สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา อยากมาเล่าถึงประสบการณ์ขนหัวลุกที่ได้พบเจอด้วยตัวเอง
เราพักอยู่ในพื้นที่พัทยา ทุกๆวันเราจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไป-กลับ
ระหว่างบ้านเราและบ้านแม่ ในช่วงเวลาเช้าและหัวคํ่าของทุกๆวัน
เราขออธิบายเส้นทางก่อนนะคะ ช่วงระยะหนึ่งของเส้นทางนั้นค่อนข้างเปลี่ยว
และถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อจากการมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน จะมีช่วงทางโค้งที่มีป่ายูคาลิปตัสและป่ามันขนานคู่ทางโค้ง
และมีเศษซากปรักหักพังของศาลเยอะแยะเต็มไปหมด(ปัจจุบันมีน้อยลงมาก)
เรื่องราวสยองขวัญของเราเกิดขึ้นที่โค้งนี้แหละค่ะ ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน เราอายุ 23 ปี
ชอบไปไหนมาไหนด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจมาก แม่เราจะเตือนและบ่นให้ขับรถยนต์กลับบ้านในเวลากลางคืนบ่อยๆ
เพราะห่วงที่เราต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปมาผ่านทางเปลี่ยวๆ แต่เราเป็นคนไม่ค่อยขี้กลัวอะไร
ประกอบกับการที่ไม่ชอบขับรถยนต์เพราะมันซอกแซกไม่ได้เหมือนมอเตอร์ไซค์
มาถึงคืนเกิดเหตุ ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ปกติมากๆสำหรับเรา
มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรเลย ค่อนข้างชิวๆมากกับการต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านทางที่เปลี่ยวๆน่าเสียวสันหลังอย่างนั้น
เราก็กำลังจะกลับบ้าน แม่เรายืนอยู่ในครัวก็ทักเราว่า "ขี่รถดีๆล่ะ ระวังคนฉุดเอา!!!"
เราก็ขำกับแม่นะ หัวเราะกันคิกคักอยู่พักใหญ่เราก็กลับ เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามเส้นทางเรื่อยๆ
ซึ่งบางช่วงของถนนก็มีเสาไฟฟ้า บางช่วงก็มืดมาก และช่วงก่อนถึงทางโค้ง ก็จะเริ่มมีเสาไฟฟ้าอีกที
และตรงกับโค้งเลยก็มีป้ายโฆษณาหมู่บ้านพร้อมเสาไฟฟ้าให้แสงสว่าง(อุ่นใจดี555)
และจังหวะก่อนถึงโค้งนั่นแหละค่ะ เราก็มองตามมทางไป ตรงโค้งเลยได้มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่
คือต้องบอกเลยว่าเราไม่ได้ตกใจอะไรเลยนะ เพราะเห็นแต่ไกลๆมาแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็ดูปกติมาก
พอช่วงเราผ่านโค้ง เราก็ได้หันไปมองเขานะ มองแบบสบตากันเลย(น่าตาดูดีทีเดียว)
แต่เราก็ต้องหันหน้ากลับมามองถนนต่อ ในจังหวะที่รถมอเตอร์ไซค์กำลังเข้าสู่ทางตรง
เราเลยมองกระจกข้างว่าเขายังยืนมองเราอยู่ไหม(เขิน) สรุป ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย
แต่ความที่เราไม่แน่ใจ เราตัดสินใจเบรครถ และหันกลับไปมองให้ชัดๆ และมันก็ชัดจริงๆ ว่าไม่มีใครเลยยืนอยู่ตรงนั้น
ความคิดในหัวตอนนั้นคือ พยายามหาความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเดินมุดป้ายโฆษณาเข้าข้างทางที่รกๆด้วยป่ามันนั้นไป
และความเป็นไปไม่ได้ได้คือ เข้าไปทำไม ซึ่งตรงนั้นไม่ได้มีโพรงหรืออะไรหรือทางที่มองแล้วคนจะเดินหายเข้าไปในพริบตาเดียว
เราต้องบอกก่อนว่า หลังจากสบตากับชายคนนั้น แล้วตอนหันหน้ากลับมามองถนน
