ถ้าจะให้พูดถึงจังหวัดระยอง เพื่อนๆ หลายคนคงจะนึกถึงทะเลเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะระยองอยู่ทางฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ติดกับทะเลอ่าวไทย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้พาไปทะเลนะ เราจะขอพาทุกคนไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เขียวขจีแห่งแถบบูรพา ซึ่งเป็นทริปหนึ่งวันที่ใครๆ ก็สามารถเที่ยวได้ หากเพื่อนๆ ทำงานกันจนรู้สึกเหนื่อย ลองหาวันว่างๆ แล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ถนนเส้น บางนา-ตราด แล้วตัดเข้าถนนมอเตอร์เวย์ตรงเข้าจังหวัดชลบุรีแล้วขับตามป้ายมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง
สถานที่แรกที่เราจะพาเพื่อนๆ มาชมกันก็คือ “ทุ่งโปรงทอง” คุ้นๆ ชื่อนี้กันบ้างมั้ยเอ่ย? ซึ่งเจ้าทุ่งโปรงทองเป็นอันซีนและไฮไลต์ที่สำคัญของจังหวัดระยองเลยนะ ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจตามเราไปดูกันเลยจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ หมู่ 7 ปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ถือว่าเป็นผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่และเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจบนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ เดิมทีบริเวณทุ่งโปรงทองเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำประมง ทำการเกษตรจนกระทั่งธรรมชาติในบริเวณนี้ได้ถูกทำลายลง ภายหลังได้รับการฟื้นฟูโดยเทศบาลตำบลปากแม่น้ำประแส ปรับปรุงให้กลับมาเป็นป่าชายเลนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยอง ตลอดระยะทางเดินกว่า 2 กิโลเมตร จะพบกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่หนาแน่นไปด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น แสมดำ ตะบูนดำ ลำพูน โกงกาง โปรงแดง โดยไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ ทุ่งโปรงทอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท

ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งตรงไปยังสะพานจุดเริ่มเดินชมป่าชายเลนกัน
สำหรับใครที่สนใจนั่งเรือชมธรรมชาติกันแบบชิวๆ ค่าบริการจะตกคนละ 50 บาท เท่านั้นเอง เราว่าไม่แพงนะ และถือว่าเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้คนในละแวกนี้อีกด้วย
ถ้าจะพูดถึงการดูหิ่งห้อย หลายคนมักจะนึกถึงแต่อัมพวา แต่ที่นี่ถือว่าเป็นจุดชมหิ่งห้อยอีกที่หนึ่งที่สวยไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถชมได้ตั้งแต่เวลา 19.00 - 22.00 น. ของทุกวัน ยิ่งช่วงไหนอากาศเย็นๆ หิ่งห้อยก็จะเยอะเป็นพิเศษ
ตลอดสองข้างทางระหว่างที่เราเดินเข้ามาข้างในจะเต็มไปด้วยต้นโกงกางเยอะแยะมากมาย จะมองทางซ้ายจะมองทางขวานี่มันโกงกางนี่หว่า
ใช้เวลาเดินต๊อกแต๊กอยู่ไม่นาน เราก็มาอยู่ที่ปลายทางจุดชมทุ่งโปรงทองกันแล้ว เพื่อนๆ สามารถยืนมองวิวได้แบบ 360 องศา แล้วปล่อยให้สายลมเย็นๆ พัดผ่านตัวเราไป จุดเด่นของบริเวณนี้คือต้นโปรงที่ขึ้นหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่
ส่วนสะพานไม้ตรงกลางทุ่งโปรงทองจะไม่มีศาลาพักและร่มเงาของต้นไม้ให้หลบแดด ดังนั้นในวันที่อากาศร้อนควรนำร่มหรือหมวกติดไปด้วยนะ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนจ้า
ที่ทุ่งโปรงทองนี้จะมีมุมสวยๆ ให้เราได้ลั่นชัตเตอร์เก็บความประทับใจกันจนลืมความร้อนไปสนิทเลย แหม ก็มันสวยจริงๆ นะ เราถ่ายจนเม็มโมรี่เกือบเต็มเลยแหละ อิอิ

ต้นโปรงเป็นพันธุ์ไม้ชายเลนที่ชอบขึ้นอยู่บริเวณดินเลนที่ไม่แข็งมากนักและมีน้ำท่วมถึงสม่ำเสมอ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การดูทุ่งโปรงทองที่สวยที่สุด ก็คือช่วงเช้าประมาณ 08.00 -11.00 น. เพราะเป็นเวลาที่แดดไม่แรงจนเกินไปทำให้เดินถ่ายรูปกันสนุกมากขึ้น แสงแดดอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ที่ส่งลงมาจะทำให้พื้นที่บริเวณทุ่งโปรงทองเป็นสีเหลืองอมเขียวสวยงาม
