากความคิดของเราเอง). เมื่อจิตที่คิดนึกเป็นความทุกข์ย่อมเป็นเหตุให้เกิดร่างกายและชีวิตที่เป็นความทุกข์กายทุกข์ใจในโลก,ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นเหตุแห่งความทุกข์.
3.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นการดับแห่งความทุกข์ : เพราะความคิดของเราเป็นสิ่งมายาที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปเรื่อยๆตลอดเวลา จึงเป็นความว่างมายาที่เป็นสิ่งมีอยู่จริงก็ไม่ใช่และไม่มีอยู่เป็นความว่างจริงๆที่ไม่มีอะไรเลยก็ไม่ใช่ จึงปราศจากสิ่งต่างๆจริงๆ(รวมถึงตัวจิตเองด้วยที่เป็นความทุกข์)เรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ. จึงเป็นความว่างมายาที่ปราศจากความทุกข์สิ้นเชิง. ดังนั้น จิตของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นการดับแห่งความทุกข์.
4.)จิตธรรมดาๆของเรา(ที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้)เป็นทางแห่งการดับความทุกข์ : เพราะว่าจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เป็นมายาที่ปราศจากความทุกข์จริงๆสิ้นเชิงเรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ,เพียงเราให้จิตธรรมดาๆของเราสนใจยึดมั่นถือมั่นแต่จิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เราก็จะสามารถพ้นจากความทุกข์กายทุกข์ใจต่างๆในโลกและความทุกข์ทั้งปวงได้จริง. ซึ่งการให้จิตธรรมดาๆสนใจจิตธรรมดาๆในปัจจุบันจะเป็นการทำปัจจุบันให้ดีที่สุดจึงเป็นวิธีที่นำไปสู่ที่สุดแห่งความทุกข์ที่ปราศจากทุกข์สิ้นเชิง,ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่คิดนึกอยู่ในตอนนี้จึงเป็นทางแห่งการดับความทุกข์.
ดังนั้น จิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกในขณะปัจจุบันตอนนี้จึงเป็นทั้งความทุกข์,เหตุแห่งความทุกข์,การดับแห่งความทุกข์และทางแห่งการดับความทุกข์ จึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเองจึงสมบูรณ์ในตัวเองล้วนๆ เราจึงไม่จำเป็นต้องสนใจยึดมั่นถือมั่นสิ่งอื่นใดมากมายให้สำคัญมากไปกว่าจิตธรรมดาๆของเรานี้.
เราทุกคนต่างก็มีจิตธรรมดาๆที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เท่าเทียมกันหมด,ดังนั้น ทุกคนจึงสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองง่ายๆทันทีว่าจิตธรรมดาๆของเราในตอนนี้เป็นความทุกข์,เหตุแห่งความทุกข์,การดับแห่งความทุกข์และทางแห่งการดับความทุกข์อย่างที่กล่าวนั้นจริงหรือไม่?ด้วยการใช้จิตธรรมดาๆของเราเข้าใจธรรมชาติธรรมดาๆของจิตธรรมดาๆของเราเองล้วนๆเท่านั้น.
เราอาจจะมัวไปสนใจสิ่งต่างๆมากมายได้ทังวันทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้สนใจจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกอยู่ในตอนนี้เลย,แต่เมื่อไหร่ที่เราเกิดความทุกข์จนหาทางออกไม่ได้ขึ้นมาและเรารู้ว่าจิตธรรมดาๆที่กำลังคิดนึกในตอนนี้ของเรานั่นแหละเป็นความว่างมายาที่ปราศจากความทุกข์สิ้นเชิงเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้เราพ้นทุกข์ได้จริงทันทีในตอนนี้ที่นี่และเดี๋ยวนี้โดยไม่ขึ้นกับความทุกข์กายทุกข์ใจของร่างกายและชีวิตของเราในโลกที่ต้องทุกข์เป็นเรื่องธรรมดานั้นเลย. แล้วตอนนั้นแหละที่เราจะรู้ว่าจิตธรรมดาๆของเรามีค่าแค่ไหน?...
"การเห็นว่าความทุกข์ทั้งปวงล้วนเป็นเพียงมายา จึงไม่มีความทุกข์จริงๆให้สามารถหลุดพ้นได้จริงๆ,นั่นแหละคือวิธีการพ้นทุกข์อย่างแท้จริง,ซึ่งนั่นก็เป็นธรรมชาติตามปกติธรรมดาของจิตธรรมดาๆของเราที่กำลังคิดนึกตามปกติธรรมดาในขณะปัจจุบันตอนนี้นั่นเอง..."