คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 203
เรามีความเห็นแนวเดียวกับ ความเห็น 187 นะคะ
อ่านแบบข้ามๆ หลายความเห็น รู้สึกว่า งง กับความต้องการของ จขกท
เพราะง่ายๆ คือ คุณต้องการความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจน
คห 187 เค้าพูดถูกแล้วว่าจะทำให้สังคมสับสนเพิ่มมากขึ้นแน่นอน กับการมีความสัมพันธ์แบบนี้
เพราะทัศนคติของคนที่มีโอกาสมาเจอกัน มันจะไม่ตรงกัน แปลว่า "อาจต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำ" จากความสัมพันธ์แบบนี้
คล้ายๆ คนที่เป็นเกย์แต่แอ็บแต่งงานกับผู้หญิงจริงน่ะค่ะ คือ อีกฝ่ายไม่รู้ และคาดหวังกับความสัมพันธ์กันไปคนละทิศทาง
ขอเปรียบเทียบ "ความอยาก" แบบง่าย "อยากไปเที่ยวรอบโลก" สมมติว่า ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวรอบโลก
แต่สภาพความเป็นจริง เค้ายังทำไม่ได้ เค้าควรจัดการกับความคิด ความรู้สึกตัวเองยังไงดี
มนุษย์มีความต้องการ อยากโน่น นี่ เรื่อยเปื่อยเสมอๆ นะคะ คุณต้องคอยหาวิธีตอบสนองความอยากของตัวเองในทุกๆ เรื่องให้ได้แบบนี้หรือเปล่า
จขกท ดูแล้วเหมือนคนไม่ยึดติดในเรื่อง sex นะ แต่จริงๆ แล้วความคิดคุณอาจยึดติดกับความล้มเหลวบางอย่าง จนแกะไม่ออก
จนคุณคิดว่า รูปแบบ การแต่งงาน มันไม่ใช่คำตอบของชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งจริงๆ คนยืดหยุ่นได้ เค้าจะไม่ตั้งกรอบแบบนี้ คือ ชีวิตมันควรจะเกิดเรื่องอะไรก็ได้ เป็นไงเป็นกัน แล้วค่อยปรับตัวปรับใจใหม่ ณ ตอนนั้น
เสียใจเรอะ ก็ไม่นานเดี๋ยวก็ทำใจได้ รู้สึกคุณค่าตัวเองตกต่ำลงเรอะ ไม่เป็นไร เราเป็นคนมีค่า เดี๋ยวลำแสงชีวิตมันก็กลับมา
คนยืดหยุ่นชีวิตได้จะไม่เคยกลัว เส้นทางชีวิต นะคะ
จขกท ต้องการทางออกชั่วคราว ให้กับ ปัญหาชั่วคราว ของคุณ
การหาคู่ขา เพื่อ สนองตอบอารมณ์อยากที่มีเป็นครั้งคราว
จะบ่อยจะถี่แค่ไหนก็เถอะ เหมือนหิวข้าวน่ะ มันไม่ใช่ปัญหาทางร่างกายตลอดจนเป็นปัญหาชีวิตขนาดนั้น
คุณไม่ลองคิดจะแก้ปัญหาต้นตอจริงๆ ในจิตใจคุณเองบ้างเลยหรือ ที่ไม่อาจยอมรับความสัมพันธ์จริงจังได้
ถ้าหาคู่ขาคนนั้นได้แล้วยังไง มันจะไปจบเมื่อไหร่นะ มันต้องมีคำถาม ความระแวง ความกลัวแฝงอยู่ในการใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดเวลา
คุณไม่กลัวจะเครียดกว่าหรือ แล้วถ้าเค้าไปตอนคุณหย่อนยาน แล้วคุณจะทำยังไง หรือหวังว่าถึงตอนนั้นก็จะหมดอารมณ์ทางเพศแล้ว
มันก็อาจจะไม่นะ ตัณหามนุษย์ บางทีมันก็อาศัยอยู่ในสภาพกายที่หย่อนยาน ไม่เอื้ออำนวยต่อการหาใครสักคนแล้ว
ชีวิตคุณจะวนเวียนต่อไปยังไง