ระหว่างทางที่เรากำลังเดินมุ่งหน้าไปยังจุดทางออก บรรยากาศรอบข้างของเราก็เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของป่าชายเลน พร้อมกับโอโซนบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ บริเวณทางเดินบางจุดอาจมีการชำรุดบ้าง ต้องเดินระมัดระวังกันด้วยนะ

“ ไอ้สองงง ให้พี่เดินสะดวกเถอะ! ”

ระหว่างทางเดินก็ไม่ต้องกลัวจะเหนื่อย จะมีจุดให้เราแวะนั่งพักถ่ายรูปเช็คอินกัน
ลมพัดผ่านต้นกล้าจนเติบโตสั่งสมเป็นต้นไม้ใหญ่
ประโยชน์ของป่าชายเลน คือ จะช่วยลดความแรงของคลื่นที่มากระทบชายฝั่ง และยังเป็นที่อยู่ให้กับเหล่าสัตว์น้ำอีกด้วย
สุดปลายเส้นทางของการเดินชมธรรมชาติจะเป็นเรือรบหลวงประแส ใครที่สามารถเดินมาจนสุดทางก็จะพบกับเรือรบขนาดใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นสถานที่เช็คพอยต์อีกที่นึงเลยก็ว่าได้
ได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะถึงเสียที เหงื่อไหลเป็นสายน้ำแล้วนะพี่ชายยย... แต่และแล้วเราก็เห็นปลายทางจนได้ นั่นไงเรือรบหลวงประแส เย้ ถึงแล้วขอน้ำเย็นๆด่วนจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรือหลวงประแส ถือว่าเป็นเรืออีกหนึ่งลำที่มีความสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของราชนาวีไทย เมื่อปลดประจำการแล้ว ทางเทศบาลตำบลปากน้ำประแส ได้นำไปจอดทำสร้างเป็นอนุสรณ์เรือหลวงประแส ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของการอนุรักษ์เรือเก่าที่ปลดประจำการเอาไว้ จากสงครามเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
เราสามารถขึ้นไปเที่ยวชมบนเรือรบได้ครับ ตั้งอยู่ปากน้ำประแส ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อเรือ จึงได้ถูกนำมาตั้งเป็นอนุสรณ์ ไว้ ณ ที่นี่ บริเวณนี้ยังมีริมหาดที่สวยงาม และร้านอาหารเล็กริมทะเลไว้นั่งพักผ่อนสบายๆ ช่วงเย็นๆที่นี่จะสวยมาก
ที่มา:http://www.rayongpao.go.th/home/travel/2015/04/23/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AA/
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเดินชมทุ่งโปรงทองและเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทางสถานที่จะเปิดให้เข้าชมเวลา 6.00 - 18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้านาจา
การเดินทาง
จากตัวเมืองระยอง ขับมาตามถนนสุขุมวิท(ถนนหมายเลข3) มุ่งไปยัง อ.แกลง ถึงแยกปากน้ำประแสให้เลี้ยวไปตามป้าย มุ่งตรงไปยังปากน้ำประแส เมื่อถึงวัดตะเคียนงามให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังซอยข้างวัด จะมีป้ายเขียนว่าจุดชมหิ่งห้อยตามป้ายนั้นไปก็จะเจอสะพานที่เป็นจุดเริ่มเดินเท้าไปชมทุ่งโปรงทอง
[SR] Pantip.com ร่วมกับ ททท. ตามรอยพ่อ ด้วยความคิดถึง #ระยอง : ทุ่งโปรงทอง - สวนพฤกษศาสตร์
ถ้าจะให้พูดถึงจังหวัดระยอง เพื่อนๆ หลายคนคงจะนึกถึงทะเลเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะระยองอยู่ทางฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ติดกับทะเลอ่าวไทย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้พาไปทะเลนะ เราจะขอพาทุกคนไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เขียวขจีแห่งแถบบูรพา ซึ่งเป็นทริปหนึ่งวันที่ใครๆ ก็สามารถเที่ยวได้ หากเพื่อนๆ ทำงานกันจนรู้สึกเหนื่อย ลองหาวันว่างๆ แล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยใช้ถนนเส้น บางนา-ตราด แล้วตัดเข้าถนนมอเตอร์เวย์ตรงเข้าจังหวัดชลบุรีแล้วขับตามป้ายมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง
