รีวิวนี้เป็นกระทู้แรกผิดพลาดประการใดแนะนำกันได้นะคะ^^
ทริปนี้เริ่มจากมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มอยากไป จึงหลอกล่อเพื่อนๆ ให้มาติดกับและร่วมขบวนการไปด้วยกัน โดยมีสโลแกนว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต” มาหลอกล่อเพื่อนๆ สุดท้ายจึงมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 8 ชีวิต เป็นชะนีน้อยน่ารัก 7 และผู้ชายอีก 1
เราเริ่มออกเดินทางกันในคืนวันพฤหัสที่ 10 พฤศจิกายน หลังเลิกงาน ทุกคนรีบเก็บกระเป๋าและมารวมตัวกันโดยนั่งรถไฟใต้ดินพุ่งตัวมาลงสถานีกำแพงเพชรและต่อแท็กซี่ 40 บาท ถึงขนส่งหมอชิต
รถทัวร์...แอร์เมืองเลย...
เราจองตั๋วรถรอบสุดท้ายของวัน เพื่อให้ไปถึงที่นู่นแล้วไม่ต้องรอนานมาก บนรถทัวร์มีผ้าห่มให้ แต่แอร์ก้ยังหนาวมากอยู่ดี แนะนำให้เอาเสื้อหนาวติดตัวไว้ด้วย รถออกเวลาประมาณ 22.40 น. พนง.ก็จะมีน้ำ ขนมปังแจก เราก็นั่งคุย เม้ามอย หลับๆ ตื่นๆ นอนๆ เมื่อยๆ จนถึงร้านเจ๊กิมประมาณ 04.30 น.
**คหสต. ที่นั่งปรับนอนได้แต่ไม่ค่อยสบาย เนื่องจากระยะระหว่างที่นั่งค่อนข้างแคบ มีเพื่อนนั่ง sun bus แลโอเคและสบายกว่า น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังจะไปนะคะ
ร้านเจ๊กิม...
ลงจากรถทัวร์มาเราก็เจอคนเยอะมว๊ากกนั่งกันเต็มร้าน ลากกระเป๋ามาจับจองที่นั่งและไปล้างหน้าแปรงฟัน หากใครหิวข้าวก็กินที่นี่ได้เลยค่ะ นั่งคุย นั่งหลับ นั่งเปื่อยวนไป รอจนรถ2แถวมารับประมาณ 6 โมงเช้าเพื่อเดินทางต่อไปยังภูกระดึง ถึงตอนนี้แนะนำให้จองตั๋วขากลับไว้เลยนะคะ ลองกะเวลาดูเพราะตั๋วเต็มเร็วมาก สำหรับรถสองแถวคนละ 30 บาท นั่งได้ 10 คน พอดีๆ รวมกระเป๋า ใครจะเหมาก็ได้ เค้าก็คิด 300 ต่อรอบค่ะ
**คหสต. ไม่แนะนำให้อาบน้ำที่ร้านเจ๊กิมนะคะ ห้องน้ำไม่ค่อยโอเท่าไหร่ ทำธุระเบาๆกันไป
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง...
รถ2แถวมาถึงประมาณ 7 โมงเช้า อากาศดีมากๆ เราก็นั่งรอซื้อตั๋วขึ้นภูคนละ 40 บาท ใครนอนเต๊นก็ติดต่อตรงนี้ได้เลย แต่พวกเราจองบ้านพักไว้ด้านบนเรียบร้อย อิอิ ได้ตั๋วแล้วก็ไปชั่งน้ำหนักกระป๋า แนะนำให้เอาของไปพอดีๆ ไม่ต้องแบกสัมภารกเยอะแยะ เพราะน้ำหนักโลละ 30 บาท และสงสารลูกหาบในการแบกขึ้นไปข้างบนมากๆ บางคนเป็นผู้หญิงก็ยังมารับจ้างแบก เห็นแล้วแอบเศร้าใจ แต่อย่างพวกเราจะแบกเองก็คงไม่ไหว แค่ลากร่างขึ้นไปให้ถึงข้างบนก็สาหัสแล้วค่ะ 555555555555555
เริ่มเดินขึ้นภูกระดึง...