เวลาก็น่าจะประมาณ 5-6 วินาทีได้ ก่อนมองกระจกข้าง เท่านั้นแหละค่ะ บิดสิคะ บิดยาวไป
พลางเอามือไปบิดกระจกทั้งสองข้างหันไปทางอื่นเพื่อที่เราจะไม่ต้องเห็นอะไรข้างหลัง
พอเรากลับมาถึงห้องพักเรา (อดีต)แฟนเรายังไม่กลับจากที่ทำงาน เราก็กดโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวที่เจอให้แม่ฟัง
แม่เราก็ขำๆนะ บอกว่าเราตาฝาด คิดมากไป(นั่นคือวิธีปลอบใจของแม่) ก็บอกให้เราอาบนํ้าสวดมนต์อะไรก็ว่าไป
จนกระทั่งแฟนของเรากลับมา เราก็เล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แฟนเราเขาเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เขาก็เลยไม่ได้มองว่าเราตาฝาดหรืออะไร บอกว่าตอนเช้าจะพาเราไปใส่บาตร
พอเช้าตื่นเช้ามา เราก็ไปใส่บาตรกับแฟนเรา นึกถึงผู้ชายที่เจอเมื่อคืน หลังจากใส่บาตรเสร็จ
แฟนเราพาซื้อกับข้าวอีก1ชุด เราก็แบบงงนะ พอซื้อเสร็จเขาบอกให้เราพาไปตรงที่เราเจอ (เอาแล้วๆๆๆๆ555)
แล้วเราก็พาเขาไปตรงทางโค้งที่เจอนั่นแหละค่ะ แฟนเราก็จัดแจงเอาข้าวอาหารขนมและนํ้าวางไว้บริเวณนั้น
บอกให้เราพูดบอกเขาว่าเราอาหารมาให้ บอกให้ไปที่ชอบๆ เราก็พูดตามนะ แต่ตอนนั้น ลึกๆของเรา เราก็มองที่ทางบริเวณนั้นนะ
ยังคงมองหาความเป็นไปได้เรื่องการหายไปอย่างไวของผู้ชายคนนั้น พูดง่ายๆ เราก็มองด้วยความกล้าๆกลัวๆนั่นแหละค่ะ
พลางได้แต่คิดว่า ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเส้นนี้ทุกวัน ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร555
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ชีวิตยังต้องดำเนินไปต่อ แต่เปลี่ยนจากขี่มอเตอร์ไซค์ มาเป็นขับรถยนต์แทน
แม้จะต้องผ่านโค้งสุดเสียวนั้นทุกวันก็ตาม แต่เราก็ฝืนคอไม่ให้หันมองทางโค้งตรงนั้นอยู่เป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว
แล้ววันหนึ่ง ที่หมู่บ้านที่แม่เราอยู่ ได้มีป้าแก่ๆเป็นคนทำสวนภายในหมู่บ้าน แกชอบมาคุยเล่นกับเรา
เวลาแกเดินผ่านหน้าบ้านเรา ถ้าเห็นเราแกก็จะทักทาย พร้อมมายืนเกาะรั้วคุย นานเข้าหน่อย
ก็มานั่งคุยกันอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน คุยกันตามประสาสาวๆ555 คุยกับไปคุยกันมา เรานึกถึงเรื่องที่เราเจอ
เราก็เล่าให้ป้าแกฟัง บอกป้าแกว่าโค้งตรงที่เลยหมู่บ้านเราไป เคยมีอุบัติเหตุหรือใครเป็นอะไรไหม
ป้าแกก็ถามกลับนะ เจอด้วยเหรอ?? อ้าวววววว!! เรานี่ออกอาการเหวอหน่อยๆ ถามป้าแกว่ามีอะไร
แกบอกเคยมีเด็กวัยรุ่นแหกโค้งตายตรงนั้น แต่ว่านานมากแล้ว ยังอยู่อีกเหรอ อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนนะ
แต่ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำบุญให้เราก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลยนะ และทุกวันนี้เราเองก็กลับมาขี่มอเตอร์ไซค์ ดึกๆดื่นๆ ก็มีหวั่นๆบ้าง
แต่ทุกครั้งที่ทำบุญก็นึกถึงตลอด ก็หวังว่าเขาจะได้รับส่วนบุญนั้นบ้าง
และนี่ก็คือประสบการณ์สยองขวัญของเรา และเป็นกระทู้แรกของเรา จริงๆเรามีเรื่องราวอะไรเล่าเยอะแยะเลยนะคะ
แต่เอาเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกก่อน ยังไงขาดตกบกพร่องตรงไหน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ ^^