ถ้าคุณคิดจะแก้ปัญหาจริงจัง ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหาให้อารมณ์อยากของตัวเองเรื่อยเปื่อย เรื่อยไป
คุณควรไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อทำความเข้าใจปมในใจตัวเองดู
คุณเก่ง คุณมั่น คุณแมน แต่ทำไมเลือกวิธีแก้ปัญหาที่มันฉาบฉวยแบบนี้ล่ะ ไม่ลุยโจทย์หลักของจริงให้มันปลอดโปร่งไปเลย
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนเสมอ ชีวิตคุณจะไปทางไหนก็ได้ จะไปแต่งงานอีกรอบก็ได้ อาจจะมีลูกอีกก็ได้
คุณตอบว่า คุณไม่แคร์หรอกนะ ถ้าคุณรู้ว่าแม่คุณเคยมีความสัมพันธ์แบบนี้
แต่ถ้าคุณมีลูก คุณอาจจะแคร์ความรู้สึกของลูกก็ได้นะ ใช่ลูกจะเข้าใจคุณไม่แคร์ แต่คุณอาจจะไม่อยากเป็นแบบอย่างแบบนี้ให้ลูกคุณเห็นก็ได้
คุณอาจไม่คิดแบบนั้นก็ได้ แต่คนเป็นแม่หลายคนคิดแบบนั้นนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคุณจะคิดแบบไหน
มันจะตอบได้ก็ต่อเมื่อวันที่คุณมีลูกแล้วเท่านั้น
ซึ่งคุณอาจจะบอกว่าคุณจะไม่แต่งงานมีลูกแล้วนับจากนี้ อะไรทำให้คุณตั้งกรอบมาบอกตัวเองขนาดนั้น
กำแพงหนาที่คุณสร้างขึ้นมา มันทำให้คุณสบายใจบ้าง แต่มันคงไม่ได้ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขขึ้น
เปิดหัวใจดีกว่ามั้ยคะ จะได้ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องระแวง จะเกิด จะทุกข์อะไรก็ให้มันเกิด เรียนรู้ที่จะยอมรับ ยอมเข้าใจมันแล้วก้าวต่อไป
มันง่ายกว่า มาสร้างกรอบตลกๆ แล้วมาแก้ปัญหาชีวิตแบบพายเรือในอ่าง ไม่มีทางออกแบบนี้
สุดท้าย เรื่องความสัมพันธ์แบบชั่วคราว ไม่ใช่สังคมไทย ไม่เปิดใจ คร่ำครึ
แต่กรอบวัฒนธรรมที่มันถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นร้อยๆ ปี ก็เพื่อให้ลดปัญหาสังคมโดยรวม ให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
มันไม่ใช่ไม่เคยมี สันดานดิบมนุษย์น่ะ อย่าเข้าใจสังคมไทยผิดในเรื่องนี้ขนาดนั้น
แต่วัฒนธรรมที่มีขึ้นมา มันจัดการปัญหาความสัมพันธ์จากสันดานดิบอย่างนี้ได้อย่างประณีต
สังคมวุ่นวายขึ้นอยู่แล้วล่ะ ถ้าเรารักๆ เลิกๆ กันไปมา สถานะไม่ชัดเจนกันหลายๆ คนแล้วรถไฟชนกันเองไม่รู้ตัวอีก
เพราะความสัมพันธ์ทางเพศ สำหรับ "เพศหญิง" แล้ว มันมาไล่ๆ กับพันธะทางใจลึกๆ
ปัญหาหึงหวงมันเกิดขึ้นได้ ที่ตบตีวุ่นวายกันทุกวันนี้นี่แหละ เกิดจากความสัมพันธ์แบบที่ จขกท กำลังถามหา
อย่าเพิ่งชื่นชมตัวเองว่าจะจัดการความสัมพันธ์แบบนี้ได้ เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา ผลกระทบมันอาจจะมากกว่าที่คุณคิด
สังคมรอบคุณเค้าวุ่นวายปั่นป่วนไปด้วย
