รีวิวน้ำหอมไฮเอนด์ 4 ตัว "Tom Ford / Zegna / Essenze และ Jo Malone" แบบบ้านๆครับ

อัศวินเดินทาง

สวัสดีครับ อยู่ๆก็อยากรีวิวน้ำหอมที่มีอยู่ในกรุทั้ง 4 ตัว ซึ่งเป็นน้ำหอมที่ผมใช้เวลาเลือกนานมากๆ
สาเหตุ ที่อยากลงรีวิวเอาไว้ เพราะผมคิดว่า อาจมีใครสักคนกำลังสนใจน้ำหอมกลิ่นแนวๆนี้อยู่ แต่ก็หารีวิวได้ยาก หรือ หาไม่ได้เลย
(ยกเว้นว่าไปหาอ่านเอาตาม Fragrantica เว็บฝรั่งนะครับ อันนั้นมีแน่นอน แต่อาจจะไม่เกิดอารมณ์ร่วม เห็นภาพได้เท่ากับภาษาไทย อิอิ)

ก็เลยขอรีวิวน้ำหอมตัวโปรดจำนวน 4 ตัว ที่เลิฟสุดๆ เผื่อว่าใครสนใจจะได้ช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นนะคร้าบ




น้ำหอมตัวโปรดที่ผมใช้ส่วนมากจะเป็นโทนซิตรัส ออกแนวกลิ่นสดชื่น เหมาะกับอากาศประเทศไทยแลนด์นะครับ

Tom Ford Private Blend "Oud Wood"
Ermenegildo Zegna Essenze "Mediterranean Neroli"
Ermenegildo Zegna "Acqui di Bergamotto"
และ Jo Malone "Blackberry & Bay"





เริ่มจากตัวแรกก่อนนะครับ เป็นตัวโปรดที่สุดของผมเลย Jo Malone "Blackberry & Bay"

ตัวนี้เป็นกลิ่นแนวซิตรัสชัดเจน ส่วนผสมหลักในตัวน้ำหอมจะเป็นแบลคเบอร์รี่ และ ใบเบย์ ทำให้เมื่อมีแบลคเบอร์รี่
เป็นส่วนประกอบหลัก กลิ่นก็เลยจะมีความหวานผลเบอร์รี่นิดๆหน่อยๆ แซมด้วยกลิ่นอายความสดชื่นจากใบเบย์
(30% เป็นกลิ่นโทนหวาน อีก 70% เป็นโทนสดชื่น) พอฉีดลงบนผิว ในช่วงแรก จะส่งกลิ่นหอมหวานผลเบอร์รี่
เกรปฟรุตนำก่อน แต่พอผ่านไปสัก 30 นาที - 1 ชม. โทนกลิ่นสดชื่นจากใบเบย์ และ Vetiver จะฟุ้งออกมาตัดความหวาน
กลายเป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นมากๆ เหมือนเดินอยู่ในสวนดอกไม้ สวนเบอร์รี่ในอังกฤษหลังฝนตกเลยทีเดียว

โดยภาพรวมแล้ว ผมถือว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่หอมที่สุดเลย เพราะมีทั้งความหวานผลเบอร์รี่เล็กน้อย เคล้าความสดชื่น
จากส่วนผสมอื่นๆทำให้กลายเป็นกลิ่นที่ทำให้ผมต้องยกแขนตัวเองขึ้นมาดมตลอด เพราะหอมสดชื่นมากๆ ไม่ฉุนเลยแม้แต่นิดเดียว

ในส่วนของการกระจาย ก็ถือว่าทำได้ดีแค่ในช่วง 30 นาทีแรกเท่านั้นจริงๆครับ (อันนี้บนผิวตัวผมนะ)
ด้วยความที่ Jo Malone เป็นที่รู้กันดีว่าส่วนมากเป็นน้ำหอมแนว Whispering คือ หอมแบบบางๆ เซฟๆ
การกระจายของกลิ่นจึง ทำใจได้เลยครับว่า เป็น Skin Scent ติดผิวซะมากกว่า ถ้าไม่มาอยู่ใกล้ๆก็ไม่ได้กลิ่น

