วันนั้น...วันนี้...

กระทู้สนทนา
วันนั้น...วันนี้...


“มาแล้วๆ  กระเพราไก่ไข่ดาวร้อนๆ เลยครับ”  พี่เบย์กิจกรรมตัวพ่อของออฟฟิศเรา  เดินแจกกล่องข้าวให้พนักงานทุกคนที่มาช่วยกันปลูกป่าอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาลแกมเหลือง  ซึ่งมองดูแล้วให้ความรู้สึกร้อนระอุไม่ต่างจากอุณหภูมิของอากาศในขณะนี้

เมื่อทุกคนได้อาหารกลางวัน  ต่างก็แยกย้ายกันไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ตัวที่สุดเพื่อหลบแดด  ซึ่ง...ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ต้นในบริเวณนี้

ผมกับกลุ่มพนักงานที่อยู่ใกล้กันอีกสี่ห้าคน  ได้ต้นมะกอกป่าเป็นที่กำบัง

“ไอ้...เนี่ย  มายืนมองหน้าอยู่ได้  แบบนี้ใครจะกินลงวะ  อย่างนี้มันต้องเจอแข้งขวา”  เสียงเข้มของพี่วุธดังขึ้นพร้อมการกระโจนหนีออกจากใต้ร่มไม้ที่พวกเรานั่งอยู่...ของหมาจรจัดตัวหนึ่ง

“เดี๋ยวพี่วุธ  เดี๋ยวพี่  อย่าไปทำมันเลย”  ผมตะโกนห้ามในขณะที่เจ้าของชื่อปรี่ตามหมาตัวนั้นไป  คงหมายจะประทับรอยแข้งไว้กับชายโครงเจ้าตัวสี่ขาสักหนึ่งทีจังๆ

“อะไรวะไอ้ตาล  เอ็งจะมาห้ามทำไม...หมาจรจัดแบบนี้ถ้าไม่เล่นหนักๆ มีหวังตามตอแยไม่เลิกแน่”  พี่วุธหันมาถามเชิงตำหนิกลายๆ แต่ก็หยุดการกระทำก่อนหน้านั้นไว้ตามคำขอของผม

“ผมว่ามันเป็นหมาแม่ลูกอ่อนนะพี่  ให้อาหารมันหน่อยมันก็คงไปแหละครับ”  ดูจากเต้านมที่ย้วยเต็มท้องก็คงไม่มีใครคัดค้านคำพูดของผม

พี่วุธเองก็เช่นกัน  “แล้วเอ็งจะเอาอาหารที่ไหนให้มัน”

“ข้าวกล่องผมไงพี่...ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”  ผมโกหกไปอย่างนั้น...  เพราะเย็นๆ ก็มีปาร์ตี้ที่โรงแรม  หิ้วท้องรอสักหน่อยไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว

“ตามใจเอ็งแล้วกัน  ข้าวเอ็งไม่ใช่ข้าวพี่”  พี่วุธกลับไปนั่งที่เดิม  ส่วนผมค่อยๆ เรียกเจ้าหมาจรจัดตัวนั้นให้ออกห่างจากจุดที่พรรคพวกกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่  แล้วยกกล่องอาหารกลางวันทั้งหมดให้มันไป

...

“พี่ตาลชอบน้องหมาเหรอคะ”  เสียงหวานดึงสายตาผมจากการแสดงดนตรีบนเวที  หันไปมองยังเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามของโต๊ะอาหารตัวยาว  ซึ่งจัดไว้ให้พนักงานร่วมทานอาหารด้วยกัน

“ก็ไม่เชิงครับ  พี่รักสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ครับ”  ผมคิดว่าน้องเก๋คงถามเล่นๆ  แต่ทำไม...ผมถึงได้ตอบจริงจังเสียขนาดนั้นก็ไม่รู้  หรือเพราะดาวแผนกบัญชีคนนี้...คือคนที่ผมหมายปองมาตลอด  แต่ไม่เคยกล้าเข้าไปจีบเธอสักที

เธออมยิ้มน้อยๆ  ก่อนจะถามคำถามใหม่  “แล้ว...แบบนี้  พี่ไม่เลี้ยงสัตว์เต็มบ้านเลยเหรอคะ”

