คนไทยคงเคยชินกับบ้านตึกแถวที่ถูกดัดแปลงเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งบ้านเราก็คล้ายกัน ตั้งแต่สมัยก่อนตอนที่พ่อแม่พยายามก่อร่างสร้างตัว เค้าก็ซื้อตึกแถวหลายๆห้องติดกัน ทุบกำแพงเพื่อจะสร้างเป็นโรงงาน ในโรงงานมีเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนัก เครื่องกลึง เครื่องเจีย เวลาทำงานเสียงดังมาก ชั้นล่างเป็นโรงงาน ชั้นสองเป็นที่เก็บวัสดุ ชั้นสามเป็นที่พักอาศัยของคนในบ้าน โซนที่อยู่กินกับโรงงานไม่มีการแยกให้เป็นสัดเป็นส่วน ห้องครัวและที่ทานข้าว ก็อยู่รวมๆกับโรงงานเลย
เราเองไม่ได้อาศัยอยุ่ที่บ้านโรงงานเป็นเวลาสิบปีกว่าแล้ว เพราะได้งานทำที่ต่างประเทศหลังเรียนจบ (ได้ทุนไปเรียน ที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย) จึงแค่กลับบ้านปีละครั้ง บ้านเราอยู่กันหลายคน ทั้งรก ทั้งสกปก ของเก่าๆอะไรที่ไม่ได้ใช้แล้วก็ไม่เคยทิ้งไป เพราะความเสียดาย ของก็กองพะเนินอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวเป็นคนชอบความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย พอได้ไปอยู่ต่างประเทศเองนานๆ ก็รู้สึกว่าบ้านแบบนี้รับไม่ได้ ที่บ้านก็อยุ่กันแบบนี้จนชิน เวลาพูดเรื่องความเป็นระเบียบเค้าก็จะไม่เข้าใจ
แฟนชาวต่างชาติเคยมาเมืองไทยพร้อมกัน แต่เราก็อ้างว่าที่บ้านไม่สะดวกจึงให้ไปเช่าโรงแรมนอน เราเองก็รู้สึกผิด เพราะเค้าเองคงอยากประหยัดและพักที่บ้านเรา (เวลาเราไปบ้านเค้า เราก็ไปพักที่บ้านพ่อแม่เค้า) ตัวเราก็มานอนที่บ้านเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับที่บ้าน ปีนี้เค้าก็ตามมาเมืองไทยอีกรอบ เราก็ใช้เหตุผลเดียวกัน แต่คิดว่าเค้าคงสงสัยว่าทำไมไม่เคยพาไปที่บ้าน (ได้เจอพ่อแม่แล้ว แต่พาไปเจอข้างนอก)
เรารู้สึกขายขี้หน้า กลัวว่าถ้าเค้าจะเห็นสภาพบ้านเราแล้วเค้าจะรู้สึกไม่ดี ถ้าคนเคยไปอยู่ต่างประเทศจะเข้าใจว่าบ้านฝรั่งจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เพราะฝรั่งถือว่าบ้านแสดงถึงความมีฐานะและการศึกษา บ้านโรงงานแบบบ้านเราตามกฎหมายฝรั่งจะถือว่าผิดกฎหมาย ฝรั้งจะมองว่าเหมือนโรงงานเถื่อน ไม่มีการควบคุมดูแล (ทั้งเราและแฟนทำงานบริษัทวิศวกรจึงรู้ว่าโรงงานที่ดีควรเป็นอย่าไร)
ส่วนตัวก็รู้สึกผิดเพราะเหมือนเราไม่มีความภูมิใจในสิ่งที่พ่อแม่สร้างมา โรงงานนี้เป็นโรงงานที่ส่งเราให้เข้าโรงเรียนดีๆ บ้านเราไม่ได้ร่ำรวย แค่พอมีพอใช้ แต่ก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อแม่สร้างมาจากโรงงาน