สรุปข้อเสีย มีอยู่ข้อเดียวครับ คือ "ไม่ทน" ด้วยความที่เป็น Colonge และเป็นน้ำหอมโทนซิตรัส ทำให้ความทนทาน
เบาบางมากๆๆ เลยทีเดียวจากประสบการณ์ อย่างเก่งอยู่ได้เพียง 2-3 ชม.เองครับ ถ้าเกินหลังจากนั้นก็ติดผิวแบบบางมากๆ

ราคา ประมาณ 5,000 บาท ถ้าซื้อที่เคาเตอร์ แต่ถ้า Duty Free ก็ประมาณ 4,200 บาทมั้งครับ ถ้ามีบัตรสมาชิกด้วยก็ลดไปอีก 10%




ต่อมาเป็น Ermenegildo Zegna "Acqui di Bergamotto" กลิ่นหอมสดชื่น เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ 555+


อันนี้ก็เป็นน้ำหอมอีกตัวที่ผมโปรดปรานมาก เพราะ ด้วยความที่ส่วนผสมหลักคือ Italian Bergamot ซึ่งเป็นวัตถุดิบพิเศษสุด Exclusive
ที่ทาง Ermenegildo Zegna เคลมว่าเป็นเบอร์กามอต ที่ปลูกในไร่ของเซนญ่า ที่ Carabria, Italy และเก็บเกี่ยวเพื่อมาทำน้ำหอม
ในไลน์ Zegna Essenze โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นเรื่องคุณภาพของน้ำหอมจึงพูดได้เลยว่าเข้าขั้นสุดยอดเลยทีเดียว

ซึ่งความจริงแล้ว Acqui di Bergamotto ก็คือ Ermenegildo Zegna Essenze "Italian Bergamot" นั่นล่ะครับ เพียงแต่ว่า
เป็นเวอร์ชันที่มีราคาต่ำลงมากว่าครึ่งนึง ในขณะที่คุณภาพของกลิ่นในตัว Acqui di แทบจะไม่หนีกันเลยกับตัว Essenze

กลิ่นที่ได้นั้นออกซิตรัสชัดเจนสุดมาก เปิดมาด้วยกลิ่น Bergamot สดชื่น ไม่เปรี้ยวเลย และเมื่อรวมกับส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่า
มีอะไรบ้าง แต่ทำให้กลิ่นที่ออกมาจริงๆนั้น เหมือน "สบู่" หลังจากฉีดลงบนผิวแล้ว ทำให้ได้กลิ่นและอารมณ์สะอาดสะอ้านสุดฤทธิ์
เหมือนเพิ่งอาบน้ำใหม่ๆ แล้วเดินออกมาพร้อมผ้าขนหนู 5555+ เป็นกลิ่นที่สดชื่น หอมสะอาด ไม่ทำร้ายจมูก ไม่ทำร้ายคนรอบข้าง

ในส่วนของการกระจาย ถือว่า ออกแนวออร่ารอบๆตัว แค่ในช่วง 30 นาที - 1 ชม. แรกเท่านั้น เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง จะกลายเป็น Skin Scent ติดผิว สามารถยกแขนขึ้นมาดมได้เรื่อยๆ ระหว่างวันที่อากาศร้อน

โดยภาพรวม ถือว่าเป็นน้ำหอมคุณภาพอีกตัวนึง ที่ให้กลิ่นหอมสะอาดสะอ้าน สดชื่นอย่างสุดฤทธิ์ ผมว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่หอม
เป็นกลิ่นน้ำหอมที่เหมาะกับสารขัณฑ์แลนด์ แดนเมืองร้อนอย่างแท้จริง เพราะใครก็ตามที่ได้กลิ่นนี้จะต้องรู้สึกสดชื่น หายร้อน
หายเวียนหัวอย่างแน่นอน ผมคิดว่าสดชื่นยิ่งกว่า Dolce & Gabbana Light Blue หรือ แม้แต่ Davidoff Cool Water ด้วยซ้ำ