เราเริ่มออกเดินกันตั้งแต่ประมาณ 08.00น. ไหว้พระขอพรก่อนเดินขึ้น เดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปชิลล์ๆ ยังสดใสร่าเริงกันอยู่ ถึงจุดแวะพักจุดแรก คือซำแฮกก็แวะกินข้าวกินน้ำกินขนมเพราะแอบหิวกันถ้วนหน้า
เนื่องจากวันแรกกล้องแบตจะหมดเลยไม่ค่อยมีรูปสำหรับวันแรกเท่าไหร่ แต่บรรยากาศก็เหมือนเดินป่า ทางราบบ้าง ชันบ้าง สลับกันไป แนะนำให้ซื้อน้ำติดมือไว้ด้วยนะคะ เพราะระหว่างแต่ละซำค่อนข้างไกล แต่ก็ไม่ควรกินเยอะ เพราะห้องน้ำก้ไกลเช่นกัลลล
ปล. ห้องน้ำที่นี่โหดเอาเรื่อง มีความหวิว เป็นผนังสังกะสี ตั้งโดดๆ อยู่กลางทาง ขาลงได้ยินเสียงตุ๊กแก ปวดฉี่แค่ไหนก็บ๊ายบายค่ะ 555555555
และเนื่องจากชะนีขี้เหนื่อยอย่างพวกเรา จึงแวะพักกันทุกซำนั่งๆ กินๆ เดินๆ หยุดๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ประมาณ 3 โมงเย็น พวกเราก็แวะนั่งกินขนมกันที่ซำแคร่ ซำสุดท้ายก่อนเป็นทางชันยาวๆ และไม่มีร้านค้าใดๆให้ได้นั่งอีกแล้ว ที่นี่ข้าวเหนียวปิ้งเผือกของป้าอร่อยมาก อยู่บนภูไม่มีไอติมสเวนเซ่น แต่ได้กาแฟใส่ไอติมกะทิของป้าแก กินละมีพลังเดินกันต่อไปอีกยาวๆ ปล. ผู้คนที่นี่น่ารักมากๆ ลุง ป้า น้า อา อัธยาศัยดี มีน้ำใจ แวะนั่งพักแต่ไม่ซื้อแกก็ไม่ว่า
กินเสร็จแล้วก็ออกลุยทางชันแหกโค้ง ระยะทางประมาณ 1.3 กม. ชันมากกกกกกกกก ขาสั่นเบาๆ มีไม้ซักอันก็เป็นตัวช่วยที่ดีเลยค่ะ
เส้นทางที่ใกล้จะถึงบนยอดภู มีความลำบากพอสมควร แต่ก็สนุกดีนะค่ะ (อันนี้ถ่ายไว้ตอนขาลงนะค่ะ เนื่องจากขาขึ้นหมดแรงจะถ่ายรูป 5555)
พอขึ้นถึงหลังแปนี่แทบกรี๊ดดดดด เป็นทางลาด เดินสวยๆได้แล้วค่ะ จุดนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ทุกคนต้องแวะ มองลงไปด้านล่างวิวสวยมากค่ะ เห็นบรรยากาศด้านล่างหมดเลย
ถ่ายรูปเสร็จแล้วรีบติดสปีดด รีบเดินเพื่อให้ถึงที่พัก ถึงจะเป็นทางราบแต่ก็ไกลพอสมควรนะคะ พิชิตภูกระดึงไม่ง่ายเลยยยย ฮรืออออออ และแล้วในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักประมาณ 5 โมงเย็น โห! นี่เดินหรือคลาน ขึ้นมาตั้งแต่ 8 โมง ใช้เวลาไป 9 ชั่วโมงเอ๊งงงง 55555 ถ้าคนทั่วไปก็จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ตามความสามารถนะคะ
ถึงแล้วก็ไปจ่ายค่าลูกหาบ ที่รออยู่นานมากก (แอบสงสาร เพราะเค้าจะรอจนกว่าเราจะขึ้นไปถึงด้านบน) เก็บของเสร็จก็หาของกินให้ไว ด้านบนมีร้านค้าอยู่หลายร้านให้เลือกตามอัธยาศัย ถูกใจร้านไหนก็เข้าร้านนั้น ด้วยความหิวและไม่รีรอพวกเราเดินเข้าร้านแรกเลยค่ะ ซัดหมูกะทะชุดใหญ่ไป 2 ชุด ข้าวผัดก็จัดมา กินกันเต็มแม็กซ์มากกกกกก