“พี่...เลี้ยงแค่แมวตัวเดียวครับ”

“ชื่ออะไรเหรอคะ”

“ชื่อ...ไทสันครับ”  แปลกดีเหมือนกันที่ร้อยวันพันปีผมไม่เคยได้คุยกับเก๋เลย  แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายเปิดฉากคุยก่อน  จนผมแทบตั้งตัวไม่ติด

“ไทสัน!...แมวเนี่ยนะชื่อไทสัน”  จะว่าไปก็คงไม่มีใครตั้งชื่อแมวแบบนี้จริงๆ นั่นแหละ  ก็ไม่น่าแปลกที่เธอจะตกใจตาโตอยู่เบื้องหน้าผมอย่างนั้น

“เอ่อ...ว่าแต่  ทำไมจู่ๆ มาถามพี่เรื่องนี้ล่ะ”  ในที่สุดการสนทนาก็เริ่มจากการถามของผมบ้าง

“ก็...เก๋  เมื่อกลางวันเก๋เห็นพี่ยกกล่องข้าวให้น้องหมาจรจัดตัวนั้นน่ะค่ะ  ก็...ก็เลย...”

“ก็เลยอยากจีบพี่ตาล  เพราะเก๋ชอบผู้ชายรักสัตว์ไงคะ”  เพื่อนสาวที่นั่งติดกันกับเธอเอ่ยแทรกขึ้นในขณะเจ้าของชื่อกำลังอ้ำอึ้งอยู่

“บ้า!...แกนี่”  เก๋หยิกที่แขนคนเอ่ยแทรกก่อนจะหันมาสบตาผมนิดหนึ่งและหลบตาลง  นี่คงเป็นอาการเขินอายของหญิงสาว  ซึ่งมันทำให้ผมอึ้งทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“เฮ้อ...พี่ว่าเหล้ากลมนี้มันขมไปหน่อยว่ะ  พวกเราย้ายไปกินกลมอื่นดีกว่า  ไปๆ...พวกเรา”  พี่เบย์ชวนพนักงานผู้ชายย้ายไปอีกโต๊ะ  คิดว่าคงอยากเปิดทางให้ผมได้คุยกับ...สาวสวยตรงหน้า  แสดงว่าทุกคนแอบดูที่ผมกับเก๋คุยกันมาตั้งแต่ต้นเลยแน่ๆ  

เพื่อนสาวของเก๋คนเมื่อครู่ลุกขึ้นยืน  “มีใครจะไปห้องน้ำบ้าง”

“ฉันไป”

“ฉันไปด้วย”

นั่นประไร  ไม่ใช่แค่พี่เบย์และพนักงานผู้ชาย  สาวๆ แผนกบัญชีก็เป็นไปด้วย

“พี่ตาล...มีรูปไทสันไหมคะ”  เก๋ชวนคุยอีกครั้งและดูเธอจะเขินอายอยู่ไม่น้อย  ดูท่าวันนี้ผมคงเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว

“เก๋อยากดูรูปนักมวยไปทำไมเหรอครับ”  ผมไม่ได้เล่นมุก  แต่สมองมันคิดไม่ทัน...มานึกได้อีกทีตอนพูดจบประโยคไปแล้ว

“เก๋...หมายถึงแมวพี่น่ะค่ะ”

“อ๋อ”  ผมรีบล้วงโทรศัพท์มือถืออกจากกระเป๋ากางเกงทันที  เพื่อหาสิ่งที่คู่สนทนาของผมอยากจะเห็น

“แมวไทยลายเสือ...ไม่เห็นมันจะเหมือนนักมวยคนนั้นตรงไหนเลย”  ไม่แน่ใจว่าเธอถามผมหรือกำลังพึมพำกับตัวเองกันแน่

“คือ...จริงๆ มันไม่ได้ชื่อไทสันเพราะเหมือนนักมวยคนนั้นหรอกครับ  ตอนมันเล็กๆ เท้ามันใหญ่เหมือนใส่นวม  พี่เลยตั้งชื่อนักมวยให้มันน่ะครับ”  เธอจะถามผมหรือเปล่าไม่รู้ล่ะ  แต่ที่แน่ๆ คือเธอกำลังสงสัยที่มาของชื่อแมวผมอย่างแน่นอน...