ข้อเสีย มีข้อเดียว ก็คือ "ไม่ทน" เพราะด้วยความที่เป็นซิตรัส อีกทั้งยังเป็นรุ่น Light Weight รองลงมาจากตัว Italian Bergamot
ทำให้ตัวกลิ่นน้ำหอมอยู่ได้เพียง 3 ชม. เท่านั้นเองครับ อย่างเก่งเลยก็ 4 ชม. ถ้าฉีดหลายสเปรย์ น่าเสียดายมากจริงๆ (เป็น EDT นะครับ)

ราคา ประมาณ 4,500 บาท สำหรับ 100ml. นะครับ ถ้าซื้อใน Duty Free ก็น่าจะประมาณ 3,900 ผมไม่แน่ใจใน Duty Free เท่าไหร่





ต่อมาคือ Ermenegildo Zegna Essenze "Mediterranean Neroli" กลิ่นของหญิงสาวผู้เรียบร้อยในชุดชีฟองสีขาว


น้ำหอมเซนญ่าสุดแพง เอ็กซ์ครูซีฟไลน์ ตัวนี้ส่วนผสมหลักคือ ดอกส้ม Neroli เบอร์กามอต ต้นมอส และ แซนดัลวูด ฯลฯ
แต่เอาเป็นว่า เป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นผิดคาดมากๆตัวนึงเลย เพราะตอนแรกผมคิดว่า น้ำหอมของ Zegna จะต้องออกแนวผู้ชายแน่นอน
แต่ทว่า Mediterranean Neroli กลับให้กลิ่นที่เรียกได้ว่าไม่ใช่กลิ่นของผู้ชายเลยครับ นี่มันกลิ่นเจ้าสาวงานหมั้นชัดๆ 5555+

ท๊อปโน๊ตของกลิ่นเปิดมา คือ กลิ่นโทนส้ม Neroli ออกส้มๆชัดเจนครับ แต่ไม่ใช่ส้มเปรี้ยวจี๊ด ได้กลิ่นแล้วต้องเข็ดฟันแต่อย่างใด
เพราะ Neroli ของเซนญ่า นั้นให้กลิ่นสดชื่นของดอกส้มที่ละมุนละเอียดละออมากๆ เมื่อเคล้ารวมกับวัตถุดิบชนิดอื่นในตัวน้ำหอม
ทำให้กลิ่นโดยรวมนั้นออกมาเหมือนกับ "ชาอังกฤษ" คือ ไม่ใช่กลิ่นส้ม ไม่ใช่กลิ่นอายทะเล ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับริมทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน หรือ ชวนให้นึกถึงภูมิประเทศอิตาลีเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับกลายเป็นว่า ชวนให้นึกถึงห้อง Author Lounge
ในโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok เสียมากกว่าอีกครับ กลิ่นนั้นหอมสดชื่น ละมุนนุ่มนวลละเอียดละออสุดๆ จนรู้สึก
เหมือนกับว่า ฉีดกลิ่นนี้แล้วคงกลายเป็น หญิงสาวผู้ดีแสนสวย เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ สวมชุดชีฟองขาวสะอาด
นั่งจิบชาอังกฤษอยู่เพียงคนเดียว ในสวนดอกไม้หลังคฤหาสน์สีขาวสุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศร่มเย็นในยามเช้า...
***สรุปว่าเป็นน้ำหอมที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิง มากกว่า ผู้ชายนะครับ 5555+***