ดูกรณี ครูเมียน้อย ตบ ครูเมียหลวง ก็ได้ วุ่นกันไประดับประเทศเลย แค่ความสัมพันธ์ของคน 3 คนเองนะ ครอบครัวอ่วมไปด้วย
ถ้าคุณใช้ชีวิตแบบไม่มีหลักยึดเหนี่ยวนำทาง แต่มีกรอบตลกๆ ที่คุณตั้งขึ้นมาเอง และยึดตามกรอบนั้น
คุณเหมือนเรือไม่มีหางเสือ แล้วยังแล่นเรือวนในท่าเรือแคบๆ ที่คุณสร้างขึ้นมาขังตัวเองไม่ให้ออกสู่โลกใบใหญ่นะ
คุณไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าค้นหาความสัมพันธ์ระยะยาว แต่คุณก็ไม่ควรไปกลัวมันจนปิดกั้นทางใจ
มันจะเป็นไปอย่างไรก็ปล่อยมัน แต่คุณต้องคุยตรงไปตรงมากับคู่ของคุณว่า คุณไม่มั่นใจว่าจะพัฒนาไปทางไหน
ยอมรับได้ก็คบกันต่อ ยอมรับไม่ได้ก็ให้ออกไปตั้งแต่เริ่มเกม
สำหรับความ อยาก คุณควรรู้วิธีจัดการกับมันให้ได้มากกว่าจะมาถามหาคนมาแก้ความอยากให้คุณ
อารมณ์เปลี่ยวมันมีได้ แต่คุณจะผ่านมันไปได้ เพราะคุณบอกเองว่ามันไม่เกิดตลอดเวลา เดี๋ยวมันก็หาย
ถึงกับต้องหาคนมาแก้ปัญหาให้เป็นตัวเป็นตน แต่คุณไม่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่จะมี มันก็กลวงแล้วล่ะ
ให้เกียรติคนที่จะเข้ามามีส่วนในชีวิตบ้าง คนไม่ใช่สิ่งตอบสนองทางเพศเพียงอย่างเดียว
ถ้าเป็นอย่างนี้กันทั้ง 2 ฝ่าย คิดว่ามันอิสระ แฟร์กันดี ไม่ใครก็ใครจะรู้สึกได้เองว่าตัวเองถูกลดค่าลง
จขกท แน่ใจหรือว่าไม่ต้องพบจิตแพทย์
ไม่ใช่เพราะว่าคุณเซ็กส์จัดนะ แต่เพราะว่าคุณบอกเองว่ามันรบกวนชีวิตประจำวันของคุณ มันไม่ควรเกิดปัญหาในระดับนี้
คุณอาจจะศึกษาธรรมะก็ได้นะ แต่เพื่อเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของคุณได้ดีกว่านี้
ไม่ใช่จะต้องไปเข้าวัดนั่งสมาธิให้ได้อะไร อย่างน้อยคุณจะได้มีหลักยึดในชีวิตอื่นบ้าง
เขียนมาคุณอ่านดูแล้วอาจดูเหมือนถูกต่อว่า แต่จริงๆ คือ พูดตามมุมมองทัศนะคติส่วนตัวที่มี เหมือนแลกเปลี่ยน+เตือนกัน จะดีกว่า
รู้สึกว่าหนทางที่คุณมองหามันสับสน ชีวิตมันจะต้องจัดการอะไรวุ่นวายอีกเยอะนะ ถ้าคุณได้ความสัมพันธ์แบบที่คุณกำลังมองหาอยู่
เราเป็นคนใช้ชีวิตง่ายๆ ดีกว่า ไม่คุ้นกับวิธียุ่งยากชีวิตแบบที่คุณ จขกท กำลังคิดหาน่ะ
คิดต่อไปมันก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ชีวิตเพิ่มทั้งนั้น สุดท้ายคุณจะเหนื่อยชีวิตเองนะ
อ่านแบบข้ามๆ หลายความเห็น รู้สึกว่า งง กับความต้องการของ จขกท
เพราะง่ายๆ คือ คุณต้องการความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจน
คห 187 เค้าพูดถูกแล้วว่าจะทำให้สังคมสับสนเพิ่มมากขึ้นแน่นอน กับการมีความสัมพันธ์แบบนี้