สายตาของชายนิรนาม..ยามค่ำคืน
เราพักอยู่ในพื้นที่พัทยา ทุกๆวันเราจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไป-กลับ
ระหว่างบ้านเราและบ้านแม่ ในช่วงเวลาเช้าและหัวคํ่าของทุกๆวัน
เราขออธิบายเส้นทางก่อนนะคะ ช่วงระยะหนึ่งของเส้นทางนั้นค่อนข้างเปลี่ยว
และถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อจากการมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน จะมีช่วงทางโค้งที่มีป่ายูคาลิปตัสและป่ามันขนานคู่ทางโค้ง
และมีเศษซากปรักหักพังของศาลเยอะแยะเต็มไปหมด(ปัจจุบันมีน้อยลงมาก)
เรื่องราวสยองขวัญของเราเกิดขึ้นที่โค้งนี้แหละค่ะ ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน เราอายุ 23 ปี
ชอบไปไหนมาไหนด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจมาก แม่เราจะเตือนและบ่นให้ขับรถยนต์กลับบ้านในเวลากลางคืนบ่อยๆ
เพราะห่วงที่เราต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปมาผ่านทางเปลี่ยวๆ แต่เราเป็นคนไม่ค่อยขี้กลัวอะไร
ประกอบกับการที่ไม่ชอบขับรถยนต์เพราะมันซอกแซกไม่ได้เหมือนมอเตอร์ไซค์
มาถึงคืนเกิดเหตุ ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ปกติมากๆสำหรับเรา
มันไม่ได้ดึกดื่นอะไรเลย ค่อนข้างชิวๆมากกับการต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านทางที่เปลี่ยวๆน่าเสียวสันหลังอย่างนั้น
เราก็กำลังจะกลับบ้าน แม่เรายืนอยู่ในครัวก็ทักเราว่า "ขี่รถดีๆล่ะ ระวังคนฉุดเอา!!!"
เราก็ขำกับแม่นะ หัวเราะกันคิกคักอยู่พักใหญ่เราก็กลับ เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามเส้นทางเรื่อยๆ
ซึ่งบางช่วงของถนนก็มีเสาไฟฟ้า บางช่วงก็มืดมาก และช่วงก่อนถึงทางโค้ง ก็จะเริ่มมีเสาไฟฟ้าอีกที
และตรงกับโค้งเลยก็มีป้ายโฆษณาหมู่บ้านพร้อมเสาไฟฟ้าให้แสงสว่าง(อุ่นใจดี555)
และจังหวะก่อนถึงโค้งนั่นแหละค่ะ เราก็มองตามมทางไป ตรงโค้งเลยได้มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่
คือต้องบอกเลยว่าเราไม่ได้ตกใจอะไรเลยนะ เพราะเห็นแต่ไกลๆมาแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็ดูปกติมาก
พอช่วงเราผ่านโค้ง เราก็ได้หันไปมองเขานะ มองแบบสบตากันเลย(น่าตาดูดีทีเดียว)
แต่เราก็ต้องหันหน้ากลับมามองถนนต่อ ในจังหวะที่รถมอเตอร์ไซค์กำลังเข้าสู่ทางตรง
เราเลยมองกระจกข้างว่าเขายังยืนมองเราอยู่ไหม(เขิน) สรุป ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย
แต่ความที่เราไม่แน่ใจ เราตัดสินใจเบรครถ และหันกลับไปมองให้ชัดๆ และมันก็ชัดจริงๆ ว่าไม่มีใครเลยยืนอยู่ตรงนั้น
ความคิดในหัวตอนนั้นคือ พยายามหาความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเดินมุดป้ายโฆษณาเข้าข้างทางที่รกๆด้วยป่ามันนั้นไป
และความเป็นไปไม่ได้ได้คือ เข้าไปทำไม ซึ่งตรงนั้นไม่ได้มีโพรงหรืออะไรหรือทางที่มองแล้วคนจะเดินหายเข้าไปในพริบตาเดียว
เราต้องบอกก่อนว่า หลังจากสบตากับชายคนนั้น แล้วตอนหันหน้ากลับมามองถนน
เวลาก็น่าจะประมาณ 5-6 วินาทีได้ ก่อนมองกระจกข้าง เท่านั้นแหละค่ะ บิดสิคะ บิดยาวไป