ในส่วนของการกระจาย ถือว่า ทำได้ดีในช่วง 1-2 ชม.แรก กลิ่นค่อนข้างเป็นออร่ารอบตัว กลิ่นนุ่มละมุนหอมสดชื่น ไม่สวิงเลย
หลังจากนั้น 3-8 ชม.ขึ้นไป ก็กลายเป็น Skin Scent กลิ่นติดผิวไปโดยปริยายตามสเต็ปน้ำหอมโทนซิตรัส

ข้อเสีย มีเพียงข้อเดียว คือ "การกระจายยังไม่ฟุ้งพอ" อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ จริงๆผมชอบกลิ่นสดชื่นที่ฟุ้งๆหน่อย

ส่วนในเรื่องของความทน คือ เป็นน้ำหอมซิตรัสที่ทนทานมากกกก ลากยาวไปเลยครับ 6-8 ชม. ฉีดตั้งแต่ เช้า ตอนเย็นๆ
กลิ่นยังติดผิวอยู่เลย (แล้วแต่จำนวนสเปรย์ที่ฉีดด้วย) แน่นอนว่าที่ทนทานซะขนาดนี้ เพราะด้วยความที่เป็นน้ำหอมตัว
Top of the line ในเครือ Zegna ทำให้ได้คุณภาพน้ำหอมขั้นสูง กลิ่นไม่สวิง ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์บาดจมูกแต่อย่างใด

โดยภาพรวม ถือว่าเป็นน้ำหอมไฮเอนด์ โทนซิตรัสที่หอมมากถึงมากที่สุด อีกทั้งยังทนทานมากด้วย ถ้าเทียบกับตัวที่กลิ่น
คล้ายๆกันอย่าง Tom Ford Neroli Portofino ที่หอมมากเช่นกัน แต่เรื่องความทนนั้น Tom Ford 4-5 ชม. แต่ Zegna 6-8 ชม. นะครับ

ราคา 9,500 บาท สำหรับ 125ml. แต่ทว่าเป็น Eau de Toilet จึงน่าเสียดายมากๆ ที่ราคาระดับนี้กลับไม่ได้เป็น Eau de Parfum
ซึ่งเมื่อเทียบกับ Tom Ford Neroli Portofino ที่ราคาไล่ๆกันแล้ว ได้ 50ml. เป็น EDP แต่เวลาที่คำนวณปริมาณการใช้งาน
ในแต่ละครั้ง รวมถึงความทนของน้ำหอมแล้ว ผมรู้สึกว่า Zegna นั้นคุ้มค่ากว่าและเพียงพอต่อการใช้งานได้ประโยชน์สูงสุดกว่าครับ





มาถึงตัวสุดท้ายกันแล้ว Tom Ford Private Blend Collection "Oud Wood" สุขุม เย้ายวน ลึกลับ แบบแปลกๆ (!?)


น้ำหอมเอ็กซ์ครูซีฟสุดลึกลับ โดย ดีไซเนอร์หนุ่ม ทอม ฟอร์ด คุณภาพคับแก้ว "Tom Ford" ชื่อนี้การันตีความเมพจริงๆครับ
เป็นตัวเดียวในกรุน้ำหอมทั้งหมดของผม ที่ไม่ใช่โทนซิตรัสสดชื่น แต่เป็นโทนดาร์กเข้มข้น ให้อารมณ์ สุขุม เย้ายวน ลึกลับ
และแปลกประหลาดสุดๆ ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ส่วนมากใช้แค่เวลาไปดื่มไวน์ ดื่มเบียร์ หรืองานกลางคืนบ้างในบางครั้ง