ที่นี่จะปั่นไฟแค่ 6โมงเย็น ถึง 4ทุ่ม สามารถชาร์จแบตฟรีที่ร้านอาหาร และฝากชาร์จที่เจ้าหน้าที่อุทยานเสียเงินประมาณ 20 บาทต่อชิ้นนะคะ บ้านพักก็จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้อาบน้ำสบายๆ เพราะถ้านอนเต๊นท์ก็ต้องสู้กับน้ำเย็นตามสภาพกันไป
บ้านพักเรา...นอนได้ 8 คน พอดิบพอดี ด้านใน มี 2ห้องนอน 1ห้องน้ำ และโถงวางสัมภารก มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม
บรรยากาศนอนกางเต๊นท์ ระวังทากกันด้วยนะเทอว์...ทากตัวมันเล็กมาก จขกท.โดนทากกัด ดูดเลือกจนทากหายไปแล้ว เพิ่งรู้สึก ความรู้สึกช้ามากก 55555555555
หมดวันแล้วเตรียมตัวนอน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้กันต่อไปค่ะ Zzzzzzzzzzzzzzzzzz
เช้าวันที่ 2....
ตื่นๆๆๆๆ ตี4.30น. แปรงฟันแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น โดยจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินนำ เราก็เดินตามๆกันไป ระหว่างทางท้องฟ้ายังมีดาวอยู่ วันนั้นโชคดีฟ้าเปิด ดาวเต็มท้องฟ้า สวยมากๆค่ะ แต่ทางมืดมากก สิ่งสำคัญคือไฟฉายนะคะ พกติดตัวไปด้วย เดินแบบมืดๆไปเรื่อยๆ จนถึงผานกแอ่น พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นค่ะ มีเวลาให้สูดอากาศบริสุทธิ์กันซักพัก สวยแค่ไหน ดูจากภาพละกันนะคะ
@ ผานกแอ่น
ถ่ายรูปกันเสร็จก็พากันเดินกลับที่พัก ระหว่างทางมีลานกว้างๆเรียกว่าอะไรจำไม่ได้ แวะไหว้พระกันบริเวณนี้ได้ค่ะ แล้วเราก็กลับมาหาของกินตุนพลังงานเพื่อเดินไปเที่ยวน้ำตกกันต่อ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ อาหารตามสั่งมีหมด แนะนำให้ซื้ออาหารกลางวันติดไปด้วยเลย เพราะระหว่างทางที่ไปน้ำตกเดินไกลพอสมควร ไม่มีร้านอาหารและห้องน้ำระหว่างทางเลยนะคะ ใครที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักแนะนำให้รีบไปเช่าจักรยาน เพราะมีจำนวนไม่มาก ช้าหมด อดอย่างพวกเรา T.T
เริ่มออกเดินกันประมาณ 10 โมงเช้า เดินเที่ยวรอบน้ำตกจนครบ มีหลายน้ำตกมากค่ะ ความรู้สึกคือเดินป่าตามหาสมบัติแบบในละครยังไงอย่างงั้น จนกระทั่ง 3 โมงเย็น เรามีจุดมุ่งหมายคือผาหล่มสัก ที่ต้องไปให้ทัน 5 โมงเย็นเพื่อดูพระอาทิยย์ตก ระยะทางประมาณ 8 กม. ในเวลา 2 ชั่วโมง จ้ำกันสุดฤทธิ์ ทริปนี้เราเดินกันเยอะมากจริงๆค่ะ (ตอนไปค่ายลูกเสือชั้นยังไม่ทรหดอดทนขนาดนี้ สงสารขามากจริงๆ เดินมาราธอนต่อเนื่องทั้งวัน ไม่คิดว่าตัวเองจะเก่งขนาดนี้ 55555555555) หารองเท้านิ่มๆ ใส่สบาย ถนอมขาได้ระดับนึงนะคะ
ระหว่างทางไปน้ำตก...