สถานที่แรกที่เราจะพาเพื่อนๆ มาชมกันก็คือ “ทุ่งโปรงทอง” คุ้นๆ ชื่อนี้กันบ้างมั้ยเอ่ย? ซึ่งเจ้าทุ่งโปรงทองเป็นอันซีนและไฮไลต์ที่สำคัญของจังหวัดระยองเลยนะ ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจตามเราไปดูกันเลยจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งตรงไปยังสะพานจุดเริ่มเดินชมป่าชายเลนกัน
สำหรับใครที่สนใจนั่งเรือชมธรรมชาติกันแบบชิวๆ ค่าบริการจะตกคนละ 50 บาท เท่านั้นเอง เราว่าไม่แพงนะ และถือว่าเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้คนในละแวกนี้อีกด้วย
ถ้าจะพูดถึงการดูหิ่งห้อย หลายคนมักจะนึกถึงแต่อัมพวา แต่ที่นี่ถือว่าเป็นจุดชมหิ่งห้อยอีกที่หนึ่งที่สวยไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถชมได้ตั้งแต่เวลา 19.00 - 22.00 น. ของทุกวัน ยิ่งช่วงไหนอากาศเย็นๆ หิ่งห้อยก็จะเยอะเป็นพิเศษ
ตลอดสองข้างทางระหว่างที่เราเดินเข้ามาข้างในจะเต็มไปด้วยต้นโกงกางเยอะแยะมากมาย จะมองทางซ้ายจะมองทางขวานี่มันโกงกางนี่หว่า
ใช้เวลาเดินต๊อกแต๊กอยู่ไม่นาน เราก็มาอยู่ที่ปลายทางจุดชมทุ่งโปรงทองกันแล้ว เพื่อนๆ สามารถยืนมองวิวได้แบบ 360 องศา แล้วปล่อยให้สายลมเย็นๆ พัดผ่านตัวเราไป จุดเด่นของบริเวณนี้คือต้นโปรงที่ขึ้นหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่
ส่วนสะพานไม้ตรงกลางทุ่งโปรงทองจะไม่มีศาลาพักและร่มเงาของต้นไม้ให้หลบแดด ดังนั้นในวันที่อากาศร้อนควรนำร่มหรือหมวกติดไปด้วยนะ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนจ้า
ที่ทุ่งโปรงทองนี้จะมีมุมสวยๆ ให้เราได้ลั่นชัตเตอร์เก็บความประทับใจกันจนลืมความร้อนไปสนิทเลย แหม ก็มันสวยจริงๆ นะ เราถ่ายจนเม็มโมรี่เกือบเต็มเลยแหละ อิอิ
ต้นโปรงเป็นพันธุ์ไม้ชายเลนที่ชอบขึ้นอยู่บริเวณดินเลนที่ไม่แข็งมากนักและมีน้ำท่วมถึงสม่ำเสมอ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การดูทุ่งโปรงทองที่สวยที่สุด ก็คือช่วงเช้าประมาณ 08.00 -11.00 น. เพราะเป็นเวลาที่แดดไม่แรงจนเกินไปทำให้เดินถ่ายรูปกันสนุกมากขึ้น แสงแดดอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ที่ส่งลงมาจะทำให้พื้นที่บริเวณทุ่งโปรงทองเป็นสีเหลืองอมเขียวสวยงาม
ระหว่างทางที่เรากำลังเดินมุ่งหน้าไปยังจุดทางออก บรรยากาศรอบข้างของเราก็เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของป่าชายเลน พร้อมกับโอโซนบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ บริเวณทางเดินบางจุดอาจมีการชำรุดบ้าง ต้องเดินระมัดระวังกันด้วยนะ
“ ไอ้สองงง ให้พี่เดินสะดวกเถอะ! ”
ระหว่างทางเดินก็ไม่ต้องกลัวจะเหนื่อย จะมีจุดให้เราแวะนั่งพักถ่ายรูปเช็คอินกัน
ประโยชน์ของป่าชายเลน คือ จะช่วยลดความแรงของคลื่นที่มากระทบชายฝั่ง และยังเป็นที่อยู่ให้กับเหล่าสัตว์น้ำอีกด้วย
สุดปลายเส้นทางของการเดินชมธรรมชาติจะเป็นเรือรบหลวงประแส ใครที่สามารถเดินมาจนสุดทางก็จะพบกับเรือรบขนาดใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นสถานที่เช็คพอยต์อีกที่นึงเลยก็ว่าได้
ได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะถึงเสียที เหงื่อไหลเป็นสายน้ำแล้วนะพี่ชายยย... แต่และแล้วเราก็เห็นปลายทางจนได้ นั่นไงเรือรบหลวงประแส เย้ ถึงแล้วขอน้ำเย็นๆด่วนจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเดินชมทุ่งโปรงทองและเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทางสถานที่จะเปิดให้เข้าชมเวลา 6.00 - 18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้านาจา
การเดินทาง
จากตัวเมืองระยอง ขับมาตามถนนสุขุมวิท(ถนนหมายเลข3) มุ่งไปยัง อ.แกลง ถึงแยกปากน้ำประแสให้เลี้ยวไปตามป้าย มุ่งตรงไปยังปากน้ำประแส เมื่อถึงวัดตะเคียนงามให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังซอยข้างวัด จะมีป้ายเขียนว่าจุดชมหิ่งห้อยตามป้ายนั้นไปก็จะเจอสะพานที่เป็นจุดเริ่มเดินเท้าไปชมทุ่งโปรงทอง