เพราะทัศนคติของคนที่มีโอกาสมาเจอกัน มันจะไม่ตรงกัน แปลว่า "อาจต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำ" จากความสัมพันธ์แบบนี้
คล้ายๆ คนที่เป็นเกย์แต่แอ็บแต่งงานกับผู้หญิงจริงน่ะค่ะ คือ อีกฝ่ายไม่รู้ และคาดหวังกับความสัมพันธ์กันไปคนละทิศทาง
ขอเปรียบเทียบ "ความอยาก" แบบง่าย "อยากไปเที่ยวรอบโลก" สมมติว่า ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวรอบโลก
แต่สภาพความเป็นจริง เค้ายังทำไม่ได้ เค้าควรจัดการกับความคิด ความรู้สึกตัวเองยังไงดี
มนุษย์มีความต้องการ อยากโน่น นี่ เรื่อยเปื่อยเสมอๆ นะคะ คุณต้องคอยหาวิธีตอบสนองความอยากของตัวเองในทุกๆ เรื่องให้ได้แบบนี้หรือเปล่า
จขกท ดูแล้วเหมือนคนไม่ยึดติดในเรื่อง sex นะ แต่จริงๆ แล้วความคิดคุณอาจยึดติดกับความล้มเหลวบางอย่าง จนแกะไม่ออก
จนคุณคิดว่า รูปแบบ การแต่งงาน มันไม่ใช่คำตอบของชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งจริงๆ คนยืดหยุ่นได้ เค้าจะไม่ตั้งกรอบแบบนี้ คือ ชีวิตมันควรจะเกิดเรื่องอะไรก็ได้ เป็นไงเป็นกัน แล้วค่อยปรับตัวปรับใจใหม่ ณ ตอนนั้น
เสียใจเรอะ ก็ไม่นานเดี๋ยวก็ทำใจได้ รู้สึกคุณค่าตัวเองตกต่ำลงเรอะ ไม่เป็นไร เราเป็นคนมีค่า เดี๋ยวลำแสงชีวิตมันก็กลับมา
คนยืดหยุ่นชีวิตได้จะไม่เคยกลัว เส้นทางชีวิต นะคะ
จขกท ต้องการทางออกชั่วคราว ให้กับ ปัญหาชั่วคราว ของคุณ
การหาคู่ขา เพื่อ สนองตอบอารมณ์อยากที่มีเป็นครั้งคราว
จะบ่อยจะถี่แค่ไหนก็เถอะ เหมือนหิวข้าวน่ะ มันไม่ใช่ปัญหาทางร่างกายตลอดจนเป็นปัญหาชีวิตขนาดนั้น
คุณไม่ลองคิดจะแก้ปัญหาต้นตอจริงๆ ในจิตใจคุณเองบ้างเลยหรือ ที่ไม่อาจยอมรับความสัมพันธ์จริงจังได้
ถ้าหาคู่ขาคนนั้นได้แล้วยังไง มันจะไปจบเมื่อไหร่นะ มันต้องมีคำถาม ความระแวง ความกลัวแฝงอยู่ในการใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดเวลา
คุณไม่กลัวจะเครียดกว่าหรือ แล้วถ้าเค้าไปตอนคุณหย่อนยาน แล้วคุณจะทำยังไง หรือหวังว่าถึงตอนนั้นก็จะหมดอารมณ์ทางเพศแล้ว
มันก็อาจจะไม่นะ ตัณหามนุษย์ บางทีมันก็อาศัยอยู่ในสภาพกายที่หย่อนยาน ไม่เอื้ออำนวยต่อการหาใครสักคนแล้ว
ชีวิตคุณจะวนเวียนต่อไปยังไง
ถ้าคุณคิดจะแก้ปัญหาจริงจัง ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหาให้อารมณ์อยากของตัวเองเรื่อยเปื่อย เรื่อยไป
คุณควรไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อทำความเข้าใจปมในใจตัวเองดู
คุณเก่ง คุณมั่น คุณแมน แต่ทำไมเลือกวิธีแก้ปัญหาที่มันฉาบฉวยแบบนี้ล่ะ ไม่ลุยโจทย์หลักของจริงให้มันปลอดโปร่งไปเลย
อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนเสมอ ชีวิตคุณจะไปทางไหนก็ได้ จะไปแต่งงานอีกรอบก็ได้ อาจจะมีลูกอีกก็ได้
คุณตอบว่า คุณไม่แคร์หรอกนะ ถ้าคุณรู้ว่าแม่คุณเคยมีความสัมพันธ์แบบนี้
แต่ถ้าคุณมีลูก คุณอาจจะแคร์ความรู้สึกของลูกก็ได้นะ ใช่ลูกจะเข้าใจคุณไม่แคร์ แต่คุณอาจจะไม่อยากเป็นแบบอย่างแบบนี้ให้ลูกคุณเห็นก็ได้
คุณอาจไม่คิดแบบนั้นก็ได้ แต่คนเป็นแม่หลายคนคิดแบบนั้นนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคุณจะคิดแบบไหน
มันจะตอบได้ก็ต่อเมื่อวันที่คุณมีลูกแล้วเท่านั้น
ซึ่งคุณอาจจะบอกว่าคุณจะไม่แต่งงานมีลูกแล้วนับจากนี้ อะไรทำให้คุณตั้งกรอบมาบอกตัวเองขนาดนั้น
กำแพงหนาที่คุณสร้างขึ้นมา มันทำให้คุณสบายใจบ้าง แต่มันคงไม่ได้ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขขึ้น
เปิดหัวใจดีกว่ามั้ยคะ จะได้ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องระแวง จะเกิด จะทุกข์อะไรก็ให้มันเกิด เรียนรู้ที่จะยอมรับ ยอมเข้าใจมันแล้วก้าวต่อไป
มันง่ายกว่า มาสร้างกรอบตลกๆ แล้วมาแก้ปัญหาชีวิตแบบพายเรือในอ่าง ไม่มีทางออกแบบนี้
สุดท้าย เรื่องความสัมพันธ์แบบชั่วคราว ไม่ใช่สังคมไทย ไม่เปิดใจ คร่ำครึ
แต่กรอบวัฒนธรรมที่มันถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นร้อยๆ ปี ก็เพื่อให้ลดปัญหาสังคมโดยรวม ให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
มันไม่ใช่ไม่เคยมี สันดานดิบมนุษย์น่ะ อย่าเข้าใจสังคมไทยผิดในเรื่องนี้ขนาดนั้น
แต่วัฒนธรรมที่มีขึ้นมา มันจัดการปัญหาความสัมพันธ์จากสันดานดิบอย่างนี้ได้อย่างประณีต
สังคมวุ่นวายขึ้นอยู่แล้วล่ะ ถ้าเรารักๆ เลิกๆ กันไปมา สถานะไม่ชัดเจนกันหลายๆ คนแล้วรถไฟชนกันเองไม่รู้ตัวอีก
เพราะความสัมพันธ์ทางเพศ สำหรับ "เพศหญิง" แล้ว มันมาไล่ๆ กับพันธะทางใจลึกๆ
ปัญหาหึงหวงมันเกิดขึ้นได้ ที่ตบตีวุ่นวายกันทุกวันนี้นี่แหละ เกิดจากความสัมพันธ์แบบที่ จขกท กำลังถามหา
อย่าเพิ่งชื่นชมตัวเองว่าจะจัดการความสัมพันธ์แบบนี้ได้ เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา ผลกระทบมันอาจจะมากกว่าที่คุณคิด
สังคมรอบคุณเค้าวุ่นวายปั่นป่วนไปด้วย
ดูกรณี ครูเมียน้อย ตบ ครูเมียหลวง ก็ได้ วุ่นกันไประดับประเทศเลย แค่ความสัมพันธ์ของคน 3 คนเองนะ ครอบครัวอ่วมไปด้วย
ถ้าคุณใช้ชีวิตแบบไม่มีหลักยึดเหนี่ยวนำทาง แต่มีกรอบตลกๆ ที่คุณตั้งขึ้นมาเอง และยึดตามกรอบนั้น
คุณเหมือนเรือไม่มีหางเสือ แล้วยังแล่นเรือวนในท่าเรือแคบๆ ที่คุณสร้างขึ้นมาขังตัวเองไม่ให้ออกสู่โลกใบใหญ่นะ
คุณไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าค้นหาความสัมพันธ์ระยะยาว แต่คุณก็ไม่ควรไปกลัวมันจนปิดกั้นทางใจ
