Travel of Cats : 2,000 กว่ากิโล กับ 5 จังหวัด พาแม่เที่ยวปีใหม่

ครั้งนี้ของลองเขียนการเที่ยวในเมืองไทยบ้างนะคะ
นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายๆคนก็คงกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวกัน คนส่วนใหญ่ก็คงไปเที่ยวภาคเหนือ/อีสาน
ขึ้นภูขึ้นเขา ปะทะความหนาว ชมทะเลหมอกกัน แต่ถ้าใครอยากหลบหนาวก็ลองลงใต้กันบ้างก็ได้นะคะ
ภาคใต้ในช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้ร้อนเท่าช่วงเมษานะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าสภาพอากาศในภาคใต้
ถ้าอากาศไม่ร้อน ก็ร้อนมาก ไม่ก็ร้อนมากกกกกกกๆๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็สวยมากกกเช่นกันคะ ^^

การเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ 28 ธ.ค. 58 – 4 ม.ค. 59 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ (งานดองเกือบปีเลยทีเดียว)
เหตุผลที่ไปเที่ยวภาคใต้ก็คือ อยากจะพาแม่กับน้องไปเที่ยว และถือโอกาสกลับบ้านด้วยคะ

แผนการเดินทางของเรา
28 ธ.ค. 58 : เดินทางจากกรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี
29 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช – สงขลา
30 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสงขลา – ภูเก็ต
31 ธ.ค. 58 : เที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน – พังงา
1 ม.ค. 59 : เที่ยวเกาะตาชัย – พังงา
2 ม.ค. 59 : เดินทางจากภูเก็ต – สุราษฎร์ธานี
3 ม.ค. 59 : พักผ่อนที่บ้าน (สุราษฎร์ธานี)
4 ม.ค. 59 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ



เริ่มวันแรกกันเลยยย : วันนี้เราจะเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึง สุราษฎร์ธานี
เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขับรถมาเรื่อยๆ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 4
ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร > สมุทรสงคราม > เพชรบุรี ไหนๆก็ผ่านหัวหินแล้ว ขอแวะชมความยิ่งใหญ่ของ "อุทยานราชภักดิ์ฯ" กันซะหน่อย
อุทยานฯกว้างใหญ่มาก คนส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายรูปกัน ถ้าเข้าไปยืนใกล้ๆตัวเราเล็กนิดเดียวเลยคะ
ที่นี่เราขอแค่ถ่ายรูป แวะชมแปปเดียวก็เดินทางต่อ เพราะคนเยอะมาก

จากนั้นก็ผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ > ชุมพร > สุราษฎร์ธานี วันนี้รถไม่เยอะมาก ถ้าบางช่วงเวลารถอาจจะติดได้คะ
เคยขับรถกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเลยคะ เพราะรถติด เป็นการติดยาวนานมหาประลัยมาก - -"
ระยะทางในวันนี้ขับไปประมาณ 600 กว่ากิโลเมตร อาจจะไม่ไกลสำหรับบางคนนะคะ แต่ขับรถระยะทางแบบนี้ก็เพลียได้เหมือนกัน

ผู้โดยสารมีด้วยกัน 3 คน กับอีก 2 ตัวคะ มีเรา แฟน น้อง กระต่ายน้อย 1 ตัว แมวน้อย 1 ตัว ^^
ตลอดทางก็ผลัดเปลี่ยนกันขับรถกับแฟน เหนื่อยก็พัก แต่ก่อนเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ เราแวะเที่ยว "สวนโมกขพลาราม" กันก่อนคะ



"สวนโมกขพลาราม" หรือชื่อเรียกทางการว่า วัดธารน้ำไหล จัดตั้งโดย พระพุทธทาสภิกขุ ตั้งที่เขาพุทธทอง
ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรเมตรที่ 134 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา

สามารถจอดรถที่ด้านหน้าวัดได้เลยคะ ที่นี่ร่มรื่น เย็นสบาย ตลอดทางเข้าจะมีคำสอนของท่านพระพุทธทาสติดที่ต้นไม้เต็มไปหมดเลยคะ
เราเดินเข้าไปหอสมุดของท่านพระพุทธทาสกันก่อนคะ ด้านในมีหนังสือที่ท่านพระพุทธทาสเขียนไว้อยู่มากมาย
จากนั้นก็เดินผ่านลานหินโค้ง ซึ่งเป็นลานที่เคยใช้นั่งฟังท่านพระพุทธทาสเทศน์ หรือใช้นั่งสมาธิ

ต่อไปก็เดินไปที่โรงมหรสพทางวิญญาณ หรือเรียกว่า โรงหนังสวนโมกข์
ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุภาพวาดสอนธรรมะและเป็นที่รวบรวมภาพปริศนาธรรมต่างๆ
โดยนำแนวคิดมาจาก การไปดูภาพในถ้ำอชันตา ที่ประเทศอินเดีย
ด้านหลังโรงมหรสพฯ เมื่อก่อนเป็นบ่อเลี้ยงเต่า แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสวนหินแล้วคะ