ระหว่างทางน้ำตก มาเร็วไปหน่อยย เจอใบเมเปิ้ลแบบกรุบกริบ
หากิจกรรมเพื่อสร้างความสดใส ระหว่างทางเดินไปผาหล่มสัก
สระอโนดาด วิวสวย น้ำเย็น ชื่นใจ...
ระหว่างทางมีมอสเยอะมากกก
และแล้วเราก็มาถึงผาหล่มสักเกือบจะ 6โมงเย็นพอดี พระอาทิตย์กำลังตกแว้วววว กรี้ดดดดด รีบเดินมากมาย สุดท้ายมาไม่ทัน ฮรืออออ
ทุกคนเมื่อยและล้ามาก เลยแวะกินมาม่า ลูกชิ้นที่ร้านอาหารตรงผาหล่มสัก เสร็จแล้วตั้งสติเดินกลับที่พัก อีก 9 กม.เองง เบาๆ บรรยากาศก็มืดแล้วด้วย เราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินออกจากผาหล่มสักเลยค่ะ โชคดีมีพี่ๆอีกกรุ๊ปเดินไปพร้อมกัน ตอนนี้ไฟฉายสำคัญมากๆๆๆๆๆ เปิดไฟฉายตลอดทาง แวะพักบ้างระหว่างทางมีร้านขายของให้นั่งกินน้ำ กินขนมเล็กๆน้อยๆ แต่ก็นั่งไม่นาน รีบเดินกลับบ จนถึงที่พัก 4ทุ่มพอดีๆ หมดพลังและหมดสภาพไปตามๆกัน ทายานวดแล้วนอนค่ะ!!
เช้าวันที่ 3 เย้!! จะได้กลับบ้านแล้ว
วันนี้ตื่นค่อนข้างสาย ประมาณ 8 โมง ทยอยกันอาบน้ำเสร็จก็ออกมาหาของกินเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน คิดว่าขาลงแปปเดียวก็ถึง เริ่มออกเดินกันประมาณ 11 โมง แวะถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย แต่...ระยะทางเป็นอุปสรรคมาก เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึง เลยแวะพัก แวะกินกันอีกเช่นเคย
ระหว่างทางลง...
เริ่มมืดแล้ว ทำไงดี...
พวกเราเดินกันมาเรื่อยๆ จน 5โมงเย็น บรรยากาศเริ่มมืด ก็เริ่มเปิดไฟจากโทรศัพท์ ทางก็เริ่มมองไม่เห็น ในใจเริ่มกลัว ชั้นจะลงไปถึงข้างล่างมั้ย T.T โชคดีมากๆ มีลูกหาบที่เดินสวนขึ้นไป เดินกลับมานำทางให้ เค้าบอกว่ามืดแล้ว กลัวพวกเราหลง เพราะถ้าไม่ใช่คนท้องที่หลงทางแน่นนอน สุดท้ายพวกเราก็ลงมาถึงข้างล่างอย่างปลอดภัย ซาบซึ้งมากจริงๆ ขอบคุณสวรรค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลูกหาบที่รออยู่ข้างล่างก็ยังรออยู่ เพราะพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลงมาถึง แล้วก็มีสองรอเราอยู่เพื่อไปส่งที่ร้านเจ๊กิม ถึงร้านเจ๊กิมก็กินข้าว นั่งพัก ขึ้นรถทัวร์กลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ
ระยะทางที่เราเดินกันทั้งหมดประมาณ 20 กว่าโล รองเท้าที่ดีสำคัญมาก ไฟฉายก็สำคัญมากเช่นกัน ยานวด ยาหม่อง น้ำมันมวย ซอฟเฟลกันทาก ฉีดเข้าไปค่ะ ทริปภูกระดึงถึงจะเหนื่อย เดินเยอะมาก กินเยอะมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน
ภูกระดึง...พวกเราไปได้ ใครก็ไปได้ค่ะ
[CR] ภูกระดึง...เราไปได้ ใครๆก็ไปได้ (11-13 พ.ย. 59)
รีวิวนี้เป็นกระทู้แรกผิดพลาดประการใดแนะนำกันได้นะคะ^^
ทริปนี้เริ่มจากมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มอยากไป จึงหลอกล่อเพื่อนๆ ให้มาติดกับและร่วมขบวนการไปด้วยกัน โดยมีสโลแกนว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต” มาหลอกล่อเพื่อนๆ สุดท้ายจึงมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 8 ชีวิต เป็นชะนีน้อยน่ารัก 7 และผู้ชายอีก 1
เราเริ่มออกเดินทางกันในคืนวันพฤหัสที่ 10 พฤศจิกายน หลังเลิกงาน ทุกคนรีบเก็บกระเป๋าและมารวมตัวกันโดยนั่งรถไฟใต้ดินพุ่งตัวมาลงสถานีกำแพงเพชรและต่อแท็กซี่ 40 บาท ถึงขนส่งหมอชิต
รถทัวร์...แอร์เมืองเลย...
