ท่าน สนช. ที่เคารพครับ เมื่อบอกว่าเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศแล้ว ทำไมไม่เอาให้มันสุด ๆ ไปเลยครับ กลัวอะไรอยู่ ?

กระทู้คำถาม
2557



2559





สองตัวอย่าง  การจับได้ไล่ทัน "เจ้าหน้าที่รัฐ" ที่กระทำการทุจริต

แล้วที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน  หรือที่ไม่ยอมตรวจสอบกัน  หรือเกี๊ยะเซียะกันจะมีอีกแค่ไหน ?




ประเด็นคือ  การปราบปรามการทุจริต  ควรเริ่มที่การป้องกันเป็นหลัก  ไม่ใช่การไล่จับหลังเกิดการทุจริตแล้ว

วิธีการง่าย ๆ ที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาวางระบบป้องกันก็คือ
การออกกฎหมายให้ "เจ้าหน้าที่รัฐ" ทุกคน ทุกระดับ  ต้องชี้แจงที่มาของทรัพย์สินเมื่อรับตำแหน่ง และเมื่อถูกสอบถาม

ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์  มีอำนาจ  ที่จะสอบถามเกี่ยวกับทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน
และเมื่อสอบถาม    ประชาชนต้องได้รับคำตอบภายในไม่เกิน 60 วัน

ต้องชี้แจงให้ชัด  มีที่มาที่ไปชัดเจน  มีรายละเอียดทางระบบภาษี
หากชี้แจงไม่ชัด   ที่มาที่ไปไม่ชัด   เรื่องภาษีไม่เคลียร์

โดนทั้งทางแพ่ง และทางอาญาทันที

ระบบอย่างนี้  ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีโอกาสน้อยมากครับ  ที่จะทำการทุจริต
ยกเว้นทุจริตแล้วเอาเงินใส่ตุ่มฝังดินไว้   ซื้อรถก็ไม่ได้  ซื้อบ้านก็ไม่ได้  ใช้จ่ายเกินตัวก็ไม่ได้เพราะจะโดนประชาชนสอย

ต้องยุ่งยากในการหาทางซุกซ่อน  หาทางฟอก  
แต่ถึงจะฟอกแค่ไหน  ก็เอามาใช้ไม่ได้   ต่อให้พ้นความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  ก็โดนประชาชนตรวจสอบขอคำชึ้แจงได้


เช่น    เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่ง   มีบ้านราคาสิบล้าน  รถยนต์ราคาแพงคันละ 3-5 ล้าน
อย่างนี้  เจ้าหน้าที่รัฐคนนี้  ต้องชี้แจงได้  ว่าทรัพย์สินทั้งบ้านทั้งรถได้มาอย่างไร  

ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้   ที่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐร่ำรวยกันเต็มตา  แต่ไม่มีการตรวจสอบกัน
รอจนขัดแย้งกัน  รอจนมีเหตุ  รอจนมีเรื่อง   รอจนทำลายกันทางการเมือง  นั่นแหละจึงหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบ

และหากเป็นฝ่ายเดียวกัน พวกเดียวกัน  ก็ไม่ตรวจสอบกัน



เมื่อวาน  มีการเปิดบัญชีทรัพย์สินของ สนช. 33 คน    http://www.matichon.co.th/news/387895
เห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มครับ  

ไม่ขอพูดรายละเอียด   เด๋วทู้หาย




ประเทศไทยนั้น   ดาษดื่นไปด้วยเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่ำรวย   ซึ่งแมวที่ไหนก็รู้ว่ารวยแบบไม่ปกติ
แต่ไม่ตรวจสอบกัน  ไม่ป้องกันการทุจริตกัน   แบ่งกันกินแบ่งกันใช้   ช่วยกันโกง

แค่ตรากฎหมายให้ต้องชี้แจงทรัพย์สิน   ทุกอย่างก็ป้องกันได้แล้วครับ

ข้าราชการผู้น้อยบางหน่วยงาน  เงินเดือนหลักสองหมื่นนิด ๆ
แต่ขับบีเอ็มซีรีส์ 3  คันละสามล้าน   บ้านหลังห้าล้าน

ข้าราชการระดับหัวหน้ากอง  อธิบดี  ปลัดกระทรวง  นายพลตำรวจ  นายพลทหาร  เงินเดือนหลักหกหมื่นถึงแสน
บวกเงินจากการเป็นกรรมการเป็นบอร์ดในหน่วยงานต่าง ๆ  บวกโบนัสประจำปี   แต่ละปีไม่น่ามีรายได้เกิน 3-5 ล้าน
แต่มีรถคนละหลายล้านหลายคัน  มีบ้านหลังละสิบล้านยี่สิบล้าน

เป็นได้ได้ไง ?

ไม่นับที่เวลาแสดงบัญชีทรัพย์สินออกมาแล้ว   ได้แต่ตาปริบ ๆ




ท่าน สนช. ครับ

เมื่อพวกท่านบอกว่าเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศ  จะรออะไรอยู่ล่ะครับ
เห็นปัญหา   รู้วิธีป้องกันการทุจริต   ลงมือเลยสิครับ

เสนอตรากฎหมายให้ต้องชี้แจงที่มาทรัยพ์สินเมื่อถูกประชาชนทำเรื่องสอบถาม สงสัย
ทั้งขณะที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ   ทั้งหลังจากพ้นความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ    

ตรากฎหมายตั้งหน่วยงานเฉพาะสำหรับเรื่องนี้  มีอำนาจหน้าที่รับคำร้องจากประชาชนและตรวจสอบ
แต่ละหน่วยงานให้เป็นหน่วยงานในพื้นที่  อย่าง กทม. ก็แต่ละเขต   ต่างจังหวัด ก็อำเภอละหน่วย
ให้มีภาคประชาชนร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบด้วย

ผ่านสามวาระรวด   ประกาศใช้ภายในต้นปีหน้าไปเลย


ที่สำคัญ  ตรากฎหมายให้ต้องทำเป็นกรณีสาธารณะ  เปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนทราบ
ภายในกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน

หากมีการถ่วงเวลา  ชี้แจงชักช้า   ให้ถือว่า "ส่อทุจริต"
ให้อายัดทรัยพ์ และตั้งคณะกรรมการไต่สวนเอาผิดทันที

นั่นแหละครับ  ท่านจะได้รับเสียงปรบมือชื่นชมยกย่องเชิดชูจากประชาชน

ประเภทกฎหมายคุมพรรคการเมือง  คุมนักการเมือง  กฎหมายคอมพิวเตอร์  ฯลฯ
อะไรเหล่านี้   ไม่ใช่ผลงานเลยครับ

ประชาชนส่ายหน้าทั้งนั้น





ขอเรื่องที่คุ้มกับเงินเดือนและสวัสดิการ (ผลประโยชน์ทางอ้อมจากตำแหน่ง สนช. ด้วย) สักเรื่องเถอะครับ

แล้วชื่อพวกท่านจะได้จดจารจารึกไว้ในแผ่นดิน
ลูกหลานได้ภาคภูมิใจ


นะครับ
OK
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่