พลางเอามือไปบิดกระจกทั้งสองข้างหันไปทางอื่นเพื่อที่เราจะไม่ต้องเห็นอะไรข้างหลัง
พอเรากลับมาถึงห้องพักเรา (อดีต)แฟนเรายังไม่กลับจากที่ทำงาน เราก็กดโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวที่เจอให้แม่ฟัง
แม่เราก็ขำๆนะ บอกว่าเราตาฝาด คิดมากไป(นั่นคือวิธีปลอบใจของแม่) ก็บอกให้เราอาบนํ้าสวดมนต์อะไรก็ว่าไป
จนกระทั่งแฟนของเรากลับมา เราก็เล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แฟนเราเขาเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เขาก็เลยไม่ได้มองว่าเราตาฝาดหรืออะไร บอกว่าตอนเช้าจะพาเราไปใส่บาตร
พอเช้าตื่นเช้ามา เราก็ไปใส่บาตรกับแฟนเรา นึกถึงผู้ชายที่เจอเมื่อคืน หลังจากใส่บาตรเสร็จ
แฟนเราพาซื้อกับข้าวอีก1ชุด เราก็แบบงงนะ พอซื้อเสร็จเขาบอกให้เราพาไปตรงที่เราเจอ (เอาแล้วๆๆๆๆ555)
แล้วเราก็พาเขาไปตรงทางโค้งที่เจอนั่นแหละค่ะ แฟนเราก็จัดแจงเอาข้าวอาหารขนมและนํ้าวางไว้บริเวณนั้น
บอกให้เราพูดบอกเขาว่าเราอาหารมาให้ บอกให้ไปที่ชอบๆ เราก็พูดตามนะ แต่ตอนนั้น ลึกๆของเรา เราก็มองที่ทางบริเวณนั้นนะ
ยังคงมองหาความเป็นไปได้เรื่องการหายไปอย่างไวของผู้ชายคนนั้น พูดง่ายๆ เราก็มองด้วยความกล้าๆกลัวๆนั่นแหละค่ะ
พลางได้แต่คิดว่า ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเส้นนี้ทุกวัน ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร555
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ชีวิตยังต้องดำเนินไปต่อ แต่เปลี่ยนจากขี่มอเตอร์ไซค์ มาเป็นขับรถยนต์แทน
แม้จะต้องผ่านโค้งสุดเสียวนั้นทุกวันก็ตาม แต่เราก็ฝืนคอไม่ให้หันมองทางโค้งตรงนั้นอยู่เป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว
แล้ววันหนึ่ง ที่หมู่บ้านที่แม่เราอยู่ ได้มีป้าแก่ๆเป็นคนทำสวนภายในหมู่บ้าน แกชอบมาคุยเล่นกับเรา
เวลาแกเดินผ่านหน้าบ้านเรา ถ้าเห็นเราแกก็จะทักทาย พร้อมมายืนเกาะรั้วคุย นานเข้าหน่อย
ก็มานั่งคุยกันอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน คุยกันตามประสาสาวๆ555 คุยกับไปคุยกันมา เรานึกถึงเรื่องที่เราเจอ
เราก็เล่าให้ป้าแกฟัง บอกป้าแกว่าโค้งตรงที่เลยหมู่บ้านเราไป เคยมีอุบัติเหตุหรือใครเป็นอะไรไหม
ป้าแกก็ถามกลับนะ เจอด้วยเหรอ?? อ้าวววววว!! เรานี่ออกอาการเหวอหน่อยๆ ถามป้าแกว่ามีอะไร
แกบอกเคยมีเด็กวัยรุ่นแหกโค้งตายตรงนั้น แต่ว่านานมากแล้ว ยังอยู่อีกเหรอ อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนนะ
แต่ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำบุญให้เราก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลยนะ และทุกวันนี้เราเองก็กลับมาขี่มอเตอร์ไซค์ ดึกๆดื่นๆ ก็มีหวั่นๆบ้าง
แต่ทุกครั้งที่ทำบุญก็นึกถึงตลอด ก็หวังว่าเขาจะได้รับส่วนบุญนั้นบ้าง
และนี่ก็คือประสบการณ์สยองขวัญของเรา และเป็นกระทู้แรกของเรา จริงๆเรามีเรื่องราวอะไรเล่าเยอะแยะเลยนะคะ
แต่เอาเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกก่อน ยังไงขาดตกบกพร่องตรงไหน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ ^^