The Light Between Oceans เป็นนิยายที่เขียนจากปลายปากกาของ M.L. Stedman (เอ็มแอล สเต้ดแมน) ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ซึ่งทันทีที่นิยายเรื่อง The Light Between Oceans วางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมปี 2012 ก็สร้างปรากฏการณ์กวาดเสียงตอบรับด้านบวกจากทั้งคนอ่านและนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม

    และหลังจากนั้น The Light Between Oceans ก็ติดอันดับนิยายขายดี จากการสำรวจของ New York Times และ USA Today และยังได้รางวัลหนังสือยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม จากเว็บไซต์ Amazon.com ต่อจากนั้นก็ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 35 ภาษาอีกด้วย

เรื่องย่อ

      เรื่องราวของ The Light Between Oceans นั้น เกิดขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณออสเตรเลียตะวันตก บนเกาะที่มีชื่อว่า Janus Rock (เจนัสร็อค) ชื่อของเกาะถูกตั้งขึ้นตามชื่อของ 1 ในเทพปกรณัมโรมันผู้มี 2 หน้า หน้าหนึ่งมองไปยังอนาคต และอีกหน้ามองไปยังอดีต

ตัวละครเอกของเรื่องคือ Tom Sherbourne (ทอม เชอร์บอร์น รับบทโดย Michael Fassbender) นายทหารที่ล้มป่วยด้วยความเครียดจากการไปรบ หลังจากนั้น ทอมจึงมาสมัครเป็นคนดูแลประภาคารริมทะเล อยู่ที่เกาะเจนัสร็อคคนเดียว โดยไม่มีสิ่งอื่นใดรบกวนทอม ทอมมีเพียงท้องทะเลและความเงียบเหงาเป็นเพื่อน จนกระทั่งทอมได้พบกับ Isabel Graysmark (อิซาเบล เกรย์สมาร์ค รับบทโดย Alicia Vikander) หญิงสาวผู้สูญเสียน้องชาย 2 คนไปในสงคราม



      ความรักของทั้งคู่ค่อยๆเบ่งบาน.. จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาพบว่ามีเรือลำหนึ่งลอยมาเกยที่ชายฝั่ง ซึ่งภายในเรือดันมีศพของชายลึกลับผู้หนึ่ง และมีทารกสาวน้อยอยู่ภายในเรือด้วย ทอมและอิซาเบลเลี้ยงทารกน้อยด้วยความรักจนเเกิดความผูกพันธ์ดั่งลูกในไส้ของพวกเขา

      แต่เมื่อทั้งคู่ได้พบกับหญิงสาวผู้น่าสงสารนามว่า Hannah Roennfeldt (ฮานน่าห์ โรเอนฟีลท์ รับบทโดย Rachel Weisz) ซึ่งฮานน่าห์เพิ่งสูญเสียสามีและลูกสาวตัวน้อยๆของตนเองไป และฮานน่าห์ อาจจะเป็นแม่ที่แท้จริงของสาวน้อยที่ทั้งสองเก็บจากทะเลมาเลี้ยง ในช่วงเวลานั้นเอง ที่ทอมกับอิซาเบลต้องพบกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ การตัดสินใจซึ่งจะส่งผลให้เกิดสิ่งที่ทั้งคู่ไม่คาดคิดมาก่อน   จบเรื่องย่อครับ




       เกาะเจนัสร็อค ที่ตั้งชื่อตามเทพเจนัสที่มี 2 ใบหน้าหันออกจากกัน หน้าหนึ่งหันไปมองอดีต หน้าหนึ่งหันไปมองอนาคต เป็นเหมือนสื่อตัวแทนความหมาย ถึงสิ่งที่ทอมและอิซาเบลเองต้องเลือกเส้นทางสองทาง คือเลือกว่าจะก้าวเดินไปข้างหน้า หรือจะจมจ่อมอยู่กับอดีตอันโหดร้ายต่อไป เป็นการเลือกระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง นิยายเรื่องนี้นำคนดูไปพบกับเรื่องราวของความรัก  ที่มาพร้อมกับทางเลือกในชีวิต ระหว่างสิ่งที่ "ถูก" กับสิ่งที่ "ผิด"





    ผู้กำกับ Derek Cianfrance (เดเรค เซียนฟรานซ์) กล่าวว่า หลังจากได้อ่านนิยายเรื่องนี้ เดเรคพบว่ามันมีศักยภาพที่จะกลายเป็นภาพยนตร์ทรงคุณค่าได้ ด้วยการใช้เทคนิคทางภาพยนตร์ยุคสมัยใหม่มาช่วย และการใช้ประโยชน์จากปูมประวัติฉากหลังของเรื่องราว

       ในนิยายมีประเด็นสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะผลของสงคราม ความต้องการ และความรักของตัวละคร ซึ่งผลักดันให้ตัวละครอาจจะตัดสินใจทำผิดครรลองคลองธรรม และเดเรคขอปฏิญาณตนว่า จะดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ออกมาอย่างซื่อสัตย์ที่สุด เท่าที่เขาจะทำได้

    ก่อนหน้านี้เดเรคไม่เคยกำกับหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือมาก่อน แต่เนื่องจาก The Light Between Oceans มีแก่นหลักของเรื่องว่าด้วยความรัก ครอบครัว ความเปลี่ยวเหงา และการตัดสินใจ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่มีในหนังเรื่องเก่าๆที่เดเรคเคยกำกับทั้งนั้น ไม่ว่าจะ Blue Valentine และ The Places Beyond the Pines (คือเข้าทางปืนแแกนั่นละ แกถนัดหนังแนวนี้)

    ไม่เพียงแค่เดเรคที่ตกหลุมรักนิยายเรื่องนี้ แต่หนึ่งในโปรดิวเซอร์อย่าง David Heyman (เดวิด เฮย์แมน) โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังดังเป็นพลุแตกอย่างหนังตระกูล Harry Potter ทุกภาค และหนังไซ-ไฟ Gravity เดวิดก็ปลาบปลื้มนิยายเรื่องนี้เข้าเต็มเปาเหมือนกัน

ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Light Between Oceans ซับไทย