วันนั้นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเก๋  สองเดือนต่อมาเราจึงแน่ใจว่ามันคือความรัก  ผมจึงตัดสินใจขอคบเธอเป็นแฟน  และเก๋...ก็ตอบตกลง...

วันนี้ผมกลับมานั่งที่เก่าและมีเก๋อยู่ที่เก้าอี้ตรงกันข้าม  มันเหมือนเดิมไม่มีผิด...อันที่จริงมันคือวันและเวลาเดิม  เดือนเดิม  ปี พ.ศ. เดิม

และ...คำถามของเก๋ก็ยังเหมือนเดิม  “พี่ตาลชอบน้องหมาเหรอคะ”

ผมอยากจะตอบเหมือนเดิม  แต่...  “ก็ไม่เชิงหรอกครับ  คือ...ตอนแรกก็ไม่ชอบ  แต่พอพี่มีแฟน...แบบว่าแฟนพี่เป็นคนรักสัตว์  ก็เลยกลายเป็นคนรักสัตว์เหมือนแฟนน่ะครับ”  ผมจำเป็นต้องโกหก...เพื่อตัวเธอ

แววตาเก๋ดูตกใจเล็กน้อย  ...บางทีมันอาจเพราะเธอกำลังข่มความรู้สึกผิดหวังเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมจับได้  “แสดงว่าแฟนพี่ตาลต้องเป็นคนใจดีมากแน่ๆ”

รอยยิ้มหลังคำพูดนั้น  ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกว่าเดิมที่จะต้องโกหกเธอต่อไปอีก  “ครับ...แฟนพี่เป็นคนใจดีมากๆ  ...ถ้าไม่ใจดีพี่คงไม่เอาเป็นแฟนหรอก”

น้ำตาตกใน...คืออะไร  ผมเพิ่งเข้าใจในวันนี้  ในวันที่พยายามจะบอกให้เก๋ไม่ต้องมารักมาชอบ  ทั้งที่ข้างในใจของผมมันรักเธอใจจะขาด

“อยากรู้จักแฟนพี่ตาลจังเลยค่ะ”  ถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าข้างในใจเธอจะเป็นอย่างไร  กับการตั้งใจมาสานสัมพันธ์กับผม  แต่ถูกผมชิงตัดหนทางไปเสียก่อน

“ครับ...เดี๋ยววันหลังพี่พามาแนะนำนะ  แต่ตอนนี้พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน”  ผมตัดบทและเดินออกมา  เพราะรู้ว่าน้ำตาที่กลั้นเอาไว้  มันถึงที่สุดจนต้องปล่อยออกมาแล้ว

แปลกนะที่เมื่อก่อนผมมีความสุขทุกครั้งที่เห็นเก๋ยิ้ม...ตอนที่เรารักกัน  แต่ตอนนี้ทำไมยิ่งนึกถึงรอยยิ้มของเธอเท่าไหร่มันยิ่งทรมาน  มันรู้สึกเหมือนอกข้างซ้ายไม่มีอะไรอยู่แล้ว  หัวใจที่เคยอยู่ตรงนั้นเหมือนแหลกสลายลงไปไม่มีชิ้นดี

แต่มันคงดีที่สุดแล้ว...ผมคงให้เธอได้เท่านี้

เพราะอีกสามเดือนข้างหน้าผมต้องตาย  ไม่สิ...ผมตายไปแล้ว  ผู้คุมวิญญาณให้ผมย้อนเวลากลับมาวันนี้เพื่อแก้ไขเรื่องราวในอดีต

ผมเลือกที่จะไม่ให้เก๋รัก...มันคงดีกว่า  ถ้าเธอได้พบรักกับคนอื่นที่อยู่กับเธอได้นานกว่าผม  เขาคนนั้นคงทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าสามเดือนที่...ผมเคยมีให้

แต่ตอนนี้...ไม่มีแล้ว


********************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่