ส่วนผสมหลัก คือ Oud หรือ ไม้กฤษณา แน่นอนว่าต้องออกไปทางแขกชัวร์ๆ แต่ว่าเมื่อเคล้ารวมกับส่วนผสมอื่นๆ จำไม่ได้ว่า
มีอะไรบ้าง 5555+ เมื่อฉีดลงบนผิวแล้ว กลิ่นฟุ้งกระจายออร่าแรงกระจุยทันที คุณภาพน้ำหอมระดับเทพแผลงฤทธิ์ฉับพลัน
ในช่วง 1-2 ชม.แรก กลิ่นยังคงฟุ้งแบบออร่ารอบๆตัว (อยู่ที่ปริมาณสเปรย์ด้วยนะ) หลังจากนั้นยาวเลยครับ 3-12 ชม.
จะกลายเป็นกลิ่นออร่านิดๆ ไปจนถึงกลายเป็น Skin Scent ติดผิวกลิ่นตีลอยขึ้นมาเบาๆ ในช่วง 5-6 ชม.หลังๆ

ผมไม่รู้จะบรรยายกลิ่นยังไงดี เพราะกลิ่นมีความแปลกประหลาดมาก ไม่เหมือนกับที่เคยดมๆเคยใช้ที่ไหนมาก่อนเลย
ชื่อบอกว่า Oud Wood ใช่ไหมครับ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมคิดว่ากลิ่นมันเหมือน "โค้ก ผสม ยาแก้ไอตราน้ำดำ"
คือให้โทนหวาน เคล้าเครื่องเทศอะไรบางอย่าง ผนวกกับความหนักของน้ำหอม มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ ที่กลิ่น
โค้ก ผสม ยาแก้ไอตราน้ำดำ จะกลายมาเป็น กลิ่นหอมสุขุม ลึกลับ เย้ายวน แบบแปลกๆได้อย่างน่าประหลาดใจจริงๆ

โดยภาพรวม คือ เป็นกลิ่นที่สุขุม ลึกลับ เย้ายวนได้แปลกทีเดียวครับ แต่ด้วยความที่มีส่วนผสมหลักคือ Oud Wood
และเป็นน้ำหอม Niche จึงอาจไม่ใช่กลิ่นมหาชนสักเท่าไหร่ ถ้าใครชอบก็จะชอบเลย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบ พอได้กลิ่น
แล้วอาจจะเดินหนีเลยก็ได้ อย่างเช่น คราวก่อนผมลองฉีดไปประมาณ 3-4 สเปรย์ เพื่อนผมถามว่า _ึง ฉีดน้ำหอมยี่ห้ออะไรวะ ?
พอผมตอบไปว่า Tom Ford "Oud Wood" ไอเพื่อนผมนี่ตอกกลับมาเลย " เ_ี้ย แ_่ง ใส่ขี้อูฐมารึไงวะ ไอ้ _่า" ประมาณนี้ 555+

แต่สำหรับผมถือว่าเป็นน้ำหอมที่ Blended ดีมากสุดๆ เป็น EDP คุณภาพสูงคับแก้วสมราคามากๆ

ข้อเสีย ผมว่ามีข้อเดียวครับ คือ "ใช้ยาก" เป็นน้ำหอมเอ็กซ์ครูซีฟไลน์ ที่ใช้ยากจริงๆ ไม่ใช่กลิ่นมหาชน
แถมเนื้อน้ำหอมยังหนักแน่น และ ฟุ้งแรง หากใครชอบก็ชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็อาจเสี่ยงโดนเขาด่าเอาได้ว่าเอาขี้อูฐมาทาตัว

การกระจายและความทน คือ การกระจายดีมาก ออร่ารอบตัว ในช่วง 1-2 ชม.แรก หลังจากนั้น 3-5 ชม.
เริ่มเป็น Skin Scent ออร่านิดๆ ตีขึ้นจมูกเบาๆหน่อย หลังจากนั้น 6-12 ชม. กลายเป็นติดผิว ยาวไป 8-12 ชม.สบายๆ

ราคา 8,500 บาทสำหรับ 50ml. 12,000 บาทสำหรับ 100ml ส่วน 250ml. จำราคาไม่ได้ครับ TwT

หมดละครับ 55555+ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้มากขึ้นนะครับ อัศวินขี่ม้าขาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่