เราจองตั๋วรถรอบสุดท้ายของวัน เพื่อให้ไปถึงที่นู่นแล้วไม่ต้องรอนานมาก บนรถทัวร์มีผ้าห่มให้ แต่แอร์ก้ยังหนาวมากอยู่ดี แนะนำให้เอาเสื้อหนาวติดตัวไว้ด้วย รถออกเวลาประมาณ 22.40 น. พนง.ก็จะมีน้ำ ขนมปังแจก เราก็นั่งคุย เม้ามอย หลับๆ ตื่นๆ นอนๆ เมื่อยๆ จนถึงร้านเจ๊กิมประมาณ 04.30 น.
**คหสต. ที่นั่งปรับนอนได้แต่ไม่ค่อยสบาย เนื่องจากระยะระหว่างที่นั่งค่อนข้างแคบ มีเพื่อนนั่ง sun bus แลโอเคและสบายกว่า น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังจะไปนะคะ
ร้านเจ๊กิม...
ลงจากรถทัวร์มาเราก็เจอคนเยอะมว๊ากกนั่งกันเต็มร้าน ลากกระเป๋ามาจับจองที่นั่งและไปล้างหน้าแปรงฟัน หากใครหิวข้าวก็กินที่นี่ได้เลยค่ะ นั่งคุย นั่งหลับ นั่งเปื่อยวนไป รอจนรถ2แถวมารับประมาณ 6 โมงเช้าเพื่อเดินทางต่อไปยังภูกระดึง ถึงตอนนี้แนะนำให้จองตั๋วขากลับไว้เลยนะคะ ลองกะเวลาดูเพราะตั๋วเต็มเร็วมาก สำหรับรถสองแถวคนละ 30 บาท นั่งได้ 10 คน พอดีๆ รวมกระเป๋า ใครจะเหมาก็ได้ เค้าก็คิด 300 ต่อรอบค่ะ
**คหสต. ไม่แนะนำให้อาบน้ำที่ร้านเจ๊กิมนะคะ ห้องน้ำไม่ค่อยโอเท่าไหร่ ทำธุระเบาๆกันไป
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง...
รถ2แถวมาถึงประมาณ 7 โมงเช้า อากาศดีมากๆ เราก็นั่งรอซื้อตั๋วขึ้นภูคนละ 40 บาท ใครนอนเต๊นก็ติดต่อตรงนี้ได้เลย แต่พวกเราจองบ้านพักไว้ด้านบนเรียบร้อย อิอิ ได้ตั๋วแล้วก็ไปชั่งน้ำหนักกระป๋า แนะนำให้เอาของไปพอดีๆ ไม่ต้องแบกสัมภารกเยอะแยะ เพราะน้ำหนักโลละ 30 บาท และสงสารลูกหาบในการแบกขึ้นไปข้างบนมากๆ บางคนเป็นผู้หญิงก็ยังมารับจ้างแบก เห็นแล้วแอบเศร้าใจ แต่อย่างพวกเราจะแบกเองก็คงไม่ไหว แค่ลากร่างขึ้นไปให้ถึงข้างบนก็สาหัสแล้วค่ะ 555555555555555
เริ่มเดินขึ้นภูกระดึง...