มันจะเป็นไปอย่างไรก็ปล่อยมัน แต่คุณต้องคุยตรงไปตรงมากับคู่ของคุณว่า คุณไม่มั่นใจว่าจะพัฒนาไปทางไหน
ยอมรับได้ก็คบกันต่อ ยอมรับไม่ได้ก็ให้ออกไปตั้งแต่เริ่มเกม
สำหรับความ อยาก คุณควรรู้วิธีจัดการกับมันให้ได้มากกว่าจะมาถามหาคนมาแก้ความอยากให้คุณ
อารมณ์เปลี่ยวมันมีได้ แต่คุณจะผ่านมันไปได้ เพราะคุณบอกเองว่ามันไม่เกิดตลอดเวลา เดี๋ยวมันก็หาย
ถึงกับต้องหาคนมาแก้ปัญหาให้เป็นตัวเป็นตน แต่คุณไม่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่จะมี มันก็กลวงแล้วล่ะ
ให้เกียรติคนที่จะเข้ามามีส่วนในชีวิตบ้าง คนไม่ใช่สิ่งตอบสนองทางเพศเพียงอย่างเดียว
ถ้าเป็นอย่างนี้กันทั้ง 2 ฝ่าย คิดว่ามันอิสระ แฟร์กันดี ไม่ใครก็ใครจะรู้สึกได้เองว่าตัวเองถูกลดค่าลง
จขกท แน่ใจหรือว่าไม่ต้องพบจิตแพทย์
ไม่ใช่เพราะว่าคุณเซ็กส์จัดนะ แต่เพราะว่าคุณบอกเองว่ามันรบกวนชีวิตประจำวันของคุณ มันไม่ควรเกิดปัญหาในระดับนี้
คุณอาจจะศึกษาธรรมะก็ได้นะ แต่เพื่อเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของคุณได้ดีกว่านี้
ไม่ใช่จะต้องไปเข้าวัดนั่งสมาธิให้ได้อะไร อย่างน้อยคุณจะได้มีหลักยึดในชีวิตอื่นบ้าง
เขียนมาคุณอ่านดูแล้วอาจดูเหมือนถูกต่อว่า แต่จริงๆ คือ พูดตามมุมมองทัศนะคติส่วนตัวที่มี เหมือนแลกเปลี่ยน+เตือนกัน จะดีกว่า
รู้สึกว่าหนทางที่คุณมองหามันสับสน ชีวิตมันจะต้องจัดการอะไรวุ่นวายอีกเยอะนะ ถ้าคุณได้ความสัมพันธ์แบบที่คุณกำลังมองหาอยู่
เราเป็นคนใช้ชีวิตง่ายๆ ดีกว่า ไม่คุ้นกับวิธียุ่งยากชีวิตแบบที่คุณ จขกท กำลังคิดหาน่ะ
คิดต่อไปมันก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ชีวิตเพิ่มทั้งนั้น สุดท้ายคุณจะเหนื่อยชีวิตเองนะ
ความคิดเห็นที่ 4
ผู้หญิงหาSex Friendไม่ยากหรอก แต่ผู้ชายส่วนมากเค้ากิน 2-3 รอบก็ชิ่งกันแล้ว
ส่วนพวกขายบริการเค้าจะโฟกัสที่เงิน ถ้าคุณเงินหมดหรือเค้าเจอคนที่จ่ายมากกว่า ลำดับความสำคัญของคุณจะลดลงทันที
แนะนำให้หาคนคบแบบปกติ แต่ตกลงเรื่องความสัมพันธ์กันให้เรียบร้อย
กำหนดวันหมดสัญญาไว้ก็ได้ ถ้าทุกอย่างมันโอเคก็ค่อยต่อสัญญาเพิ่ม
ส่วนพวกขายบริการเค้าจะโฟกัสที่เงิน ถ้าคุณเงินหมดหรือเค้าเจอคนที่จ่ายมากกว่า ลำดับความสำคัญของคุณจะลดลงทันที
แนะนำให้หาคนคบแบบปกติ แต่ตกลงเรื่องความสัมพันธ์กันให้เรียบร้อย
กำหนดวันหมดสัญญาไว้ก็ได้ ถ้าทุกอย่างมันโอเคก็ค่อยต่อสัญญาเพิ่ม
แสดงความคิดเห็น
หาทางออกยังไงดี..ถ้าหากไม่อยากมีความสัมพันธ์จริงจังแต่ก็อยากมีเพศสัมพัธ์ที่ไม่มั่วจนเกินไป?