ครั้งนี้ของลองเขียนการเที่ยวในเมืองไทยบ้างนะคะ
นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายๆคนก็คงกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวกัน คนส่วนใหญ่ก็คงไปเที่ยวภาคเหนือ/อีสาน
ขึ้นภูขึ้นเขา ปะทะความหนาว ชมทะเลหมอกกัน แต่ถ้าใครอยากหลบหนาวก็ลองลงใต้กันบ้างก็ได้นะคะ
ภาคใต้ในช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้ร้อนเท่าช่วงเมษานะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าสภาพอากาศในภาคใต้
ถ้าอากาศไม่ร้อน ก็ร้อนมาก ไม่ก็ร้อนมากกกกกกกๆๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็สวยมากกกเช่นกันคะ ^^
การเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ 28 ธ.ค. 58 – 4 ม.ค. 59 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ (งานดองเกือบปีเลยทีเดียว)
เหตุผลที่ไปเที่ยวภาคใต้ก็คือ อยากจะพาแม่กับน้องไปเที่ยว และถือโอกาสกลับบ้านด้วยคะ
แผนการเดินทางของเรา
28 ธ.ค. 58 : เดินทางจากกรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี
29 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช – สงขลา
30 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสงขลา – ภูเก็ต
31 ธ.ค. 58 : เที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน – พังงา
1 ม.ค. 59 : เที่ยวเกาะตาชัย – พังงา
2 ม.ค. 59 : เดินทางจากภูเก็ต – สุราษฎร์ธานี
3 ม.ค. 59 : พักผ่อนที่บ้าน (สุราษฎร์ธานี)
4 ม.ค. 59 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
เริ่มวันแรกกันเลยยย : วันนี้เราจะเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึง สุราษฎร์ธานี
เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขับรถมาเรื่อยๆ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 4
ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร > สมุทรสงคราม > เพชรบุรี ไหนๆก็ผ่านหัวหินแล้ว ขอแวะชมความยิ่งใหญ่ของ "อุทยานราชภักดิ์ฯ" กันซะหน่อย
อุทยานฯกว้างใหญ่มาก คนส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายรูปกัน ถ้าเข้าไปยืนใกล้ๆตัวเราเล็กนิดเดียวเลยคะ
ที่นี่เราขอแค่ถ่ายรูป แวะชมแปปเดียวก็เดินทางต่อ เพราะคนเยอะมาก
จากนั้นก็ผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ > ชุมพร > สุราษฎร์ธานี วันนี้รถไม่เยอะมาก ถ้าบางช่วงเวลารถอาจจะติดได้คะ
เคยขับรถกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเลยคะ เพราะรถติด เป็นการติดยาวนานมหาประลัยมาก - -"
ระยะทางในวันนี้ขับไปประมาณ 600 กว่ากิโลเมตร อาจจะไม่ไกลสำหรับบางคนนะคะ แต่ขับรถระยะทางแบบนี้ก็เพลียได้เหมือนกัน
ผู้โดยสารมีด้วยกัน 3 คน กับอีก 2 ตัวคะ มีเรา แฟน น้อง กระต่ายน้อย 1 ตัว แมวน้อย 1 ตัว ^^
ตลอดทางก็ผลัดเปลี่ยนกันขับรถกับแฟน เหนื่อยก็พัก แต่ก่อนเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ เราแวะเที่ยว "สวนโมกขพลาราม" กันก่อนคะ
"สวนโมกขพลาราม" หรือชื่อเรียกทางการว่า วัดธารน้ำไหล จัดตั้งโดย พระพุทธทาสภิกขุ ตั้งที่เขาพุทธทอง
ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรเมตรที่ 134 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
สามารถจอดรถที่ด้านหน้าวัดได้เลยคะ ที่นี่ร่มรื่น เย็นสบาย ตลอดทางเข้าจะมีคำสอนของท่านพระพุทธทาสติดที่ต้นไม้เต็มไปหมดเลยคะ
เราเดินเข้าไปหอสมุดของท่านพระพุทธทาสกันก่อนคะ ด้านในมีหนังสือที่ท่านพระพุทธทาสเขียนไว้อยู่มากมาย
จากนั้นก็เดินผ่านลานหินโค้ง ซึ่งเป็นลานที่เคยใช้นั่งฟังท่านพระพุทธทาสเทศน์ หรือใช้นั่งสมาธิ
ต่อไปก็เดินไปที่โรงมหรสพทางวิญญาณ หรือเรียกว่า โรงหนังสวนโมกข์
ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุภาพวาดสอนธรรมะและเป็นที่รวบรวมภาพปริศนาธรรมต่างๆ
โดยนำแนวคิดมาจาก การไปดูภาพในถ้ำอชันตา ที่ประเทศอินเดีย
ด้านหลังโรงมหรสพฯ เมื่อก่อนเป็นบ่อเลี้ยงเต่า แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสวนหินแล้วคะ
และเมื่อเดินออกจากโรงมหรสพฯ ฝั่งตรงข้าม คือ ทางขึ้นไปโบสถ์ของสวนโมกข์ เดินขึ้นไปนิดเดียว ก็ถึงคะ
ซึ่งท่านพระพุทธทาสเคยพูดถึงโบสถ์ของสวนโมกข์ไว้ว่า
"โบสถ์ที่จะอวดว่าถูกต้องตามพุทธประสงค์หรือเป็นแบบครั้งพุทธกาลดีที่สุด; แต่ไม่มีใครเอาอย่าง"
โบสถ์ของสวนโมกข์ คือ ลานกว้างๆ มีต้นไม้ล้อมรอบ ที่นี่สงบร่มรื่นมาก บางคนก็ขึ้นมานั่งสมาธิ บางคนก็มากวาดใบไม้ที่ลาน
ถ้าใครได้มีโอกาสไปสวนโมกข์และได้หยุดอ่าน หยุดคิดไต่ตรองคำสอนต่างๆ ของท่านพระพุทธทาสตามสถานที่ต่างๆ
เมื่อเดินออกจากที่นี่ เราเชื่อว่าทุกคนคงได้แง่คิดอะไรดีๆ ในการใช้ชีวิตแน่นอน
ที่นี่ดีต่อจิตใจจริงๆคะ ถ้าใครไม่มีโอกาสได้มาที่นี่ ก็สามารถไปเที่ยวชมสวนโมกข์ที่สวนรถไฟได้นะคะ ที่นั่นก็สงบร่มรื่นเหมือนกันคะ
ตอนเย็นเรามานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำตาปี อากาศตอนเย็นสบายดีคะ มีคนออกกำลังกาย คนนั่งเล่นกันตลอดริมทางเดิน
ถ้าเป็นวันอาทิตย์ตอนเย็น ที่สวนสาธารณะศรีตาปี จะมีตลาดคนเดิน มีขนมของกินขายเยอะมาก
จุดที่นั่งริมแม่น้ำตาปี จะขนานกับถนนหน้าเมือง จากสี่แยกท่ากูบ ขับรถต่อไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรก็ถึงคะ
มื้อเย็นของวันนี้ขอตบท้ายด้วย ร้าน "ตี๋ ข้าวต้มปลา" หรือตอนนี้อาจจะเรียกว่า "เจ้หมวย ข้ามต้มปลา"
ร้านนี้มีสโลแกนตามเว็บ คือ ปลาไม่สด ร้านไม่เปิด ซึ่งเป็นร้านที่ต้องรอคะ รอปลาสด บางครั้งร้านปิดติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยคะ
อาหารที่นี่จะเป็นเมนูเกี่ยวกับปลากะพง เท่าที่เคยกินมามีเพียง 3-4 เมนูเท่านั้นคะ มีข้าวต้มปลากะพง เนื้อปลากะพงทอด/ลวก ต้มหัวปลากะพง
รสชาติและราคา : จานละ 100 – 250 บาท อร่อยสมราคา! เนื้อปลาสดจากทะเล และชิ้นปลาไม่บางแบนเหมือนผ้าอนามัยแน่นอนคะ
ร้านเปิดประมาณ 5-6 โมงเย็น และร้านอาจจะปิดประมาณ 4-5 ทุ่ม ขายจนกว่าปลาจะหมดคะ
แนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงร้านเปิดคะ เพราะคนเยอะมากกกก
สถานที่ต่างๆที่เราไปส่วนใหญ่ก็สามารถเสิร์จหาตำแหน่งกันได้ใน Google Map เลยนะคะ
แต่สำหรับบางที่ก็ขอบอกพิกัดไว้คะ เผื่อใครหาไม่เจอ ^^
สวนโมกขพลาราม 9.358806, 99.171822
ริมแม่น้ำตาปี 9.1348196,99.3165398
ตลาดคนเดิน (สวนสาธารณะศรีตาปี) 9.133959, 99.314124