เราเริ่มออกเดินกันตั้งแต่ประมาณ 08.00น. ไหว้พระขอพรก่อนเดินขึ้น เดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปชิลล์ๆ ยังสดใสร่าเริงกันอยู่ ถึงจุดแวะพักจุดแรก คือซำแฮกก็แวะกินข้าวกินน้ำกินขนมเพราะแอบหิวกันถ้วนหน้า
เนื่องจากวันแรกกล้องแบตจะหมดเลยไม่ค่อยมีรูปสำหรับวันแรกเท่าไหร่ แต่บรรยากาศก็เหมือนเดินป่า ทางราบบ้าง ชันบ้าง สลับกันไป แนะนำให้ซื้อน้ำติดมือไว้ด้วยนะคะ เพราะระหว่างแต่ละซำค่อนข้างไกล แต่ก็ไม่ควรกินเยอะ เพราะห้องน้ำก้ไกลเช่นกัลลล
ปล. ห้องน้ำที่นี่โหดเอาเรื่อง มีความหวิว เป็นผนังสังกะสี ตั้งโดดๆ อยู่กลางทาง ขาลงได้ยินเสียงตุ๊กแก ปวดฉี่แค่ไหนก็บ๊ายบายค่ะ 555555555
และเนื่องจากชะนีขี้เหนื่อยอย่างพวกเรา จึงแวะพักกันทุกซำนั่งๆ กินๆ เดินๆ หยุดๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ประมาณ 3 โมงเย็น พวกเราก็แวะนั่งกินขนมกันที่ซำแคร่ ซำสุดท้ายก่อนเป็นทางชันยาวๆ และไม่มีร้านค้าใดๆให้ได้นั่งอีกแล้ว ที่นี่ข้าวเหนียวปิ้งเผือกของป้าอร่อยมาก อยู่บนภูไม่มีไอติมสเวนเซ่น แต่ได้กาแฟใส่ไอติมกะทิของป้าแก กินละมีพลังเดินกันต่อไปอีกยาวๆ ปล. ผู้คนที่นี่น่ารักมากๆ ลุง ป้า น้า อา อัธยาศัยดี มีน้ำใจ แวะนั่งพักแต่ไม่ซื้อแกก็ไม่ว่า
กินเสร็จแล้วก็ออกลุยทางชันแหกโค้ง ระยะทางประมาณ 1.3 กม. ชันมากกกกกกกกก ขาสั่นเบาๆ มีไม้ซักอันก็เป็นตัวช่วยที่ดีเลยค่ะ
เส้นทางที่ใกล้จะถึงบนยอดภู มีความลำบากพอสมควร แต่ก็สนุกดีนะค่ะ (อันนี้ถ่ายไว้ตอนขาลงนะค่ะ เนื่องจากขาขึ้นหมดแรงจะถ่ายรูป 5555)
พอขึ้นถึงหลังแปนี่แทบกรี๊ดดดดด เป็นทางลาด เดินสวยๆได้แล้วค่ะ จุดนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ทุกคนต้องแวะ มองลงไปด้านล่างวิวสวยมากค่ะ เห็นบรรยากาศด้านล่างหมดเลย
ถ่ายรูปเสร็จแล้วรีบติดสปีดด รีบเดินเพื่อให้ถึงที่พัก ถึงจะเป็นทางราบแต่ก็ไกลพอสมควรนะคะ พิชิตภูกระดึงไม่ง่ายเลยยยย ฮรืออออออ และแล้วในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่พักประมาณ 5 โมงเย็น โห! นี่เดินหรือคลาน ขึ้นมาตั้งแต่ 8 โมง ใช้เวลาไป 9 ชั่วโมงเอ๊งงงง 55555 ถ้าคนทั่วไปก็จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ตามความสามารถนะคะ
ถึงแล้วก็ไปจ่ายค่าลูกหาบ ที่รออยู่นานมากก (แอบสงสาร เพราะเค้าจะรอจนกว่าเราจะขึ้นไปถึงด้านบน) เก็บของเสร็จก็หาของกินให้ไว ด้านบนมีร้านค้าอยู่หลายร้านให้เลือกตามอัธยาศัย ถูกใจร้านไหนก็เข้าร้านนั้น ด้วยความหิวและไม่รีรอพวกเราเดินเข้าร้านแรกเลยค่ะ ซัดหมูกะทะชุดใหญ่ไป 2 ชุด ข้าวผัดก็จัดมา กินกันเต็มแม็กซ์มากกกกกก