และเมื่อเดินออกจากโรงมหรสพฯ ฝั่งตรงข้าม คือ ทางขึ้นไปโบสถ์ของสวนโมกข์ เดินขึ้นไปนิดเดียว ก็ถึงคะ
ซึ่งท่านพระพุทธทาสเคยพูดถึงโบสถ์ของสวนโมกข์ไว้ว่า
"โบสถ์ที่จะอวดว่าถูกต้องตามพุทธประสงค์หรือเป็นแบบครั้งพุทธกาลดีที่สุด; แต่ไม่มีใครเอาอย่าง"
โบสถ์ของสวนโมกข์ คือ ลานกว้างๆ มีต้นไม้ล้อมรอบ ที่นี่สงบร่มรื่นมาก บางคนก็ขึ้นมานั่งสมาธิ บางคนก็มากวาดใบไม้ที่ลาน

ถ้าใครได้มีโอกาสไปสวนโมกข์และได้หยุดอ่าน หยุดคิดไต่ตรองคำสอนต่างๆ ของท่านพระพุทธทาสตามสถานที่ต่างๆ
เมื่อเดินออกจากที่นี่ เราเชื่อว่าทุกคนคงได้แง่คิดอะไรดีๆ ในการใช้ชีวิตแน่นอน
ที่นี่ดีต่อจิตใจจริงๆคะ ถ้าใครไม่มีโอกาสได้มาที่นี่ ก็สามารถไปเที่ยวชมสวนโมกข์ที่สวนรถไฟได้นะคะ ที่นั่นก็สงบร่มรื่นเหมือนกันคะ



ตอนเย็นเรามานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำตาปี อากาศตอนเย็นสบายดีคะ มีคนออกกำลังกาย คนนั่งเล่นกันตลอดริมทางเดิน
ถ้าเป็นวันอาทิตย์ตอนเย็น ที่สวนสาธารณะศรีตาปี จะมีตลาดคนเดิน มีขนมของกินขายเยอะมาก
จุดที่นั่งริมแม่น้ำตาปี จะขนานกับถนนหน้าเมือง จากสี่แยกท่ากูบ ขับรถต่อไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรก็ถึงคะ

มื้อเย็นของวันนี้ขอตบท้ายด้วย ร้าน "ตี๋ ข้าวต้มปลา" หรือตอนนี้อาจจะเรียกว่า "เจ้หมวย ข้ามต้มปลา"
ร้านนี้มีสโลแกนตามเว็บ คือ ปลาไม่สด ร้านไม่เปิด ซึ่งเป็นร้านที่ต้องรอคะ รอปลาสด บางครั้งร้านปิดติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยคะ
อาหารที่นี่จะเป็นเมนูเกี่ยวกับปลากะพง เท่าที่เคยกินมามีเพียง 3-4 เมนูเท่านั้นคะ มีข้าวต้มปลากะพง เนื้อปลากะพงทอด/ลวก ต้มหัวปลากะพง
รสชาติและราคา : จานละ 100 – 250 บาท อร่อยสมราคา! เนื้อปลาสดจากทะเล และชิ้นปลาไม่บางแบนเหมือนผ้าอนามัยแน่นอนคะ
ร้านเปิดประมาณ 5-6 โมงเย็น และร้านอาจจะปิดประมาณ 4-5 ทุ่ม ขายจนกว่าปลาจะหมดคะ
แนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงร้านเปิดคะ เพราะคนเยอะมากกกก



สถานที่ต่างๆที่เราไปส่วนใหญ่ก็สามารถเสิร์จหาตำแหน่งกันได้ใน Google Map เลยนะคะ
แต่สำหรับบางที่ก็ขอบอกพิกัดไว้คะ เผื่อใครหาไม่เจอ ^^

สวนโมกขพลาราม   9.358806, 99.171822
ริมแม่น้ำตาปี   9.1348196,99.3165398
ตลาดคนเดิน (สวนสาธารณะศรีตาปี)  9.133959, 99.314124
ร้านเจ้หมวย ข้าวต้มปลา   9.139371, 99.340595

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันที่สอง : เราจะเดินทางจากสุราษฎร์ธานี ผ่านนครศรีธรรมราช และหยุดพักที่สงขลา
เช้านี้ออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า โดยใช้เส้นทางหมายเลข 401 ถนนสุราษฎร์ฯ-นครศรีฯ
เป็นเส้นทางเดียวกับทางไปลงเรือข้ามไปเกาะสมุยคะ ทริปนี้เราจะเดินทางกัน 4 คนคะ (แม่ น้อง เรา แฟน)

ขับรถประมาณ 140 กิโลเมตร เราก็มาถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช
สามารถจอดรถด้านในวัดได้ และเราก็เดินไปไหว้พระ ทำบุญกันด้านในวัด
ใครที่อยากซื้อเครื่องเงินหรือของพื้นเมืองประจำจังหวัด สามารถดูได้ที่ร้านขายของพื้นเมืองใกล้ๆโบสถ์คะ