ร้านเจ้หมวย ข้าวต้มปลา 9.139371, 99.340595
Travel of Cats : จากอ่าวไทย สู่อันดามัน
นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายๆคนก็คงกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวกัน คนส่วนใหญ่ก็คงไปเที่ยวภาคเหนือ/อีสาน
ขึ้นภูขึ้นเขา ปะทะความหนาว ชมทะเลหมอกกัน แต่ถ้าใครอยากหลบหนาวก็ลองลงใต้กันบ้างก็ได้นะคะ
ภาคใต้ในช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้ร้อนเท่าช่วงเมษานะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าสภาพอากาศในภาคใต้
ถ้าอากาศไม่ร้อน ก็ร้อนมาก ไม่ก็ร้อนมากกกกกกกๆๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็สวยมากกกเช่นกันคะ ^^
การเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ 28 ธ.ค. 58 – 4 ม.ค. 59 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ (งานดองเกือบปีเลยทีเดียว)
เหตุผลที่ไปเที่ยวภาคใต้ก็คือ อยากจะพาแม่กับน้องไปเที่ยว และถือโอกาสกลับบ้านด้วยคะ
แผนการเดินทางของเรา
28 ธ.ค. 58 : เดินทางจากกรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี
29 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช – สงขลา
30 ธ.ค. 58 : เดินทางจากสงขลา – ภูเก็ต
31 ธ.ค. 58 : เที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน – พังงา
1 ม.ค. 59 : เที่ยวเกาะตาชัย – พังงา
2 ม.ค. 59 : เดินทางจากภูเก็ต – สุราษฎร์ธานี
3 ม.ค. 59 : พักผ่อนที่บ้าน (สุราษฎร์ธานี)
4 ม.ค. 59 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
เริ่มวันแรกกันเลยยย : วันนี้เราจะเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึง สุราษฎร์ธานี
เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขับรถมาเรื่อยๆ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 4
ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร > สมุทรสงคราม > เพชรบุรี ไหนๆก็ผ่านหัวหินแล้ว ขอแวะชมความยิ่งใหญ่ของ "อุทยานราชภักดิ์ฯ" กันซะหน่อย
อุทยานฯกว้างใหญ่มาก คนส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายรูปกัน ถ้าเข้าไปยืนใกล้ๆตัวเราเล็กนิดเดียวเลยคะ
ที่นี่เราขอแค่ถ่ายรูป แวะชมแปปเดียวก็เดินทางต่อ เพราะคนเยอะมาก
จากนั้นก็ผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ > ชุมพร > สุราษฎร์ธานี วันนี้รถไม่เยอะมาก ถ้าบางช่วงเวลารถอาจจะติดได้คะ
เคยขับรถกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเลยคะ เพราะรถติด เป็นการติดยาวนานมหาประลัยมาก - -"
ระยะทางในวันนี้ขับไปประมาณ 600 กว่ากิโลเมตร อาจจะไม่ไกลสำหรับบางคนนะคะ แต่ขับรถระยะทางแบบนี้ก็เพลียได้เหมือนกัน
ผู้โดยสารมีด้วยกัน 3 คน กับอีก 2 ตัวคะ มีเรา แฟน น้อง กระต่ายน้อย 1 ตัว แมวน้อย 1 ตัว ^^
ตลอดทางก็ผลัดเปลี่ยนกันขับรถกับแฟน เหนื่อยก็พัก แต่ก่อนเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ เราแวะเที่ยว "สวนโมกขพลาราม" กันก่อนคะ
"สวนโมกขพลาราม" หรือชื่อเรียกทางการว่า วัดธารน้ำไหล จัดตั้งโดย พระพุทธทาสภิกขุ ตั้งที่เขาพุทธทอง
ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรเมตรที่ 134 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
สามารถจอดรถที่ด้านหน้าวัดได้เลยคะ ที่นี่ร่มรื่น เย็นสบาย ตลอดทางเข้าจะมีคำสอนของท่านพระพุทธทาสติดที่ต้นไม้เต็มไปหมดเลยคะ
เราเดินเข้าไปหอสมุดของท่านพระพุทธทาสกันก่อนคะ ด้านในมีหนังสือที่ท่านพระพุทธทาสเขียนไว้อยู่มากมาย
จากนั้นก็เดินผ่านลานหินโค้ง ซึ่งเป็นลานที่เคยใช้นั่งฟังท่านพระพุทธทาสเทศน์ หรือใช้นั่งสมาธิ
ต่อไปก็เดินไปที่โรงมหรสพทางวิญญาณ หรือเรียกว่า โรงหนังสวนโมกข์
ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุภาพวาดสอนธรรมะและเป็นที่รวบรวมภาพปริศนาธรรมต่างๆ
โดยนำแนวคิดมาจาก การไปดูภาพในถ้ำอชันตา ที่ประเทศอินเดีย
ด้านหลังโรงมหรสพฯ เมื่อก่อนเป็นบ่อเลี้ยงเต่า แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสวนหินแล้วคะ
และเมื่อเดินออกจากโรงมหรสพฯ ฝั่งตรงข้าม คือ ทางขึ้นไปโบสถ์ของสวนโมกข์ เดินขึ้นไปนิดเดียว ก็ถึงคะ
ซึ่งท่านพระพุทธทาสเคยพูดถึงโบสถ์ของสวนโมกข์ไว้ว่า
"โบสถ์ที่จะอวดว่าถูกต้องตามพุทธประสงค์หรือเป็นแบบครั้งพุทธกาลดีที่สุด; แต่ไม่มีใครเอาอย่าง"
โบสถ์ของสวนโมกข์ คือ ลานกว้างๆ มีต้นไม้ล้อมรอบ ที่นี่สงบร่มรื่นมาก บางคนก็ขึ้นมานั่งสมาธิ บางคนก็มากวาดใบไม้ที่ลาน
ถ้าใครได้มีโอกาสไปสวนโมกข์และได้หยุดอ่าน หยุดคิดไต่ตรองคำสอนต่างๆ ของท่านพระพุทธทาสตามสถานที่ต่างๆ
เมื่อเดินออกจากที่นี่ เราเชื่อว่าทุกคนคงได้แง่คิดอะไรดีๆ ในการใช้ชีวิตแน่นอน
ที่นี่ดีต่อจิตใจจริงๆคะ ถ้าใครไม่มีโอกาสได้มาที่นี่ ก็สามารถไปเที่ยวชมสวนโมกข์ที่สวนรถไฟได้นะคะ ที่นั่นก็สงบร่มรื่นเหมือนกันคะ
ตอนเย็นเรามานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำตาปี อากาศตอนเย็นสบายดีคะ มีคนออกกำลังกาย คนนั่งเล่นกันตลอดริมทางเดิน
ถ้าเป็นวันอาทิตย์ตอนเย็น ที่สวนสาธารณะศรีตาปี จะมีตลาดคนเดิน มีขนมของกินขายเยอะมาก
จุดที่นั่งริมแม่น้ำตาปี จะขนานกับถนนหน้าเมือง จากสี่แยกท่ากูบ ขับรถต่อไปประมาณ 3-4 กิโลเมตรก็ถึงคะ
มื้อเย็นของวันนี้ขอตบท้ายด้วย ร้าน "ตี๋ ข้าวต้มปลา" หรือตอนนี้อาจจะเรียกว่า "เจ้หมวย ข้ามต้มปลา"
ร้านนี้มีสโลแกนตามเว็บ คือ ปลาไม่สด ร้านไม่เปิด ซึ่งเป็นร้านที่ต้องรอคะ รอปลาสด บางครั้งร้านปิดติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยคะ
อาหารที่นี่จะเป็นเมนูเกี่ยวกับปลากะพง เท่าที่เคยกินมามีเพียง 3-4 เมนูเท่านั้นคะ มีข้าวต้มปลากะพง เนื้อปลากะพงทอด/ลวก ต้มหัวปลากะพง
รสชาติและราคา : จานละ 100 – 250 บาท อร่อยสมราคา! เนื้อปลาสดจากทะเล และชิ้นปลาไม่บางแบนเหมือนผ้าอนามัยแน่นอนคะ
ร้านเปิดประมาณ 5-6 โมงเย็น และร้านอาจจะปิดประมาณ 4-5 ทุ่ม ขายจนกว่าปลาจะหมดคะ
แนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงร้านเปิดคะ เพราะคนเยอะมากกกก
สถานที่ต่างๆที่เราไปส่วนใหญ่ก็สามารถเสิร์จหาตำแหน่งกันได้ใน Google Map เลยนะคะ
แต่สำหรับบางที่ก็ขอบอกพิกัดไว้คะ เผื่อใครหาไม่เจอ ^^
สวนโมกขพลาราม 9.358806, 99.171822
ริมแม่น้ำตาปี 9.1348196,99.3165398
ตลาดคนเดิน (สวนสาธารณะศรีตาปี) 9.133959, 99.314124
ร้านเจ้หมวย ข้าวต้มปลา 9.139371, 99.340595