ที่นี่จะปั่นไฟแค่ 6โมงเย็น ถึง 4ทุ่ม สามารถชาร์จแบตฟรีที่ร้านอาหาร และฝากชาร์จที่เจ้าหน้าที่อุทยานเสียเงินประมาณ 20 บาทต่อชิ้นนะคะ บ้านพักก็จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้อาบน้ำสบายๆ เพราะถ้านอนเต๊นท์ก็ต้องสู้กับน้ำเย็นตามสภาพกันไป
บ้านพักเรา...นอนได้ 8 คน พอดิบพอดี ด้านใน มี 2ห้องนอน 1ห้องน้ำ และโถงวางสัมภารก มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม
บรรยากาศนอนกางเต๊นท์ ระวังทากกันด้วยนะเทอว์...ทากตัวมันเล็กมาก จขกท.โดนทากกัด ดูดเลือกจนทากหายไปแล้ว เพิ่งรู้สึก ความรู้สึกช้ามากก 55555555555
หมดวันแล้วเตรียมตัวนอน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้กันต่อไปค่ะ Zzzzzzzzzzzzzzzzzz
เช้าวันที่ 2....
ตื่นๆๆๆๆ ตี4.30น. แปรงฟันแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น โดยจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินนำ เราก็เดินตามๆกันไป ระหว่างทางท้องฟ้ายังมีดาวอยู่ วันนั้นโชคดีฟ้าเปิด ดาวเต็มท้องฟ้า สวยมากๆค่ะ แต่ทางมืดมากก สิ่งสำคัญคือไฟฉายนะคะ พกติดตัวไปด้วย เดินแบบมืดๆไปเรื่อยๆ จนถึงผานกแอ่น พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นค่ะ มีเวลาให้สูดอากาศบริสุทธิ์กันซักพัก สวยแค่ไหน ดูจากภาพละกันนะคะ
@ ผานกแอ่น
ถ่ายรูปกันเสร็จก็พากันเดินกลับที่พัก ระหว่างทางมีลานกว้างๆเรียกว่าอะไรจำไม่ได้ แวะไหว้พระกันบริเวณนี้ได้ค่ะ แล้วเราก็กลับมาหาของกินตุนพลังงานเพื่อเดินไปเที่ยวน้ำตกกันต่อ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ อาหารตามสั่งมีหมด แนะนำให้ซื้ออาหารกลางวันติดไปด้วยเลย เพราะระหว่างทางที่ไปน้ำตกเดินไกลพอสมควร ไม่มีร้านอาหารและห้องน้ำระหว่างทางเลยนะคะ ใครที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักแนะนำให้รีบไปเช่าจักรยาน เพราะมีจำนวนไม่มาก ช้าหมด อดอย่างพวกเรา T.T
เริ่มออกเดินกันประมาณ 10 โมงเช้า เดินเที่ยวรอบน้ำตกจนครบ มีหลายน้ำตกมากค่ะ ความรู้สึกคือเดินป่าตามหาสมบัติแบบในละครยังไงอย่างงั้น จนกระทั่ง 3 โมงเย็น เรามีจุดมุ่งหมายคือผาหล่มสัก ที่ต้องไปให้ทัน 5 โมงเย็นเพื่อดูพระอาทิยย์ตก ระยะทางประมาณ 8 กม. ในเวลา 2 ชั่วโมง จ้ำกันสุดฤทธิ์ ทริปนี้เราเดินกันเยอะมากจริงๆค่ะ (ตอนไปค่ายลูกเสือชั้นยังไม่ทรหดอดทนขนาดนี้ สงสารขามากจริงๆ เดินมาราธอนต่อเนื่องทั้งวัน ไม่คิดว่าตัวเองจะเก่งขนาดนี้ 55555555555) หารองเท้านิ่มๆ ใส่สบาย ถนอมขาได้ระดับนึงนะคะ
ระหว่างทางไปน้ำตก...