เมื่อออกจากวัด เราไปเที่ยวต่อกันที่ "บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์" ซึ่งอยู่เยื้องๆกับวัดพระมหาธาตุฯ
สามารถจอดรถได้ทางด้านหลังของบ้านท่านขุนฯ ค่าเข้าชม ฟรี และเราก็กินข้าวเที่ยงกันที่นี่เลยคะ
สามารถอ่านประวัติได้ที่เว็บนี้ >>> http://www.baantankhun.com



ได้เวลาเดินทางกันต่อคะ ระยะทางจากวัดพระมหาธาตุฯ ถึงท่าแพขนานยนต์ ประมาณ 160 กิโลเมตร
เราจะใช้เส้นทางหมายเลข 408 ซึ่งเป็นเส้นทางเลียบทะเลคะ แต่มีบางช่วงของเส้นทางก่อนเข้าสงขลา มีการก่อสร้างขยายถนนกันอยู่คะ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้สร้างเสร็จรึยัง?? แต่จุดประสงค์ของเรา คือ จะใช้แพขนานยนต์ข้ามไปสงขลาคะ
(หรือใครจะใช้เส้นทางหมายเลข 41 ก็ได้คะ เส้นนี้จะผ่านจ.พัทลุง)

ประมาณบ่ายสามโมง เราก็มาถึงท่าแพขนานยนต์ฝั่งเขาแดง
จากนั้นก็ขับรถไปต่อคิว ซื้อตั๋วลงแพกันคะ อาจจะใช้เวลาขึ้น-ลง ประมาณ 20 – 30 นาที
ค่าบริการรถยนต์ : 20 บาท/ครั้ง ผู้โดยสารฟรี ให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5.00-22.00 น.




เมื่อเราข้ามมาถึงฝั่ง จ.สงขลาแล้ว ต่อไปเราจะไปขึ้นเขาตังกวน เพื่อชมวิวของเมืองสงขลา
ในช่วงเย็นเราก็จะไปนั่งเล่นที่หาดสมิหลา และคืนนี้เราจะนอนกันที่ อ.หาดใหญ่
ระยะทางจาก อ.เมืองสงขลา ถึง อ.หาดใหญ่ ประมาณ 30 กิโลเมตร

เขาตังกวน คือ ภูเขาลูกเล็ก ๆ แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองฯ
โดยเขาตังกวนนั้นเป็นเนินเขาสูงจากระดับทะเลประมาณ 2,000 ฟุต
จากยอดเขาตังกวนนี้มีลานชมวิวเขาตังกวนที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ
กลายเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาเยือนสงขลาคะ
เราจอดรถข้างถนนที่ด้านหน้าจุดบริการลิฟต์โดยสารคะ ลงจากรถก็เจอลิงเยอะแยะเต็มไปหมดเลยคะ

วิธีการขึ้นเขาตังกวนมี 2 วิธี
1. ขึ้นลิฟต์โดยสารจากจุดบริการลิฟต์โดยสาย ณ บริเวณถนนตัดระหว่างเขาตังกวนและเขาน้อย
ค่าบริการ ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็ก 20 บาท โดยเปิดบริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น.
และในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.00-19.00 น.

2. ใครอยากออกกำลังกายขาก็สามารเดินขึ้นบันไดฝั่งตรงตะวันตก ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามลิฟต์โดยสาร
ตลอดระยะทางมีบันไดหิน สลับกับจุดพักและจุดชมวิวเป็นช่วงๆ



มื้อเย็นของวันนี้เราจะขับรถข้ามไปเกาะยอ เพื่อไปกินอาหารทะเลกันที่ร้าน ศิรดา เกาะยอ
เรามาถึงที่ร้านก็มืดแล้ว ถ้าได้มานั่งตั้งแต่ตอนเย็น คงได้นั่งชมวิวทะเลกันคะ
ที่นี่เค้าจะเลี้ยงปลากะพงกันในทะเลคะ ขนาดใหญ่มาตรฐาน สั่งมาตัวนึง สามารถแบ่งแยกทำได้ 2 เมนู
ส่วนเราสั่งปลากะพงทอดทั้งตัวเลยคะ (ตอนหลังมาคิดใหม่ว่าน่าจะสั่ง ปลากะพงทอด กับ แกงส้มปลากะพง - -")

รสชาติและราคา : อาหารอร่อย ราคาก็เหมาะสมคะ



พิกัดสถานที่ต่างๆ
วัพระมหาธาตุวรมหาวิหาร   8.411012, 99.966206
บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์   8.409533, 99.967414
แพขนานยนต์   7.221070, 100.574520
เขาตังกวน   7.210195, 100.589438
ร้านอาหาร ศิรดา เกาะยอ   7.172237, 100.546673
ขออ้างอิงกระทู้ของคุณ มิราช (mirage_II) เพราะอธิบายเกี่ยวสถานที่เที่ยวสำคัญในสงขลาละเอียดมาก
http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12994528/E12994528.html
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่