ไม่ได้กลัวว่าแฟนจะทิ้ง ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ใดๆ เพราะคบหากันมานานมากแล้ว แค่รู้สึกไม่สบายใจที่เราไม่สามารถรับสภาพบ้านของตัวเองได้จนไม่กล้าให้คนอื่นมาเห็น แม้แต่เพื่อนมหาลัยสมัยก่อนก็ยังไม่กล้าพามาบ้าน เพราะรู้สึกอาย
อยากทราบว่ามีใครรู้สึกแบบนี้บ้างไหมคะ แล้วแก้ปัญหาอย่างไร รู้สึกไม่สบายใจมาก
บ้านเราเป็นโรงงานตึกแถว รกและไม่เป็นระเบียบจนไม่กล้าพาแฟนชาวต่างชาติมาที่บ้าน รู้สึกผิดต่อพ่อแม่และแฟน ทำอย่างไรดีคะ
เราเองไม่ได้อาศัยอยุ่ที่บ้านโรงงานเป็นเวลาสิบปีกว่าแล้ว เพราะได้งานทำที่ต่างประเทศหลังเรียนจบ (ได้ทุนไปเรียน ที่บ้านไม่ได้ร่ำรวย) จึงแค่กลับบ้านปีละครั้ง บ้านเราอยู่กันหลายคน ทั้งรก ทั้งสกปก ของเก่าๆอะไรที่ไม่ได้ใช้แล้วก็ไม่เคยทิ้งไป เพราะความเสียดาย ของก็กองพะเนินอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวเป็นคนชอบความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย พอได้ไปอยู่ต่างประเทศเองนานๆ ก็รู้สึกว่าบ้านแบบนี้รับไม่ได้ ที่บ้านก็อยุ่กันแบบนี้จนชิน เวลาพูดเรื่องความเป็นระเบียบเค้าก็จะไม่เข้าใจ
แฟนชาวต่างชาติเคยมาเมืองไทยพร้อมกัน แต่เราก็อ้างว่าที่บ้านไม่สะดวกจึงให้ไปเช่าโรงแรมนอน เราเองก็รู้สึกผิด เพราะเค้าเองคงอยากประหยัดและพักที่บ้านเรา (เวลาเราไปบ้านเค้า เราก็ไปพักที่บ้านพ่อแม่เค้า) ตัวเราก็มานอนที่บ้านเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับที่บ้าน ปีนี้เค้าก็ตามมาเมืองไทยอีกรอบ เราก็ใช้เหตุผลเดียวกัน แต่คิดว่าเค้าคงสงสัยว่าทำไมไม่เคยพาไปที่บ้าน (ได้เจอพ่อแม่แล้ว แต่พาไปเจอข้างนอก)
เรารู้สึกขายขี้หน้า กลัวว่าถ้าเค้าจะเห็นสภาพบ้านเราแล้วเค้าจะรู้สึกไม่ดี ถ้าคนเคยไปอยู่ต่างประเทศจะเข้าใจว่าบ้านฝรั่งจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เพราะฝรั่งถือว่าบ้านแสดงถึงความมีฐานะและการศึกษา บ้านโรงงานแบบบ้านเราตามกฎหมายฝรั่งจะถือว่าผิดกฎหมาย ฝรั้งจะมองว่าเหมือนโรงงานเถื่อน ไม่มีการควบคุมดูแล (ทั้งเราและแฟนทำงานบริษัทวิศวกรจึงรู้ว่าโรงงานที่ดีควรเป็นอย่าไร)
ส่วนตัวก็รู้สึกผิดเพราะเหมือนเราไม่มีความภูมิใจในสิ่งที่พ่อแม่สร้างมา โรงงานนี้เป็นโรงงานที่ส่งเราให้เข้าโรงเรียนดีๆ บ้านเราไม่ได้ร่ำรวย แค่พอมีพอใช้ แต่ก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อแม่สร้างมาจากโรงงาน
ไม่ได้กลัวว่าแฟนจะทิ้ง ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ใดๆ เพราะคบหากันมานานมากแล้ว แค่รู้สึกไม่สบายใจที่เราไม่สามารถรับสภาพบ้านของตัวเองได้จนไม่กล้าให้คนอื่นมาเห็น แม้แต่เพื่อนมหาลัยสมัยก่อนก็ยังไม่กล้าพามาบ้าน เพราะรู้สึกอาย
อยากทราบว่ามีใครรู้สึกแบบนี้บ้างไหมคะ แล้วแก้ปัญหาอย่างไร รู้สึกไม่สบายใจมาก