ระหว่างทางน้ำตก มาเร็วไปหน่อยย เจอใบเมเปิ้ลแบบกรุบกริบ
หากิจกรรมเพื่อสร้างความสดใส ระหว่างทางเดินไปผาหล่มสัก
สระอโนดาด วิวสวย น้ำเย็น ชื่นใจ...
ระหว่างทางมีมอสเยอะมากกก
และแล้วเราก็มาถึงผาหล่มสักเกือบจะ 6โมงเย็นพอดี พระอาทิตย์กำลังตกแว้วววว กรี้ดดดดด รีบเดินมากมาย สุดท้ายมาไม่ทัน ฮรืออออ
ทุกคนเมื่อยและล้ามาก เลยแวะกินมาม่า ลูกชิ้นที่ร้านอาหารตรงผาหล่มสัก เสร็จแล้วตั้งสติเดินกลับที่พัก อีก 9 กม.เองง เบาๆ บรรยากาศก็มืดแล้วด้วย เราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินออกจากผาหล่มสักเลยค่ะ โชคดีมีพี่ๆอีกกรุ๊ปเดินไปพร้อมกัน ตอนนี้ไฟฉายสำคัญมากๆๆๆๆๆ เปิดไฟฉายตลอดทาง แวะพักบ้างระหว่างทางมีร้านขายของให้นั่งกินน้ำ กินขนมเล็กๆน้อยๆ แต่ก็นั่งไม่นาน รีบเดินกลับบ จนถึงที่พัก 4ทุ่มพอดีๆ หมดพลังและหมดสภาพไปตามๆกัน ทายานวดแล้วนอนค่ะ!!
เช้าวันที่ 3 เย้!! จะได้กลับบ้านแล้ว
วันนี้ตื่นค่อนข้างสาย ประมาณ 8 โมง ทยอยกันอาบน้ำเสร็จก็ออกมาหาของกินเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน คิดว่าขาลงแปปเดียวก็ถึง เริ่มออกเดินกันประมาณ 11 โมง แวะถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย แต่...ระยะทางเป็นอุปสรรคมาก เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึง เลยแวะพัก แวะกินกันอีกเช่นเคย
ระหว่างทางลง...
เริ่มมืดแล้ว ทำไงดี...
พวกเราเดินกันมาเรื่อยๆ จน 5โมงเย็น บรรยากาศเริ่มมืด ก็เริ่มเปิดไฟจากโทรศัพท์ ทางก็เริ่มมองไม่เห็น ในใจเริ่มกลัว ชั้นจะลงไปถึงข้างล่างมั้ย T.T โชคดีมากๆ มีลูกหาบที่เดินสวนขึ้นไป เดินกลับมานำทางให้ เค้าบอกว่ามืดแล้ว กลัวพวกเราหลง เพราะถ้าไม่ใช่คนท้องที่หลงทางแน่นนอน สุดท้ายพวกเราก็ลงมาถึงข้างล่างอย่างปลอดภัย ซาบซึ้งมากจริงๆ ขอบคุณสวรรค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลูกหาบที่รออยู่ข้างล่างก็ยังรออยู่ เพราะพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลงมาถึง แล้วก็มีสองรอเราอยู่เพื่อไปส่งที่ร้านเจ๊กิม ถึงร้านเจ๊กิมก็กินข้าว นั่งพัก ขึ้นรถทัวร์กลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ
ระยะทางที่เราเดินกันทั้งหมดประมาณ 20 กว่าโล รองเท้าที่ดีสำคัญมาก ไฟฉายก็สำคัญมากเช่นกัน ยานวด ยาหม่อง น้ำมันมวย ซอฟเฟลกันทาก ฉีดเข้าไปค่ะ ทริปภูกระดึงถึงจะเหนื่อย เดินเยอะมาก กินเยอะมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน
ภูกระดึง...พวกเราไปได้ ใครก็ไปได้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น